เสียงเตือนอันบ้าคลั่งจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะดังกึกก้องไปทั่วโรงยิมร้างที่มืดมิด ทันใดนั้น แรงกดดันมหาศาลก็ถาโถมเข้าใส่จนทั้งไอโกะและโชแทบหายใจไม่ออก เงาดำทมิฬที่เคยเป็นเพียงมวลควันตรงกลางโรงยิม ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ละอณูของความมืดดูดกลืนแสงจันทร์จนมิด ก่อเกิดเป็นรูปทรงที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าสิ่งใดที่พวกเขาเคยเผชิญหน้ามา
ร่างของมันบิดเบี้ยวและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายเงาของ กระทิงตัวมหึมา ที่ถูกสร้างจากฝันร้าย ดวงตาเพียงคู่เดียวที่ปรากฏบนใบหน้าไร้รูปนั้น เปล่งแสง สีแดงก่ำ ราวกับถ่านที่กำลังลุกโชน แสงนั้นฉายแววความอาฆาตแค้นและความกระหายที่จะทำลายล้าง ไอโกะรู้สึกได้ถึงลมหายใจแห่งความตายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างนั้น และเมื่อมันผงาดขึ้นเต็มตัว มันก็สูงใหญ่จนเกือบจะจรดเพดานที่พังทลายของโรงยิม สูงเท่าต้นไม้ใหญ่ที่อยู่นอกอาคาร และนั่นทำให้แสงที่เคยส่องเข้ามาไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว “ให้ตายเถอะ… ใหญ่ชะมัด” โชพึมพำ น้ำเสียงเขาแหบพร่า ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง แต่ในแววตานั้นกลับไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่ มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องไอโกะ เขาจับ มีดอาคม ในมือแน่นจนข้อขาวขึ้น เส้นเลือดปูดโปนตามแขน แสดงถึงความเครียดและพละกำลังที่เตรียมระเบิดออกมา ไอโกะไม่ได้ตอบอะไร เธอสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินทุกครั้งที่เงากระทิงเคลื่อนไหว เธอพยายามตั้งสมาธิให้แน่วแน่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในมืออีกข้างที่ว่างจากการจับนาฬิกา เธอรวบรวมลมปราณและเริ่ม สวดบทอาคมป้องกัน เสียงของเธอแผ่วเบาในตอนแรก ก่อนจะค่อย ๆ หนักแน่นขึ้นเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวขึ้นรอบตัวเธอและโช เป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น แต่เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่าน “โช! ฉันจะสร้างเขตอาคมคุ้มกันให้นาย! นายต้องดึงความสนใจมันเอาไว้!” ไอโกะตะโกน เธอรู้ดีว่านี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การจัดการพวกเงาลูกสมุนอีกต่อไป แต่เงากระทิงดูเหมือนจะไม่มีเวลาให้พวกเขาเตรียมตัว ทันทีที่มันก่อร่างสมบูรณ์ ดวงตาสีแดงก่ำของมันจับจ้องไปยังโช ราวกับรับรู้ว่าเขาคือภัยคุกคามหลักต่อการดำรงอยู่ของมัน “คำราม!” เสียงคำรามก้องสะเทือนเลือนลั่น ไม่ใช่เสียงของสัตว์ แต่เป็นเสียงที่มาจากห้วงลึกของความมืดมิดที่ไร้ก้นบึ้ง อากาศรอบกายพลันบิดเบี้ยวรุนแรง เศษฝุ่นและเศษซากปรักหักพังปลิวว่อน พลังงานมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมาพุ่งเข้าใส่โชโดยตรง ราวกับหมัดที่มองไม่เห็น โชไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด เขากระโจนหลบไปด้านข้างด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ เสียง "ตูม!" ดังสนั่น เมื่อเงากระทิงพุ่งทะลุผ่านจุดที่เขาเคยยืนอยู่ กำแพงด้านหลังถึงกับแตกร้าวเป็นรอยขนาดใหญ่ การโจมตีนั้นรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับได้โดยตรง “เร็วชะมัด!” โชสบถ เขารู้สึกถึงแรงกดอากาศที่ยังคงกระแทกใส่ร่าง “นี่มันแค่การโจมตีแรกนะเนี่ย!” เงากระทิงไม่ได้หยุดแค่นั้น มันหมุนตัวอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าใส่โชอีกครั้ง คราวนี้มันใช้ “เขา” ที่แหลมคมดุจดาบแห่งความมืด ทิ่มแทงเข้าใส่ โชหลบหลีกอย่างฉิวเฉียด เขาใช้ทักษะการเคลื่อนไหวของนักกีฬา หลบไปทางซ้าย หลบไปทางขวา พุ่งไปข้างหน้า ถอยกลับมา ราวกับเต้นรำไปกับการโจมตีของความตาย เขาตวัดมีดอาคมสวนกลับไปทุกครั้งที่มีโอกาส เสียง "แคว๊ก!" เบา ๆ ดังขึ้นทุกครั้งที่คมมีดปะทะกับร่างไร้รูปของเงากระทิง แต่ดูเหมือนมันจะสร้างความเสียหายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไอโกะยังคงสวดคาถาอย่างต่อเนื่อง เหงื่อผุดพรายบนใบหน้าของเธอ แสงสีขาวจาง ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ค่อย ๆ แผ่ขยายออกมารอบตัวโช และเป็นเกราะบาง ๆ ที่ช่วยลดทอนแรงปะทะจากการโจมตีที่เฉียดฉิวของเงากระทิง “มันแข็งแกร่งเกินไปโช! มีดอาคมนายแทบจะทำอะไรมันไม่ได้เลย!” ไอโกะตะโกนเตือน เธอเห็นชัดว่าคมมีดของโชแม้จะแทงทะลุร่างเงากระทิงได้ แต่มันกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ราวกับไร้ซึ่งจุดอ่อน “รู้แล้วน่า! แต่มันต้องมีจุดอ่อนสิ!” โชตอบกลับไป เขากลิ้งตัวหลบการกระทืบเท้าของเงากระทิงที่ทำให้พื้นโรงยิมสั่นสะเทือน เขาพุ่งเข้าใส่เงากระทิงอย่างรวดเร็วหมายจะแทงเข้าที่ดวงตาสีแดงก่ำ แต่เงากระทิงก็ตอบโต้ด้วยการเหวี่ยง “หาง” ที่แข็งแกร่งราวแส้เหล็กเข้าใส่ “อั๊ก!” โชร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แม้จะหลบพ้นการปะทะโดยตรง แต่แรงสะบัดของหางก็กระแทกเข้าที่ซี่โครงเขาอย่างจัง จนร่างเขากระเด็นไปกระแทกกับกองเศษเหล็กที่สนิมเกรอะ เขาพยายามลุกขึ้นยืน แต่ก็รู้สึกปวดแปลบไปทั้งตัว “โช!” ไอโกะร้องด้วยความตกใจ เธอเกือบจะหลุดสมาธิจากการสวดคาถา เงากระทิงไม่ปล่อยให้โชได้พัก มันพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง หมายจะขวิดเขาซ้ำ โชพยายามจะตั้งหลัก แต่ด้วยอาการบาดเจ็บและความเร็วของศัตรู ทำให้เขาไม่สามารถหลบพ้นได้ ร่างเงากระทิงพุ่งเข้าชนเขาอย่างจัง “ตู้มมมมมม!” เสียงปะทะดังกึกก้องไปทั่วโรงยิม ร่างของโชถูกแรงกระแทกจากเงากระทิงจนปลิวไปตามแรง ส่งผลให้ร่างของเขาไป กระแทกกับกำแพงด้านในสุดของโรงยิมอย่างรุนแรง เศษปูนและฝุ่นผงฟุ้งกระจายไปทั่ว กำแพงส่วนนั้นถึงกับยุบลงไปเป็นรอยบุ๋มขนาดใหญ่ “โช! ไม่นะ!” ไอโกะกรีดร้องลั่น เธอพยายามจะวิ่งเข้าไปหาเขา แต่ก็รู้ว่าเธอต้องรักษาอาคมป้องกันเอาไว้ หากเธอหยุดสวด โชจะไม่มีอะไรป้องกันอีกต่อไป ร่างของโชทรุดลงกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ เลือดสีแดงสดเริ่มซึมออกมาจากมุมปาก แขนข้างหนึ่งบิดผิดรูปจากแรงกระแทก มีดอาคมหลุดจากมือกระเด็นไปตกอยู่ห่างออกไป ดวงตาของเขากระพริบช้า ๆ พยายามจะโฟกัสไปที่ร่างของเงากระทิงที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ ด้วยดวงตาสีแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ ไอโกะมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตา เธอไม่เคยเห็นโชบาดเจ็บหนักขนาดนี้มาก่อน ความกลัวเข้าครอบงำหัวใจของเธอ แต่ในวินาทีเดียวกันนั้นเอง ความโกรธก็ปะทุขึ้น เธอรู้ว่าตอนนี้เธอคือความหวังสุดท้าย “แก…แกกล้าทำร้ายโชงั้นเหรอ!?” ไอโกะคำรามออกมา เสียงของเธอสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ เธอเพ่งสมาธิไปที่บทอาคมที่ยังคงสวดไม่เสร็จ พลังงานสีขาวรอบตัวเธอและโชเริ่มสว่างวาบขึ้นอย่างรุนแรง บ่งบอกว่าเธอได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีแล้ว เงากระทิงหยุดชะงักเล็กน้อย เมื่อรับรู้ถึงพลังงานที่แปลกไปจากร่างเล็ก ๆ ของไอโกะ แต่มันก็ยังคงมุ่งหน้าเข้าหาโชที่นอนหมดสภาพอยู่ เพื่อปิดฉากการต่อสู้ “ไม่ยอมหรอก…ไม่มีทาง!” ไอโกะตะโกน เธอรู้ว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่าง แม้จะไม่ใช่การต่อสู้โดยตรง แต่เป็นวิธีที่เธอจะปกป้องโชได้ลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นแต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก“มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ”ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ”“แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์”ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”“จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด”“แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม“ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป
ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับบอสตัวจริงที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการยังคงเกาะกุมจิตใจของไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง ผ้ายันต์ทั้งหกผืนที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อกลับดับแสงลงอย่างสิ้นเชิง ราวกับไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่คำให้กำลังใจจากโชก็ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของไอโกะ“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขาทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่แรงฮึดสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป สู่เป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่: อาคารวิทยาศาสตร์“ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะโช” ไอโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…เราต้องรีบแล้ว”พวกเขาเดินออกจากจุดที่ต่อสู้กับเงาปีศาจช้างที่สลายไป สู่ทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บรรยากาศของโรงเรียนร้างยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราว
หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่ 6 มาอย่างยากลำบาก และได้วางแผนการทำลายโรงเรียนด้วยระเบิดชำระล้างแล้ว ไอโกะและโชก็ตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ทันที แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป“เอาล่ะโช…ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะ” ไอโกะบอก เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นเล็กน้อยโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…ยิ่งเร็วยิ่งดี”ทั้งคู่เดินออกจากโรงอาหารที่มืดมิด สู่ทางเดินที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้าง แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร บรรยากาศยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน“อาคารวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นนะโช” ไอโกะชี้ไปทางซ้ายมือของพวกเขา ซึ่งเป็นอาคารที่ดูใหญ่โตและมีโครงสร้างแปลกตาเล็กน้อยพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้องกังวานในความเงียบงัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกาะกุมจิตใจของพวกเขาอีกครั้งทันใดนั้นเอง เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงแตรที่ใหญ่โตและน่ากลั
หลังจากที่แผนการใหญ่เรื่องระเบิดชำระล้างได้ก่อร่างขึ้นในความคิดของไอโกะ ความหิวโหยที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพักจากการระดมสมองอันหนักหน่วง เมื่อท้องอิ่มด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลม ความหวังก็กลับมาส่องประกายในดวงตาอีกครั้ง“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะโช” ไอโกะพึมพำขณะลูบท้อง “ไม่คิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะช่วยได้ขนาดนี้”โชพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง ๆ “ใช่…มันช่วยได้มาก แต่ฉันว่าเราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบที่อาคารวิทยาศาสตร์นะไอโกะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”“แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…” ไอโกะก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ แสงสีเขียวยังคงกะพริบอยู่ “สัญญาณของผ้ายันต์ผืนที่หกมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยนะโช ฉันว่ามันอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ…ในโรงอาหารนี่แหละ”โชเบิกตากว้างเล็กน้อย “ในโรงอาหารเหรอ? แต่เราเดินดูมาเกือบจะทั่วแล้วนะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”“บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มจริงจังขึ้น “มาลองสำรวจให้ละเอียดอีกครั้งกันเถอะ”ทั้งคู่เริ่มออกสำรวจโรงอาหารที่กว้างใหญ่และมืดมิดอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาส่องกระทบกับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ครัวที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปท
หลังจากการฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการสร้างระเบิดชำระล้างอย่างละเอียด ไอโกะและโชต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก บาดแผลของพวกเขาได้รับการเยียวยา พลังปราณที่เคยร่อยหรอเริ่มกลับคืนมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่จุดประกายขึ้นมาอีกครั้งในใจของพวกเขา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วโช” ไอโกะบอก เธอหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อทดสอบพละกำลังโชพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกันไอโกะ…แต่ฉันยังรู้สึกหิวอยู่เลย” เขาลูบท้องตัวเองเบา ๆไอโกะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”พวกเขาตัดสินใจที่จะสำรวจโรงอาหารให้ทั่วอีกครั้ง หวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาความหิวโหยได้ แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซอกมุมของโรงอาหารที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ล้มระเนระนาดดูน่าหดหู่ยิ่งนัก“ดูสิฉันเจออะไร!” โชร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหารที่มืดมิด ซึ่งมีตู้เก็บของเก่า ๆ ตั้งอยู่ไอโกะรีบเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ เมื่อโชเปิดตู้เก็บของออก แสงไฟฉายของพวกเขาก็ส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านใน“บะหมี่สำเร็จรูป!” ไอโกะอุทานด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอ
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของบอสตัวจริงยังคงก้องกังวานในหู ราวกับจะย้ำเตือนถึงความพยายามที่สูญเปล่าของพวกเขา การที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายดับแสงลง ยิ่งทำให้ความหวังที่เคยมีมอดไหม้ไปกับความมืดมิด“ไม่จริงน่า…ทั้งหมดที่เราสู้มา…มันเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?” ไอโกะพึมพำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดโชทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่า “เรา…เราพลาดไปแล้วเหรอไอโกะ? เราสู้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”แต่แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากัน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ จุดประกายความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ยังได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ พยุงกันลุกขึ้นยืนช้า ๆ และรีบออกจากหอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องนำทางพวกเขาไปในความมืดมิด“เราต้องหาที่ซ่อนตัวก่อนโช” ไอโกะบอก “เราบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะส