ท่ามกลางม่านพลังอาคมสีน้ำเงินจาง ๆ ที่ยังคงส่องประกายเรืองรองในความมืดมิด ไอโกะและโชต่างก็ก้มหน้าปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด เสียงคำรามของเหล่าลูกสมุนปีศาจที่พุ่งเข้าชนม่านพลังอย่างไม่ลดละยังคงดังก้องอยู่รอบตัวพวกเขา เป็นเสียงเตือนถึงเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที
“เราต้องหาทางให้มันมารวมกันที่จุดเดียวให้ได้โช” ไอโกะเริ่มอธิบายแผนการ ดวงตาของเธอฉายแววครุ่นคิด “พวกมันมีเยอะเกินไป ถ้าเราสู้ทีละตัวแบบนี้ เราคงจะหมดแรงก่อนที่จะได้ผ้ายันต์ผืนนั้นมา” โชพยักหน้า เขามองไปยังกลุ่มเงาปีศาจที่กำลังพุ่งเข้าชนม่านพลังอย่างบ้าคลั่ง “แล้วเราจะทำยังไงล่ะ? พวกมันดูเหมือนจะฉลาดขึ้นนะ” “เราจะใช้…แสงลวงตา” ไอโกะตอบ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ฉันจะร่ายคาถาที่สร้างแสงสว่างจ้าขึ้นมาเป็นจุด ๆ รอบตัวเรา แสงนั้นจะกระตุ้นสัญชาตญาณของพวกปีศาจ ทำให้พวกมันพุ่งเข้าใส่แสงนั้นพร้อมกัน” โชขมวดคิ้ว “แต่ถ้ามันพุ่งเข้ามาพร้อมกันหมด เราก็แย่สิไอโกะ!” “ไม่โช” ไอโกะส่ายหน้า “เราจะไม่ใช้แค่แสงอย่างเดียว เราจะใช้ ‘กับดักอาคมผนึก’ ที่ฉันเตรียมไว้” เธอชี้ไปที่พื้นดินด้านนอกม่านพลัง “ฉันจะสร้างวงเวทขนาดเล็กหลาย ๆ วงบนพื้นรอบ ๆ จุดที่เราต้องการให้แสงปรากฏ เมื่อพวกมันพุ่งเข้ามา แรงดึงดูดของวงเวทจะตรึงพวกมันไว้ชั่วครู่” “แล้วหลังจากนั้น?” โชถามอย่างกระหายใคร่รู้ “เมื่อพวกมันถูกตรึงไว้ด้วยวงเวท เราจะใช้จังหวะนั้นแหละ” ไอโกะบอก แววตาของเธอเป็นประกาย “ฉันจะร่าย ‘คาถากำแพงเสียง’ คาถานี้จะสร้างคลื่นเสียงความถี่สูงที่รุนแรงมากพอที่จะทำให้พวกมันชะงักงันและสับสนชั่วขณะ นั่นคือโอกาสของนายโช! นายต้องใช้มีดอาคมของนายกวาดล้างพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” โชกำมีดอาคมแน่น “เข้าใจแล้ว…แล้วเราจะจัดการกับพวกที่เหลือยังไง? ถ้าพวกมันไม่โดนกับดักอาคมทั้งหมดล่ะ?” “นั่นแหละคือส่วนที่ต้องเสี่ยง” ไอโกะตอบ สีหน้าของเธอเคร่งเครียดขึ้น “เราต้องใช้ผ้ายันต์บนยอดไม้นั่นให้เป็นประโยชน์ที่สุด ผ้ายันต์พวกนี้มีพลังบริสุทธิ์อยู่ในตัว เมื่อเราได้มันมา มันจะช่วยขับไล่พลังงานด้านลบของพวกปีศาจออกไปได้ชั่วคราว” โชพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขารู้ว่าแผนนี้อันตรายมาก แต่ก็เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะเอาชนะพวกปีศาจจำนวนมหาศาลเหล่านี้ได้ “พร้อมนะโช?” ไอโกะถาม เสียงของเธอมั่นคง “พร้อมแล้วไอโกะ…ไปกันเถอะ!” โชตอบ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทันทีที่พูดจบ ไอโกะก็สั่งให้ม่านพลังอาคมของเธอสลายไป พลังงานที่ปกป้องพวกเขาหายไปในพริบตา ทำให้ความมืดมิดและความหนาวเย็นเข้าปะทะร่างของพวกเขาอีกครั้ง เหล่าลูกสมุนปีศาจที่รออยู่ด้านนอกเมื่อเห็นว่าม่านพลังหายไปก็ส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง พวกมันพุ่งเข้าใส่พวกเขาพร้อมกัน หวังจะรุมทึ้งพวกเขาให้แหลกเป็นชิ้น ๆ แต่ไอโกะและโชเร็วกว่า ไอโกะเริ่มร่าย คาถาแสงลวงตา ทันที แสงสว่างจ้าหลายดวงก็พลันปรากฏขึ้นเป็นจุด ๆ บนพื้นดินรอบตัวพวกเขา ดึงดูดความสนใจของเหล่าลูกสมุนปีศาจได้ในทันที พวกมันพุ่งตรงเข้าใส่แสงนั้นอย่างไม่ลังเล ราวกับผีเสื้อที่ถูกดึงดูดด้วยเปลวไฟ ทันทีที่เท้าของพวกปีศาจเหยียบลงบนจุดที่ไอโกะสร้าง กับดักอาคมผนึก ไว้ ร่างของพวกมันก็พลันถูกตรึงไว้กับที่ แรงดึงดูดที่มองไม่เห็นรั้งพวกมันไว้แน่น เสียงกรีดร้องด้วยความโมโหและสับสนดังขึ้นจากพวกปีศาจหลายสิบตน “ตอนนี้แหละโช!” ไอโกะตะโกน เธอร่าย คาถากำแพงเสียง ทันที คลื่นเสียงความถี่สูงที่มองไม่เห็นพุ่งตรงเข้าใส่พวกปีศาจที่ถูกตรึงไว้ แรงสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงทำให้พวกมันส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดวงตาสีแดงก่ำของพวกมันสั่นไหวและพร่าเลือน พวกมันสับสนและไร้ทิศทางชั่วขณะ โชไม่รอช้า เขากระโดดเข้าใส่กลุ่มปีศาจที่ถูกตรึงและสับสนอย่างบ้าคลั่ง มีดอาคมในมือของเขาส่องประกายวาววับ เขาฟัน สับ และแทง ใส่พวกมันอย่างไม่ยั้งมือ ร่างของลูกสมุนปีศาจแตกสลายกลายเป็นละอองควันดำไปทีละตน สองตนอย่างรวดเร็ว โชใช้ความว่องไวและพละกำลังทั้งหมดที่มีกวาดล้างพวกมันอย่างต่อเนื่อง “ระวังโช! ยังมีบางส่วนหลุดรอดไปได้!” ไอโกะเตือน เมื่อเห็นลูกสมุนปีศาจอีกสองสามตนที่ไม่ได้ถูกตรึงไว้ในกับดักอาคม พุ่งตรงเข้าหาเธอ ไอโกะไม่มีเวลาคิด เธอใช้ขวดอาคมฟาดเข้าใส่ปีศาจที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และร่ายคาถาบทสั้น ๆ เพื่อสกัดกั้นพวกมันไว้ชั่วคราว เธอรู้ว่าเธอต้องรีบจัดการพวกมันให้หมดก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเธอได้ โชที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มปีศาจที่เหลืออยู่พยักหน้า เขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อจัดการกับพวกมันให้เร็วที่สุด เพื่อให้ไอโกะสามารถไปถึงผ้ายันต์ได้อย่างปลอดภัย การต่อสู้ครั้งนี้ยาวนานและทรมานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โชและไอโกะต้องประสานงานกันอย่างสมบูรณ์แบบ ไอโกะคอยใช้คาถาสนับสนุนและสกัดกั้นพวกปีศาจ ในขณะที่โชเป็นแนวหน้าเข้าปะทะและกวาดล้างพวกมัน เสียงคำรามของปีศาจและเสียงมีดอาคมที่กระทบกับร่างของพวกมันดังก้องไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุด พวกเขาทั้งสองต่างเหนื่อยล้าจนแทบจะหมดสติ แต่ก็ไม่ยอมถอย ในที่สุด หลังจากที่โชจัดการกับลูกสมุนปีศาจตัวสุดท้ายได้สำเร็จ ร่างของมันก็สลายไปในอากาศพร้อมกับเสียงกรีดร้องแผ่วเบา ความเงียบกลับมาเยือนอีกครั้ง คราวนี้เป็นความเงียบที่แตกต่างออกไปจากเดิม มันคือความเงียบที่ปราศจากความมืดมิดของปีศาจโดยสมบูรณ์ และทันทีที่เหล่าลูกสมุนปีศาจสลายไป ผ้ายันต์สีทองที่แขวนอยู่บนยอดต้นไม้สูงใหญ่ก็พลันร่วงหล่นลงมาสู่พื้นดินเบื้องล่าง! มันร่วงลงมาอย่างช้า ๆ เปล่งแสงสีทองจาง ๆ ที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ ส่องสว่างในความมืดมิด “ผ้ายันต์!” ไอโกะร้องด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เธอไม่รอช้า พุ่งตรงเข้าไปเก็บผ้ายันต์ผืนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะสัมผัสกับพื้นดิน เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เข้มข้นแผ่ออกมาจากมัน เมื่อผ้ายันต์อยู่ในมือ แสงสีทองก็พลันสว่างจ้าขึ้นกว่าเดิม ส่องสว่างรอบตัวเธอและโช ไอโกะรีบเก็บผ้ายันต์ผืนที่สามลงในขวดอาคมอย่างระมัดระวัง และในจังหวะนั้นเอง ดวงจิตสีม่วงเข้มจำนวนมหาศาลที่เกิดจากการสลายไปของเหล่าลูกสมุนปีศาจก็ถูกดูดเข้าไปในขวดกักเก็บวิญญาณโดยอัตโนมัติ ทำให้ขวดอาคมของเธอเปล่งประกายสีม่วงเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและส่องแสงเรืองรอง โชทรุดตัวลงคุกเข่า เขาสูดลมหายใจลึก ๆ ร่างกายของเขาอ่อนล้าอย่างหนัก พลังงานจากคาถารักษาของไอโกะกำลังจะหมดลงพร้อมกันในไม่ช้า ไอโกะเดินโซซัดโซเซเข้ามาหาเขา เธอทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ด้วยความโล่งใจที่ถาโถมเข้ามา ดวงตาของเธอฉายแววเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด “เรา…เราทำได้แล้วโช!” ไอโกะร้องด้วยความดีใจ เสียงของเธอแหบพร่าแต่ก็เต็มไปด้วยความปิติยินดีที่หาที่สุดไม่ได้ โชพยักหน้า เขายิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน “ใช่…เราทำได้แล้วไอโกะ” เขาเหลือบมองไปที่ขวดอาคมในมือของเธอ “เก่งมาก…เราเอาชนะมันมาได้จริง ๆ” ไอโกะพยุงตัวขึ้นยืนช้า ๆ “ต่อไป…เราต้องไปหาผ้ายันต์ผืนที่สี่กันเถอะ” เธอกล่าว เสียงของเธอแผ่วลงเล็กน้อย แต่แววตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ว่าภารกิจยังไม่จบลงง่าย ๆ และอุปสรรคข้างหน้าอาจจะยากลำบากยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า แต่ด้วยความร่วมมือกัน และความเชื่อมั่นในกันและกัน พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันทุกอย่างเพื่อช่วยเพื่อน ๆ และปกป้องโลกของพวกเขาลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นแต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก“มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ”ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ”“แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์”ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”“จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด”“แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม“ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป
ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับบอสตัวจริงที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการยังคงเกาะกุมจิตใจของไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง ผ้ายันต์ทั้งหกผืนที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อกลับดับแสงลงอย่างสิ้นเชิง ราวกับไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่คำให้กำลังใจจากโชก็ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของไอโกะ“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขาทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่แรงฮึดสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป สู่เป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่: อาคารวิทยาศาสตร์“ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะโช” ไอโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…เราต้องรีบแล้ว”พวกเขาเดินออกจากจุดที่ต่อสู้กับเงาปีศาจช้างที่สลายไป สู่ทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บรรยากาศของโรงเรียนร้างยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราว
หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่ 6 มาอย่างยากลำบาก และได้วางแผนการทำลายโรงเรียนด้วยระเบิดชำระล้างแล้ว ไอโกะและโชก็ตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ทันที แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป“เอาล่ะโช…ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะ” ไอโกะบอก เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นเล็กน้อยโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…ยิ่งเร็วยิ่งดี”ทั้งคู่เดินออกจากโรงอาหารที่มืดมิด สู่ทางเดินที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้าง แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร บรรยากาศยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน“อาคารวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นนะโช” ไอโกะชี้ไปทางซ้ายมือของพวกเขา ซึ่งเป็นอาคารที่ดูใหญ่โตและมีโครงสร้างแปลกตาเล็กน้อยพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้องกังวานในความเงียบงัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกาะกุมจิตใจของพวกเขาอีกครั้งทันใดนั้นเอง เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงแตรที่ใหญ่โตและน่ากลั
หลังจากที่แผนการใหญ่เรื่องระเบิดชำระล้างได้ก่อร่างขึ้นในความคิดของไอโกะ ความหิวโหยที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพักจากการระดมสมองอันหนักหน่วง เมื่อท้องอิ่มด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลม ความหวังก็กลับมาส่องประกายในดวงตาอีกครั้ง“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะโช” ไอโกะพึมพำขณะลูบท้อง “ไม่คิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะช่วยได้ขนาดนี้”โชพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง ๆ “ใช่…มันช่วยได้มาก แต่ฉันว่าเราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบที่อาคารวิทยาศาสตร์นะไอโกะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”“แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…” ไอโกะก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ แสงสีเขียวยังคงกะพริบอยู่ “สัญญาณของผ้ายันต์ผืนที่หกมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยนะโช ฉันว่ามันอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ…ในโรงอาหารนี่แหละ”โชเบิกตากว้างเล็กน้อย “ในโรงอาหารเหรอ? แต่เราเดินดูมาเกือบจะทั่วแล้วนะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”“บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มจริงจังขึ้น “มาลองสำรวจให้ละเอียดอีกครั้งกันเถอะ”ทั้งคู่เริ่มออกสำรวจโรงอาหารที่กว้างใหญ่และมืดมิดอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาส่องกระทบกับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ครัวที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปท
หลังจากการฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการสร้างระเบิดชำระล้างอย่างละเอียด ไอโกะและโชต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก บาดแผลของพวกเขาได้รับการเยียวยา พลังปราณที่เคยร่อยหรอเริ่มกลับคืนมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่จุดประกายขึ้นมาอีกครั้งในใจของพวกเขา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วโช” ไอโกะบอก เธอหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อทดสอบพละกำลังโชพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกันไอโกะ…แต่ฉันยังรู้สึกหิวอยู่เลย” เขาลูบท้องตัวเองเบา ๆไอโกะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”พวกเขาตัดสินใจที่จะสำรวจโรงอาหารให้ทั่วอีกครั้ง หวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาความหิวโหยได้ แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซอกมุมของโรงอาหารที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ล้มระเนระนาดดูน่าหดหู่ยิ่งนัก“ดูสิฉันเจออะไร!” โชร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหารที่มืดมิด ซึ่งมีตู้เก็บของเก่า ๆ ตั้งอยู่ไอโกะรีบเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ เมื่อโชเปิดตู้เก็บของออก แสงไฟฉายของพวกเขาก็ส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านใน“บะหมี่สำเร็จรูป!” ไอโกะอุทานด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอ
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของบอสตัวจริงยังคงก้องกังวานในหู ราวกับจะย้ำเตือนถึงความพยายามที่สูญเปล่าของพวกเขา การที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายดับแสงลง ยิ่งทำให้ความหวังที่เคยมีมอดไหม้ไปกับความมืดมิด“ไม่จริงน่า…ทั้งหมดที่เราสู้มา…มันเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?” ไอโกะพึมพำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดโชทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่า “เรา…เราพลาดไปแล้วเหรอไอโกะ? เราสู้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”แต่แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากัน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ จุดประกายความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ยังได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ พยุงกันลุกขึ้นยืนช้า ๆ และรีบออกจากหอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องนำทางพวกเขาไปในความมืดมิด“เราต้องหาที่ซ่อนตัวก่อนโช” ไอโกะบอก “เราบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะส