หลังจากที่ไอโกะใช้คาถาผนึกวิญญาณโจมตีจัดการกับฝูงเงาปีศาจนับสิบตนได้สำเร็จ ทั้งคู่ก็ทรุดตัวลงบนพื้นดินด้วยความเหนื่อยล้าขั้นสุด ร่างกายของไอโกะสั่นเทาจากการใช้พลังงานมหาศาล ใบหน้าของเธอซีดขาวจนแทบจะกลืนไปกับความมืดมิด โชเองก็หอบหายใจอย่างหนัก มีดอาคมในมือของเขาสั่นระริก
“เรา…เราทำได้แล้วโช!” ไอโกะพึมพำ เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความปิติยินดีจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ โชพยักหน้า เขายิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน “ใช่…เราทำได้แล้วไอโกะ…สุดยอดไปเลย” เขาพยายามประคองร่างของไอโกะให้ลุกขึ้นช้า ๆ แม้จะดีใจกับชัยชนะที่เพิ่งได้มา แต่ทั้งคู่ก็รู้ดีว่าพวกเขายังไม่สามารถพักผ่อนได้ สัญญาณจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องแสงสีเขียวอ่อน ๆ นำทางพวกเขาไปในความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้างแห่งนี้ บ่งบอกว่าผ้ายันต์ผืนที่ห้ายังคงรอคอยพวกเขาอยู่ “ไปกันเถอะโช…เราต้องรีบไปหาผ้ายันต์ผืนที่ห้า” ไอโกะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้ร่างกายของเธอจะรู้สึกเหมือนจะล้มลงได้ทุกเมื่อ โชพยักหน้า “ฉันจะปกป้องเธอเองไอโกะ” พวกเขาเดินโซซัดโซเซไปตามทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพังอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาเป็นสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างนำทางในความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุด ก้าวแล้วก้าวเล่า เสียงหอบหายใจของพวกเขาดังก้องไปทั่วความเงียบงัน ทันใดนั้นเอง สัญญาณจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะก็พลันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ บ่งบอกถึงพลังงานด้านลบที่รุนแรงผิดปกติ และสิ่งที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของพวกเขาก็ทำให้ทั้งคู่ถึงกับหยุดชะงัก เบื้องหน้าของพวกเขาคือ สนามเด็กเล่นเก่า ๆ ที่มีอุปกรณ์เครื่องเล่นที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปทั่ว สนามเด็กเล่นแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์หนาทึบและเศษซากปรักหักพังที่น่าขนลุก ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุด มีร่างของ เงาปีศาจยักษ์ ตนหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ มันมีรูปร่างคล้ายสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาที่ประกอบขึ้นจากเงาสีดำทมิฬ ดวงตาของมันเปล่งแสงสีแดงก่ำราวกับถ่านไฟที่ลุกโชน ร่างกายของมันสูงใหญ่จนเกือบจะชนกับต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ มันส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ที่ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ผ้ายันต์ผืนที่ห้า ที่เปล่งแสงสีทองจาง ๆ อยู่ในมือของเงาปีศาจยักษ์ตนนั้น มันกำลังกำผ้ายันต์ไว้แน่น ราวกับไม่ต้องการให้ใครเข้าใกล้ “นั่นมัน…ผ้ายันต์ผืนที่ห้า!” ไอโกะอุทานด้วยความตกตะลึง น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “แล้วนั่นมันตัวอะไรกันเนี่ยโช!” โชกำมีดอาคมแน่น แขนของเขาสั่นเทา “มันคือ…ผู้พิทักษ์ผ้ายันต์ แน่ ๆ ไอโกะ…มันแข็งแกร่งกว่าปีศาจตัวไหน ๆ ที่เราเคยเจอมา” เงาปีศาจยักษ์คำรามอีกครั้ง มันทุบกำปั้นลงบนพื้นดินอย่างแรง ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนและเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ พวกมันรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่ยากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา “โช…เราจะทำยังไงดี?” ไอโกะถาม น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “เราต้องจัดการมันไอโกะ!” โชตอบ น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องเอาผ้ายันต์ผืนนั้นมาให้ได้!” ไอโกะพยักหน้า เธอรู้ว่าโชพูดถูก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากต้องสู้! การต่อสู้ครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือดและทารุณที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา เงาปีศาจยักษ์พุ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ร่างกายขนาดมหึมาของมันเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ราวกับมันเป็นเพียงแค่เงา โชพยายามจะหลบหลีกการโจมตีของมัน แต่กรงเล็บขนาดใหญ่ของมันก็ฟาดเข้าใส่เขาอย่างจัง ทำให้เขากระเด็นไปกระแทกกับพื้นดินอย่างแรง “อ๊ากกกก!” โชร้องด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกเหมือนซี่โครงของเขาหักไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงพยายามที่จะลุกขึ้น “โช! นายเป็นอะไรไหม!” ไอโกะร้องด้วยความตกใจ เธอเห็นเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของโช เงาปีศาจยักษ์ไม่สนใจมัน มันพุ่งเข้าหาโชอีกครั้ง หวังจะบดขยี้เขาให้สิ้นซาก ไอโกะไม่มีเวลาคิด เธอรีบใช้คาถารักษาโชทันที แสงสีเขียวอ่อน ๆ ก็พลันเปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือของเธอ แสงนั้นแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างของโชอย่างรวดเร็ว บาดแผลของเขาเริ่มสมานตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์ “ไอโกะ! เธอต้องเก็บพลังไว้!” โชตะโกนบอก “อย่าใช้คาถารักษาฉันเลย!” “ฉันไม่ยอมให้นายตายหรอกโช!” ไอโกะตอบ น้ำเสียงของเธอหนักแน่น เธอรู้ว่าเธอต้องรักษากำลังของโชไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะโชคือความหวังเดียวของพวกเขาในการต่อสู้ครั้งนี้ เงาปีศาจยักษ์ส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห มันรู้ว่าไอโกะกำลังพยายามจะช่วยโช มันหันมาพุ่งตรงเข้าใส่ไอโกะทันที หวังจะจัดการกับเธอให้สิ้นซาก “ไอโกะ! ระวัง!” โชตะโกน เขาพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ร่างกายของเขายังคงอ่อนล้าเกินไป ไอโกะหลับตาลง เธอรวบรวมพลังปราณทั้งหมดที่มี เธอรู้ว่าเธอต้องใช้คาถาที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ เธอเปิดขวดอาคมที่กักเก็บดวงวิญญาณของปีศาจไว้ และเริ่มร่าย ‘คาถาอาคมผสาน’ เสียงสวดของเธอดังก้องกังวานในความมืดมิด แสงสีม่วงเข้มจากขวดอาคมของเธอก็พลันเปล่งประกายออกมาอย่างรุนแรง แสงนั้นพุ่งตรงเข้าใส่เงาปีศาจยักษ์ “ฟู่!!!” แสงสีม่วงเข้มปะทะเข้ากับร่างของเงาปีศาจยักษ์อย่างจัง มันส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดทรมาน ร่างกายของมันสั่นไหวอย่างรุนแรง แสงสีม่วงเข้มที่พุ่งเข้าใส่ดูดกลืนพลังงานจากมันไปทีละน้อย แต่เงาปีศาจยักษ์ก็ยังคงแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะสลายไปได้ง่าย ๆ “มันแข็งแกร่งเกินไปไอโกะ!” โชตะโกนบอก เขามองเห็นว่าพลังของไอโกะกำลังจะหมดลงแล้ว ไอโกะกัดริมฝีปากแน่น เธอกำลังใช้พลังงานมหาศาลในการร่ายคาถาอาคมผสาน แต่เงาปีศาจยักษ์ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนั้น ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอรู้ว่าหากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายแพ้แน่นอน ทันใดนั้น โชก็พลันเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านหลังเงาปีศาจยักษ์ มันคือ กระดานหกเก่า ๆ ที่หักพังอยู่บนสนามเด็กเล่น “ไอโกะ! กระดานหกนั่นแหละ!” โชตะโกนบอก “ใช้มันเป็นจุดรับแรงกระแทก!” ไอโกะไม่รอช้า เธอเข้าใจแผนการของโชทันที เธอเปลี่ยนคาถาที่กำลังร่ายอยู่เป็น ‘คาถาผลักดัน’ แสงสีม่วงเข้มจากขวดอาคมของเธอพุ่งตรงเข้าใส่เงาปีศาจยักษ์อีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพื่อทำลาย แต่เพื่อผลักดันมันไปข้างหลังอย่างรุนแรง “คำรามมมมมมมมม!!!” เงาปีศาจยักษ์ส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห มันถูกพลังของไอโกะผลักกระเด็นไปข้างหลังอย่างรุนแรง ร่างกายขนาดมหึมาของมันพุ่งตรงเข้าชนกับกระดานหกเก่า ๆ ที่พังเสียหายอย่างจัง “โครมมมมมมมมมมมมมม!!!” เสียงกระแทกดังสนั่นไปทั่วบริเวณ พร้อมกับร่างของเงาปีศาจยักษ์ที่ ถูกตรึงไว้กับกระดานหก! กระดานหักงอและบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง แต่ก็สามารถตรึงร่างของเงาปีศาจยักษ์ไว้ได้ชั่วขณะ “ตอนนี้แหละโช!” ไอโกะตะโกนบอก เธอหอบหายใจอย่างแรง แต่แววตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น โชไม่รอช้า เขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ เขากระโดดพุ่งเข้าใส่เงาปีศาจยักษ์ที่ถูกตรึงไว้ด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง มีดอาคมในมือของเขาส่องประกายวาววับ เขาเล็งไปที่ “ดวงตาที่สาม” ของมัน ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่เขาเพิ่งค้นพบ “อ๊ากกกกกกก!!!” โชแทงมีดอาคมเข้าที่ดวงตาที่สามของเงาปีศาจยักษ์อย่างรวดเร็วและแม่นยำ มันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ร่างของมันสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง แสงสีแดงก่ำจากดวงตาของมันริบหรี่ลงอย่างรวดเร็ว โชดึงมีดออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกระโดดถอยห่างออกมา การต่อสู้ครั้งนี้ยาวนานและทรมานที่สุด พวกเขาต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามี ทั้งพลังเวทมนตร์ พละกำลัง ไหวพริบ และความร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบ ไอโกะคอยสนับสนุนโชจากด้านหลัง เธอร่ายคาถาสกัดกั้นและโจมตีเพื่อถ่วงเวลาและสร้างโอกาสให้โชโจมตีได้ตรงจุด โชเองก็ใช้มีดอาคมของเขาฟัน สับ และแทง ใส่เงาปีศาจยักษ์อย่างไม่ยั้งมือ เขาสู้ด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ เพื่อปกป้องไอโกะและเพื่อความหวังที่ริบหรี่ของพวกเขา ในที่สุด หลังจากที่โชแทงมีดอาคมเข้าใส่จุดอ่อนของมันอีกหลายครั้ง ท่ามกลางเสียงคำรามที่อ่อนแรงลงของมัน ร่างของเงาปีศาจยักษ์ก็เริ่มสลายตัว มันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างมหึมาของมันจะแตกสลายกลายเป็นละอองควันดำกระจายไปในอากาศ เหลือไว้เพียง ผ้ายันต์สีทองที่เปล่งแสงจ้า ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ พร้อมกับ ดวงจิตสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ ที่ลอยอยู่เคียงข้าง ไอโกะไม่รอช้า เธอพุ่งตรงเข้าไปเก็บผ้ายันต์ผืนที่ห้าด้วยความตื่นเต้น ผ้ายันต์ในมือของเธอเปล่งประกายสีทองอร่าม ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เข้มข้นแผ่ออกมาจากมัน เธอรีบเก็บมันใส่กระเป๋าคาถาที่พกติดตัวอย่างระมัดระวัง และในจังหวะนั้นเอง ดวงจิตสีม่วงเข้มที่เกิดจากการสลายไปของเงาปีศาจยักษ์ก็ถูกดูดเข้าไปในขวดกักเก็บวิญญาณโดยอัตโนมัติ ทำให้ขวดอาคมของเธอเปล่งประกายสีม่วงเข้มและสว่างจ้าขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า บ่งบอกถึงพลังงานมหาศาลที่ถูกกักเก็บไว้ภายใน โชทรุดตัวลงคุกเข่า เขาสูดลมหายใจลึก ๆ ร่างกายของเขาอ่อนล้าอย่างหนัก ไอโกะเดินโซซัดโซเซเข้ามาหาเขา เธอทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ด้วยความโล่งใจที่ถาโถมเข้ามา ดวงตาของเธอฉายแววเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด “เรา…เราทำได้แล้วโช!” ไอโกะร้องด้วยความดีใจ เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความปิติยินดีที่หาที่สุดไม่ได้ โชพยักหน้า เขายิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน “ใช่…เราทำได้แล้วไอโกะ…เราเอาชนะมันมาได้จริง ๆ” ไอโกะพยุงตัวขึ้นยืนช้า ๆ “เหลืออีกแค่สองผืนเท่านั้นโช!” เธอกล่าว เสียงของเธอแผ่วลงเล็กน้อย แต่แววตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ว่าภารกิจยังไม่จบลงง่าย ๆ และอุปสรรคข้างหน้าอาจจะยากลำบากยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า แต่ด้วยผ้ายันต์ที่อยู่ในมือถึงห้าผืน พวกเขาก็ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้วลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นแต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก“มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ”ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ”“แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์”ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”“จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด”“แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม“ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป
ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับบอสตัวจริงที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการยังคงเกาะกุมจิตใจของไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง ผ้ายันต์ทั้งหกผืนที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อกลับดับแสงลงอย่างสิ้นเชิง ราวกับไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่คำให้กำลังใจจากโชก็ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของไอโกะ“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขาทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่แรงฮึดสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป สู่เป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่: อาคารวิทยาศาสตร์“ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะโช” ไอโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…เราต้องรีบแล้ว”พวกเขาเดินออกจากจุดที่ต่อสู้กับเงาปีศาจช้างที่สลายไป สู่ทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บรรยากาศของโรงเรียนร้างยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราว
หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่ 6 มาอย่างยากลำบาก และได้วางแผนการทำลายโรงเรียนด้วยระเบิดชำระล้างแล้ว ไอโกะและโชก็ตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ทันที แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป“เอาล่ะโช…ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะ” ไอโกะบอก เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นเล็กน้อยโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…ยิ่งเร็วยิ่งดี”ทั้งคู่เดินออกจากโรงอาหารที่มืดมิด สู่ทางเดินที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้าง แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร บรรยากาศยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน“อาคารวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นนะโช” ไอโกะชี้ไปทางซ้ายมือของพวกเขา ซึ่งเป็นอาคารที่ดูใหญ่โตและมีโครงสร้างแปลกตาเล็กน้อยพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้องกังวานในความเงียบงัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกาะกุมจิตใจของพวกเขาอีกครั้งทันใดนั้นเอง เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงแตรที่ใหญ่โตและน่ากลั
หลังจากที่แผนการใหญ่เรื่องระเบิดชำระล้างได้ก่อร่างขึ้นในความคิดของไอโกะ ความหิวโหยที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพักจากการระดมสมองอันหนักหน่วง เมื่อท้องอิ่มด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลม ความหวังก็กลับมาส่องประกายในดวงตาอีกครั้ง“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะโช” ไอโกะพึมพำขณะลูบท้อง “ไม่คิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะช่วยได้ขนาดนี้”โชพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง ๆ “ใช่…มันช่วยได้มาก แต่ฉันว่าเราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบที่อาคารวิทยาศาสตร์นะไอโกะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”“แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…” ไอโกะก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ แสงสีเขียวยังคงกะพริบอยู่ “สัญญาณของผ้ายันต์ผืนที่หกมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยนะโช ฉันว่ามันอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ…ในโรงอาหารนี่แหละ”โชเบิกตากว้างเล็กน้อย “ในโรงอาหารเหรอ? แต่เราเดินดูมาเกือบจะทั่วแล้วนะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”“บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มจริงจังขึ้น “มาลองสำรวจให้ละเอียดอีกครั้งกันเถอะ”ทั้งคู่เริ่มออกสำรวจโรงอาหารที่กว้างใหญ่และมืดมิดอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาส่องกระทบกับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ครัวที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปท
หลังจากการฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการสร้างระเบิดชำระล้างอย่างละเอียด ไอโกะและโชต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก บาดแผลของพวกเขาได้รับการเยียวยา พลังปราณที่เคยร่อยหรอเริ่มกลับคืนมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่จุดประกายขึ้นมาอีกครั้งในใจของพวกเขา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วโช” ไอโกะบอก เธอหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อทดสอบพละกำลังโชพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกันไอโกะ…แต่ฉันยังรู้สึกหิวอยู่เลย” เขาลูบท้องตัวเองเบา ๆไอโกะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”พวกเขาตัดสินใจที่จะสำรวจโรงอาหารให้ทั่วอีกครั้ง หวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาความหิวโหยได้ แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซอกมุมของโรงอาหารที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ล้มระเนระนาดดูน่าหดหู่ยิ่งนัก“ดูสิฉันเจออะไร!” โชร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหารที่มืดมิด ซึ่งมีตู้เก็บของเก่า ๆ ตั้งอยู่ไอโกะรีบเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ เมื่อโชเปิดตู้เก็บของออก แสงไฟฉายของพวกเขาก็ส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านใน“บะหมี่สำเร็จรูป!” ไอโกะอุทานด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอ
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของบอสตัวจริงยังคงก้องกังวานในหู ราวกับจะย้ำเตือนถึงความพยายามที่สูญเปล่าของพวกเขา การที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายดับแสงลง ยิ่งทำให้ความหวังที่เคยมีมอดไหม้ไปกับความมืดมิด“ไม่จริงน่า…ทั้งหมดที่เราสู้มา…มันเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?” ไอโกะพึมพำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดโชทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่า “เรา…เราพลาดไปแล้วเหรอไอโกะ? เราสู้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”แต่แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากัน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ จุดประกายความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ยังได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ พยุงกันลุกขึ้นยืนช้า ๆ และรีบออกจากหอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องนำทางพวกเขาไปในความมืดมิด“เราต้องหาที่ซ่อนตัวก่อนโช” ไอโกะบอก “เราบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะส