หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่สี่มาครอบครอง ไอโกะและโชก็รีบออกจากหลังคาอาคารพละอย่างรวดเร็ว พวกเขาปีนป่ายลงมาจากบันไดเหล็กเก่า ๆ ด้วยความระมัดระวัง แม้จะเหนื่อยล้าจนแทบหมดแรง แต่ความรู้สึกเร่งรีบจากเวลาที่กำลังจะหมดลงก็ยังคงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป
เมื่อเท้าของพวกเขาแตะพื้นดินด้านล่างของอาคารพละ ไอโกะก็ก้มดูนาฬิกาข้อมือของเธออีกครั้ง สัญญาณบ่งบอกผ้ายันต์ผืนถัดไปยังคงส่องแสงสีเขียวอ่อน ๆ นำทางพวกเขาไปในความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้างแห่งนี้ “สัญญาณบอกว่าผ้ายันต์ผืนที่ห้าอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้แล้วโช” ไอโกะพึมพำ เสียงของเธอแหบพร่าจากความเหนื่อยล้า “ดูเหมือนจะอยู่ใกล้กับสนามเด็กเล่นเก่า ๆ ทางด้านหลังอาคารเรียนหลัก” โชพยักหน้า เขากำมีดอาคมแน่น “ไปกันเถอะไอโกะ…รีบไปให้เร็วที่สุด” พวกเขาเดินโซซัดโซเซไปตามทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพังของโรงเรียนร้าง แสงจันทร์ที่ริบหรี่ส่องลงมาเพียงเล็กน้อย ทำให้มองเห็นเส้นทางได้ไม่ถนัดนัก ความเงียบสงัดที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณทำให้บรรยากาศดูน่าขนลุกยิ่งขึ้นไปอีก ทุกย่างก้าวของพวกเขาก้องกังวานในความมืดที่ไร้เสียงอื่นใด ทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องแหลมสูงหลายสิบเสียงก็พลันดังขึ้นจากทุกทิศทางรอบตัวพวกเขา! ไอโกะและโชหยุดชะงักพร้อมกัน แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะกะพริบถี่ขึ้นอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงพลังงานด้านลบที่พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน “แย่แล้วโช! พวกมันมาอีกแล้ว!” ไอโกะร้องเตือน น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ตั้งตัว เงาปีศาจนับสิบตนก็พุ่งเข้าทำร้ายพวกเขาจากทุกทิศทาง! พวกมันมีรูปร่างที่หลากหลาย ทั้งคล้ายหมาป่า แมว นก หรือแม้กระทั่งสัตว์เลื้อยคลาน แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเงาดำทมิฬที่มีดวงตาสีแดงก่ำเรืองรอง พวกมันส่งเสียงคำรามและกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง พุ่งเข้าใส่พวกเขาพร้อมกัน หวังจะรุมทึ้งพวกเขาให้แหลกเป็นชิ้น ๆ “บ้าจริง! มาเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!” โชสบถ เขาดึงมีดอาคมขึ้นตั้งท่าเตรียมพร้อม แขนของเขาสั่นเทาเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้าสะสม ไอโกะไม่มีเวลาคิด เธอรีบเปิดตำราเวทมนตร์และร่ายคาถาป้องกันทันที แสงสีน้ำเงินอ่อน ๆ ก็พลันเปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือของเธอ ก่อตัวเป็นม่านพลังโปร่งใสที่มองไม่เห็น แต่แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการโจมตีของเงาปีศาจได้ชั่วขณะ การต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เหล่าเงาปีศาจพุ่งชนม่านพลังของไอโกะอย่างไม่หยุดหย่อน เสียงปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังถูกทุบทำลาย ไอโกะต้องใช้พลังงานมหาศาลในการรักษาม่านพลังไว้ ทำให้ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างรุนแรง “พวกมันเยอะเกินไปไอโกะ! ม่านพลังจะต้านทานไม่ไหวแล้ว!” โชตะโกนบอก เขามองเห็นรอยร้าวเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนม่านพลังโปร่งใส ไอโกะกัดริมฝีปากแน่น “ฉันรู้โช! เราต้องหาทางจัดการพวกมันให้ได้!” เธอเหลือบมองไปยังขวดอาคมที่เปล่งแสงสีม่วงเข้มอยู่ในมือ “เราต้องใช้พลังของดวงวิญญาณที่กักเก็บไว้แล้ว!” โชพยักหน้า เขารู้ว่าไอโกะกำลังหมายถึงอะไร พวกเขาไม่สามารถใช้พลังจากดวงวิญญาณได้บ่อยนัก เพราะมันอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของไอโกะในระยะยาว แต่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว “โช! นายล่อพวกมันเข้ามาใกล้ฉัน!” ไอโกะตะโกนบอก เธอตัดสินใจแล้ว “ฉันจะใช้คาถาที่รุนแรงกว่าเดิม!” โชไม่ลังเล เขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ พุ่งเข้าใส่กลุ่มเงาปีศาจที่กำลังพุ่งชนม่านพลังอย่างบ้าคลั่ง เขาวิ่งวนไปมาอย่างรวดเร็ว พยายามดึงดูดความสนใจของพวกมันให้เข้ามาใกล้ไอโกะมากที่สุด เสียงมีดอาคมของเขากระทบกับร่างของเงาปีศาจดัง “แคว๊ก! แคว๊ก!” เมื่อเขาฟันและแทงใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เงาปีศาจกลุ่มใหญ่เข้ามาใกล้พอ ไอโกะก็หลับตาลง เธอรวบรวมพลังปราณทั้งหมดที่มี เธอเปิดขวดอาคมที่กักเก็บดวงวิญญาณของปีศาจไว้ และเริ่มร่าย ‘คาถาผนึกวิญญาณโจมตี’ เสียงสวดของเธอดังก้องกังวานในความมืดมิด คราวนี้เสียงของเธอหนักแน่นและทรงพลังกว่าที่เคย ทันใดนั้น แสงสีม่วงเข้มก็พลันเปล่งประกายออกมาจากขวดอาคมของไอโกะ แสงนั้นพุ่งตรงเข้าใส่กลุ่มเงาปีศาจที่กำลังล้อมรอบพวกเขาอยู่ พลังงานมหาศาลจากดวงวิญญาณที่ถูกกักเก็บไว้พุ่งเข้าปะทะร่างของพวกปีศาจอย่างรุนแรง “กรี๊ดดดดดดดดดด!!!” เงาปีศาจทุกตัวที่สัมผัสกับแสงสีม่วงเข้มต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ร่างของพวกมันสั่นไหวอย่างรุนแรง และค่อย ๆ สลายไปกลายเป็นละอองควันดำกระจายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว คาถานี้รุนแรงเกินกว่าที่พวกมันจะต้านทานได้ โชที่อยู่ด้านหน้ามองดูภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง พลังของไอโกะแข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ เพียงไม่กี่วินาที ลูกสมุนปีศาจนับสิบตนก็สลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงละอองควันดำที่จางหายไปในความมืดมิด ไอโกะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันที เธอหอบหายใจอย่างแรง ใบหน้าของเธอซีดเผือดจนขาวซีด ราวกับไม่มีเลือดฝาด ดวงตาของเธอปิดสนิท ขวดอาคมในมือของเธอเปล่งแสงริบหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกว่าพลังงานภายในถูกใช้ไปมาก “ไอโกะ! เธอไหวไหม!” โชรีบวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความเป็นห่วง เขานั่งลงข้าง ๆ เธอและประคองร่างที่อ่อนล้าของเธอไว้ ไอโกะพยักหน้าช้า ๆ “ไหว…แค่…เหนื่อยนิดหน่อย” เสียงของเธอแหบพร่าจนแทบไม่ได้ยิน โชถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามองไปรอบ ๆ สภาพแวดล้อมที่เคยเต็มไปด้วยเงาปีศาจ บัดนี้กลับเงียบสงบลงอีกครั้ง แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาดูสว่างขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าความชั่วร้ายได้จางหายไป “เราต้องรีบไปหาผ้ายันต์ผืนที่ห้ากันเถอะไอโกะ” โชบอก “ก่อนที่พวกมันจะมาอีก” ไอโกะพยักหน้า เธอกระชับกระเป๋าคาถาที่พกติดตัวแน่น เธอสัมผัสได้ถึงน้ำหนักของผ้ายันต์สี่ผืนที่อยู่ในนั้น ความหวังของพวกเขายังคงอยู่เพียงอีกสามผืนเท่านั้น “ฉันรู้ว่ามันยากโช” ไอโกะกล่าวเสียงแผ่ว “แต่เราต้องทำมันให้สำเร็จ…เพื่อเพื่อน ๆ ของเรา” โชกอดไอโกะแน่น “เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกันไอโกะ…ฉันสัญญา” พวกเขาพักหายใจกันอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อฟื้นฟูพละกำลังที่เหลืออยู่เล็กน้อย ไอโกะก้มดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง สัญญาณบ่งบอกผ้ายันต์ผืนที่ห้ายังคงส่องแสงสีเขียวอ่อน ๆ นำทางพวกเขาไปในความมืดมิดที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้างแห่งนี้ “ไปกันเถอะโช” ไอโกะกล่าวเสียงแหบพร่า “เราต้องไปต่อ” ทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืน พวกเขาเดินโซซัดโซเซไปตามทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพังอีกครั้ง แม้จะเหนื่อยล้าจนแทบจะยืนไม่ไหว แต่จิตใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะตามหาผ้ายันต์ผืนที่เหลือให้ครบทั้งเจ็ดผืน เพื่อยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ให้ได้ลมหายใจแห่งเงามืดที่พัดกรูเข้ามาอย่างกะทันหัน ทำให้ไอโกะและโชแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะที่ดับสนิท ยิ่งตอกย้ำถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันคือสัญญาณเตือนจากการมาถึงของบอสตัวจริง“ไม่นะ…ลมนี้…มันคือพลังของบอสตัวจริง!” ไอโกะพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นแต่แล้ว โชก็เอื้อมมือไปจับมือของไอโกะแน่น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก“มันยังไม่มาตอนนี้หรอกไอโกะ” โชเอ่ยขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นและมั่นใจอย่างน่าประหลาด “เชื่อฉันสิ”ไอโกะหันมามองโชด้วยความสงสัย “แน่ใจเหรอโช? พลังงานมันรุนแรงขนาดนี้เลยนะ”“แน่ใจ” โชตอบ “เท่าที่ฉันสันนิษฐาน…บอสพวกนั้นจะต้องรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะปรากฏตัวออกมาอย่างสมบูรณ์”ไอโกะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”“จำได้ไหมที่มันบอกว่า ‘อาณาเขตนี้คือส่วนหนึ่งของตัวข้า!’” โชอธิบาย “นั่นหมายความว่ามันกำลังดูดกลืนพลังงานจากโรงเรียนทั้งหมด และมันจะไม่ยอมออกมาจนกว่ามันจะแข็งแกร่งที่สุด”“แล้วลมพวกนี้ล่ะ?” ไอโกะถาม“ลมพวกนี้ก็เป็นแค่พลังงานรั่วไหลของมันที่กำลังรวบรวมตัวอยู่” โชตอบ “มันเป
ความรู้สึกสิ้นหวังจากการเผชิญหน้ากับบอสตัวจริงที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการยังคงเกาะกุมจิตใจของไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง ผ้ายันต์ทั้งหกผืนที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อกลับดับแสงลงอย่างสิ้นเชิง ราวกับไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่คำให้กำลังใจจากโชก็ช่วยจุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้งในใจของไอโกะ“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขาทั้งคู่พยุงกันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับ แต่แรงฮึดสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาก้าวต่อไป สู่เป้าหมายเดียวที่เหลืออยู่: อาคารวิทยาศาสตร์“ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะโช” ไอโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…เราต้องรีบแล้ว”พวกเขาเดินออกจากจุดที่ต่อสู้กับเงาปีศาจช้างที่สลายไป สู่ทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง บรรยากาศของโรงเรียนร้างยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ราว
หลังจากที่ได้ผ้ายันต์ผืนที่ 6 มาอย่างยากลำบาก และได้วางแผนการทำลายโรงเรียนด้วยระเบิดชำระล้างแล้ว ไอโกะและโชก็ตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาคารวิทยาศาสตร์ทันที แม้ร่างกายจะยังคงอ่อนล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะยุติฝันร้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเดินหน้าต่อไป“เอาล่ะโช…ไปอาคารวิทยาศาสตร์กันเถอะ” ไอโกะบอก เสียงของเธอหนักแน่นขึ้นเล็กน้อยโชพยักหน้า “ไปกันเลยไอโกะ…ยิ่งเร็วยิ่งดี”ทั้งคู่เดินออกจากโรงอาหารที่มืดมิด สู่ทางเดินที่ไร้สิ้นสุดของโรงเรียนร้าง แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซากปรักหักพังและเถาวัลย์ที่ปกคลุมไปทั่วอาคาร บรรยากาศยังคงน่าขนลุกและเต็มไปด้วยความเงียบสงัดที่กดดัน“อาคารวิทยาศาสตร์อยู่ทางนั้นนะโช” ไอโกะชี้ไปทางซ้ายมือของพวกเขา ซึ่งเป็นอาคารที่ดูใหญ่โตและมีโครงสร้างแปลกตาเล็กน้อยพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดมิด ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของตัวเองที่ก้องกังวานในความเงียบงัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มเกาะกุมจิตใจของพวกเขาอีกครั้งทันใดนั้นเอง เสียงร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก็พลันดังขึ้นมาจากด้านหน้าของพวกเขา! เสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับเสียงแตรที่ใหญ่โตและน่ากลั
หลังจากที่แผนการใหญ่เรื่องระเบิดชำระล้างได้ก่อร่างขึ้นในความคิดของไอโกะ ความหิวโหยที่ถาโถมเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพักจากการระดมสมองอันหนักหน่วง เมื่อท้องอิ่มด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลม ความหวังก็กลับมาส่องประกายในดวงตาอีกครั้ง“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะโช” ไอโกะพึมพำขณะลูบท้อง “ไม่คิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปจะช่วยได้ขนาดนี้”โชพยักหน้าพลางยิ้มแห้ง ๆ “ใช่…มันช่วยได้มาก แต่ฉันว่าเราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบที่อาคารวิทยาศาสตร์นะไอโกะ ยิ่งเร็วยิ่งดี”“แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น…” ไอโกะก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ แสงสีเขียวยังคงกะพริบอยู่ “สัญญาณของผ้ายันต์ผืนที่หกมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยนะโช ฉันว่ามันอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แหละ…ในโรงอาหารนี่แหละ”โชเบิกตากว้างเล็กน้อย “ในโรงอาหารเหรอ? แต่เราเดินดูมาเกือบจะทั่วแล้วนะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย”“บางทีมันอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้” ไอโกะบอก น้ำเสียงของเธอเริ่มจริงจังขึ้น “มาลองสำรวจให้ละเอียดอีกครั้งกันเถอะ”ทั้งคู่เริ่มออกสำรวจโรงอาหารที่กว้างใหญ่และมืดมิดอีกครั้ง แสงไฟฉายจากอุปกรณ์ของพวกเขาส่องกระทบกับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ครัวที่พังเสียหายกระจัดกระจายไปท
หลังจากการฟื้นฟูร่างกายและวางแผนการสร้างระเบิดชำระล้างอย่างละเอียด ไอโกะและโชต่างก็รู้สึกดีขึ้นมาก บาดแผลของพวกเขาได้รับการเยียวยา พลังปราณที่เคยร่อยหรอเริ่มกลับคืนมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่จุดประกายขึ้นมาอีกครั้งในใจของพวกเขา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้วโช” ไอโกะบอก เธอหมุนข้อมือเล็กน้อยเพื่อทดสอบพละกำลังโชพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกันไอโกะ…แต่ฉันยังรู้สึกหิวอยู่เลย” เขาลูบท้องตัวเองเบา ๆไอโกะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”พวกเขาตัดสินใจที่จะสำรวจโรงอาหารให้ทั่วอีกครั้ง หวังว่าจะเจออะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาความหิวโหยได้ แสงไฟฉายจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะส่องนำทางพวกเขาไปตามซอกมุมของโรงอาหารที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง โต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่ล้มระเนระนาดดูน่าหดหู่ยิ่งนัก“ดูสิฉันเจออะไร!” โชร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของโรงอาหารที่มืดมิด ซึ่งมีตู้เก็บของเก่า ๆ ตั้งอยู่ไอโกะรีบเดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ เมื่อโชเปิดตู้เก็บของออก แสงไฟฉายของพวกเขาก็ส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านใน“บะหมี่สำเร็จรูป!” ไอโกะอุทานด้วยความดีใจ ดวงตาของเธอ
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมไอโกะและโชอย่างหนักหน่วง เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของบอสตัวจริงยังคงก้องกังวานในหู ราวกับจะย้ำเตือนถึงความพยายามที่สูญเปล่าของพวกเขา การที่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายดับแสงลง ยิ่งทำให้ความหวังที่เคยมีมอดไหม้ไปกับความมืดมิด“ไม่จริงน่า…ทั้งหมดที่เราสู้มา…มันเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ?” ไอโกะพึมพำ ใบหน้าของเธอซีดเผือดโชทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาว่างเปล่า “เรา…เราพลาดไปแล้วเหรอไอโกะ? เราสู้กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”แต่แล้ว ทั้งคู่ก็สบตากัน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ จุดประกายความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่นะไอโกะ…เรายังไม่แพ้” โชกล่าว น้ำเสียงของเขาหนักแน่น “เราอาจจะถูกหลอก…แต่เราก็ยังได้ผ้ายันต์มาครบทุกผืนแล้วนี่นา”ไอโกะพยักหน้า เธอกำมือของโชแน่น “ใช่โช…เราต้องทำได้ เราจะทำมันให้สำเร็จด้วยกัน!”พวกเขารวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ พยุงกันลุกขึ้นยืนช้า ๆ และรีบออกจากหอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบที่น่าสะพรึงกลัว แสงจากนาฬิกาข้อมือของไอโกะยังคงส่องนำทางพวกเขาไปในความมืดมิด“เราต้องหาที่ซ่อนตัวก่อนโช” ไอโกะบอก “เราบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะส