ดวงตากลมโตที่บวมช้ำทอดมองคนบนเตียงที่ยังคงหายใจเข้าออกสงบนิ่ง แผ่นอกกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหายใจ ฝ่ามือใหญ่ถูกเกาะกุมไว้ด้วยมือเล็กที่จับกระชับเอาไว้มั่น เรือนผมสีแดงของชายหนุ่มระไปกับหมอน ใบหน้าทรุดโทรมหมองคล้ำ ร่างกายซูบผอมจนเห็นซี่โครงได้อย่างชัดเจน ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยผ้าพันแผลอยู่หลายแห่ง ที่ข้อแขนมีสายน้ำเกลือถูกเสียบคาไว้เอวานั่งมองคนบนเตียงอย่างเหม่อลอย เมื่อได้ฟังคำเฉลยที่มาจากผู้ช่วยคนสนิทของพี่ชายที่เผยออกมาจนหมดเปลือก“บอสฉีดยาที่มาจากสารสกัดของคลอสตริเดียมให้กับคุณบารอนครับ ส่งผลให้เป็นอัมพาตชั่วคราว แม้ว่าจะใช้เพียงน้อยนิดก็ตาม หลังจากนั้นก็ส่งคุณบารอนไปรอคุณหนูที่ห้องดับจิตในสภาพที่เย็นจัดครับ....”เอวาได้ยินก็ถึงกับหลั่งน้ำตา ความสงสารก่อเกิดภายในจิตใจหลังจากที่ไมเคิลหันหลังเดินจากไป และเอวาก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ใช้เวลาไม่นานนักในการตั้งสติ และออกคำสั่งให้โรมีโอปล่อยคนทั้งคู่ออกมา หากแต่ชายหนุ่มกลับทำมากกว่านั้น ด้วยการประสานงานกับทีมแพทย์และรายการสภาวะต่างๆ ของคนทั้งคู่ให้ฟังอย่างละเอียด ร่วมถึงปริมาณในการได้รับสารเสพติดและยาชนิดอื่นๆ ที่ใ
Ava Partตอนนี้เอวากำลังนั่งมองคนบนเตียงด้วยอาการเหนื่อยอ่อน เหงื่อผุดซึมทั่วใบหน้าหวานล้ำ เสื้อสีฟ้าอ่อนเปียกชื้นแนบไปกับลำตัวบาง สาเหตุมาจากคนที่กำลังนอนหลับพักผ่อน ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แต่แขนและขาถูกจับมัดตรึงเอาไว้แน่น…..อยากยา......นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับบารอน ชายหนุ่มมีอาการคลุ้มคลั่งและทำลายข้าวของ เอวาพยายามที่จะเข้าไปหยุดยั้งการกระทำนั้นและพยายามที่จะดึงสติของบารอนให้กลับมาดังเดิม และผลสุดท้ายจบลงที่การทำร้ายร่างกายเด็กตัวเล็ก ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วห้อง จนบอดี้การ์ดต้องกรูกันเข้ามาจับกุม กดบารอนลงกับพื้นโดยไม่สนใจบาดแผลตามตัวแม้แต่น้อยเพียงไม่นานหลังจากนั้นบุรุษพยาบาลก็มาฉีดยานอนหลับเพื่อให้หมดสติลง จับมัดแขนและขาเอาไว้แน่นหนา ป้องกันการเกิดเหตุแบบนั้นอีก เอวานั่งหน้าเศร้าอยู่ที่ด้านข้าง หันไปถามหาเหตุผลจากหมอสาวประจำกายและผู้ที่เป็นเจ้าของไข้อย่างต้องการคำตอบ“ทำไมถึงเป็นนั้นครับ.... เมื่อคืนเขายังดีๆ อยู่เลย...”“เมื่อคืนเขาน่าจะยังพอมีสติอยู่บ้างค่ะ แต่พอขาดยาไปนาน.... ก็เลยแสดงออกในลักษณะนั้น คงจะต้องเข้าสู่การบำบัดต่อไป” แอลพูดตามตรงอย่างไม่ปกปิด เอวาอดที่จะเอ่
Michael Partเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วที่ไมเคิลออกเดินทางมาจัดการธุระของตน ชายหนุ่มกำลังนั่งกอดอกมองหน้าจอมอนิเตอร์ที่รายล้อมตัวด้วยสีหน้านิ่งๆ โรมีโอวางแก้วชาหอมกรุ่นลงตรงหน้า พร้อมกับแก้วทรงสวยที่ใส่พานาค้อตต้าและขนมทีรามิสุไว้คู่กันไมเคิลปรายตามองเล็กน้อยแต่ไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านั้น ดวงตาสีเฮเซลนัทเลื่อนกลับไปมองที่หน้าจออีกครั้ง มองหน้าจอที่ขึ้นกะพริบเป็นดวงๆ กระจายกันไปอย่างครุ่นคิดสาเหตุที่เขาต้องมาอยู่ตรงนี้เพราะองค์ราชินีทรงโปรดให้เข้าเฝ้า ทำให้ไมเคิลต้องตัดใจออกจากห้องของน้องน้อยที่ตนเก็บตัวเงียบมาหลายวัน แล้วแต่งชุดประจำกายพร้อมประดับยศเพื่อเข้าเฝ้าพระนางจากการพูดคุยครั้งก่อนหน้าที่ถูกขัดจังหวะเพราะเด็กน้อยหายตัวไป ทำให้ไมเคิลละทิ้งหน้าที่มาออกตามหาดวงใจของตน พระองค์ไม่ได้รับสั่งตำหนิอะไร ทั้งยังพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ลุกลามไปจนยากเกินแก้ ถึงได้มีคำสั่งให้ไมเคิลลงมาดูด้วยตนเอง และนั่นทำให้ชายหนุ่มต้องจากมาทั้งที่ไม่เต็มใจ แต่หน้าที่ค้ำคอไว้ยากที่จะปฏิเสธ“สืบได้รึยัง.......” ไมเคิลเอ่ยถามกับคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเสียงนิ่ง โรมีโอขยั
Michael Partตอนนี้ผ่านมาครบหนึ่งเดือนแล้วที่ไมเคิลต้องมาอยู่ต่างเมืองแบบนี้ ใบหน้าของไมเคิลเคร่งขรึมต่างจากวันแรกๆ มากมายนักสาเหตุนั้นก็เป็นเพราะน้องน้อยเจ้าของดวงใจยังคงไม่ยอมกลับบ้าน การโทรมาหาในครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของหุ้นของบาลักซ์ที่ถูกถอนออกไปจนหมด ทำให้ต้องอัดฉีดเงินตราเข้าไปเป็นจำนวนมาก เร่งหาคนมีความสามารถเข้ามาแทนที่ คอยเสริมในส่วนที่ขาด และเรื่องที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือเรื่องการก่อสงครามระหว่างองค์กรกับประชาชนที่เป็นเหตุให้เขาต้องอยู่ที่นี่ดวงตาสีทองเรืองรองคมกล้า กดสายตามองต่ำนั่งไขว่ห้างเหมือนนั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง ที่บนตัวนั้นมีเสื้อคลุมสีดำสนิทปักลายดิ้นสีทองรูปลายมังกรคำรามเช่นเดียวกันกับรอยสักที่ลำคอกลายเป็นภาพที่คุ้นเคยของผู้พบเห็น แต่ไม่ใช่สำหรับนักวิจัยสาวที่กำลังนอนหอบหายใจแรงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความทรมาน“นักวิจัยที่ติดเชื้อเสียเอง.......” ไมเคิลยกยิ้มเยาะเย้ยส่งให้กับหญิงสาวที่มีเลือดไหลซึมตามรูขุมขน ดวงตาทั้งสองข้างสีแดงก่ำ และมีหยาดโลหิตไหลอาบทั่วร่าง“ให้ทุกข์แก่ท่าน..... ทุกข์นั้นถึงตัว....” ไมเคิล
“นั่ง......” น้ำเสียงดุดันเอ่ยออกมาเรียบนิ่งดุจคลื่นยักษ์ใต้มหาสมุทรกว้าง เอวากัดริมฝีปากอย่างกังวล ขยับจะไปนั่งบนโซฟาข้างๆ พี่ชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ที่พื้น....” น้ำเสียงทรงอำนาจของไมเคิลทำให้เอวาชะงัก เงยหน้ามองคนเป็นพี่ด้วยความน้อยใจ หากแต่เห็นเพียงความเงียบนิ่งไร้แววใดปรากฏเอวาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ โดยที่มีโรมีโอมองตามไม่ละสายตาจากทางด้านหลังคนที่เป็นเจ้านายจนเมื่อเอวานั่งเรียบร้อยแล้ว ไมเคิลก็โน้มตัวมาข้างหน้า ใช้มือจับปลายคางเล็กให้เงยหน้าขึ้น มองจ้องนิ่งๆ ไม่ปริปากพูดคำใดความอึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว จนเอวากลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดกลัว พลางคิดไปถึงชั่วโมงก่อนหน้า ระหว่างเดินทางกลับบ้านของตน......บนรถที่วิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ความเงียบครอบงำจนน่าอึดอัดใจ โรมีโอเหลือบสายตามองเจ้านายทั้งสองคนที่ด้านหลังอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรออกมา ไมเคิลนั่งไขว่ห้างกอดอก ดวงตามองตรงไม่แม้จะสนใจเด็กน้อยที่นั่งข้าง ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากคนเป็นพี่ ทำให้เอวาไม่กล้าคุยเล่นหยอกด้วยเหมือนแต่ก่อน ทำได้เพียงนั่งชิดติดประตูฝั่งหนึ่ง พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อไม่ให้คนพี่ข
Ava Partตอนนี้เด็กตัวเล็กกำลังนั่งมองพี่ชายที่กำลังเดินออกจากห้องไปตาละห้อย ริมฝีปากเล็กเอ่ยพึมพำออกมาแผ่วเบา หากแต่คนอยู่ข้างกายตลอดเวลาอย่างโรมีโอก็ยังคงได้ยินชัดเจน“แต่พี่จ๋าบอกว่าจะอยู่กับหนู.......” ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มหงอยเหงาและมีความกลัวปะปนแฝงไว้อยู่ ทำให้คนมองใจอ่อนยวบ ขยับเข้าไปข้างกาย กำลังจะอ้าปากถามกับคุณหนูของตน ก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อเจือน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งของคนเป็นนายเรียกเร่งเร้า“โรม.......” โรมีโอมองสลับไปมาระหว่างเจ้านายของตน และคุณหนูคนเล็กของบ้าน ก่อนจะต้องตัดใจเดินออกมาเพราะมีสายตาคมกล้าคอยเสียดแทง ดึงนั้นแล้วผู้ช่วยหนุ่มจึงจำใจหยิบกระเป๋าเอกสาร แล้วเดินตามเจ้านายไปติดๆ แต่กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคุณหนูของตน ก่อนที่ประตูรถยนต์จะปิดลงและเคลื่อนตัวออกจากบ้านไปเอวามองตามหลังรถคันหรูตาละห้อย ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ เดินกลับเข้าห้องของตน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่กระชับเข้ารูป แล้วมุ่งตรงไปที่ทิศทางหนึ่งเพื่อออกกำลังกายเอวาใช้เวลาออกกำลังกายอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งมีเมดสาวเข้ามาตามว่าคุณหมอมาถึงแล้ว เด็กน้อยถึงยอมเดินกลับเข้าห้องตัวเอง แ
...“พี่จ๋า......” เอวาครางในลำคอ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ตรงหน้าปรากฏชายคนหนึ่งที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคมกล้าที่มองสบมาทำให้เอวาก้มหน้าหลบด้วยความหวาดกลัว“กลับ” ไมเคิลพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปทันที น้ำเสียงและท่าทีเฉยชาของไมเคิล ทำให้เอวารู้สึกตัวหดเล็กลงอย่างช่วยไม่ได้ เด็กน้อยหันไปเหลือบมองบารอนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มทำเพียงกุมมือเล็กเอาไว้แน่นหนา ยกมือเล็กขึ้นจรดริมฝีปาก กล่าวอย่างหนักแน่น“รอพี่นะคะ” เอวาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทิศทางที่พี่ชายของตนเดินไป ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามองหรือยืนรอกันเช่นแต่ก่อน นั่นยิ่งทำให้เอวารู้สึกหวั่นใจและกลัวเกรงอยู่ลึกๆเด็กน้อยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวขาเดินตามไปตามทิศทางที่บอดี้การ์ดกั้นเอาไว้ให้ เอวาพยายามสาวเท้าก้าวตามให้ทันคนเป็นพี่ชาย จนเมื่ออยู่ในระยะที่สามารถเอื้อมถึง เด็กน้อยก็สอดมือเข้าไป จับประสานกุมกับมือใหญ่เอาไว้อย่างที่เคยทำ ไมเคิลปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะดึงมือออก แล้วก้าวเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่การกระทำนั้นทำให้เอวาชะงัก หยุดยืนอยู่กับที่ ก้มมองมือของตนเองที่ว
Michael Partย้อนกลับไปหนึ่งเดือนก่อนหน้า……หลังจากเรื่องวุ่นวายผ่านพ้นไป โรมีโอนำตัวเอวาส่งโรงพยาบาล เฝ้าดูอาการจนวางใจว่าเด็กน้อยจะไม่เป็นอะไร ชายหนุ่มก็มุ่งตรงกลับบ้านเพื่อไปจัดการปัญหาที่คฤหาสน์หลังงามนั้นต่อ ทันทีที่เห็นบอสของตนขังตัวเองไว้ในห้อง ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะปล่อยหมัดหนักๆ ไปเรียกสติของบอสตัวเอง“หายบ้ารึยังครับ” โรมีโอถามเสียงเรียบด้วยดวงตาแววโรจน์ท่าทางขุ่นเคือง ไมเคิลทำเพียงแสยะยิ้มมุมปาก เอ่ยตอบเสียงเนิบช้า“น้อยไป.....”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อบอสบอกว่าน้อยไป โรมีโอก็จัดให้ 3 ทีติดๆ กัน จนไมเคิลถึงกับเซ ชายหนุ่มสะบัดหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากบอกอีกครั้งด้วยเสียงเยาะเย้ย“แรงมีแค่นี้? น้อยไป…..”ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!เมื่อได้ยินแล้วโรมีโอจึงจัดให้อีกเน้นๆ 5 ที จนไมเคิลจุกจนถึงกับทรุดลงที่พื้น ยกมือขึ้นกุมท้องของตน“แค่กๆ”“คุณหนูมีแผลที่ข้อศอกกับหัวเข่า หัวไหล่และข้อเท้าที่หลุดก่อนหน้า ถูกต่อให้เข้าที่แล้วครับ แต่ยังต้องพันเผือกอ่อนและพักรักษาตัวอีกสักระยะ ส่วนบอดี้การ์ดทั้ง 6 คนนั้นทำการผ่าเอากระสุนออกแล้ว ตอนนี้กำลังรักษาตัว ส่วนคุณซีนอนนั้นเย็บแ
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา