สะบัดบ็อบส่ายศีรษะพรึบพรับพลันคิดขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาเถลไถล เป้าประสงค์ของการมาโรงพยาบาลคืออะไร มาตามหาเพื่อนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานมิใช่เหรอ ว่าแล้วมิวท์จึงละทิ้งทุกสิ่งที่หาสาระไม่ได้เหล่านั้นไป พลันตรงไปที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ชะโงกหน้าเข้าไปถามคุณพยาบาลเอาความให้ได้
.
“ท่านประธานเปรมอยู่ที่ตึกด้านหลังค่ะ ที่นั่นเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน แต่เป็นสถานที่ ๆ ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปโดยเด็ดขาด ดิฉันคงบอกทางให้ไม่ได้ต้องขออภัยด้วยนะคะ”
พยาบาลสาวตอบด้วยคีย์เสียงโมโนโทนกึ่งท่องสคริปต์
.
แต่ละวันเธอคงล้ากับการไล่ตอบคำถามจากผู้คนมากหน้าหลายตาซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ ยิ่งเป็นพวกนักข่าวด้วยแล้วสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้กับโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นดั่งความหวังเดียว เผิน ๆ การเปล่งวาจาของเธอแต่ละคำ จะมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดของโฆษกของรัฐที่แถลงข่าวประจำวันซะอีก มิวท์เลยวัดใจด้วยการลองถามใหม่อีกที คราวนี้แฝงความอวดเบ่งเข้าไปด้วย
.
“ขอโทษนะคะ!”
“คือ.. ไม่มีทางพอจะช่วยได้เลยเหรอ ดิฉันเองก็เป็นประธานบริษัทเหมือนกัน”
“ไม่เชื่อคุณลองดูนี่สิ!”
.
จัดแจงดึงปกเสื้อที่มีสติกเกอร์คำว่า VIP แอ่นให้พยาบาลดู เล่นเอาฝั่งตรงข้ามถึงกับสะดุ้ง หมวกทรงป้านที่สวมอยู่กราวร่วงปลิดปลิวหน้าชาไปทั้งแถบ นี่แหละหนาที่เขาว่าไม่ยอมพิจารณาให้ดีซะก่อน ว่าคนที่สนทนาอยู่นั้นคือคุณหนูมิวท์แห่งบริษัท AP ว่าที่ภรรยาของท่านประธานเปรมชายผู้เป็นดั่งความหวังสูงสุด
.
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ! ต้องขอโทษจริง ๆ นะคะ”
“งั้นขอเชิญคุณมิวท์เดินเลาะไปตามทางเดินซีกตะวันตก เสร็จแล้วจะพบทางแยกให้เลี้ยวไปทางขวา มองลูกศรชี้บอกแผนกอายุรกรรมชายเอาไว้พอไปถึงจะมีอาคารชั้นเดียวหลังยาวสุดลูกหูลูกตาตั้งตระหง่านอยู่ ตรงนั้นล่ะค่ะคือตึกศูนย์วิจัยวัคซีน ยุทโธปกรณ์เกี่ยวกับโควิดทั้งหมดถูกเก็บไว้ที่นั่นค่ะ”
“คุณมิวท์อยากให้ดิฉันเดินไปส่งไหมคะ?”
.
ท่าทีเปลี่ยนไปในบัดดลพอรู้ว่าคนที่คุยด้วยเป็นใคร การประจบประแจงก็บังเกิดทันที เคราะห์ดีที่มิวท์รู้ทันเธอจึงรีบตัดบทพลันบอกกับนางพยาบาลไปว่าไม่เป็นไรเธอจัดการเองได้
.
.
เยื้อย่างร่างกายไปตามทิศทางที่ได้รับแจ้ง ความซับซ้อนไม่ได้มากมายอะไรนักเวลาที่ใช้จึงเพียงแค่ 3 นาทีกับอีกเล็กน้อยเท่านั้น มิวท์เดินตัดทางเดินเชื่อมอาคารออกมาสู่ตัวอาคารย่อยที่สร้างแยกออกมา ลักษณะมันเหมือนกับโรงเรือนที่มีระบบรักษาความปลอดภัยหนาแน่น สะท้อนภาพของเทคโนโลยีปลอดเชื้อระดับสูง ประตูหน้ามีเจ้าหน้าที่รปภ.ใส่ชุด PPE ถือไม้กระบองคอยยืนเฝ้าตลอด มีหน่วยลาดตะเวนพร้อมอาวุธหนักเดินตรวจตราขวักไขว่ บ่งชี้ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ภายในจะต้องเป็นสิ่งสำคัญที่มีมูลค่ามหาศาล ความประหม่าตื่นกลัวจึงจุติขึ้นในมโนสำนึก
.
“ฮึบ!”
“ไม่ลองก็ไม่รู้สิน่า~! ฉันคือคุณหนูมิวท์นะ! อย่างน้อยฉันก็มีสติกเกอร์ VIP ที่หัวไหล่ เดินเข้าไปตรง ๆ นี่แหละจะไปคิดมากทำไม ในเมื่อพีกับแพรวก็กำลังรอเราอยู่”
.
จริงหรือไม่? ใช่หรือมั่ว? ความจริงอันแสนมืดมัว? เหมือนมิวท์จะไม่รู้ตัวเลยว่าแพรวนั้นเกลียดเธออย่างกับอะไรดี เธอถึงได้แต่ทำเป็นใจดีสู้เสือเดินย่างสามขุมเข้าไปหารปภ. ก่อนจะแจกแจงรายละเอียดและความต้องการให้พี่แกฟัง สลับกับเอียงดวงหน้าสวย ๆ ใส ๆ ให้เห็นชัด ๆ และทันใดนั้นเองประตูเหล็กบานหนาที่รูปทรงคล้ายกับประตูโกดังก็ถูกเปิดออก
.
“แอ๊ดดด!”
.
“ตรึม!!!”
.
“เชิญครับคุณหนูมิวท์ ผมจำคุณได้”
รปภ.พูดผ่านหน้ากากอนามัยเวอร์ชั่นคุมมิดหัว พลางผายมือเชิญให้เธอเข้าไป
.
ผู้บริหารสาวสืบเท้าเชื่องช้าระวังหยั่งเชิง ไม่กี่ก้าวหลังเข้ามาประตูก็ค่อย ๆ แง้มปิดลงตามมาตรการความปลอดภัย ทว่าเป็นมิวท์ซะอีกที่เริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ชักจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่ แสงแดดไม่มีสักกระพี้แสงนีออนก็ไม่มีให้เห็น ตัวอาคารทึบตันทุกด้านความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศแห้งกรังทำให้ผิวหนังเริ่มเหนียว แอร์คอดิชั่นเป็นเพียงหนทางเดียวที่ทำให้เธอได้หายใจ
.
ความสลัวทึมเทาเป็นเรื่องปกติในนี้ สายตายังไม่ชินแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะกลับมาเห็นชัดอีกครั้งเมื่อไหร่ ที่มิวท์ทำได้จึงมีเพียงการยื่นฝ่ามือออกไปตรง ๆ แล้วหันมาใช้ประสาทสัมผัสทางการลูบคลำแทน ซึ่งนั่นเองที่ทำให้ผู้บริหารสาวพบว่าสองฟากฝั่งรอบตัวเธอ "ล้วนเต็มไปด้วยห้องกระจก!"
.
“ซ่องเหรอ?”
หลุดโพล่งคำออกมาเบา ๆ
.
“ไม่! ไม่ใช่!”
แต่ก็ปฏิเสธทันควัน เพราะตู้โชว์ใส่โสเภณีไม่นิยมทำแนวยาวเลาะขอบทางเดินแบบนี้หรอก เขาต้องทำเป็นแนวกว้างให้หมอนวดเข้ามานั่งอัดกันได้เยอะ ๆ จะได้คุ้ม ๆ
.
อธิบายเหมือนตัวเองเคยเข้าประจำการมาก่อน แต่นั่นก็หาใช่สาระที่จะไปใส่ใจอะไรไม่ ด้วยความสัตย์จริงว่านายหญิงแห่งองค์กรยังไม่เห็นเปรมเลยในตอนนี้ ที่นี่ตอนนี้เห็นเพียงเงาดำมืดสลัวของทางเดินที่ทอดตัวยาว ลึกเข้าไปด้านในตามพิมพ์เขียวของรูปทรงอาคาร แล้วก็กระจกกั้นข้างทางที่ขนาบยาวเหยียดเป็นทางคู่กัน
.
“โครมมม!”
.
“กรี๊ดดด!”
“อะไรอ่ะ! เมื่อกี้เสียงอะไร!?”
หันซ้ายแลขวายกมือขึ้นป้องปาก พยายามสอดส่ายสายตามอง
.
ทว่าสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่เห็นมีก็แต่เงาดำของเก้าอี้ตัวหนึ่ง ที่พุ่งเข้ามาอัดแผ่นกระจกตรงหน้าอย่างจังจนสั่นสะเทือนเลือนลั่น
.
“โครมมม!”
.
“กรี๊ดดด!”
.
ไม่มีแม้แต่โอกาสให้หยุดหายใจเพราะเบื้องหลังกระจกกั้นเหล่านั้น ดันมีคนถูกจับขังเอาไว้ พวกเขาอาละวาดใหญ่โตขว้างปาข้าวของใส่รัว ๆ ซ้ำร้ายเมื่อการมาของมิวท์ได้ไปกระตุ้นต่อมโกรธของพวกเขาเข้า การแสดงออกชุดต่อมาก็เลยเป็นการผลัดกันพุ่งเข้าชาร์ทตัวเธอแทน
.
“กรรรร! ๆ ๆ ๆ ”
“กรรร! ๆ , กรรร! ๆ , งับ ๆ ๆ ๆ !”
.
“โครมมม!”
“โครมมม! , โครมมม!”
.
ตะปบกงเล็บใส่รุนแรงแยกเขี้ยวตะกุยตะกายใส่กระจก มิหนำซ้ำยังใช้ส่วนหนาบนศีรษะโขกใส่กระจกอย่างต่อเนื่องบัดซบ
.
“โป๊ก! , โป๊ก! , โป๊กกก! , โป๊กกก!”
.
เลือดซิบแหลกลานผมเผ้ายาว ๆ ของคนที่ถูกขังเละเทะแปดเปื้อน โลหิตแดงฉานทะลักหลากออกมาไม่หยุดเปรอะกระจกยืดย้วยซึมลงมาสยดสยอง ราวกับปีศาจที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อแววตาแบบนั้นไม่ใช่ดวงตาของคน มันคือสัตว์เดรัจฉานที่สูญเสียการควบคุม
.
มิวท์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเธอกรี๊ดไปหลายรอบจนเส้นเสียงแทบอักเสบ แทบไม่อยากคิดว่าถ้าไม่มีกระจกกั้นจะเป็นยังไง เธอได้แต่ถอย.. ถอย.. แล้วก็ถอย.. แต่จะให้ถอยไปไหนได้ล่ะ ในเมื่อประตูหน้าที่เข้ามาก็ปิดสลักลงกลอนไปตั้งนานแล้ว ใจเต้นเป็นกลองโสตประสาททุกแพล็ตฟอร์มถูกงัดออกมาใช้ รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางก็ไปชนเข้ากับกระจกกั้นของอีกฝั่ง
.
“ปั๊กกก!”
.
“อื้อ! ลืมไปเลยว่าฝั่งนี้ก็มี อาคารหลังนี้มีการเอาคนมาขังไว้ในห้องกระจก"
"ขังไว้ทั้งสองฝั่งเลย.. ฮือ.. อ.. อ.. น่ากลัวจัง~!”
.
“กรรรร! , โคร่งงง! , โคร่งงง! , กรรรร!”
.
“กรี๊ดดด! อย่านะ! อย่าทำอะไรฉัน!”
.
กระจกใสแผ่นหนาไม่รู้ว่าจะทานได้นานเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยการที่มิวท์แผดเสียงร้องเอาไว้ก็เป็นเครื่องรับประกันได้อย่างหนึ่งว่า คนที่ถูกขังข้างในคงไม่ชอบขี้หน้าเธอ เผลิน ๆ พวกเขาอาจจะต้องการแม้กระทั่งชีวิตของเธอด้วย!
ถึงพ่อแม่จะตายไปแล้วแต่ก็ไม่ได้แปลว่ามิวท์จะต้องตายตามพวกท่านไป เธอยังอยากเจอหน้าเพื่อนเจอหน้าเปรมแล้วก็ทุก ๆ คนอยู่ ทว่าจะทำได้รึเปล่านั้นยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ตอนนี้สาวเจ้าเหมือนลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่ทรุดตัวลงอยู่กลางดงอสูร กระจกตู้ฝั่งขวาเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่คลุ้มคลั่ง ฝั่งซ้ายก็เช่นกันมันคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เถื่อนถ่อย.ป้องหูปิดตาผินหน้าหลบไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก มิวท์กลัวเกินไปคราบเลือดที่หวิดจะกระเซ็นใส่ กับเสียงโขกหัวอัดกระแทกตู้ชวนให้เธอหลอน.“กรี๊ดดด!"“ไม่เอาแล้ว.. ไม่อยากอยู่แล้ว!”“ไม่ไหวแล้ว.. ไม่ไหว.. ไม่ไหว.. กรี๊ดดด!”.สติแตกสุดขั้วโลกสถาบันวิจัยวัคซีนบ้าบออะไร ขนาดนั่งยองป้องตามองอยู่ตรงนี้ยังคิดว่าตัวเองอยู่ในบ้านผีสิงของแดนสนธยาไม่มีผิด ที่นี่เหมือนโรงบาลประสาทหรือไม่ก็โรงพยาบาลผีสิงที่มีหมอสติเฟื่องเป็นผู้กุมความลับ มันจะต้องมีการทดลองวิปริตในนี้เป็นแน่ แล้วผู้คนที่ถูกพันธนาการอยู่หลังบานกระจกกั้น ก็คือสัตว์ทดลองที่ผิดพลาด .“ใช่! ต้องเป็นแบบที่เราคิด!”“น่ากลัวอ่ะ~!”“พี่เปรมคะ? พี่อยู่ที่ไหนกัน?”.สภาพจิตใจบอบช้ำหนักกลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึ
สะบัดบ็อบส่ายศีรษะพรึบพรับพลันคิดขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาเถลไถล เป้าประสงค์ของการมาโรงพยาบาลคืออะไร มาตามหาเพื่อนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานมิใช่เหรอ ว่าแล้วมิวท์จึงละทิ้งทุกสิ่งที่หาสาระไม่ได้เหล่านั้นไป พลันตรงไปที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ชะโงกหน้าเข้าไปถามคุณพยาบาลเอาความให้ได้.“ท่านประธานเปรมอยู่ที่ตึกด้านหลังค่ะ ที่นั่นเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน แต่เป็นสถานที่ ๆ ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปโดยเด็ดขาด ดิฉันคงบอกทางให้ไม่ได้ต้องขออภัยด้วยนะคะ”พยาบาลสาวตอบด้วยคีย์เสียงโมโนโทนกึ่งท่องสคริปต์.แต่ละวันเธอคงล้ากับการไล่ตอบคำถามจากผู้คนมากหน้าหลายตาซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ ยิ่งเป็นพวกนักข่าวด้วยแล้วสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้กับโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นดั่งความหวังเดียว เผิน ๆ การเปล่งวาจาของเธอแต่ละคำ จะมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดของโฆษกของรัฐที่แถลงข่าวประจำวันซะอีก มิวท์เลยวัดใจด้วยการลองถามใหม่อีกที คราวนี้แฝงความอวดเบ่งเข้าไปด้วย.“ขอโทษนะคะ!”“คือ.. ไม่มีทางพอจะช่วยได้เลยเหรอ ดิฉันเองก็เป็นประธานบริษัทเหมือนกัน”“ไม่เชื่อคุณลองดูนี่สิ!”.จัดแจงดึงปกเสื้อที่มีสติกเกอร์คำว่า VIP แอ่นให้พยาบาลดู เล่นเอาฝั
ผนังทึบสี่ด้านเคลื่อนตัวลงมาด้วยความเร็วสูง ระหว่างทางในลิฟท์ยังมีบทสนทนาเกิดขึ้นอีกหลายประโยค ที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ มิวท์กำลังคิดว่าตัวเองจวนจะได้เจอเพื่อน พร้อมกันนั้นก็คิดว่าเพื่อนอาจจะโดนโควิดเล่นงานจนขาดใจตายไปก่อนแล้วก็เป็นได้.แป้นตัวเลขระบุชั้นไหลเร็วราวกับตัวเลขบนปั้มน้ำมัน มันไหลพรวดพราดสว่างวูบวาบพลันนำห้องโดยสารทรงลูกบาศก์ลดระดับลงมายังชั้นหนึ่งได้โดยสวัสดิผล และยังไม่ทันที่ประตูทั้งสองฟากฝั่งจะเคลื่อนออกสุด พนักงานชายคนเดิมก็แทบจะถูกถีบออกมาเลย.“พลั๊ว!”.“นำเลยพี่! รีบเลย! พี่เจอพวกเขาตรงไหนรีบพาหนูไปเดี๋ยวนี้!”.“อ่ะ.. เอิ่ม.. ม.. ม.. ได้ครับได้!”.2 คู่ 4 ตีนกุลีกุจอกันออกมาภายนอกบริษัท จุดหมายปลายทางคือริมฟุตบาทตรงจุดเกิดเหตุที่ซึ่งสันนิษฐานว่าพีกับแพรวคงจะมาเสียท่ากันตรงนั้น มิวท์กดปุ่มเรียกหน้ากากครอบแก้วขึ้นมาคลุมศีรษะ พนักงานเองก็เช่นกันเขาวิ่งนำหน้าเจ้านายไปตามทางที่คิดว่าใช่ ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะมาคุวังเวง.ภายนอกตึกบริษัทเข้าขั้นวิปโยคพูดก็พูดเถอะว่า มันเลวร้ายหนักกว่าเมื่อเช้าตอนที่เขาเข้ามาทำงานซะอีก บ้านเมืองไม่ต่าง
“Now loading”.ขึ้นข้อความเช่นนี้จริงแต่ก็แค่เสี้ยววินาทีสั้น ๆ เท่านั้น มิวท์ไม่อาจดึงกลับได้อีกต่อไป ความเป็นห่วงเป็นใยของเธอถูกส่งให้เพื่อนเป็นรอบที่แปดแสน พร้อม ๆ กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้านศิลธรรมที่ตลบอบอวลอยู่ในกมลสันดานแห่งความเป็นมิตร มันง่อนแง่นเกินทน มันจวนเจียนจะขาดสะบั้น มิวท์ยังถือโทรศัพท์เอาไว้เช่นนั้น กระทั่งเข้านาทีที่สี่แพรวก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับมา.“เราจะทำยังไงดี แพรวคงเกลียดเราแล้วจริง ๆ สินะ”.สาวเจ้าพะว้าพะวังกับตัวเองผ่านบานกระจกใสที่สะท้อนเงาคนเป็นเจ้าของ มรดกตกทอดกับสมบัติกองพะเนินก็มิช่วยอะไร ในเมื่อตัวเธอนั้นแสนจะทุกข์ พ่อแม่ตายเพื่อนก็หายหัว พอลองคิดทบทวนดูเจ้าหล่อนถึงเริ่มเห็นความเชื่อมโยงของเหตุปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นเหตุเป็นผลกันอยู่.กล่าวคือสมมุติถ้าเอาตัวเองมาสลับฝั่งกลายเป็นแพรว แล้วต้องมาเห็นผู้ชายที่ตัวเองรักมายืนแถลงข่าวถ่ายทอดสดกับเพื่อนสนิท เป็นใครมันจะรับได้ ใครบ้างจะไม่โกรธ ขนาดมิวท์เองยังรับไม่ไหวเลยเธอคงจะปล่อยโฮออกมาแบบไม่อายดินอายฟ้าเป็นแน่ . “นี่เราทำอะไรลงไป?” “แพรวคงเห็นถ่ายทอดสดเมื่อกี้หมดแล้วสินะ ถึงได้ปฏิเสธเราขนาดน
“คืออย่างงี้พี่จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ เอาแบบรวบรัดเลยล่ะกันเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พี่ต้องบอกมิวท์ตรง ๆ ว่าตัวพี่กับบรรดาคณะแพทย์ในสังกัด AP ได้แอบทำสิ่งนี้มาสักระยะแล้ว มันคือโปรเจคการติดเครื่องติดตามตัวลงในหน้ากากครอบแก้ว”.“ทุกตู้หยอดเหรียญในหน้ากากทุกชิ้นที่วางขายผ่านระบบสาธารณะ จะมีการแอบบันทึกข้อมูลของผู้สวมใส่ไว้ทั้งหมด ลมหายใจของพวกเขา อัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด หรือแม้แต่ภาพที่พวกเขามองเห็นผ่านทางกระจกใสด้านหน้า ทุกอย่างล้วนบอกได้ว่าผู้สวมใส่มีไลฟ์สไตล์อย่างไร เราจะได้แยก LGBT ออกจากคนทั่วไปได้จากสิ่งเหล่านี้”.“บ้าน่ะพี่.. ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แบบนี้ก็เท่ากับโจรกรรมข้อมูลของลูกค้าน่ะสิ มิวท์ไม่เห็นรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย?!”.“ไม่แปลกหรอก! เพราะเรื่องนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกิจการพยาบาลของครอบครัวพี่ กับคุณพ่อคุณแม่ของมิวท์ที่เป็นประธาน AP คนเก่า พวกเราทำกันแบบลับ ๆ มีแค่ทีมงานไม่กี่คนที่รู้ ลำพังกลยุทธ์การขาย "ยาคุม" เพื่อล่อ LGBT ออกจากที่ซ่อนนั้นไม่พอสำหรับผลลัพธ์ที่ต้องการหรอก เราจำเป็นจะต้องมีการใช้มาตรการเชิงรุกที่เข้มข้นขึ้น หน้ากากครอบแก้
ชั้นในตัวบางลายเรียบร้อยถูกสวมใส่คืนเข้าที่ ย่างกายไปอีกฝั่งมีบลาสีเข้ากันวางกองอยู่บนพื้น มิวท์บรรจงสวมทุกอย่างคืนสู่ร่างเปลือยตนเองด้วยความเคอะเขิน ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่เธอก็ยังไม่ชินกับพฤติกรรมเสื่อมทรามคาวโลกีย์นี้เสียที กิจกามเริงสวาทของเธอและเปรมจบลงไปแล้ว โพรเดียมเต็มไปด้วยคราบเหงื่อ ส่วนโต๊ะเมนตรงกลางก็เกรอะกรังไปด้วยสารคัดหลั่งจำพวกน้ำหล่อลื่นและซากอสุจิ.บางทีพวกเขาอาจจะเร่งเกินไป ความรุนแรงเกินห้ามใจทำให้อะไร ๆ จบลงเร็วกว่าที่คิด จึงไม่เป็นผลดีต่อความรู้สึกลึก ๆ ภายในใจสักเท่าไหร่ มิวท์ยังไม่เสร็จนั่นคือความจริง เธอค้างเติ่งกลางอากาศดูจากรอยย่นบนใบหน้าก็รู้ว่าเธอไม่สบอารมณ์นัก . “คลิ๊ก”สะบัดบลาติดตะขอคืนด้วยตนเอง นวลนมดีดเด้งเข้าที่ตามติดมาด้วยการก้มลงคว้าเอาชุดเดรสกับเสื้อสูทอันแสนภูมิฐาน ขึ้นมากลัดกระดุมคืนตำแหน่งเดิม .“บ้าบอชะมัด! ใครกันที่โทรมาขัดอารมณ์ตอนนี้ , หึ๊ยยย! , น่าโมโหจัง!”สะบัดผมมุ่ยหน้ามองบน มิวท์เดินย้อนกลับมายังโต๊ะเมนตรงกลาง ที่ซึ่งมีเปรมกับร่างเปลือยของเขากำลังนอนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่.“ให้ตายเถอะ! ก็จริงอยู่ว่าฉันอาจจะปลอดภัยจากการติดเช