LOGINร้านหอมละมุน
กรุ๊ง กริ๊ง ~ เสียงกระดิ่งที่อยู่ตรงประตูทางเข้าของร้านดังขึ้นเนื่องจากร่างบางเพิ่งหมุนตัวเดินกลับเข้าร้านของตนไป เธอหอบถุงขยะใบใหญ่ออกมาทิ้งด้านนอกก่อนจะพลิกแผ่นป้ายที่ห้อยอยู่ตรงกระจกกลับด้านเป็นอีกฝั่งหนึ่งเพื่อบอกว่าร้านของเธอยังไม่เปิดให้บริการ
มีเสียงนกร้องแทรกเข้าหูบางเป็นระยะเนื่องจากยังเป็นเวลาเช้าตรู่ คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาในครัวด้านหลังร้านแล้วเอื้อมตัวจับเอาผ้ากันเปื้อนสีชมพูน่ารักมาสวมเข้าที่ตัวเพื่อเริ่มอบขนมตามออเดอร์ที่ถูกสั่งเข้ามาวันนี้จากอาธเนศ
วันนี้ร้านของเธอต้องปิดให้บริการครึ่งวันเช้าเพราะต้องจัดชุดพักเบรกสองร้อยชุดให้ทันและไปส่งก่อนเที่ยงตรงตามที่อาธเนศได้นัดหมายกับเธอไว้ มือบางเทส่วนผสมที่ชั่งตวงมาอย่างดีลงแป้นพิมพ์รูปดอกไม้จนครบตามจำนวน ก่อนจะส่งมันเข้าเตาที่อุ่นรอไว้แล้วเมื่อยี่สิบนาทีก่อนหน้า พอจัดการเทขนมจนครบสองร้อยชิ้น ไมอาก็เดินไปหยิบแก้วพลาสติกมาวางเรียงลงบนโต๊ะเพื่อเตรียมจะเทกาแฟสดที่สกัดรอเอาไว้ตั้งแต่ตอนเธอตื่นนอน…
จนเวลาล่วงเลยไปเกือบสิบเอ็ดโมงเช้าไมอาก็บรรจุทุกอย่างเข้าแพ็กเรียบร้อยเหลือเพียงเรียกรถให้เข้ามารับตัวเธอกับชุดพักเบรกที่หน้าร้าน
“อีกไม่ถึงสิบนาทีรถก็ถึงแล้วนี่นา งั้นออกไปยืนรอข้างหน้าดีกว่า” เสียงหวานเอ่ยบอกกับตัวเองพร้อมกับหิ้วถุงเต็มไม้เต็มมือเดินออกไปที่หน้าร้านกาแฟของตน
หญิงสาวยืนรออีกเพียงไม่กี่นาทีรถที่เธอเรียกผ่านแอปพลิเคชันก็เข้ามาจอดเทียบตรงหน้า เธอเปิดประตูขึ้นรถด้วยท่าทางคล่องแคล่วถึงแม้จะมีของพะรุงพะรังแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับร่างเพรียวแม้แต่น้อย
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงสาวน้อยหน้าตาสะสวยก็มายืนอยู่ที่หน้าตึกระฟ้าใจกลางเมืองหรือบริษัทของอาธเนศ…ขาเรียวก้าวเดินเข้าไปด้วยความมั่นใจเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องเข้ามาส่งขนม เธอเลยรู้ดีว่าต้องขึ้นไปที่ชั้นไหนของตึกสูงนี้
“อ้าว หนูไมอามาพอดีเลย ตรงต่อเวลาจริงๆ” อาธเนศเอ่ยทักเธอทันทีที่ร่างบางเดินพ้นออกมาจากลิฟต์ตัวใหญ่
“สวัสดีค่ะ ให้ไมอาวางไว้ที่โต๊ะตรงนี้เลยไหมคะ”
แม้ในมือจะมีของที่ต้องถือมากมายแต่สาวน้อยก็ยังยกมือไหว้ผู้ชายตรงหน้าอย่างนอบน้อม
“ใช่ๆ แต่เดี๋ยวอาช่วยเราดีกว่า มาๆ”
หนุ่มวัยสี่สิบต้นๆ ที่ดูหนุ่มกว่าวัยเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับแย่งของในมือที่เธอถืออยู่ไปทำให้มือของเขาจับเข้าที่มือของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้…
ไมอาส่งยิ้มบางๆ ให้กับผู้ชายตรงหน้าแล้วดึงมือของตัวเองออกอย่างสุภาพ เธอไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดจะดูไม่ออกว่าอาธเนศมีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือการกระทำในบางครั้ง
“เหนื่อยไหมหนูไมอา ต้องตื่นมาทำให้อาตั้งแต่เช้าเลยสิ เยอะขนาดนี้” เสียงที่ดูมีอำนาจตามวัยวุฒิเอ่ยถามเธอ
“ไม่เลยค่ะ ปกติก็ต้องตื่นแต่เช้ามาอบขนมเตรียมเปิดร้านอยู่แล้ว”
ใบหน้าสวยพูดบอกไปตามจริงกับกิจวัตรของเธอที่ต้องทำทุกวัน
“ถ้าเหนื่อยก็บอกอา มาทำงานกับอาก็ได้จะได้ไม่ต้องลำบากตื่นแต่เช้ายืนหลังขดหลังแข็ง…มันเสียสุขภาพ”
“ขอบคุณอามากๆ เลยนะคะ แต่ไมอาว่าไมอารักร้านหอมละมุนมากๆ คงทิ้งไม่ได้” เสียงหวานตอบกลับด้วยความหนักแน่นในจุดยืนของตัวเอง
“อืม ถ้าเปลี่ยนใจก็บอกอานะ…ทั้งหมดนี่สามหมื่นใช่ไหม บัญชีเดิมนะ”
“ใช่ค่ะ”
อาธเนศไม่ได้ตื๊ออะไรเธอต่อเขาเพียงส่งยิ้มด้วยแววตาสื่อความหมายให้ซึ่งเธอก็เลือกที่จะทำเป็นไม่เห็นมัน ก่อนที่มือถือที่อยู่ในมือของเธอจะสั่นขึ้นพร้อมกับยอดเงินห้าหมื่นถูกโอนเข้ามา…
ทุกครั้งที่มีออเดอร์จากอาธเนศ ไม่ว่าค่าชุดพักเบรกที่เธอจัดจะราคาเท่าไหร่ อาก็จะโอนยอดเกินมาเสมอแล้วบอกว่าเป็นค่าแรงต่างหากของเธอขอแค่เธอเอามันเข้ามาส่งด้วยตัวเองก็พอ ไม่ใช่ว่าไม่เคยปฏิเสธแต่พูดไปกี่ครั้งก็ไม่เป็นผลเธอเลยไม่เอ่ยอะไรอีกทำเพียงแค่ขอบคุณเขา
“ขอบคุณอาธเนศนะคะที่เอ็นดูร้านเล็กๆ ของไมอา” มือเรียวยกขึ้นประกบกันแล้วก้มไหว้เขาด้วยความจริงใจ
“เราเป็นเด็กน่ารัก แค่นี้ยังน้อยไป”
คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่ดีๆ มือของอาก็ลูบลงที่ศีรษะของเธอในจังหวะที่กำลังก้มหัวอยู่ทำให้ร่างบางถอยตัวกลับมาเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ แต่มือของผู้ชายตรงหน้าก็ยังไม่ละห่างออกไป เขาเอาแต่ลูบผมนุ่มสลวยของไมอาแล้วจ้องมองใบหน้าสวยอยู่แบบนั้น
“เอ่อ ไมอาขอตัวก่อนนะคะ พอดีต้องกลับไปเปิดร้านช่วงบ่ายต่อ”
“อืม เอาสิ กลับดีๆ ล่ะ…อ๋อ เดี๋ยวสิหนูไมอา”
“…คะ?” ตากลมสวยมองมือของอาธเนศที่คว้าจับต้นแขนของเธอไว้ในจังหวะที่กำลังจะหมุนตัวเดินออกไป
“เย็นนี้หนูว่างหรือเปล่า เราไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อดีไหม เดี๋ยวอาไปรับ” นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ของชายวัยเลขสี่เป็นประกายขึ้นทันที
“เอ่อ…พอดี”
“คุณธเนศสวัสดีครับ อ้าวไมอา มาส่งขนมหรอ”
“อ๋อ ใช่ค่ะพี่นนท์ พอดีอาสั่งชุดพักเบรกตั้งสองร้อยชุดแหนะ”
หญิงสาวที่กำลังอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดใจรีบตอบกลับชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งโผล่เข้ามาในวงสนทนา ทำให้ผู้มีศักดิ์เป็นลูกของคุณหญิงย่ารีบแปรเปลี่ยนสีหน้าและแววตาให้กลับมาเป็นปกติเพื่อไม่ให้คนของพระราชวังสังเกตอะไรในตัวเขาได้
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
“ผมด้วยครับคุณธเนศ สวัสดีครับ”
นนท์และไมอาเดินออกมาพร้อมกันโดยมีสายตาของอาธเนศมองตามมาและนัยน์ตาคมอีกคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังกำแพงก็จ้องมองลอบสังเกตเหตุการณ์ทั้งหมดอยูู่ไม่ต่างกัน…
“พี่ไปก่อนนะ พอดีมากับคุณคามินน่ะ” นนท์บอกกับสาวน้อยที่เดินอยู่ข้างกายเขา
“อ๋อ ค่ะ ขอบคุณพี่นนท์นะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าให้เธอแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันตรงนั้น นนท์เดินย้อนกลับไปทางเดิมก่อนจะเลี้ยวไปอีกฟากหนึ่งของอาคารก็เจอกับร่างสูงของเจ้าชายคามินยืนล้วงกระเป๋ารอเขาอยู่
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ ให้ผมพากลับวังเลยไหม”
“อืม ไปตามผู้หญิงที่ชื่อไมอามาด้วยสิ เธอก็น่าจะกลับไปที่ร้านกาแฟเหมือนกันไม่ใช่หรอ” เสียงทุ้มพูดพร้อมกับหันใบหน้าหล่อกลับมามองผู้ชายอีกคนที่อายุเท่ากับเขา
“เอ่อ…มันจะดีหรอครับ” ถึงแม้ในใจเขาจะเป็นห่วงสาวเจ้าของร้านอยู่ไม่น้อยแต่ยังไงก็ต้องคิดถึงความเหมาะสมไว้ก่อน
“ไม่ต้องคิดขนาดนั้นหรอก ให้นั่งหน้าไปกับนายสิ”
“…ครับ”
ทันทีที่ได้รับคำยืนยันจากผู้มีอำนาจนนท์ก็เร่งสาวเท้าเดินไปตามทางที่ร่างเล็กเพิ่งออกไป
ภายในรถโรลส์รอยซ์
ตอนที่พี่นนท์วิ่งกลับมาตามเธอเพื่อให้กลับไปพร้อมกันเธอก็ลืมไปเลยว่าเขามาพร้อมกับผู้ชายคนนั้นที่เธอเผลอไปว่ากลิ่นตัวของเขาที่ร้านกาแฟ ทำให้ตั้งแต่ออกมาจากบริษัทของอาธเนศจนถึงตอนนี้ที่รถกำลังเลี้ยวเข้าเขตของพระราชวังไม่มีบทสนทาใดๆ เกิดขึ้นเลยระหว่างคนทั้งสามคน…
รถหรูราคาหลายสิบร้านขับเข้ามาเทียบจอดที่หน้าร้านหอมละมุน สาวเจ้าของร้านปลดเข็มขัดที่คาดพาดตัวอยู่ออกก่อนจะหันไปขอบคุณผู้ชายทั้งสองคนที่อนุญาตให้เธอนั่งมาด้วย
“ขอบคุณพี่นนท์…เอ่อ ขอบคุณเจ้าชายด้วยนะคะ” เสียงหวานอึกอึกพูดออกไปโดยไม่กล้ามองสบตากับผู้ชายตัวสูงด้านหลัง เธอเพียงส่งยิ้มให้พี่นนท์คนขับแล้วลงจากรถมา
จากนั้นรถหรูขับเคลื่อนแล่นเข้าไปภายในรั้วของวังทันทีที่ประตูรถถูกปิดสนิท…
“นายสนิทกับไมอาหรอ” เสียงทุ้มเข้มถามคนขับรถของตัวเอง
“ครับ ผมเพิ่งเข้ามาในวังได้ไม่กี่ปีแต่คนที่จะเจอกันบ่อยๆ ก็จะมีป้าช่อ ต้นอ้อแล้วก็ไมอา เลยค่อนข้างสนิทครับ” เขาตอบออกไปตามความจริง
“อืม”
คามินตอบเพียงเท่านั้นแล้วไม่ได้ถามอะไรต่อจนรถมาจอดสนิทที่หน้าประตูชายหนุ่มก็ก้าวขาลงมาแล้วเดินขึ้นบันไดเพื่อไปที่ห้องนอนของตัวเอง
ห้องนอนคามิน
“ดูท่าน่าจะมีคนสนใจยัยนั่นต่ำๆ ก็สองคนสินะ…หึ”
ชายหนุ่มพูดออกมาโดยตาคมก็มองเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจกก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย…
อาของเขาแล้วคนหนึ่ง ส่วนอีกคนเห็นจะเป็นนนท์อย่างปฏิเสธไม่ได้เพราะถึงขนาดขอปลีกตัวจากเขาเพื่อไปช่วยผู้หญิงคนนั้นออกมาจากการเข้าหาของอาธเนศเลยทีเดียว
อืม…ก็ไม่ได้สวยขนาดนั้นซะหน่อย
22:30น.ไมอานั่งมาสก์หน้าอยู่บนโซฟาตัวนุ่มหน้าทีวีภายในห้องนั่งเล่นขนาดกลางที่อยู่ระหว่างครัวทำขนมกับอีกฟากหนึ่งเป็นโต๊ะทานอาหาร หลังจากกลับมาจากไปส่งขนมให้อาธเนศที่บริษัทเมื่อช่วงบ่ายถึงร้านก็เย็นแล้ว เธอเลยตัดสินใจปิดร้านเพราะขนมก็ขายหมดเกลี้ยงตู้ไปตั้งแต่เช้าเลยเลือกจะเอาเวลาที่เหลือไปเตรียมวัตถุดิบทำขนมสำหรับวันถัดไปแทน ทำให้พรุ่งนี้เธอไม่จำเป็นต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมของ…จะนอนตื่นสายให้ชื่นใจเลย!ครืดดดด ~ร่างเล็กนั่งอยู่ในชุดนอนละสายตาออกจากหน้าจอตรงหน้ามาเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองที่สว่างวาบขึ้นมาก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้งให้ชัด ถึงเห็นเป็นสายของย่ารดาที่โทรเข้ามาทำให้เธอไม่ลังเลที่จะกดรับมัน“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักปลายสายก่อน(ไมอานอนหรือยังลูก)“ยังค่ะ กำลังนั่งดูทีวีอยู่ค่ะ ย่ามีอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอถามออกไปเพราะไม่บ่อยครั้งนักที่ย่ารดาจะโทรมาหาเธอดึกดื่นขนาดนี้เพราะล่าสุดก็ตอนที่ให้เอาชาคาโมมายล์ไปให้(เอ่อ พอดีย่ามีเรื่องจะรบกวนหนูนิดนึง) เสียงปลายสายฉายความเกรงใจออกมาจนรู้สึกได้“ได้สิคะ บอกมาได้เลย ย่าไม่ต้องเกรงใจไมอานะ” เสียงหวานย้ำบอก เพราะเธอเต็มใจช่วยผ
หญิงชราวัยเจ็ดสิบปีหรือย่ารดาผู้อาวุโสสูงสุดของวังเปรมเดินกลับออกมาจากสวนดอกไม้ด้านหลังวังพร้อมกับสาวใช้นับสิบคนเดินตามหลังของหญิงผู้มีอำนาจ ถึงแม้อายุจะแตะเลขเจ็ดแล้วแต่สุขภาพของเธอยังคงแข็งแรงดี ขาที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นให้เห็นเด่นชัดก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นจนพาตัวเองมายืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง“เพิ่งตื่นหรอคามิน ลงมาซะสายเลย” เสียงทุ้มพร่าของคนอายุมากทักหลานชายที่เพิ่งโผล่มาให้เห็นหน้าเป็นครั้งแรกของวัน“ครับ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบตีสองแหนะ” ปากหนาคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะก้าวขาเดินลงบันไดฝั่งห้องของตนนัยน์ตาที่ยังคงสวยไม่สร่างมองตามร่างแกร่งก้าวเดินลงบันไดมาทีละขั้นเพื่อรอหลานลงมาคุยกันด้านล่างวืดดด ปั่ก ปั่ก ปั่ก!!“ว้ายยยย / กรี๊ดดดดด”เสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนออกมาด้วยความตกใจดังขึ้นทันทีที่องค์รัชทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลก้าวพลาดเสียหลักแล้วหงายหลังลงหัวฟาดเข้ากับขั้นบันไดอย่างจังจนชายหนุ่มหมดสตินอนคอพับไปตรงนั้น…“คามิน!! มัวยืนงงอะไรกัน เรียกรถพยาบาลสิ!!!”ผู้มีศักดิ์เป็นย่ารีบวิ่งเข้าไปหาหลานของตนแล้วจับตัวของเขาด้วยความระมัดระวังเพื่อสังเกตอาการเบื้องต้น ก่อนจะหันไปตะคอ
กลิ่นหอมของโกโก้ร้อนลอยตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องหลังจากที่ไมอาเพิ่งเดินไปชงมันมากับมือแล้วเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะทานข้าว เธอวางแก้วลงบนโต๊ะแล้วจับช้อนส้อมตักข้าวไข่พะโล้ที่เธอเป็นคนทำเองเช่นกันเข้าปาก ในขณะเดียวกันตากลมสวยก็นั่งมองจอไอแพดขนาดใหญ่ที่กำลังฉายซีรีส์เรื่องโปรดอยู่อย่างจดจ่อ เช้านี้เป็นเช้าที่ไม่เร่งรีบของเธอเพราะไม่ต้องเอาขนมเข้าไปส่งในวังอย่างที่เคยทำ เนื่องจากย่ารดาบอกว่าวันนี้ทุกคนจะออกไปทำธุระกันข้างนอกเลยไม่มีใครอยู่ แต่ร้านของเธอก็ยังเปิดให้บริการเป็นปกติเลยต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาอบขนม ดีหน่อยที่พอมีเวลาเหลือระหว่างรอขนมออกจากเตาเลยได้มานั่งเพลิดเพลินอยู่กับซีรีส์สุดฟินตรงหน้าติ๊ง!เสียงของเครื่องอบขนมดังบอกว่าเธอควรไปเอามันออกมาจากตู้อบได้แล้ว ร่างบางจัดการกับอาหารตรงหน้าหมดพอดีเลยรีบลุกขึ้นเดินไปเปิดเตาก่อนจะใส่ถุงมือกันความร้อนและเอาขนมที่เพิ่งอบใหม่ๆ ออกมาวางตรงถาดที่วางรออยู่ก่อนแล้วบนเคาน์เตอร์ครัว กลิ่นหอมของมันโชยเข้าจมูกรั้นจนหญิงสาวอดไม่ได้หยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมาเป่าแล้วส่งเข้าปากเล็กของตัวเองไป“อื้ม อร่อย ~” ใบหน้าสวยยกยิ้มออกมาอย่างพอใจกับรสชาติหวานละมุนของมัน
“คุณย่าอยู่นี่นี่เอง วันนี้เข้ามาในสวนแต่เช้าเลยหรอคะ” เสียงของไมอาที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกระถางดอกไม้ในมือหลังจากที่เธอแวะฝากขนมไว้กับต้นอ้อที่หน้าวังเรียบร้อยแล้ว“ใช่จ้ะ อากาศในสวนช่วงเช้ามันร่มรื่นดีน่ะ…แล้วนั่นเอาอะไรมาด้วย” หญิงสูงวัยตอบก่อนจะถามถึงสิ่งที่สาวน้อยอุ้มมันอยู่ในอ้อมอก“กุหลาบเรนนี่บลูค่ะ พอดีหนูได้เมล็ดพันธุ์มาเลยลองเพาะดูที่สวนหลังร้านแล้วต้นของมันแข็งแรงดีจนใกล้จะออกดอกแล้วเลยเอามาให้ย่า คิดว่าอยู่ในสวนสวยๆ แบบนี้คงเหมาะมากกว่า”“สวยเชียว…งั้นเราปลูกไว้ตรงไหนกันดีล่ะ”“ริมเสาตรงศาลานี้ดีไหมคะ เพราะกุหลาบพันธุ์นี้เป็นไม้เลื้อยออกดอกเป็นพวงสีม่วงอ่อนๆ น่าจะตัดกับเสาสีขาวนี่ออกมาสวยเลย อีกอย่างกลิ่นของมันไม่ฉุนจนเวียนหัวด้วยค่ะ”ย่ารดามองนัยน์ตาคู่สวยของไมอาที่กำลังพูดอธิบายด้วยแววตาเป็นประกาย มันยิ่งทำให้เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของหญิงชราเป็นไหนๆ“อื้ม เอาสิ ตามใจเราเลย ใครจะไปรู้ดีเท่าคนปลูกล่ะ…จริงไหม?” ผู้อาวุโสของวังปล่อยให้เด็กสาวทำตามอำเภอใจพร้อมกับหัวเราะออกมาน้อยๆ ด้วยความอารมณ์ดีฟึบ ฟึบเสียงพลั่วตักดินดังขึ้นด้วยแรงของไมอาที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขุดด
ร่างหนาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานกลางห้องแล้วบิดคอไปมาเพื่อยืดเส้นยืดสายหลังจากที่เขานั่งทำงานมาตั้งแต่ช่วงเช้าของวันจนตอนนี้ก็ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว ชายหนุ่มสาวเท้าเดินตรงไปที่หน้าต่างบานใหญ่ในห้องของตัวเอง ที่สูงกว่าตัวเขาถึงสองเท่าก่อนจะกรีดนิ้วแกร่งแง้มม่านให้เปิดกว้างออก พลันสายตาคมก็ปะทะเข้ากับนนท์และไมอาที่กำลังยืนหัวเราะคุยกันอยู่ที่ด้านล่างหน้าวังพอดี ใบหน้าหล่อไร้ซึ่งสีหน้าใดๆ แสดงออกมาเขาเลื่อนสายตาไปมองด้านหลังของร้านหอมละมุนเป็นที่ถัดไป เพราะถ้ามองจากห้องของเขามันจะตรงกับหลังร้านของยัยนั่นพอดีเช่นกัน…ว่างงานขนาดที่มายืนคุยเล่นกันอยู่ตรงนี้เลยหรอก๊อก ก๊อก ก๊อก“คุณย่ารดาให้ต้นอ้อเอาของว่างมาเสิร์ฟค่ะ” เสียงใสดังขึ้นที่หน้าประตู“เชิญ” คามินตอบพร้อมกับปล่อยม่านให้ทิ้งตัวปิดลงตามเดิมหลานสาวของป้าช่อเดินเข้ามาภายในห้องนอนของเขาด้วยท่าทางเก้ๆ กัง เธอเดินตรงไปวางของทานเล่นที่ว่าลงบนโต๊ะทำงานของเขาก่อนจะหมุนตัวหันมาหาเจ้าชายเพียงคนเดียวของที่นี่“เอ่อ…มีผลไม้รวมปอกพร้อมทานกับเค้กแครอทของพี่ไมอาค่ะคุณคามิน”“อืม ขอบใจ” ตาคมมองหญิงสาวหน้าตาสดใสตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ“คุณคามินต้องการอะไรเพิ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ย่าครับ ย่ารดา”น้ำเสียงทุ้มคุ้นหูดังเรียกชื่อของหญิงชราที่กำลังนอนอยู่ภายในห้อง ทำให้คุณหญิงย่าของวังตื่นขึ้นมากลางดึก เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วตั้งตัวลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงกับหัวนอน นัยน์ตาสวยของหญิงวัยเจ็ดสิบเหลือบมองนาฬิหาแขวนตรงผนังห้องที่บอกเวลาตีสอง พลันในหัวก็สงสัยว่าทำไมหลานชายของตนถึงมาเคาะประตูเรียกดึกดื่นป่านนี้“ย่าครับ” คามินเรียกย่าของตนอีกครั้งเพราะยังไม่มีเสียงใดตอบกลับหญิงสูงวัยในห้องเลยเคลื่อนย้ายตัวเองลงมานั่งบนวีลแชร์แล้วใช้พลังที่มีบังคับรถเข็นเปิดประตูออกมาที่หน้าห้องแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า…แต่กระนั้นคนสูงวัยกลับไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เธอเลือกที่จะใช้พลังของตนบังคับรถเข็นที่นั่งอยู่มุ่งตรงไปที่ห้องโถงใหญ่หน้าวัง คงเพราะรู้ดีว่าเวลานี้ไม่มีคนของวังอยู่แล้ว และเธอก็ได้กำชับคนงานทั้งหมดให้เปิดไฟให้สว่างจนทั่วก่อนเลิกงานบรรยากาศโดยรอบไม่ได้ดูน่ากลัวแต่ด้วยความเงียบงันเลยทำให้รู้สึกวังเวงอยู่ภายในใจไม่น้อย…มือเหี่ยวย่นขยับเพียงไม่นานก็พาตัวเองมาอยู่ตรงโถงกลางของวังระหว่างบันไดทั้งสองข้างที่ด้านบนเคยเป็นห้องนอนของตนและอีกฟากหนึ่งที่เป็นห้องนอนของห







