แชร์

DEEP LOVE : 02 (2/2)

ผู้เขียน: ฮวายอน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-14 12:31:41

“Sorry…” ฉันเอ่ยขอโทษขอโพยเขาทันทีพลางขยับปีกหมวกให้ปิดลงมาแบบเดิมเพราะตอนชนกันหมวกฉันเกือบหลุดออกจากหัว

“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบ แต่…ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเสียง ที่

ยิ่งไปกว่านั้นคือกลิ่นละมุดที่มันเตะเข้าจมูกอย่างจังจนแสบจมูกไปหมด นี่เขาไปตกถังเหล้าที่ไหนมาวะ แต่ช่างเหอะ…มันมีอะไรที่สำคัญกว่าจะมาอยากรู้อะไรไร้สาระ ในจังหวะที่ฉันจะก้าวเท้าไปต่อ เขาโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับฉัน

“เห่ย…”

ดวงตาฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังเตรียมซอยเท้าสี่คูณร้อย ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงรั้งที่มาจากกระเป๋าเป๋ด้านหลัง ทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก

“จะไปไหนครับ คุณว่าที่เจ้าสาว”

“ปล่อยฉันนะ!” ฉันหันไปผลักกลางอกนายมธุษินทร์ จนเขาเสียหลักถอยไปชนกับเสากลมใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่เขาจะกลับมาตั้งหลักได้ ฉันขยับกระเป๋าเป๋พร้อมออกวิ่งอีกครั้ง ความจริงฉันไม่ได้ออกแรงขนาดนั้นแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวเขาเองมากกว่า สมควรแล้ว

ฉันไม่สนใจจุดหมายปลายทางว่าจะไปหยุดที่ไหน ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือวิ่ง ดีนะวันนี้เตรียมตัวมาดี ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม รองเท้าเหมือนมาเพื่อการนี้ด้วยเฉพาะ

หรือบางทีมันอาจเป็นลางร้าย…

เขาใช้เวลาไม่นานไล่ตามมาทันในระยะประชิดก่อนจะถึงตัวฉัน มือหนาคว้าแขนข้างหนึ่งไว้ได้และนั่นส่งผลให้เราต้องหยุดหอบกันทั้งคู่

หมับ

“แม่งเอ๊ย…จะไปแข่งทีมชาติรึไงวะ” เขาว่าเสียงแหบพร่า ก่อนจะพ่นลมออกจากปากเป็นระยะเหมือนเป็นอีกทางในการช่วยหายใจ ยกมืออีกข้างขึ้นกดที่เอวเล็กน้อย

“ปล่อยฉัน...นะ” ฉันเองก็ไม่ต่าง เสียงหายใจหอบยังชัดเจนกว่าเสียงพูดที่เปล่งออกมา ใจเต้นแรงจนสมาร์ทวอทช์เตือนถึงขีดอันตราย จุก...บอกเลยว่าจุกมาก ถ้าวิ่งต่ออีกนิด เรียกปอเต็กตึ๊งมารับศพได้เลย

“ไป…กลับบ้าน” เขาบอกในเสียงที่เริ่มคงที่ เขาดูเป็นปกติเร็วจัง คงมีแค่ฉันเนี่ยแหละที่เสียเปรียบไปหมดทุกเรื่อง ตัวเล็กแล้วยังขาสั้น การออกกำลังกายเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีอยู่ในซีกใดของหัวสมอง เหนื่อยจนขาสั่นเรื่องการทรงตัวไม่ต้องพูดถึง… แค่จะสะบัดมือออกจากเขายังไม่มีแรง

“เดี๋ยว…แป๊บหนึ่ง” ฉันบอกเสียงปนหอบพร้อมยกมือเป็นเชิงขอพักร่างกายต่ออีกหน่อยก่อน ตอนวิ่งมันก็ไม่เท่าไหร่นะ พอหยุดทำไมมันเหนื่อยจังเลยวะ

“เหอะ…ตอนวิ่งอย่างห้าว ตอนนี้อย่าง…” เขาหยุดชะงัก ในจังหวะที่ฉันตวัดตามอง เพราะรู้ว่าเขาจะจบประโยคด้วยคำว่าอะไร ก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของนายมธุษินทร์ ฉันเกลียดรอยยิ้มของเขาตอนนี้โคตรๆ เลย

ฟรึบบ

อ๊ะ…อ๊ายยย

ฉันร้องโวยวายทันทีที่ร่างกายลอยขึ้นเหนืออากาศแล้วไปพาดกลางอยู่บนบ่าคนที่แข็งแรงกว่า หมวกใบโปรดร่วงหล่นลงพื้น ฉันทำได้แค่มองมันด้วยความเสียดายเพราะเรียวแขนฉันเอื้อมไม่ถึง นี่มันเป็นใบที่ฉันรักมากเลยนะ

ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เขาไม่มีท่าทีชะงักหรือเซ ราวกับตัวฉันเป็นหมอนเป็นนุ่น ทั้งที่เพิ่งพักจากการวิ่งไล่จับฉันได้แป๊บเดียวเอง ถึงมันจะไม่ได้ไกลมากก็เหอะ

“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า…ปล่อย” พอเริ่มกลับมาแวดๆ ได้ตามปกติ ร่างกายก็ต่อต้านทันควัน ติดตรงที่แรงมันไม่เพียงพอให้เขารู้สึกรู้สาอะไรหรอก

เขาวกกลับไปจุดแรกที่เราเจอกันเพื่อเอากระเป๋าลากแล้วย้อนกลับมาเอื้อมหยิบหมวกใบโปรดของฉันเสียบไว้ตรงซอกกระเป๋า

วูบหนึ่งฉันรู้สึกอยากขอบคุณเขา

“ภาระชัดๆ”

แต่แค่ชั่ววูบเท่านั้น…สติฉันกลับมาพร้อมกับประโยคที่เขาบ่นพึมพำ

เขากระชับอ้อมแขนเพื่อให้ฉันอยู่ในท่าที่เขาถนัด ก่อนจะเดินแบกฉันเดินฝ่าผู้คนมายังส่วนที่น่าจะเป็นทางออก โดยที่ไม่ฟังเสียงร้องโวยวายของฉัน ไม่แม้แต่จะสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เขาทำราวกับว่าการแบกใครสักคนที่เขาไม่ได้ยินยอม เป็นเรื่องปกติ หัวฉันห้อยโตงเตงลงพื้นจนเลือดจะตกหัวตายอยู่แล้ว

ฉันง้างมือจะทุบกำปั้นลงกลางหลังเขาแต่ก็ต้องชะงัก เพราะมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการที่เราไล่จับกับเมื่อกี้ จนเกิดวงกว้างสีเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีเท่าเข้มที่เขาสวมใส่

หยี…กำปั้นน้อยถูกดันไว้ที่แผ่นหลังเขาตลอดทาง เพื่อไม่ให้ใบหน้าสวยๆ เข้าไปใกล้คราบเหงื่อนั่นเมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือนตอนเขาเดิน รวมทั้งพยายามหายใจเข้าให้น้อยที่สุด

และในที่สุดเขาก็หยุดเดินซะที…ใจฉันจะขาดอยู่แล้ว

ฉันได้ยินเสียงเขาทำอะไรสักอย่าง คิดว่าน่าจะเปิดฝากระโปรงหลังรถ เพราะกระเป๋าเดินทางฉันมันถูกพับที่จับเข้าที่ ถูกเก็บไว้หลังรถในเวลาต่อมาและปิดมันลง

ก่อนจะเดินต่อ ประตูรถฝั่งคนนั่งถูกเปิดและฉันถูกยัดเข้าไปในทันทีแต่สองขายังอยู่นอนรถ เขาโน้มตัวลงมาชี้นิ้วออกคำสั่งในตอนที่ฉันกำลังจะแผลงฤทธิ์ออกเดช

“หยุด!!”

“ไม่!!” คิดเหรอว่าแค่คำสั่งบ้าๆ นี่จะทำอะไรฉันได้

“อยากให้ใช้กำลังมากนักรึไงวะ” เสียงจิจ๊ะดังขึ้นและเขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็กลายเป็นบทสนทนาที่ไม่มีใครยอมใครระหว่างเรา

“ก็อย่ามายุ่งกับฉันสิ!”

“แล้วจะหนีทำไม เก่งนักไม่ช้ะ เรื่องแค่นี้ทำไมขี้ขลาด”

“ฉันไม่ได้ขี้ขลาด ฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณต่างหาก”

“นั่นแหละขี้ขลาด”

“ไม่ใช่!” ฉันเถียง

“ใช่!” เขาก็ไม่ยอม และฉันเองก็ไม่ยอม

“ม่ายยย!”

“เออ! ไม่ก็ไม่ จะไปกันได้ยัง” ในที่สุดเขาก็ยกธงขาวแต่ฉันปฏิเสธและเหวี่ยงธงนั่นทิ้ง

“ไม่ ฉันจะไม่ไปกับคุณ”

“งั้นโทรให้อาม่ามารับ”

“...อย่านะ” ฉันชะงัก น้ำเสียงอ่อนลงนิดหน่อย หลุบมองมือตัวเองที่จิกกันแน่นบนตัก ไม่ใช่แค่อาม่าที่อยากให้มีการแต่งงานเกิดขึ้น เพียงเพราะผลประโยชน์ของบริษัท ทุกคนลงความเห็นว่าฉันควรแต่งงานกับนายมธุษินทร์ ถ้าฉันกลับเข้าบ้านตอนนี้ ฉันต้องไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันจนถึงวันแต่งงานแน่ๆ

“ไหนบอกมาดิ การแต่งงานกับฉันมันไม่ดีตรงไหน” เขาถามในโทนเสียงปกติพลางลดตัวลงนั่งหย่องให้อยู่ในระดับเดียวกับฉัน มือหนาสอดนิ้วเรียวประสานกันอยู่ตรงระหว่างหัวเข่า

“ทุกตรง” ฉันตอบ

“เฟย์…”

“อย่าเรียกชื่อนั้นนะ!” ฉันเผลอใช้เสียงเกินกว่าปกติมากๆ และมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว ถ้าฉันไม่อนุญาต ใครก็เรียกชื่อนี้ของฉันไม่ได้ ก่อนจะหลุบตามองมือตัวเองอีกครั้ง หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบงำพื้นที่

“โอเค" เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เราเงียบกันไปหลายนาที "แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถึงเธอไม่แต่งกับฉัน ครอบครัวเธอก็ต้องหาคนมาแต่งกับเธออยู่ดี”

เหมือนเขาพยายามหว่านล้อมแต่ฉันไม่หลงกล

“ฉันไม่แต่งกับใครทั้งนั้น”

“แต่ฉันจะแต่งกับเธอเท่านั้น”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 03 (1/2)

    แต่ไม่มีใครรู้ ว่าคนอย่างฉันมีอีกกี่ลมหายใจ ~~~และไม่มีใครรู้ ว่าวันพรุ่งนี้ จะเป็นเช่นไร~~ได้โปรดให้ความรัก ได้ทำหน้าที่ของมันต่อไป~~ให้มันค่อย ๆ ช่วยเธอตอบ คำถามในหัวใจ ที่เธอยังสงสัย ~♩♫♪♬~และปล่อยให้ตัวฉัน ได้ทำหน้าที่ทุกวันต่อไป….“อะ…อ้าว” เขาร้องท้วงเมื่อฉันเอื้อมมือไปกดปิดเพลงที่กำลังเล่นบนหน้าจอ LED ตรงคอนโซลหน้ารถ“รำคาญ” ฉันพ่นคำทั้งที่ยังหันหน้ามองออกนอกกระจกรถ เพลงโปรด แต่พอเขาเป็นคนเปิดมันกลับทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาซะงั้น เสียงเพลงดังออกมาจากลำโพงบวกกับเสียงเจ้าของรถที่หัมมาตลอดทาง ทำให้หัวสมองฉันตื้อตันไปหมด“ออกจะเพราะ”“ช่วยเงียบหน่อยเหอะ” ฉันเอ่ยข้อร้องด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดไม่น้อยและมันได้ผล เขาเงียบในทันที ตอนนี้ฉันไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะทำหน้าแบบไหนเพราะสายตายังล่องลอยไปตามเส้นขอบฟ้าที่ไกลลิบ เกือบได้กลับไปอยู่ในที่ของตัวเองแล้วเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะเขา…เฮ้อออ‘ฉันจะแต่งกับเธอเท่านั้น’นี่คงเป็นประโยคที่ซาบซึ้งกินใจสำหรับใครหลายๆคน แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน ยิ่งเป็นคำพูดที่ออกจากปากนายมธุษินทร์แล้วด้วย ฉันกลับคิดว่ามันเป็นประโยคที่เลวร้าย

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 02 (2/2)

    “Sorry…” ฉันเอ่ยขอโทษขอโพยเขาทันทีพลางขยับปีกหมวกให้ปิดลงมาแบบเดิมเพราะตอนชนกันหมวกฉันเกือบหลุดออกจากหัว“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบ แต่…ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเสียง ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือกลิ่นละมุดที่มันเตะเข้าจมูกอย่างจังจนแสบจมูกไปหมด นี่เขาไปตกถังเหล้าที่ไหนมาวะ แต่ช่างเหอะ…มันมีอะไรที่สำคัญกว่าจะมาอยากรู้อะไรไร้สาระ ในจังหวะที่ฉันจะก้าวเท้าไปต่อ เขาโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับฉัน“เห่ย…”ดวงตาฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะหันหลังเตรียมซอยเท้าสี่คูณร้อย ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงรั้งที่มาจากกระเป๋าเป๋ด้านหลัง ทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก“จะไปไหนครับ คุณว่าที่เจ้าสาว”“ปล่อยฉันนะ!” ฉันหันไปผลักกลางอกนายมธุษินทร์ จนเขาเสียหลักถอยไปชนกับเสากลมใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่เขาจะกลับมาตั้งหลักได้ ฉันขยับกระเป๋าเป๋พร้อมออกวิ่งอีกครั้ง ความจริงฉันไม่ได้ออกแรงขนาดนั้นแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวเขาเองมากกว่า สมควรแล้วฉันไม่สนใจจุดหมายปลายทางว่าจะไปหยุดที่ไหน ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือวิ่ง ดีนะวันนี้เตรียมตัวมาดี ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม รองเท้าเหมือนมาเพื่อการนี้ด้วยเฉพาะหรือบางทีมันอาจเป็นลางร้าย…เขาใช้เวลาไม่นา

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 02 (1/2)

    ความจริงผมไม่ควรแปลกใจนะ…ที่ไอ้พวกนั้นมันไม่เชื่อว่าผมจะแต่งงาน ผมเองยังก็ยังงงๆ อยู่เลย ทำไมถึงตอบตกลงอาม่าโดยใช้เวลาคิดไม่ถึงเสี้ยวนาที ทั้งที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องนี้อยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำประเด็นหลักอาจเป็นเรื่องธุรกิจ คนเราพอถึงวัยทำงานก็คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเงิน ประเทศนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน เงิน อำนาจ ต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งถึงอยู่สบาย หรือบางทีอาจต้องมีทั้งสองอย่างAJD Group เป็นบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ระดับต้นๆ ประเทศ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีมากอยู่แล้ว แต่ถ้าผมได้ถือครองหุ้นบางส่วนของ เรืองขจร บริษัทนำเข้า ส่งออกวัตถุดิบแปรรูประหว่างประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ไม่แพ้กัน มันจะทำเงินให้ผมมากขนาดไหนผมสามารถตัดขาคู่แข่งไปได้เกินครึ่งด้วยการดึง เรืองขจร มาเป็นดีลเลอร์ใหญ่และเซ็นสัญญาขึ้นตรงกับ AJD Group แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เมื่อก่อนมันเคยเป็นแบบนั้นนะ ตอนที่พ่อของลลิลลดายังมีชีวิตอยู่ แต่พอเปลี่ยนบอร์ดบริหาร ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ความจริงไม่ใช่แค่ผม เราทุกคนล้วนมีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ทั้งนั้นและประเด็นรองคือผมอยากเอาชนะยัยคุณหนูจองหองนั่น ลลิลลดา...แต่ถ้าคิดอีกที…ตอนที่ผมต

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 01 (2/2)

    [Matusin Talk]ช่วงเย็นของวันต่อมา…@Sosay Pub“เห่ยๆๆ”“ไอ้เฮีย ตื่น”ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนมาสะกิดเรียก ผงกหัวขึ้นเล็กน้อย หรี่ตามองไอ้คนที่มันบังอาจมาปลุกผม มันคือไอ้ดิน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียที่ไม่รับช่วงต่อธุรกิจสีเทาของผู้เป็นพ่อสักอย่าง แต่เสือกเลือกที่จะมาเป็นเจ้าของผับเล็กๆ แห่งนี้แทนผมทิ้งหัวลงบนโซฟาอีกครั้งพลางยกกำปั้นทุบหน้าผากตัวเองเบาๆ ปวดหัวฉิบ“ไมมานอนตรงนี้วะ” เสียงไอ้ยูตะเอ่ยถามก่อนที่มันจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม มันเป็นน้องชาย ไอ้วาโย เพื่อนสนิทผม“เชี่ยยยย นี่มึงแดกคนเดียว?” ไอ้หมอไวน์ ที่เดินตามเข้ามาเอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นกองขวดเหล้าและพวกบรรดามิกเซอร์ทั้งหลายบนโต๊ะกลาง คุณหมอหนุ่มสุดหล่อ แถมยังเป็นทายาทคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังใจกลางเมือง“ตับไตพังหมดแล้วมั้ง ไอ้ฉิบหาย” นี่ก็เสียงไอ้วาโย พวกมันตามกันเข้ามาติดๆ ยังมีไอ้ธามและก็ไอ้ฟิวส์ที่เดินเข้ามาแต่ไม่ได้พูดอะไร ไอ้สองตัวนี้แม่งพอกัน ไอ้พวกกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก แต่มันกวนตีนมากนะ…บอกไว้ก่อน ไม่งั้นคบกับพวกผมไม่ได้หรอกแน่ะ...พูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้เหี้ยฟิวส์ก็เดินมาสะกิดผ

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 01 (1/2)

    แผ่นหลังฉันแนบชิดสนิทเบาะหนังเพราะความเร็วที่เกินกว่ามาตรฐานกำหนด ปลายเท้าเล็กแตะคันเร่งโดยไม่เว้นช่องว่างให้อากาศลอดผ่านเลยสักวินาที สองมือเล็กกำพวงมาลัยแน่น พลางหักไปซ้ายขวาตามพื้นที่ว่างบนท้องถนน สายตาจ้องผ่านกระจกออกไปข้างหน้าราวกับโกรธแค้นมันมาเป็นสิบชาติ โทสะในตัวปะทุปุดๆ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดปึกกก!!!“อ๊ายยยยย”ฉันยกกำปั้นซ้ายทุบพวงมาลัยพร้อมกับกรีดร้องออกมาสุดเสียงภายในสปอร์ตคันหรูของตัวเอง เผื่อความร้อนในกายมันจะทุเลาลงบ้างแต่ไม่เลย…ไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าสิ่งที่ทุบเมื่อกี้เป็นหน้าหมอนั่น ก็คงจะช่วยได้เยอะกว่านี้ฉันกดปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัยเลื่อนหาเบอร์เพื่อนสนิทบนจอ LED ขนาดย่อมตรงคอนโซลรถ แล้วกดโทรออกทันทีตื๊ดดดด ตื๊ดดดดด“ไงคะ…อีคุณหนูขาวีน”“มึงอยู่ไหน”“อยู่คอนโด”สายถูกตัดด้วยปลายนิ้วทันทีที่รู้จุดหมายปลายทาง ก่อนจะหักพวงมาลัยชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าคอนโดเพื่อนรักตัวเองฉันกลับมาไทยเพราะคำสั่งกายสิทธิ์ของผู้สูงวัยที่มีอิทธิพลกับชีวิตที่สุดตั้งแต่ป๊าจากไปอย่างกะทันหัน เมื่อสิบปีก่อน คนนั้นคือ อาม่า คนที่รักและห่วงใยฉันมากกว่าแม่แท้ๆ บางทีอาจเป็นเพราะท่านมีครอบครัวใหม่ ควา

  • DEEP LOVE รักสุดใจ...นายแบดบอย   DEEP LOVE : 00

    ปึงงงง!!ว๊ายย / เชี่ยยย!!“อะไรวะเนี่ย” ผมสบถออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับดันร่างบางของคู่ขาคนใหม่ออกจากพันธนาการส่วนล่างให้ล้มลงบนเตียงเพื่อให้เธอได้ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นเธออยู่ในท่าก้งโค้งให้ผมจัดหนักจากทางด้านหลังผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวอย่างหัวเสีย เพราะบางอย่างมันยังแข็งตึงดุนผ้าขนหนูขึ้นมาจนเด่นชัด“คุณเป็นบ้าอะไร รับปากอาม่าแบบนั้นได้ไง” เสียงแผดดังขึ้นพร้อมกับเสียงส้นสูงของรองเท้าดังกระทบพื้นตรงมาหาผมที่ตอนนี้เดินไปเปิดสวิสไฟหัวเตียง เธอทิ้งระยะห่างประมาณสามสี่ก้าว พอไฟในห้องสว่างขึ้น ผมก็มองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน โดยเฉพาะ…ผู้หญิงตรงหน้า“ใครกันแน่วะ...ที่เป็นบ้า” ผมว่าพลางหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้ผู้หญิงอีกคนที่ยังนั่งขดอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง เธอรีบรับเงิน จัดแจงความเรียบร้อยของตัวเองแล้วออกจากห้องไปทันที เป็นอันรู้กันว่ารับเงินคืองานจบ ทั้งที่ผมยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ หงุดหงิดฉิบ…ลูกน้องไอ้ดินปล่อยให้เธอขึ้นมาถึงชั้น VIP ของพวกเรา ได้ยังไงวะผู้หญิงที่ใจกล้า บ้าบิ่น บุกเข้ามาตอนคนกำลังทำกิจกรรมเสียวซ่านอยู่ มีไม่กี่คนหรอก ไม่สิ…มีคนเดียวเท่านั้นแหละเธอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status