@ Dark Shadow Castle
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอมๆของชาเอิร์ลเกรย์ในห้องที่ดูแปลกตา ที่บอกว่าแปลกก็เพราะว่า... ที่นี่ไม่มีเฮียคิน ทั้งที่ก่อนจะหลับไปฉันยังนอนอยู่บนตักเขาเลยอ่ะ แต่ตอนนี้กลับนอนอยู่บนโซฟา แล้วแถมตอนนี้รอบตัวฉันก็มีแต่ใครไม่รู้ใส่ชุดดำเดินผ่านไปผ่านมา บางคนก็ก้มหัวทำความเคารพคนที่นั่งเด่นเป็นสง่าและกำลังจิบชาห่างไปจากฉันไม่ไกล บางคนก็เดินมาทำท่ารายงานอะไรไม่รู้ฉันฟังไม่ค่อยถนัด ดูเหมือนไม่ใช่ภาษาไทย แล้วก็ดูท่าทางพวกเขาน่าจะเป็นเหมือนลูกน้องกับเจ้านาย หรือว่า.... O_O! “กรี๊ดดดดดดดด >[]< ผะ...ผี! ผีหลอก! ทุกคนเป็นผีกันหมดเลยใช่มั้ย?! นู่นก็ผี! นี่ก็ผี! นี่หนูหลับแล้วฝันแน่ๆ เฮียคินช่วยด้วยยย เฮียคินไปไหนทำไมไม่อยู่ที่นี่ >[]<!!!” พอสมองมันฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ ฉันก็กรี๊ดสุดเสียงและโวยวายออกไป เพราะต้องใช่! ต้องใช่แน่! ถ้ามีคนเดินป้วนเปี้ยนเยอะแยะขนาดนี้ ที่นี่ก็คงจะเป็น... Oh My Goshhhhhhh! Castle ข้างบนของคุณปู่เจ้าที่ O[]O!!! “หึ...เสียงแสบแก้วหูดีนี่” พอฉันกรี๊ดเสร็จ แทนที่ทุกคนจะตกใจกลับไม่เลย เสียงทุ้มของคนที่กำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์ถูกส่งมาให้ฉันพร้อมกับสีหน้าที่ดูขำๆ นั่นไง... นั่นแหละ... คุณปู่แก่ๆคนนั้นต้องเป็นผีคุณปู่เจ้าที่แน่ๆ! อย่าเพิ่งห้อยหัวนะคะท่านเจ้าที่ อย่าเพิ่งยืดแขนมาจับไหล่หนูตอนนี้ ขอเวลาให้หนูได้ตั้งสติ! “วี๊ดดดดด...หนูไม่ได้ตั้งใจมาลบหลู่จริงๆนะคะ เฮียคินก็แค่พาหนูมาตามหาขนนกนำโชคกับล่าท้าผีในปราสาทร้อยปีเท่านั้น ไม่ได้คิดจะมาขโมยอะไรที่นี่พูดจริงจริ๊งงง >[]<” พูดไปฉันก็ยกมือสองข้างขึ้นพนมต่อหน้าคนที่มองมาทันที แล้วคุณปู่คนนั้นก็ขำอีก “เอ๋? หนูพูดอะไรผิดหรอคะ ทำไมคุณปู่เจ้าที่ถึงเอาแต่ขำแบบนี้ o_O?” แต่โอ๊ะ! ไม่ได้สิ นี่เรากำลังจะญาติดีกับผีหรอเนี่ย??? หยึ๋ยยย หรือว่าเขาจะทำให้เราตายใจแล้วจะเอาเราไปอยู่ด้วย “โอ้วม่ายยย...อย่ายิ้มแบบนั้นค่ะ หนูยังไม่อยากตายตอนนี้ =[]=“ พรึ่บ! คิดได้แบบนี้ฉันก็รีบหดขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนโซฟาด้วยท่าเตรียมพร้อมทันที ผิดกับคุณปู่คนนั้น ที่กำลังมองฉันเหมือนดูสนอกสนใจในคำพูดก่อนหน้านี้ “เจ้าที่? แล้วนอกจากคุณปู่เจ้าที่ ไอ้แสบนั่นมันพูดอะไรถึงที่นี่อีก” ถ้วยชาที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นหอมๆ ถูกยกขึ้นจิบเบาๆอีกครั้งอย่างสบายใจแล้วท่านก็เอาแต่อมยิ้ม แต่ไอ้แสบที่ว่านี่หมายถึงเฮียคิน? “กะ...ก็อย่าไป Castle ฝั่งซ้ายค่ะ ให้อยู่แต่ฝั่งขวาเพราะว่าฝั่งนี้มีผีน้อยนิด U_U” ฉันตอบไปตามความจริง แล้วชายชุดดำรอบๆที่เผลอหันมาสบตาฉัน พวกเขาก็ก้มหน้ากันนิ่งแบบเลิ่กลั่กเหมือนคนทำผิด “ผี? อืม... แล้วผี Castle ตรงกลางล่ะ ไม่มี?” “อ้อ เฮียคินบอกว่าตรงกลางมันถูกปล่อยร้างค่ะ แต่หนูว่าต้องมีกุ๊กๆกู๋อยู่บ้างแหละ แต่ว่าแต่ของแต่และแต่ๆๆ อันที่จริงหนูก็กำลังคุยกับเจ้าแห่งผีทั้งปวงอยู่นะ ฮื้อฮืออออ คุณปู่เจ้าที่อย่าโกรธหนูเลยนะคะ หนูเพลียมากไปหน่อยเลยเผลอหลับไป อีกแป๊บเดียวก็จะตื่นแล้วล่ะค่ะ แล้วสาบานได้เลยว่าหนูจะทำบุญให้ทุกคนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาไม่ให้ตกหล่นสักคนสบายใจได้ >_<” หมับ! พูดจบฉันก็คว้าหมอนบนโซฟามาบังหน้า แถมยังแอบชะเง้อมองคุณปู่คนนั้นอีกสักนิด แต่วี๊ดดดด >_< ขนลุกอ่ะ ขนลุกจริง! คุณปู่คนนั้นมองมาอีกละ แต่ยังง่วงอยู่เลยนะ อยากนอนต่อแต่จะกลายเป็นฝันซ้อนฝันมั้ยอ่ะ ฮ้าวววว.... “ชาร้อนสักแก้วมั้ยล่ะ” “โอ้ววว ไม่ค่ะ ไม่เอาแน่นอน หนูยังไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนจิบชาคุณปู่ที่นี่ และขอร้องเลยนะคะคุณปู่เจ้าที่ หนูจะรีบหยิกตัวเองให้ตื่นเดี๋ยวนี้ แต่ช่วยปรานีด้วยการไม่มาแบบหน้าเละๆนะคะ Pleaseeeeee >_<” ฉันตอบกลับความปรารถนาดีของคนที่เอาแต่ขำ คืออีกนิดคุณปู่คนนั้นต้องสำลักแน่ เพราะเขาหัวเราะซะแก้วชาในมือสั่นเลยแหละ “ฮ่ะๆ นี่สินะ สีสันในชีวิตของไอ้คิน” พูดจบท่านก็หันไปส่งซิกส์เหมือนรู้กันกับพี่ชายคนนึงที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพี่ชายคนนั้นก็พยักหน้าแล้วอมยิ้ม “ถะ...ถ้างั้นหนูขอนอนต่อเลยนะคะ กะว่าจะรีบตื่นแล้วไปทำบุญสัก 9 วัดให้เลยค่ะ” “ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้น ตื่นตอนนี้ไอ้คินมันก็ไม่ว่างอยู่ดี” “ไม่ว่าง?” ฉันตั้งท่าจะนอนอีกที แต่พอคุณปู่พูดมาก็เลยทำหน้างงออกไป แล้วคุณปู่เจ้าที่ก็วางแก้วชาลง แถมยังลุกมานั่งตรงข้ามกับฉันบนโซฟาในขณะที่ฉันยกหมอนขึ้นบังหน้า =[]= “งื้อออ อย่าถอดหัวให้หนูดูนะคะ เดี๋ยวหนูช็อคตายค่ะ แล้วก็อย่ามองแบบนั้นได้มั้ยคะ บอกตามตรงยังไม่เคยสบตากับผีเลยค่ะตั้งแต่เกิดมา....“ “ลิซ่า...รวิษฎา” “ขะ...ค่ะ นั่นชื่อหนูเองแต่ว่า...” “อยากไปเดินเล่นรอบๆ Castle มั้ยล่ะ” “เอ๋ o_O???” พอได้ยินแบบนั้นฉันเลยโผล่หน้าที่ถูกบังไว้ด้วยหมอนออกไป แล้วคุณปู่เจ้าที่ก็ยิ้มๆ “แน่นอน รวมถึง Castle ฝั่งซ้าย พาไปได้นะ...” แล้วคำพูดนั้นก็ไม่ทำให้ฉันหยุดคิดเลยสักนิด “ไปค่ะ! อะ...เอ่อ หนูหมายถึงไปก็ได้แต่ว่า...คุณปู่เจ้าที่จะเอาหนูไปอยู่ด้วยมั้ยคะ คือหนูยังมีพ่อแม่และพี่สาวกับคนที่รักมากๆอย่างเฮียคินที่ต้องสั่งลา T^T” พูดไปน้ำตาก็เริ่มเอ่อออกมาเลยนะเนี่ย ฮึก... นี่ฉันจะไม่ได้เจอกับทุกคนเพราะถูกผีคุณปู่ในปราสาทหลอกหรอเนี่ย โถ...เพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองแท้ๆ แงงงงง~ “ต้องเอาไปสิ วันนึงก็ต้องได้ไปอยู่ด้วยกันแน่ๆ” คุณปู่เจ้าที่ตอบกลับมาแล้วก็ยังยิ้มๆ แต่ฮะ? ต้องเอาไปแน่ๆ โหยยย อุตส่าห์ชมเมื่อกี๊ แท้จริงแล้วนั่นเป็นรอยยิ้มที่เชือดเฉือนแหละ! “งั้นหนูไม่ปะ...” “ต้องไป” “ไม่ค่ะ!” “ใครจะยอมให้ปฏิเสธได้” พรึ่บ! พูดจบคุณปู่เจ้าที่ก็ลุกขึ้น ตะ...แต่ฉันบอกว่าไม่ไปไง “เชิญครับนายหญิง” พอลุกปุ๊บคุณปู่เจ้าที่ก็เดินนำออกไป แล้วอยู่ๆก็มีพี่ชายคนนึงมาผายมือเชิญฉันให้ลุกขึ้น “ยังไงหนูก็ไม่ปะ....” “ขนนกนำโชคไม่ดูรึไง” คุณปู่เจ้าที่พูดมาสั้นๆ แล้วท่านก็เดินออกไป ฉันเลยหันมองหน้าพี่ชายคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พี่เขาก็เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นหลบตากันอยู่ได้ ...งื้ออออ ทำไงดี ขนนกแห่งรักแท้อยู่ใกล้แค่นี้ แงงงงขนนกนำโชคสีกาแล็คซี่~~~ พรึ่บ! คิดได้แบบนั้นฉันเลยลุกพรวดขึ้นมาแบบไม่บอกไม่กล่าวจนพี่ชายชุดดำในห้องหลายคนตกใจ แต่อย่ามามองกันแบบนั้นเซ่ >[]< “จะ... เอ่อ อะแฮ่ม! จะบอกเอาไว้เลยด้วย! ห้ามลอบทำร้ายหนูจากข้างหลังนะคะ พวก-พี่-ชาย-อะ! ถ้าลอบฆ่าหนูจนตายหนูจะไปเข้าฝันเฮียคินให้เรียกหมอผีมาจับพวกพี่ลงหม้อกันทุกคนเลยนะ! เฮียคินอ่ะเฮียคิน รู้จักมั้ยคะคุณพระอาทิตย์ของหนูอ่ะ!” แล้วพอขู่เสร็จ ฉันก็อาศัยจังหวะที่ทุกคนในห้องก้มหน้ารีบวิ่งตามหลังคุณปู่เจ้าที่มา แต่เหมือนได้ยินแว่วๆว่าพวกพี่ๆในห้องบอกว่า ‘รับทราบครับนายหญิง!’ ด้วยนะ “อยากไปฝั่งไหนก่อน” “หนะ...หนูก็ไม่รู้ค่ะ” “งั้นตรงกลาง” พอตอบกลับมาคุณปู่เจ้าที่ก็เดินนำไปเลย แต่ว่า... “เย้ยยย แต่ที่นั่นมันจะมีผีเยอะรึป่าวล่ะคะ ถ้าขึ้นชื่อว่าปราสาทร้างน่ะ อาจจะ...” “อยู่บ้านตัวเอง เค้าไม่กลัวผีกันหรอกนะ” คุณปู่ตอบกลับมาหน้าซื่อแล้วเดินนำฉันลิ่วๆลงไปชั้นล่าง แต่เป็นผีที่มีขาแฮะ ผีสมัยนี้อัพเกรดตัวเองแล้วหรอ สัมผัสนั่นนี่ได้เหมือนคนจริงๆเลยเร๊อะ แล้วถึงจะพูดแบบนั้นก็... “ไม่กลัวสิคะแปลก ก็ที่นี่ไม่ใช่บ้านหนูนี่นา -3-“ แต่พอพูดจบคุณปู่ก็สวนกลับมา “ที่นี่เราไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า” แล้วคุณปู่เจ้าที่ก็ทำแบบเฮียคินเปี๊ยบเลย คือแสกนนิ้วมือบนแท่นอะไรสักอย่างตรงทางขึ้นบันไดที่เราเดินลงมา และ... ‘กรุณาไปที่ Iris Scanner เพื่อยืนยันตัวตนเปิดใช้พื้นที่ Castle ส่วนกลาง’ เสียงอัตโนมัติเสียงเดิมที่ฉันได้ยินตอนเดินเข้ามาพร้อมเฮียคินดังขึ้น แล้วคุณปู่เจ้าที่ก็เดินนำฉันลงมาที่ห้องโถงด้านล่าง “โห...ใหญ่โตไม่ต่างจากฝั่งขวาเลย สมกับเป็นปราสาท Dark Ghost Mafia นะคะเนี่ย” แล้วคุณปู่ก็ทำหน้างง “Dark Ghost...อะไรนะ?” “ก็ Dark Ghost Mafia ไงคะ” ฟังฉันพูดก็ดูเหมือนคุณปู่เจ้าที่จะหยุดคิดไปนิดนึงเลยแหละ ก่อนที่อยู่ๆจะหัวเราะร่า หัวเราะจริงๆนะ หัวเราะแบบขำกลิ้งอ่ะ “ฮ่ะๆๆๆ Dark Ghost Mafia เออนะ เข้าท่าๆ” หืม...เข้าท่าอะไรของคุณปู่เค้าน่ะ - -* “โอ้โห ข้างบนมีดาวห้อยเต็มเลยค่ะ” พอนึกแปลกใจกับท่าทางของคุณปู่ได้ไม่เท่าไหร่ ฉันก็เพิ่งสังเกตว่าบนเพดานของ Castle ส่วนกลางถูกตกแต่งด้วยไฟ LED เป็นดวงดาว พระจันทร์ ก้อนเมฆระยิบระยับห้อยลงมา แล้วคุณปู่เจ้าที่ก็พยักหน้า “ใช่ เจ้าของมันบ้า” และแปลก...แปลกมาก ทั้ง Castle ฝั่งขวาและข้างบน ถูกตกแต่งแบบทันสมัย และดูใหม่มากๆ แต่ Castle ตรงกลางกลับดูร้างอย่างที่เฮียคินว่า เพราะตั้งแต่ที่ฉันเดินเข้ามา ทั้งบรรยากาศหรือแม้แต่ข้าวของและเฟอร์นิเจอร์รอบด้าน ก็มีแต่กลิ่นไอเก่าๆ อย่างกับมีใครสตาฟทุกอย่างที่นี่เอาไว้ อะไรทำนองนั้นเลยล่ะ แล้วก็เอ๊ะ...ดูนั่นสิ “นี่มันของเล่นเด็กทั้งนั้นเลยนี่คะ” “อืม เล่นแบบทิ้งๆขว้างๆซะด้วยนะ” พอเดินสำรวจรอบๆ ฉันก็ยิ่งพบสิ่งที่บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของที่นี่มากขึ้นจนเริ่มขนลุกขึ้นมาเบาๆซะได้ แอบหลอนเหมือนกันแฮะ ทั้งรถของเล่น อุปกรณ์ทำครัว กล้องถ่ายรูป และกาแล็คซี่จำลองมากมาย แถมใครจะเชื่อว่าในห้องโถงตอนนี้มีแม้แต่พื้นที่ให้จอดจักรยาน โอ้วม่ายยยย นี่คือข้าวของและจักรยานของคนตาย =[]=! แต่มันคงจะเป็นความทรงจำที่ดีมากจริงๆนะฉันรู้สึกได้ เพราะคุณปู่เจ้าที่มองมันแล้วก็ยิ้ม...ก่อนจะมีแว๊บนึงที่มองไปทาง Castle ฝั่งซ้ายแล้วถอนหายใจออกมานิ่งๆ แววตาก็ดูเปลี่ยนไปเลยจริงๆ แล้วพอฉันมองตามไป ก็เหมือน Castle ฝั่งซ้ายจะมีคนเดินสวนกันไปมาให้วุ่นวาย โอ๊ะ! ฝั่งขวาที่จากเดิมไม่มีคน ตอนนี้ก็มีเพียบเลย อย่าบอกนะ...อย่าบอกกกก “นะ...นั่นคือผี ทะ...ทั้งหมดเลยหรอคะ ก่อนหนูจะหลับไม่มีใครเลย โอ้วม่ายยย ตอนนี้หนูเบิกเนตรเห็นผีแล้วใช่มั้ย O_O” ทั้งที่ตอนแรกว่าจะเดินไปแอบดู Castle ฝั่งซ้าย แต่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ดูวุ่นวาย แต่เอ๊ะ! นี่ฉันตาฝากรึเปล่า คนที่เดินอยู่ Castle ฝั่งซ้ายและเห็นหลังไวๆว่ากำลังเดินออกไปคือเฮียโยกับเฮียพาย “ไม่มีไรหรอก ไปดูห้องอื่นเถอะ เรื่องนั้นไม่ต้องไปสนใจ” คุณปู่เจ้าที่พูดแล้วเดินนำฉันไปอีกห้องทันที และพอเดินผ่านห้องโถงลึกเข้ามาก็น่าตื่นเต้นมาก เพราะในนี้มีห้องอะไรก็ไม่รู้แยกย่อยเยอะแยะไปหมดเลย โดยห้องที่ทำให้ฉันตื่นเต้นเป็นพิเศษคือห้องปามีดกับห้องยิงปืน “อ๋อเพราะแบบนี้นี่เอง เฮียคินเลยให้หนูฝึกก่อนมาที่นี่ เพราะปราสาทผีมาเฟียจะมีด่านลึกลับแบบนี้” “ฝึกแล้ว?” ได้ฟังฉันพูด คุณปู่เจ้าที่ก็เลิกคิ้วนิดหน่อยอย่างสนใจทันที “ค่ะ แต่ว่าหนูยิงปืนแย่มาก นกกับปลาโลมาน่าจะตายไปเป็นฝูงแล้วค่ะ ฮ่ะๆๆ อยากดูหนูยิงมั้ยคะคุณปู่เจ้าที่” “ได้นะ” “แล้วถ้าหนูยิงโดนจะปล่อยหนูไปมั้ยคะ” “เอาสิ” หมับ! พอคนตรงหน้าพูดแบบนี้ ฉันเลยดีใจเนื้อเต้นไปหน่อย รีบโดดเกาะแขนคุณปู่ทันที “จริงๆนะคะ รับปากว่าจะไว้ชีวิตหนูแล้วนะ!” “อื้ม ถ้า Score มี X ให้ดูสักทีน่ะนะ” ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! หลังจากเจรจากับคุณปู่เจ้าที่ฉันก็โชว์สกิลปืนลั่นปังๆให้ท่านดูทันที แต่เหมือนจะไม่รอดแฮะ เพราะปืนมันก็ยังสั่นอยู่ดี “เห็นทีจะกลายเป็นผีเฝ้าที่นี่” “โถ่ คุณปู่ขา เนี่ยถ้ามีพี่ไคยะล็อคเป้าให้เหมือนตอนปามีดก็ดี -3-“ “ปามีด?” “ใช่ค่ะ เฮียคินสอนหนูปามีดด้วยนะ งั้นเราพักยกยิงปืนไปปามีดกันมั้ยคะ หนูก็อยากจะรู้ ว่าถ้าพี่ไคยะไม่ล็อคเป้ามันจะปาถูกมั้ยเนี่ย แถมวันนั้นหนูประหม่ามากๆเลยค่ะ เพราะมีแต่คนแอบดู” แล้วคุณปู่ก็จะสนใจในทุกอย่างที่ฉันพูดแบบเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ แถมยังเดินนำทางฉันออกจากห้องยิงปืนมาที่ห้องปามีดอีก “คือเราไปฝึกกันที่เกาะค่ะ คนเยอะมาก แต่บอกชื่อไปคุณปู่ก็ไม่รู้จักหรอก” “ฟีนิกซ์สินะ” “เย้ยยยย อ๋อก็ต้องรู้อยู่แล้วเพราะคุณปู่เป็นผีอ่ะเนาะ” แล้วท่านก็พยักหน้า แต่โอ๊ะ พอเดินมาเห็นมีดสั้นที่วางเรียงรายอยู่ตอนนี้ ทำไมมีดสั้นของที่นี่กับที่เกาะถึงเหมือนกันเปี๊ยบเลยล่ะเนี่ย มีตัวอักษร DS สลักอยู่ที่เดียวกันเลยนี่ “เอาสิ” คุณปู่เจ้าที่พูดมาอย่างรอลุ้น แต่แหม... ถ้าจะเป็นแบบนั้นล่ะก็... “ได้เล้ยยย จับตาดูให้ดีๆนะคะ หนูปามีดไม่แย่เท่ายิงปืนหร๊อกกก คุณปู่ตั้งใจดูนะ!” ฉึก! พูดจบฉันปามีดออกไปขำๆทันที แต่ทั้งที่คิดว่ามันจะเบี้ยวบ้างเป๋บ้างเพราะไม่ตั้งใจ ก็ไม่เลย “โอ๊ะ! ที่นี่ก็ล็อคเป้าเหมือนกันหรอ =[]=” เย้ยยย ทำไมมันปักตรงกลางเหมือนเคย ฉันยังไม่ตั้งใจด้วยซ้ำ พี่ไคยะก็ไม่อยู่ ไม่มีใครล็อคเป้าแน่ๆ คิดได้แบบนั้นฉันก็ปามีดไปที่เป้าอื่นซึ่งห่างออกไปด้วยความสงสัยรัวๆ ฉึก! ฉึก! ฉึก! แล้วมันก็ปักลงกลางเป้าพอดีแม้จะยืนอยู่ในระยะเฉียงแบบนี้นี่แหละ ฉันเลยหันไปทำหน้าเหวอใส่คุณปู่เจ้าที่ยืนอมยิ้มเหมือนคินวันนั้นเป๊ะๆ ก่อนจะโดนท่านคว้ามือฉันไปทาบฝ่ามือลงบนแท่นอะไรสักอย่างในห้องนี้ ‘บันทึกการฝึกซ้อมสำเร็จ แต่ไม่พบข้อมูลบุคคลในฐานข้อมูลปัจจุบัน กรุณาไปที่ Iris Scanner เพื่อยืนยันตัวตนอีกครั้....’ ติ๊ดดดดด เสียงอัตโนมัติยังพูดไม่ทันจบ คุณปู่เจ้าที่ก็เดินไปที่เครื่องสแกนที่ว่า แล้วแสกนม่านตาก่อนจะมีเสียงอัตโนมัติเอ่ยทักทายขึ้นมา ‘สวัสดีค่ะท่านผู้นำ’ แล้วท่านก็เอ่ยปากสั่งระบบอัตโนมัติที่ว่าอย่างไม่รีรอ ตัวระบบอัตโนมัติในห้องเองก็ตกปากรับคำ “บันทึกข้อมูลก่อนขึ้นทะเบียนบุคคลอย่างเป็นทางการ รวิษฎา ภัทรเดชา... สกิลอาวุธเพิ่มเติม มีดสั้น” ‘รับทราบ!’ แต่เดี๋ยวนะ... ภัทรเดชา งั้นหรอ?อีกด้านหนึ่ง @ Phoenix Island
“นักกีฬาว่ายน้ำหญิง? น่าทึ่งจริงๆ” เสียงยียวนของคิระที่นั่งอ่านประวัตินิลลาฆ่าเวลา และจ้องไปที่เธออย่างเอาเรื่องระหว่างรอ Nightshade ติดต่อกลับมา แต่ก็ไม่... แถมคนของสภายังรายงานว่า Nightshade พร้อมปะทะเต็มที่ และคาดว่าอีกไม่กี่นาที Nightshade จะมาถึงที่นี่ “แบบนี้ต่อให้น้ำลึกแค่ไหนก็สบายเลยดิ” พูดไป คิระก็ร่อนประวัตินิลลาทีละหน้าจนเกลื่อนไปทั่วทั้งห้องอย่างปั่นประสาท เล่นเอานิลลาที่มองอยู่ออกอาการหมั่นไส้ “ก็ไม่สบายเท่าคนลอบกัดแบบนาย!” “หรือสบายใจที่สุดคือคนพาลที่จะตบใครเมื่อไหร่ก็ได้!” พรึ่บ! สิ้นเสียงนิลลา คิระก็ตะคอกสวนกลับไป แล้วโยนเอกสารที่ค้างในมือใส่หน้าเธอแบบเอาเรื่องเต็มที่ ซึ่งคำพูดนั้นทำให้โรเซ่ที่ฟังอยู่เข้าใจได้ทันที “เฮีย เรื่องนั้นมันก็แค่....” “หึงไม่เข้าท่า มีสมองป้ะถามจริง” “พูดบ้าอะไรของนายวะ!” นิลลาเงยหน้าท้าทายคิระ ที่แม้จะปากเก่งใส่เขา แต่บรรดาอาวุธที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าก็ทำให้กล้าๆกลัวๆเวลาสบตา “ลิซ วันนั้นเจ๊จะตบลิซ” โรเซ่ตอบแทนแล้วคิระก็หันไปยักคิ้วให้นิลลา ก่อนจะลุกขึ้นตรงเข้าไปหา แต่ก็ชะงักฝีเท้าเพราะโรเซ่เอาตัวเองเข้ามาขวาง “อย่านะเฮียคิระ” พรึ่บ! “ห่วงลูกตัวเองนู่นป่ะ” “จิ๊!” เสียงสบถเล็กๆหลุดจากปากโรเซ่ที่ถูกดันตัวให้หลบทาง ส่วนนิลลาพอได้ยินชื่อลิซ่าก็เหมือนจะเริ่มเข้าใจ “นี่นายกับ...” พรึ่บ! “มือข้างไหนนะ ที่วันนั้นง้างสูงๆแล้วไอ้วาโยมารับแทนน่ะ” “O_O” ได้ยินแบบนั้นนิลลาก็ถึงกับหน้าซีด เพราะคิระตั้งคำถามไปพร้อมกับเลื่อนปากกระบอกปืนมาเชยคางเธอที่ถูกมัดเอาไว้ โรเซ่เองก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างกลัวใจ “อึก ฮะ...เฮียคิระ” “ถามว่าข้างไหนไงวะ?!” “พอเถอะน่า! ลิซขอโทษเจ๊แล้วก็จบกันไปเถอะนะ!” แม้จะกลัวปืนในมือคิระ แต่เพราะโรเซ่ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเขาเลยหลุดปากตะคอกออกไป เพราะนิลลาในตอนนี้.... “ขอโทษ?! ยัยนี่รึป่าวต้องขอโทษ น้องไม่ได้ทำอะไรเลย แถมกลับมาร้องไห้!” “มะ...มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” “ก็ไปขอโทษลิซ่า!” คิระตะคอกใส่โรเซ่และหันกลับมาหานิลลาที่พอปริปากพูดออกมาก็โดนตะคอกใส่จนหน้าเสียและถึงกับต้องหลบตา “จับพิกัด Nightshade ได้แล้วครับ! คาดว่าจะถึงเราใน 15 นาทีนี้” แล้วไม่นานคนของสภาวิ่งเข้ามารายงานและรอรับคำสั่งจากคิระที่ยังคงจ่อปากกระบอกปืนเฉี่ยวหน้านิลลาไปมา ก่อนคิระจะสั่งออกไปเสียงเข้ม “ลากตัวประกันไปมัดกลางทะเล! เอาลงไปให้ลึกสัก...ประมาณนี้ คงไม่เกินความสามารถของนักกีฬาว่ายน้ำหรอก ใช่มะ :)” ปากกระบอกปืนที่ค้างในมือคิระถูกเลื่อนไปบอกระดับน้ำแบบส่งๆตามเลเวลความโกรธและกวนประสาทของคนสั่ง ซึ่งถึงแม้ระดับที่บอกจะดูไม่สูงมาก แต่เมื่อเทียบกับความสูงของนิลลาและโรเซ่แล้วก็เล่นเอาท่วมอกพวกเธอเลยเหมือนกัน แถมนับรวมแรงซัดจากเคลื่อนระดับนั้น พวกเธอก็สำลักน้ำได้ง่ายๆ “ว่าแต่คนอื่นพาล นายมันก็พาลเหมือนกันแหวะว่ะ!” นิลลาเห็นโรเซ่ที่ดูตกใจ มองแว๊บแรกก็รู้ทันทีว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็นแน่ แต่คิระกลับยิ่งนึกสนุก จ้องไปที่โรเซ่แล้วลอยตาลอยหน้าใส่ “ให้ผัวโชว์แมนบ้างไง เห็นงอนกันไม่เว้นวันอยู่ได้” ก่อนที่คนของสภาจะลากตัว Nightshade’s Lady ออกไป...15 นาทีต่อมา...
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! เสียงกราดกระสุนของ Nightshade แว่วมาตั้งแต่ทุกคนเหยียบลงบนพื้นเกาะ คนของเตโชปะทะคนของสภาที่อยู่ภายใต้การสั่งการของคิระอย่างไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆ ทั้งนั้น และแน่นอนสิ่งที่ทำให้ Nightshade ยิ่งบ้าระห่ำเข้าไปใหญ่ คือร่างของนิลลาและโรเซ่ที่แข่งกันสำลักน้ำอยู่กลางทะเล แต่แม้จะเป็นคนสั่ง ปฏิกิริยาของตัวประกันทั้งคู่นั้น ก็อยู่ในสายตาคิระตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นคิระก็ไม่ได้จะฆ่า Nightshade’s Lady จริงๆหรอก ก็แค่อยากมีโมเม้นต์พอใจตอนเห็นเตโชตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งเวลาอะไรไม่ได้ดั่งใจบ้าง.... “ไอ้เหี้ยคิระ!!!” ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! คิระมองคนของสภาถูก Nightshade ยิงร่วงลงไปต่อหน้าต่อตาอย่างไม่รู้สึกรู้สา เพราะคนของเตโชก็ไม่ต่างกันนี่นา เรียกว่าร่วงสลับกันจนพื้นที่เกาะที่เห็นเงาลิซ่าวิ่งเล่นลางๆ กลายเป็นทรายสีเลือดแดงที่กว่าจะกลับสู่สภาพปกติก็คงอีกนาน และถ้าคำนวณจำนวนคนของ Nightshade จากสายตา ฝั่งนั่นมาน้อยกว่าคนที่เขามีแบบครึ่งต่อครึ่ง “หึ.. แล้ว Leader’s Wife ของกูล่ะ ไม่ได้มาด้วยงั้นหรอ?” ถึงจะรู้ดีว่าที่ Nightshade มาที่นี่เพื่อชิงตัว Nightshade’s Lady พวกเขาไม่ได้มาเพื่อเจรจา แต่คิระก็ไม่วายส่งเสียงยียวนออกมาอย่างสบายอารมณ์ นั่นทำให้เตโชยิ่งโมโหเมื่อเขาเอ่ยถึงโมเน่ต์ แต่ทั้งวาโยและพายุกลับไม่สนใจคำพูดพวกนั้นสักนิด พวกเขาตรงลิ่วเข้าไปหานิลลาและโรเซ่ที่ถูกมัดไว้ แต่กลับต้องชะงักฝีเท้าเพราะคนของคิระนับสิบคนพุ่งเข้าไปล้อม Nightshade’s Lady เอาไว้และใช้ปืนจ่อไปที่พวกเธออย่างพร้อมลั่นไก จน Nightshade ทุกคนที่มองไปถึงกลับโกรธจนตัวสั่น “กูบอกว่าอย่ายุ่ง...กับครอบครัวกู!!!” เตโชกัดฟันแน่นส่งเสียงเล็ดลอดไรฟันออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วจ้องหน้าคิระอย่างโกรธจัดเหมือนอยากจะฆ่าให้ตาย อีกด้านของคิระที่มองท่าทางเป็นห่วงเป็นใย Nightshade และฟังเขาพูดเต็มปากว่าพวกนั้นคือคนในครอบครัวก็ยิ่งสะใจ แต่ในความสะใจนั้นก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกข้างในมันกระตุกวูบจนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน รู้แค่มันยิ่งโมโหมากเข้าไปใหญ่ พอย้อนกลับมานึกถึงความจริงบางอย่างที่คนตรงหน้าเคยเป็นพี่น้อง เป็นคนที่แม้ว่าเขาจะงอแงแค่ไหนตอนเด็กก็ออกตัวปกป้อง เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่แล้วตำแหน่ง อำนาจ ก็ทำลายทุกอย่างให้จบสิ้น สถาบันครอบครัวที่อบอุ่นตอนนั้น หลงเหลือเอาไว้แค่ความเศร้าหมอง นั่นทำเอาคิระหัวร้อนขึ้นมาและตะคอกออกไปเสียงดัง ก่อนจะลั่นไกลงน้ำรัวๆ ระหว่างเสาที่มัดนิลลากับโรเซ่เอาไว้แบบไม่หันไปมอง “มึงรักครอบครัวมึง กูรักครอบครัวกู!!!” ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! “กรี๊ดดดดด” ร่างเล็ก Nightshade’s Lady พอรู้สึกได้ถึงสัมผัสเฉียดฉิวที่เจาะลงไปใต้น้ำเฉี่ยวขาแบบหวุดหวิดก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกและกรี๊ดออกมาทั้งลั่นไปทั่วทั้งเกาะ เตโชเห็นแบบนั้นเลยพุ่งเข้าไปประจันหน้ากับคิระ แล้วใช้ด้ามปืนในมือฟาดใส่เขาอย่างแรงจนหน้าสะบัด ผลัวะ! “พ่อมึงต่างหากที่สั่งฆ่าพ่อแม่กู!” คนเป็นพี่ตวาดออกมาเสียงดังลั่นอย่างเข้าใจในความหมายนั้น แม้จะเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยพูดถึงเลย แต่ความเจ็บปวดที่สุดที่ทั้งคู่ฝังมันไว้ในหัวตลอดเวลา คือพ่อแม่เขาถูกฆ่าโดยพ่อแม่อีกฝ่าย ซึ่งนี่แหละคือจุดหักเหของความสัมพันธ์! แล้วประโยคตอบกลับของคิระก็มีเพียงรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรในคำพูดนั้น ก่อนที่คิระจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อเตโชคืนบ้าง แล้วตวาดใส่เขาด้วยท่าทางไม่สำนึกอะไร แต่ความรู้สึกข้างในพังเละ ซึ่งเตโชไม่สังเกตเห็นความผิดปกติพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ! “หึ..งั้นขอร้องกูสิ กูอาจจะใจดีก็ได้ ถ้ามึงยอมตายแทนพวกมัน ตายตามพ่อแม่มึงไป!” ได้ยินแบบนั้นเตโชที่ได้ฟังก็ฟิวส์ขาดทันที ก่อนจะสะบัดมือหนาที่กำคอเสื้อเขาเอาไว้ออกไปอย่างแรง แล้วเลื่อนปากกระบอกปืนไปจ่อหัวคิระด้วยแววตาแน่วแน่และกำลังจะลั่นไก พรึ่บบบ แต่แค่เตโชทำแบบนั้นปากกระบอกปืนทั้งหมดของลูกน้องคิระก็เลื่อนตำแหน่งขึ้นจ่อหัว Nightshade’s Lady ในทันทีเหมือนกัน แถมยังมีกำลังคนมากมายของคิระวิ่งเข้ามาล้อม Nightshade เอาไว้ทันตา นั่นยิ่งทำให้อำนาจต่อรองของ Nightshade มีน้อยกว่า และช่วงนาทีสั้นๆ ที่เตโชบันดาลโทสะคิดจะฆ่าคิระให้ตาย คนเป็นพี่ก็ไม่รู้เลยว่า...คนเป็นน้องที่จ้องหน้าเขาอย่างแน่วแน่อยู่ตอนนี้กำลังรู้สึกยังไง ‘...มันจะต้องเป็นมึงอีกกี่ครั้ง ที่เอาปืนมาจ่อหัวกูในฐานะว่าที่ผู้นำ!’ “ยิงดิวะ! กูตาย ครอบครัวมึงตาย ยิง!!!” ช่องว่างระหว่างอารมณ์ของคนที่เตรียมใจมาแล้วอย่างคิระ ทำให้เขาเอ่ยปากท้าทายเตโชออกไปเสียงดัง และ... ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! อยู่ๆ กระสุนปืนมากมายก็ถูกยิงกราดเข้ามาจากมุมต่างๆภายในเกาะจนบรรดาคนของสภาร่วงลงไปทีละคน ก่อให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นทันทีตามสั่ง Nightshade ทุกคนยิงกราดใส่ลูกน้องของคิระที่อยู่ใกล้ตัว และพุ่งเข้าไปคุ้มกันนิลลากับโรเซ่อย่างรีบร้อน ก่อนจะเผยให้เห็นกำลังเสริมมากมายของ Dark Shadow ที่วิ่งวุ่นเข้าชาร์จตัวคนของคิระทั้งหมด พร้อมกับตัวแทนสภากฎที่เดินฝ่ากระสุนมาพร้อมกับการคุ้มกันของชายชุดดำมากกว่าจำนวนคนของคิระหลายเท่าตัว แล้วคนกลุ่มนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเตโชที่กำลังเอาปืนจ่อหัวคิระ พร้อมกับประกาศกร้าวออกมาด้วยน้ำเสียงทรงพลังท่ามกลางความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น “ติณณวัชร์ ภัทรเดชา คำขอ Emergency Privilege ของคุณ ได้รับการอนุมัติ!” “O_O” สิ้นสุดเสียงนั้น คิระก็จ้องมาที่เตโชด้วยแววตาเหลือเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะสำหรับ Dark Shadow แล้ว Emergency Privilege เป็นสิทธิพิเศษของว่าที่ Leader และ Leader’s Wife เพื่อใช้ป้องกันตัวในกรณีฉุกเฉิน ทุกคำสั่งของผู้เปิดใช้ Emergency Privilege จะมีผลบังคับใช้ทันทีกับผู้ที่มีตราประทับของ Dark Shadow หากใครคิดฝ่าฝืน โทษที่จะได้รับจากการพิพากษาของสภากฎก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ Member ที่ร่วมกันคิดร้ายมากมายก็ถึงกับอ่อนยวบ ทิ้งปืนในมือลงไปทันทีอย่างตอนนี้ เพราะแม้จะเป็นคนของสภาเอง... ก็ยังต้องยอมแพ้ให้กับคำขอที่แน่วแน่มากพอถึงยอมทำตามเงื่อนไขของมัน นั่นก็คือหากจะเปิดใช้ Emergency Privilege ให้ตัวเองอยู่สูงเกินกว่าใครๆตามที่ได้กล่าวมานั้น ผู้เปิดใช้จะต้องยอมแลกหนึ่งชีวิตเพื่อปกป้องอีกหลายชีวิต ...ซึ่งเตโช เลือกจะใช้มันหยุดเขา! ก่อนเตโชจะออกแรงผลักคิระให้เซถอยออกไปและสาดกระสุนเข้าใส่คิระจนหมดแม็กจนคิระร่วงลงไปต่อหน้าต่อตา ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ความเจ็บจี๊ดที่รู้สึกได้จากแรงอัดของกระสุนที่ถูกบังไว้ด้วยเสื้อเกราะหนา มาพร้อมกับความไม่เข้าใจจนคิระได้แต่จ้องไปที่เตโชอย่างไม่รู้จริงๆว่าเขาควรรู้สึกอะไรกับคนตรงหน้า เสี้ยวนาทีหนึ่ง...เตโชคิดจะฆ่าเขาให้ตายแบบไม่มีการยั้งมือใดๆ ซึ่งหากจะทำ ก็สามารถทำได้ แต่มาตอนนี้กลับยอมแลกชีวิตเพื่อปกป้อง Nightshade จากเขาที่ถูกมองเป็นตัวอันตราย ...มันจะเปิดใช้ Emergency Privilege เพื่ออะไร? ทั้งที่มันแค่ลั่นไกเจาะหัวเขานัดเดียวเรื่องก็จบ ในทุกลมหายใจเข้าออกของแม่ง... ก็เก่งแต่เอาปืนมาไล่จ่อหัวเขาจนวันนี้ไม่ใช่? หลังจากโดนยิงจนทรุดลงไปกับพื้น ร่างของคิระก็ถูกคนของสภากฎช้อนตัวขึ้นมาทันที ก่อนที่เสียงของตัวแทนสภากฎก็ประกาศกร้าวขึ้นอีกครั้งท่ามกลาง Dark Shadow Member ทุกคนบนพื้นที่เกาะที่ก้มหน้ารับฟังด้วยความภักดี “อคิราห์ ภัทรเดชา คุณถูกจับกุมรอพิพากษาโดยสภากฎ ฐานก่อการกบฏต่อว่าที่ผู้บังคับบัญชา!”หลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X