@ Phoenix Island
“ต่อสาย Castle ฝั่งซ้ายเรียบร้อยครับนาย” ไคยะกับเมมเบอร์มือดีหลายคนยืนสแตนด์บายรอรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงในห้องรับรองที่มีคิระและมาโคร รวมถึงตัวประกันอย่างนิลลาและโรเซ่ ที่เธอเพิ่งจะรับรู้เรื่องราววุ่นวายของ Dark shadow จากนิลลาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน [แตะเมียกูแม้แต่ปลายเล็บ มึงตาย!!!] ประโยคเปิดบทสนทนาแรกจากปลายสายไม่ใช่เสียงเตโช แต่เป็นพายุที่โพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ซึ่งคิระพอได้ฟังก็ถึงกับยิ้มเยาะ ...ทีเมียมึงจะตบเมียกู คดีนี้ใครต้องตายก่อน? “หึ..โมโหร้ายสมชื่อ แล้วว่าที่ผู้นำกู...ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน?!” เสียงยั่วโมโหจากคิระตอบกลับไป ก่อนเตโชที่ฟังอยู่จะตะคอกออกมาแบบหัวร้อนเข้าไปใหญ่ [บอกแล้วใช่มั้ย อย่ายุ่งกับครอบครัวกู!!!] “จุ๊ๆๆ อย่าโมโหสิครับ ไม่ยุ่งได้ไง ของแถมถล่มทลายแบบนี้ จับแค่สองแต่ได้มาตั้งหะ...” [หุบปาก! จะเอาไงก็ว่ามา!] คิระยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงรันเวย์แทรกขึ้นมา และแค่ฟังน้ำเสียงที่จงใจปิดบังบางอย่าง บวกกับหางตาของคิระสังเกตเห็นว่าโรเซ่เลิ่กลั่กตอนเขาพูดถึงจำนวนตัวประกัน ก็ทำให้รู้ทันทีว่าใครบางคนที่ควรต้องรู้เรื่องนี้ มันกำลังพลาดเรื่องราวดีๆ นั่นทำให้คิระนึกสนุก ยื่นข้อเสนอขำๆทั้งที่ไม่ได้คิดจะทำตั้งแต่แรกเลยสักนิด ถ้างั้นก็... “แลกตัวประกัน! หนึ่งชีวิตของโมเน่ต์ แลกกับห้าชีวิตตรงนี้ ตอนนี้” “พาย.. อุ๊บ! อื้อออ ปล่อยดิวะ” คิระพูดออกไปขำๆเพราะต้องการจะปั่นประสาทเตโชให้ดิ้นตายเมื่อต้องแลกคนรักกับคนที่เทิดทูนว่าเป็นครอบครัวอย่าง Nightshade’s Lady ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และต่อท้ายคำพูดของเขา...นิลลาก็ตะโกนแทรกมาแต่ก็ถูกปิดปากไปในขณะที่โรเซ่พูดไม่ออก และเธอยิ่งต้องตาโตยิ่งกว่าเดิมเพราะปฏิกิริยาของวาโยที่คิระรอคอยก็ตอบสนองผ่านน้ำเสียงที่สงสัยออกมาแบบเก็บอาการไม่มิด [ห้าชีวิต?] ใช่... เขาเลือกนิลลาเพราะนิลลาจะทำร้ายลิซ่า และเขาเลือกโรเซ่ เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาของ Nightshade ในช่วงเวลาที่สุดแสนจะดราม่า :) “อ้าว..หลุดปากว่ะโทษที นี่เพื่อนๆ ยังไม่บอกหรอเนี่ย…” “หยุดเฮียคิระ! เฮียแม่งบ้าไปแล้วหรอวะ! อื้อออ” โรเซ่พอได้ฟังน้ำเสียงยียวนของคิระอีกครั้งก็โพล่งสวนขึ้นมาทันที คิระก็แค่กระตุกยิ้มอย่างพอใจ และคิดว่าที่จริงเธอควรขอบคุณเขาด้วยซ้ำ แต่ก็ช่างเถอะ... เพราะในฐานะคนรักของลิซ่า เขามันเป็นพวก...ชอบเปิดตัวหลานแบบอลังการอยู่แล้วอ่ะนะ [นี่มันเรื่องเหี้ยไร?!] แล้วเสียงตวาดลั่นของวาโยก็ยิ่งทำให้คิระเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้ฟังมันอย่างสบายใจ ขาสองข้างถูกไขว้และยกขึ้นวางบนโต๊ะและไม่วายหันไปยักคิ้วให้โรเซ่ที่จ้องเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันให้ได้ “หึ.. ครอบครัวสุขสันต์ แต่ลับหลังปิดบังกันแบบนี้..เป็นกูคงเสียใจแย่ เน่อะ..หม่าม้าโรเซ่” [นี่พวกมึง…] คิระยังคงบิ้วท์วาโยที่ไม่รู้อะไรไปเรื่อย ราวกับค่อยๆเทน้ำมันราดกองไฟ และความเงียบที่ได้รับจากปลายสายก็ทำให้เขายิ้มเยาะซ้ำๆ แค่เพราะได้ปั่นประสาทคนที่ตอนนี้น่าจะรับศึกหนักอย่างเตโชที่อยู่แถวนั้นไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนแววตาคู่นั้นจะเปลี่ยนเป็นจริงจังนิดๆ [ส่งตัวโมเน่ต์มาแล้วไปถอนตัวซะ! หรือถ้าอยากให้กูสังเวยห้าชีวิตในวันสถาปนาให้...ก็ตามใจ] “สารเลว” เตโชสวนกลับคำพูดคิระด้วยน้ำเสียงทรงพลังน่าดู แต่ด้วยความสัตย์จริง...ที่ว่าจะสังเวยห้าชีวิตมันไม่ใช่คำพูดอาฆาตใดๆทั้งสิ้น คิระไม่ใช่พวกเหมารวม เอา Nightshade มายุ่งอยู่แล้ว ที่ต้องการตัวโมเน่ต์มาแลกก็เพราะจะจำกัดสโคปให้เป็นเรื่องภายใน แม้จุดอ่อนที่สุดของเตโชจะเป็น Nightshade แต่เขาก็ไม่นิยมทำผิด Commandment หมวด 7 ข้อ 3 ที่เพิ่งย้ำเพื่อทวนความจำลิซให้เธอจำให้ขึ้นใจ... ‘งั้นหมวดไหนข้อไหนที่บอกว่า...ถ้าไม่พอใจใครให้ยิงทิ้งได้เลย เราจะฆ่าคนเล่นก็ได้ เพราะกระสุนเรามีมากพอ’ ‘มั่ว! มั่วจริงๆเลย หมวด 7 ข้อ 3 บอกว่า... If any members injure outsiders by referring to the organization’s name, That member must be sentenced to receive the heavy penalty of the organization only! (หากเมมเบอร์คนใดทำร้ายคนนอกโดยอ้างอิงชื่อองค์กร เมมเบอร์คนนั้นจะต้องถูกพิพากษาให้ได้รับโทษร้ายแรงขององค์กรเท่านั้น!)’ เสียงเล็กๆของลิซ่าดังก้องในหัวคิระ และตามมาด้วยเสียงตะคอกอย่างฉุนเฉียวของวาโยที่อีกฝั่งน่าจะกำลังคาดคั้นเอาเรื่องกัน ซึ่งเขาเองก็.... พลั่กกก! [ทำไมมึงไม่บอกกู!] “โอ๊ะโอ.. สถานการณ์ตึงเครียดเชียว จะตกลงกันก่อนก็ได้ กูให้เวลาหนึ่งชั่วโม...” [Next generation Leader…] คิระที่นั่งฟังเสียงเกรี้ยวกราดของวาโยชิลๆกำลังจะให้โอกาส Nightshade ได้ตกลงกัน แต่โมเน่ต์ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเลยหยุดฟัง “.......” “Commandment ข้อ 4 Dark Shadow ต้องมีสัจจะ ..ใช่มั้ย?” “ใช่” / [ใช่] ในฐานะ Next generation คิระตอบกลับคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นหลังได้ฟัง เตโชเองก็ตอบมันออกมาพร้อมกัน โมเน่ต์เห็นแบบนั้นก็เลยเจรจาออกมาเสียงเรียบ [รับปากว่าจะไม่แตะต้องใคร ...คิระ] น่าแปลกที่ทุกครั้งพอได้ฟังโมเน่ต์พยายามจะเจรจา สิ่งเดียวที่แว๊บเข้ามาในหัวเขาที่นั่งยิ้มเยาะอยู่ตอนนี้ คือว่าที่ Leader’s Wife กำลังจะใช้กฎที่คิดว่าตัวเองแม่นที่สุดกว่าใครในโลกเลยมาต่อรองกับเขาอีกแล้วใช่มั้ย? [หึ...ตามนั้น] แต่เพราะเธอก็เป็นคนที่มีไหวพริบว่องไวใช้ได้ แค่ถ้ามีโอกาสเธอคงต้องเรียนรู้อีกเยอะมากจริงๆ คิระเลยตอบตกลงรับคำเจรจานั้นง่ายๆ “อืม อีกหนึ่งชั่วโมงเราจะติดต่อกลับไป” พูดจบปลายสายก็ตัดไป และทันทีที่อีกฝั่งวางสาย โรเซ่ก็ลุกพรวดจะตรงเข้าไปหาคิระจนไคยะต้องเข้ามาคว้าไว้ “เฮียเล่นบ้าไรวะ เป็นบ้าไปแล้วรึไง!!!” “……” แต่นอกจากจะไม่ปริปากตอบอะไร คิระยังแค่มองหน้าโรเซ่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ “เอาตัวออกไป!” มาโครเห็นว่าเธอใกล้ประชิดตัวคิระก็เอ่ยปากสั่งให้คนเอานิลลาและโรเซ่ออกไป ร่างเล็กของทั้งคู่เลยถูกกระชากให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่จังหวะที่ฉุดกระชากกันอยู่นั้น คิระก็ส่งเสียงเข้มตามหลังเมมเบอร์ที่ลากพวกเธอออกไปทันที “ห้ามแตะต้องตัวประกันถ้ากูไม่ได้สั่ง!” “ก็แค่ตัวประกั....” “มันเป็นสัจจะของ Next generation!” คิระส่งเสียงเข้มออกมาอีกครั้ง และหันไปจ้องหน้ามาโครที่มองเขาเฉยๆ แต่ก็เลือกจะก้มหัวให้แบบประชดกันขำๆ แล้วส่งสัญญาณไล่ไคยะและลูกน้องให้เอาตัวพวกเธอออกไปเลย “ครับนาย!” ตึง! แล้วหลังจากตัวประกันถูกเอาตัวออกไป คิระก็ทาบฝ่ามือตรงมุมล่างซ้ายของโต๊ะที่เขานั่ง ก่อนที่ผนังด้านหลังจะเปิดออกกลายเป็นประตูบานใหญ่ ซึ่งเป็นทางเชื่อมจากห้องปัจจุบันที่เขาอยู่กับคลังอาวุธส่วนตัวขนาดย่อมด้านใน ก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนเก้าอี้แล้วลุกขึ้น มาโครเองก็เดินตามเขาเข้าไป “แล้วลิซ?” “……” คิระไม่ตอบอะไรมาโคร และกวาดสายตาเลือกปืนคู่ใจหนึ่งกระบอกจากปืนนับสิบที่วางอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ มาโครที่เข้าออกห้องนี้จนชินก็แค่หยิบนั่นหยิบนี่ขึ้นมาเล่นๆ แต่ก็ไม่วายถามเพื่อนเพื่อความแน่ใจอีก “เมื่อวานแม่เฒ่าว่าไง” “กูแพ้” เมื่อคำถามที่รอคอยถูกส่งมาแบบนี้ คิระก็ไม่ลังเลที่จะตอบกลับไปเสียงเรียบแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด แต่คำตอบนั้นกลับทำให้มือที่จับอาวุธของมาโครชะงักและเขาก็หันขวับไปมองคิระอย่างไม่เข้าใจทันที “แล้วมึงยังจะ....” “ถ้าเป็นงั้นจริง…” น้ำเสียงจริงจังที่แม้จะขัดกับท่าทางไม่สนใจอะไรของคิระทำให้มาโครถึงกับหน้าเครียดไปทันตา เขาละสายตาจากอาวุธตรงหน้าไปโฟกัสที่คิระที่ยังคงเลือกปืนชิลๆอยู่จนถึงตอนนี้ แต่ภายใต้ความนิ่งมากๆก็มีอยู่แค่เรื่องเดียวที่ทำให้คิระกระวนกระวายจนแทบบ้า “...อย่าให้ใครยุ่งกับลิซ่า” คำพูดของคิระที่ส่งมาทำเอามาโครนิ่งไป แม้จะไม่สบตาแต่มันก็หนักแน่นมาก ถ้อยคำที่คนตรงหน้าส่งมา และพอเป็นแบบนี้ก็ยิ่งน่าวิตกเข้าไปใหญ่ เพราะ 100% ไงล่ะ... ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขาตั้งแต่รู้จักกับแม่เฒ่าซิลวา เธอพูดถูก 100% เสมอ โดยเฉพาะเรื่องเขากับเฟรย่า “ถ้ารู้ตั้งแต่เนิ่นๆแบบนี้กูว่า...” “ยังมีอีกเรื่อง” มาโครพยายามจะเจรจาให้คิระล้มเลิกความคิดอีกครั้ง แม้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้ มันมั่นใจได้อยู่แล้วว่าเตโชจะไม่ยอมแลกตัวประกันแน่ๆ แต่ยิ่งไปกว่านั้น...สิ่งที่คิระพูดต่อมันกลับทำให้เขาชะงักยิ่งกว่าตอนได้ฟังคำทำนายของแม่เฒ่าซิลวา “กูขอกำลังเสริมจากสภามาแล้ว ส่วนมึง...ไปซะ” “คิดว่าพูดเหี้ยไรออกมาวะ?” พรึ่บ! สิ้นสุดคำพูดมาโคร คำตอบที่สวนกลับทันทีของคิระก็ถูกส่งไปเป็นซองกระดาษสีน้ำตาลที่บรรจุภาพถ่ายมากมายกับเอกสารปึกหนาที่ลอยไปกระแทกอกมาโครเข้าอย่างจัง ภาพถ่ายที่ว่า...คือภาพของฟาเดียกำลังทำบางอย่างกับอาหาร หรือแม้แต่เครื่องดื่มของเขาในห้องครัวที่เกาะอย่างลับๆล่อๆหลายครั้ง ส่วนข้อมูลในเอกสารทั้งหมดนั้น เป็นผลการตรวจเลือดและสารพิษในร่างกายของคิระ ที่มีการบันทึกระยะเวลาที่เกิดอาการผิดปกติอย่างต่อเนื่องมาเนิ่นนาน แม้จะไม่ได้ระบุชัดว่าสิ่งแปลกปลอมที่ได้รับมันมีต้นสายปลายเหตุจากอะไร แต่การจำแนกตัวยาและสารประกอบต่างๆ ก็บอกได้ว่าฤทธิ์ของสารที่ได้รับมามันตรงตามอาการที่แปลกไปตามที่คิระรู้สึกทุกครั้ง โดยเฉพาะความรู้สึกคลุ้มคลั่งอยากจะฆ่าใครสักคนเพื่อหยุดเรื่องราวแย่ๆในหัวพวกนั้น เขามักจะเห็นทุกคนในครอบครัวอย่างท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านอา รวมถึงเตโชและเฟรย่าในความรู้สึกนึกคิดทุกครั้ง ราวกับคนย้ำคิดย้ำทำจนอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองอาจจะเป็นบ้าไปแล้วด้วยซ้ำ ที่น่าสังเกตมากกว่านั้นคือคำพูดของลิซ่า...คอลลาเจนที่เธอพูดถึงตั้งแต่วันแรกที่ไปที่เกาะ ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรจนมันถูกพูดถึงอีกครั้งตอนเดินเข้าไปรับโทรศัพท์ในห้อง และทันเดินออกมาเห็นท่าทางที่แปลกไปของมาโครที่เกิดขึ้นแบบฉับพลันหลังได้ดื่มน้ำในตู้เข้าไป ซึ่งมันเป็นอาการเดียวกันกับที่เขาเป็นเสมอ ความรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หน้าอกจนตัวงอ พยายามจะนอนแค่ไหนก็ต้องตาสว่างให้กับภาพหลอนต่างๆในหัวมากมาย และการกระทำของมาโครที่ยิ่งทำให้มั่นใจว่าต้องมีอะไรที่ถูกปกปิดไว้และมีเงื่อนงำแน่ๆ คือการเปลี่ยนน้ำแร่ทั้งตู้ในวันเดียวกันทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนสั่งด้วยซ้ำ หลังจากคิระโยนทั้งหมดไปให้มาโคร เขาที่ได้เห็นทุกอย่างแค่แว๊บเดียวก็ถึงกับตาโต มาโครรับรู้ถึงสิ่งที่คิระต้องการสื่อสาร เล่นเอาพูดไม่ออก แต่คิระก็ไม่ได้สนใจจะฟังสิ่งที่เขาต้องการจะพูดอยู่แล้ว “นี่เป็นโอกาสเดียวที่กูจะให้...” คิระจ้องลึกเข้าไปในตามาโครที่ตอนนี้ยอมรับเลยว่ากำลังจ้องเขาอย่างกลัวใจ ก่อนจะกัดฟันพูดไปเสียงเข้มจนมาโครที่แม้จะเป็นเพื่อนซี้กันมานานยังเสียวสันหลังวาบพอได้ฟังมัน “มควินทร์ ภัทรเดชา! Dark Shadow เมื่อทำผิดต้องโดนพิพากษา! และก่อนฟังคำพิพากษา กูจะตามฆ่าเมียมึงอย่างเลือดเย็นที่สุด ให้มึงกระอักเลือดตายยิ่งกว่าพี่กูที่ต้องเห็นสิ่งที่พวกมึงเคยทำ! เพราะงั้น... พายัยนั่นหนีไปซะ!” ครืดดด! ปืนกระบอกที่หวงที่สุดของคิระถูกสไลด์ไปบนโต๊ะวางอาวุธและหยุดลงตรงหน้ามาโครอย่างเอาจริงแบบไม่ยอมรับการต่อรองใดๆทั้งนั้น ครั้งนี้แววตาคิระดูจริงจังยิ่งกว่าทุกครั้ง และเพราะความสนิทที่มีมานาน มาโครแค่เห็นรังสีประทุจร้ายในตาคู่นั้นก็หน้าเสียไปทันควัน “เรื่องเดียกูอธิบายดะ...” “ไปซะ!!!” คิระตะคอกออกไปจนเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ก่อนจะหันหน้าหนีราวไม่กับไม่ต้องการเห็นหน้ามาโครที่ยืนกัดฟันนิ่งมองเขาอย่างหนักใจแบบนั้น “.......” ความเงียบเข้าครอบงำคนสองคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีมาแสนนาน แต่ทิ้งระยะไปไม่กี่นาทีหลังจากนั้น...มาโครก็เลือกจะเอื้อมมือไปหยิบปืนบนโต๊ะแล้วเดินออกไปพร้อมกับกัดฟันแน่นและถอนหายใจ ราวกับกำลังยอมรับโอกาสที่ฟาเดียจะมีชีวิตรอดตามที่อีกฝ่ายให้มา แต่ถึงแบบนั้นจังหวะที่จะเดินพ้นประตู เขาก็ไม่วายต้องหันกลับไปมองคิระที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมาอยู่ดี ตึง! แล้วเสียงปิดประตูของมาโครที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็เรียกสายตาคิระให้หันไปมอง พร้อมกันกับที่...เขาเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันที แม้จะโกรธฟาเดียและอยากรู้คำตอบว่าเธอทำไปเพื่ออะไรแค่ไหน แต่คิระคิดว่ามาโครน่าจะรู้และพยายามปกป้องเขาอยู่ และใช่... ตามกฎของ Dark Shadow สิ่งที่คิระกำลังจะทำตอนนี้มันเสี่ยงต่อการถูกจับตาย เพื่อแลกกับความหวังดีที่มาโครให้มาจากการปกป้องเขาจากสิ่งที่ฟาเดียทำ เขาเลยไม่อยากให้มาโครยุ่งกับเรื่องนี้ แท้จริงคำขู่ที่ให้ไป...มันคือความปรารถนาดีของคิระที่ไม่ต้องการให้เขาถูกลากไปพิพากษาด้วย เขาจะฆ่าฟาเดียได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นทั้งคนที่มาโครและเฟรย่ารัก ทุกอย่างมันเป็นการจัดฉากให้มาโครหายไปก็เท่านั้น และที่สำคัญยิ่งกว่าอะไร... คิระเชื่ออย่างสนิทใจว่ามาโครและเฟรย่าจะไม่ทิ้ง...ลิซ่าที่เขารักยิ่งกว่าใคร! Rrrrrrr….. หลังจากคิระหยุดคิดตามหลังมาโครที่เดินออกไปได้ไม่เท่าไหร่ สายเรียกเข้าจากสภาสูงสุดก็โทรเข้ามา [ทำได้ไม่เลวนี่นา ว่าที่ผู้นำคนต่อไป] น้ำเสียงเยินยอที่ถูกส่งมาไม่ได้ทำให้คิระยินดีกับมันเท่าไหร่ เพราะการติดต่อมาของสภาสูงสุดครั้งนี้ มันก็มีต้นเหตุมาจากเขาเองที่เป็นฝ่ายติดต่อไปก่อน [คนของเรากำลังไป ถ้าอยากให้เฮย์โซไปช่ว....] “ไม่” เสียงเข้มของคิระดักทางสภาสูงสุดที่ดูจะพอใจและ Support เขาเต็มที่กับสิ่งที่เขากำลังจะทำหลังจากนี้ ส่วนนึงก็เพราะสภากฎทั้งหลายไม่ได้พอใจกับการขึ้นเป็นใหญ่ของเตโชเท่าไหร่ และแน่นอน 50% ที่เห็นด้วยกับการให้เขาขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไป ส่วนใหญ่ก็คือฝั่งสภากฎ แต่ก็อย่างที่รู้...ท่านปู่ก็หาทางให้ไอ้ติณณ์ขึ้นไปอยู่เหนือใครจนได้ [เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะอคิราห์ ถ้ามีอะไรที่พอจะช่วยได้....] “ช่วยบอกคนของท่านให้มาถึงไวๆ แค่นั้นก็พอ” คิระตอบกลับและกดวางสายอย่างไม่ลังเลอะไร แต่อีกนัยหนึ่งเขาก็รู้สึกสบายใจ ที่หาทางแก้คำพูดของแม่เฒ่าที่ติดค้างในหัวได้ ‘คุณคาดหวังอะไรงั้นหรอคะ ถึงยอมเอาเมมเบอร์ของตัวเองเข้าไปเสี่ยงมากมาย’ ใช่... เพราะคำพูดเตือนสติของแม่เฒ่าซิลวา ทำให้สงครามครั้งนี้...คิระเลือกจะไม่ใช่คนของตัวเองเลย แต่เขาจะใช้คนของสภา! ก๊อกๆๆ “เข้ามา” เสียงเคาะประตูของไคยะที่เดินหน้าตาตื่นหลังได้ฟังคำอนุญาต ทำให้คิระที่สงบลงได้ไม่นานต้องหน้าเครียดขึ้นมาทันตา “มีเรื่องด่วนครับนาย” “ว่า” สิ้นสุดคำพูดของคิระ ไคยะก็ยื่นโทรศัพท์มือถือของเขาที่มีภาพเตโช โมเน่ต์ และท่านผู้นำแห่ง Dark Shadow มาให้ ภาพนั้นถูกถ่ายมาจากสำนักงานเขต... “ท่านผู้นำเพิ่งไปเป็นพยานการจดทะเบียนสมรสของคุณเตโชและคุณโมเน่ต์เมื่อวันก่อนครับ” ไคยะพูดมาด้วยท่าทางลำบากใจ คิระพอได้ฟังแบบนั้นก็ยิ่งนิ่งมาก เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะทำหลังจากนี้เป็นการล้ำเส้นว่าที่ผู้นำและว่าที่ Leader’s Wife อย่างเตโชและโมเน่ต์เข้าไปใหญ่ “ไอ้ไคยะ มึง....” แต่เพราะไม่คิดจะถอนตัวแน่อยู่แล้ว คิระเลยหยุดคิดแค่นิดหน่อยแล้วเอ่ยปากออกไป แล้วน้ำเสียงที่แน่วแน่ของไคยะก็ชิงพูดขึ้นมาอย่างรู้ใจ “ผมจะกับอยู่นาย” “ไร้สาระ มึงตายแน่” “ตายในหน้าที่มันเท่นะนาย” “มึงจะไม่ติดเล่นสักวันได้มั้ย” แม้จะดูเป็นบทสนทนาที่ไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้เลย แต่ไคยะก็เลือกจะส่งยิ้มกวนๆออกไป ในขณะที่คิระเริ่มหน้าเครียดอีกครั้งจนเขารู้สึกได้ “ผมถามได้มั้ย นายคิดว่าทำไมผมต้องแยกสังกัดกับเฮียเคนชินด้วย” ท่ามกลางความเงียบภายในห้อง ไคยะเลือกจะถามออกไปทำให้คิระมองไปที่เขา พลางคิดว่าโตพอกันซะเปล่าแต่ทำตัวไม่รู้กาลเทศะ “มาถามอะไรตอนนี้วะ” “ตอบหน่อยดิ ตอบเถอะน่านาย” “ป้ามาร์ธาเป็นคนส่งมึงมาอยู่กับกูไม่ใช่รึไง” คิระตอบกลับไคยะที่พอได้ฟังเขาพูดก็อมยิ้มแล้วทำเสียงสูงขึ้นมา “มั่วละ เฮ้ยไม่เอา ทำเสียงแบบนายหญิงดีกว่า นายมั่วเล่า!” เวร! อีกไม่อีกชั่วโมงก็จะตายห่ากันหมดแล้ว คิระเลยยืนฟังนิ่งๆ ปล่อยให้คนตรงหน้าเล่นสนุกได้ตามใจ และพอไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ไคยะเลยเปลี่ยนโทนเสียงใหม่จนเรียกความสนใจจากผู้เป็นนายกลับมาได้ “โอเคครับไม่เล่นก็ได้ ที่จริง...เพราะพวกผมให้สัญญาเอาไว้” น้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา ทำให้คิระจ้องมองคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมือขวาที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนเลือกมา และคิดมาเสมอว่ามาโครต่างหากที่ทำหน้าที่นี้ให้เขา แต่พอได้ฟังคำพูดหลังจากนั้นของไคยะ คิระก็ถึงกับต้องชะงักไปเบาๆ “เราทั้งคู่ล้วนภักดีกับท่านผู้หญิงและท่านผู้นำ! ผมกับเฮียตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าถ้าต้องตายก็ขอตายเคียงข้างต้นสังกัด เพราะงั้น...ให้ผมอยู่กับนายเถอะครับ เฮียเคนชินปกป้องนายหญิงเฟรย่าเท่าชีวิต ผมก็จะปกป้องนายเหมือนกัน!” พรึ่บ! พูดจบไคยะก็ก้มหัวให้คิระด้วยท่าทางหนักแน่นและจริงจังท่ามกลางคลังอาวุธที่รายล้อมไปทั่วห้อง “อืม...ฟังดูยิ่งใหญ่จัง” ยอมรับว่าซาบซึ้งและอึ้งไปพอไคยะพูดแบบนั้น แต่หลังจากนั้นคิระก็เดินตรงเข้าไปหาไคยะที่เปลี่ยนสีหน้าไปเป็นยิ้มกวนๆ และเงยหน้าขึ้นหลังจากก้มหัวให้เขาอย่างภักดี “ใช่มะ ตอนแรกกะว่าพูดไปนายจะร้องไห้ด้วยแหละ ใจแข็งจังนะ ผมว่าจะแอบแชะภาพไว้ไปอวดเฮียเคนชิ....” “แต่เสียใจว่ะ...” เสียงเรียบของคิระพูดสวนออกไปทันทีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าไคยะ ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นวางบนบ่าเขาและจ้องลึกเข้าไปในตา ราวกับอยากสื่อสารบางอย่างให้คนตรงหน้าเข้าใจ... “...จะไม่มีใครต้องตายเพราะกูทั้งนั้น นั่นเป็นเรื่องที่กูยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะพวกมึง!” พลั่ก! สิ้นสุดคำพูดของคิระ ร่างทั้งร่างของไคยะก็หมดสติลงอย่างรวดเร็วจากแรงกระแทกที่ท้ายทอยด้วยฝ่ามือของผู้เป็นนาย แขนแกร่งสองข้างประคองร่างไคยะให้ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาที่อยู่ไม่ไกล ก่อนคิระจะคว้าปืนกระบอกนึงติดมือไป และเลือกจะล็อคห้องนี้จากด้านนอก ตั้งใจให้ถูกมองเป็นห้องปิดตาย เพื่อให้คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมือขวาที่แท้จริงของเขา...ปลอดภัยหลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X