"ทุกคนฟังทางนี้ครับ…" เสียงเพลงที่เงียบลงทว่ามาพร้อมกับเสียงของพิธีกรหนุ่มที่เข้ามาแทนที่ ทำให้ฝูงผีเสื้อราตรีที่กำลังวาดลวดลายกันอย่างสนุกสนานอยู่ในผับหรูต่างพากันหยุดชะงักแล้วหันไปมองทางพิธีกรเป็นตาเดียว รอรับฟังประโยคที่กำลังจะประกาศออกจากปากของคนที่กำลังทำหน้าตื่นเต้นจนต้องลุ้นตาม
"วันนี้ทางร้านเรามีเซอร์ไพรส์ให้กับทุกคนครับ"
"!?" ช่วงเว้นจังหวะการพูดของพิธีกรทำให้แขกทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮา มีบ้างที่กำลังแสดงสีหน้างุนงงแต่ส่วนใหญ่ก็ยิ้มกว้างออกมาเมื่อรู้ล่วงหน้าว่า 'เซอร์ไพรส์' ของพิธีกรนั้นหมายถึงอะไร
"แน่นอนครับ มันจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากดีเจวีไอพีสุดฮ็อตสาวสวยของทางร้านเรา…"
"…ถ้าพร้อมแล้วขอเสียงให้กับดีเจอลิซครับผม~"
"วู้วๆๆๆ กรี๊ดด…" เสียงโห่ร้องและกรี๊ดกร๊าดด้วยความชอบใจดังขึ้นทันทีที่มีผู้หญิงตัวเล็กๆ ผิวขาวเนียนเดินขึ้นแผ่พลังงานอะไรบางอย่างบนเวทีใหญ่กว้างของผับหรูด้วยรอยยิ้มหวานมัดใจใครหลายๆ คนสะกดให้ทุกคนมองมาที่เธออย่างไม่คลาดสายตา ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงด้วยกันที่ถูกเธอดึงดูดความสนใจจนไม่กล้าหันเหไปไหน
"สวัสดีค่ะทุกคน เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันเกิดของฉัน เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาสนุกสุดเหวี่ยงและมีความสุขพร้อมๆ กันไปเลยค่า~" หญิงสาวร่างบางรีบหยิบหูฟังขึ้นมาสวมไว้ครอบหู ก่อนที่จะจัดการรีมิกซ์เพลงด้วยความพราวเสน่ห์และชำนาญจนถูกใจหนุ่มสาวกลางคืนในร้านเป็นที่สุด ทุกคนต่างพากันขยับโยกย้ายตามเสียงเพลงที่สุดแสนจะโดนใจ จนช่วงเวลาที่มีความสุขผ่านไปเร็วอย่างกับโกหก
"เดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายแล้วนะคะ มาสนุกกันให้โลกจำไปเลยค่า~"
"วู้วๆๆๆ" บรรยากาศความสนุกสนานวิ่งวนมาจนเวลาเกือบเที่ยงคืนเศษ หลังจากหมดหน้าที่ดีเจสาวก็รีบก้าวเท้าลงจากเวทีกว้างหมายจะเดินไปหาพวกเพื่อน แต่ไม่ทันที่เท้าคู่สวยจะเดินพ้นจากด้านหลังเวที หญิงสาวก็ต้องชะงักหยุดเดินเสียดื้อๆ เพราะความรู้สึกบางอย่างที่แทรกเข้ามาในร่างกาย
"ให้ตายเถอะ ไม่น่าดื่มเยอะเลย" เธอควานหากำแพงหนาในการหาที่ยึด แอลกอฮอล์กำลังตีตื้นขึ้นจนทำให้เกิดอาการเซไปเซมาพยุงตัวเองแทบไม่ไหว ร่างเล็กพยายามฝืนร่างกายด้วยการเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับใช้ทุกอย่างรอบตัวเป็นที่ยึดในการที่จะขึ้นไปชั้นสองที่เป็นโซนวีไอพีหลักแหล่งรวมเพื่อนของเธอ
แต่แล้ว…
"เป็นอะไรไหมครับ?" เสียงทุ้มลึกที่มายืนขวางพร้อมกับใช้ฝ่ามือหนาฉวยโอกาสโอบเอวบางไว้แล้วก้มต่ำหลุบถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพขัดกับการกระทำ
"อย่ามายุ่งกับฉัน!" เธอช้อนสายตากลมโตพยายามเงยหน้าไปมองหน้าคนๆ นั้น ก่อนที่จะจัดการรวบรวมแรงอันน้อยนิดที่มีผลักร่างของคนที่ถือวิสาสะแตะตัวให้กระเด็นกระดอนออกไปจากตัว ร่างบางพยายามตั้งสติเพื่อจดจ้องชายหวังดีประสงค์ร้ายคนนั้น แต่ด้วยอาการอะไรบางอย่างที่แทรกเข้ามาทำให้สายตาเธอพร่าเบลอ ร่างกายร้อนรุ่มจนมีเหงื่อไหลตามกรอบหน้า ไม่สามารถมองออกว่าเขาคนนั้นเป็นใคร อาการทั้งหมดไม่คับคล้ายกับคนเมาเลยสักนิด ทว่าสิ่งที่กำลังแทรกเข้ามาในหัวเธอตอนนี้กำลังชี้ชัดว่าอาการที่กำลังเป็นอยู่คล้ายกับคนที่กำลัง…โดนยา
"หึ ดีเจออลิซน่าจะต้องการผมนะครับ" มุมปากหนาเหยียดยิ้มแล้วไล่มองเรือนร่างสวยตั้งแต่หัวจรดปลาย สายตาแทะโลมอยากจะกลืนกินเธอทั้งตัวทำให้ดีเจสาวยิ่งมั่นใจว่าคนทำให้เธอตกในสภาพนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน
"แกเอาอะไรให้ฉันกิน!?…"
"หึ"
"ฉันถามว่าแกเอาอะไรให้ฉันกิน!" ร่างเล็กพยายามเบ่งสุดเสียงเพื่อต้องการให้ใครละแวกใกล้เคียงได้ยิน แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่ค่อยๆ หายไปทำให้มันอยู่ในโทนเสียงที่ไม่ได้ดังมาก บวกกับเสียงเพลงที่กระหึ่มทำให้ไม่มีใครผ่านมาช่วยเธอเลย
"ยาที่ทำให้ค่ำคืนนี้ของเรามีแต่ความสุขไงครับ" ชายหนุ่มเอ่ยตอบ
ปกติแล้วกฏเหล็กของเธอคือการไม่รับแก้วจากคนอื่นที่ไม่ใช่แก้วตัวเอง และตลอดเวลาที่อยู่บนเวทีกำลังทำหน้าที่เธอก็ดื่มแต่แก้วของตัวเองมาตลอด แล้วชายคนนี้มาใส่ยาในแก้วของเธอได้ยังไงกัน
"ไอเลว!" ร่างเล็กทิ้งท้ายไว้แล้วพยายามตะเกียกตะกายเพื่อหลีกหนี
แต่แล้ว…
ปึก!
ก้าวเท้าขึ้นบันไดได้ก้าวเดียวเรือนร่างสวยก็ชนเข้าแผงอกหนาจนเกือบเซล้ม มือหนาของคนขึ้นชื่อว่า 'เลว' รีบคว้าเอวเธอไว้ ขณะที่เธอเริ่มใช้แรงน้อยๆ ดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม
"ปล่อยฉัน! ไอ้โรคจิต!" ยิ่งดิ้นเหมือนร่างกายยิ่งถูกกอดรัดไว้แน่นกว่าเดิม
"โรคจิต?"
"ใช่…แกมันโรคจิต วางยาฉันเพื่อสนองตัณหาตัวเอง ไอเลว! ไอชั่ว!"
"…" ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่กำลังโอบกอดไว้ เขาค่อยๆ คลายอ้อมกอดเพื่อให้คนตัวเล็กเป็นอิสระ
ทว่า…
"ว้าย!" ร่างบางกรีดร้องเสียงหลงเมื่ออิสระที่ได้รับมาพร้อมกับแรงที่กำลังจะหมดไป ทำให้คนที่ยืนบนบันไดเสียหลักหมายจะล้มลงตกลงไป แต่ 'พรึ่บ' กลับมีมือหนาของคนที่ปล่อยแขนในตอนแรกกระชากกลับไปได้ จนเรือนร่างสวยกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
"ขะ ขอร้อง…ปล่อยฉัน…" น้ำสีใสไหลพรากจากดวงตาเมื่อคิดว่าตัวเองไม่สามารถหลีกหนีจากเหตุการณ์นี้ได้
"…" ไม่มีเสียงตอบกลับมาอีกแล้ว เหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว จนผ่านไปไม่นานร่างเล็กที่ค่อยๆ อ่อนล้าลงก็ถูกอุ้มลอยกลางอากาศ
"ยะ อย่าทำอะไรฉัน…" ชายร่างสูงรีบเดินออกจากทางข้างหลังของผับหรู ก่อนที่จะยัดคนที่ไร้สติเข้ามาในรถแล้วรีบขับออกไปทันที
"ให้ผมไปส่งที่ไหนครับ"
"เพนท์เฮาส์"
*******************
LILIN (ลิลิน)
รุ่นลูกของเรื่อง FORCED LOVE สยบ(รัก)สิงห์ (ไลอ้อน x เกรซ)
.
.
- SET EVIL LOVE -
1. EVIL LOVE รักร้ายนายเย็นชา (คีรัน x เอวา)
** ตอนพิเศษ
EVIL LOVE รักร้ายนายมาดกวน (คีริว x อิงดาว)
2. EVIL LOVE รักร้ายนายเดิมพัน (เวกัส x นิชา)
3. EVIL LOVE รักร้ายนายฟีนิกซ์ (ฟีนิกซ์ x ลิลิน)
"ฟิลิปส์มานอนได้แล้วครับ""ค้าบ~" เด็กชายตัวน้อยรีบวิ่งขึ้นมานอนบนเตียงกว้างหลังจากที่ฉันเอ่ยเรียก ฟิลิปส์นอนแยกห้องกับฉันตั้งแต่สองขวบ เมื่อฉันพาเข้านอนเสร็จก็จะกลับห้องตัวเอง ซึ่งเป็นแบบนั้นทุกวันจนเขาชินไปแล้ว"วันนี้ให้หม่ามี้อ่านเรื่องไหนดีคะ?" กิจกรรมก่อนนอนของเขาคือการให้ฉันอ่านนิทานให้ฟัง เพื่อกล่อมให้เขานอนเร็ว อีกอย่างก็เป็นการเสริมพัฒนาการของเขาในตัวด้วย"ผมอยากให้ปาป๊าอ่าน" เด็กน้อยเงยหน้ามองฉันพร้อมกับสีหน้าออดอ้อน"วันนี้ปาป๊ายังทำงานไม่เสร็จเลย ให้หม่ามี้เล่าให้ฟังเนอะ""ก็ได้ครับ" ใบหน้าเล็กเศร้าลงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ยอมฉันแต่โดยดีจนกระทั่ง…แอด ~"ปาป๊า~" บานประตูห้องนอนของลูกถูกเปิดออกพร้อมกับสามีของฉันที่เดินเข้ามาในชุดนอนพร้อม วันนี้เขาบอกว่าจะอยู่ปั่นงานจนถึงดึก ฉันก็นึกว่าเขาจะจมอยู่กับกองงานจนรอเจออีกทีก็พรุ่งนี้เสียแล้ว"ทำไมยังไม่นอนหื้ม…" ร่างสูงล้มตัวนอนอีกฝั่งของลูกชาย มือหนาก่ายขึ้นมาโอบฉันไว้โดยที่มีฟิลิปส์นอนอยู่ตรงกลาง"ปาป๊าเล่านิทานได้ไหมครับ?" เด็กชายรีบออดอ้อนอีกครั้ง"อยากให้ป๊าเล่าให้ฟังเหรอ?""ผมอยากฟังเรื่องนี้" ฟิลิปส์หยิบหนังสือนิทานโดยไม่
สามปีผ่านไป"ไปไหนกันมาคะ ทำไมถึงเหงื่อซกกันทั้งสองคนแบบนี้" ฉันปรายตาไปมองสองพ่อลูกที่จับมือกันเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดเต็มกรอบหน้า วันนี้หายออกจากบ้านไปทั้งพ่อลูกเกือบค่อนวัน ฉันให้การ์ดตามหาก็หากันไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปเล่นซนกันที่ไหน ปิดเรื่องเงียบทั้งพ่อทั้งลูก"ฟิลิปส์…ป๊าพาไปอาบน้ำ" พี่ฟีนิกซ์ทำเมินคำถามของฉัน ก้มลงไปอุ้มเจ้าลูกชายแสนซนหมายจะเดินผ่านหน้าฉันขึ้นไปชั้นสอง"พี่ฟีนิกซ์พาลูกไปทำอะไรแปลกๆ หรือเปล่าคะ?" เชื่อใจไม่ได้หรอก พี่ฟีนิกซ์ตามใจลูกเสียทุกอย่าง ไม่ว่าฟิลิปส์จะขออะไรก็ทำให้ได้หมด ตามใจจนลูกถามหาแต่เขาอยู่คนเดียว"เปล่า แค่ไปวิ่งเล่นกัน" เรียวปากหนาเอ่ยตอบ แต่ท่าทางดูมีพิรุธฉันว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ"ฟิลิปส์ บอกหม่ามี้มาค่ะว่าไปทำอะไรกันมา" ในเมื่อถามหาเรื่องจากฝั่งพ่อไม่ได้ก็มาเค้นลูกชายแทน เด็กโกหกไม่เป็นอยู่แล้ว"ป๊าพาไปวิ่งเล่นครับ" ฟิลิปส์รีบตอบทันที ขณะที่ฉันกำลังจดจ้องเพื่อเค้นความจริง พี่ฟีนิกซ์ก็รีบอุ้มลูกเดินหนีฉันไปเฉยเลย"อย่าให้รู้ว่าไปแอบเล่นอะไรพิเรนทร์มานะคะ" ฉันตะโกนไล่หลังสองพ่อลูก ตอนนี้เหมือนมีลูกสองคนเพราะพี่ฟีนิกซ์เหมือ
"หนูโอเคขึ้นแล้วจริงๆ ค่ะ" ร่างสูงยังคงจับมือฉันไม่ห่าง หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาที่แสนลำบากไปได้ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลแล้ว ทั้งฉันและพี่ฟีนิกซ์เราเพิ่งออกจากห้องคลอดมาด้วยกัน เจ้าฟิลิปส์ได้ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว ตัวกลมแก้มแดงเชียว จมูกนิดตาโตเหมือนที่ฉันคิดไว้ว่าต้องเหมือนพ่อของเขาไม่มีผิด และดูเหมือนเจ้าตัวก็ภูมิใจมาก ตลอดการคลอดของฉันมีเขาคอยจับมือเป็นกำลังใจอยู่ตลอด น้ำตาแห่งความสุขของคนเป็นพ่อไหลลงอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าลูก คนไม่เคยเห็นหน้าทั้งสองคนในที่สุดก็ได้เจอกันสักที วันนี้เขาไม่ต้องคุยกันผ่านหน้าท้องของฉันอีกต่อไป เขาจะได้สัมผัสตัวเป็นๆ อย่างที่เขารอมาเนิ่นนานแล้ว"เจ็บตรงไหนบอกฉันนะ" หลังจากที่ออกจากห้องคลอดพี่ฟีนิกซ์ก็ยังดูแลไม่ห่าง มีสลับไปดูลูกในตู้ของโรงพยาบาลบ้าง แต่เมื่อมีคนบอกว่าฉันตื่นแล้วก็รีบกลับมาหาอย่างไวเลยผลออกมาอย่างที่เห็น เขาดูสงสารฉันตลอดเวลา ไม่ยอมเดินออกไปไหนเฝ้าฉันตลอดเวลา ถึงจะมีครอบครัวของฉันคอยอยู่เป็นเพื่อนแล้วก็ตาม"หม่ามี้อยากเห็นหน้าหลานเต็มทีแล้ว" คนอื่นๆ ยังไม่ได้เห็นกันชัดๆ เลย เพราะทางโรงพยาบาลต้องกักตัวลูกไว้ก่อน จึงพากันตื่นเต้นไ
แปดเดือนผ่านไป ~"วันนี้รู้สึกยังไงบ้างลิลิน เจ็บเท้าบ้างหรือเปล่า?" เสียงหวานของคนเป็นแม่เอ่ยถามขึ้นขณะที่ลงมานั่ง ช่วงนี้ฉันอยู่ในช่วงใกล้คลอด อีกไม่กี่สัปดาห์ก็ใกล้กำหนดคลอดที่คุณหมอตั้งไว้แล้ว ระหว่างนี้ก็ถูกพักการทำงานไปก่อน ช่วงว่างๆ ฉันจึงมาอยู่ที่บ้านของตัวเอง โดยที่มีพี่ฟีนิกซ์มาส่งก่อนไปทำงานและมารับหลังเลิกงานทุกวันเพราะเป็นห่วงกลัวว่าฉันจะเหงาอยู่คนเดียว แถมที่นี่คนยังเยอะกว่าบ้านของพี่ฟีนิกซ์อีก มีหม่ามี้อยู่ด้วยฉันจึงเห็นด้วยที่จะไปๆ มาๆ บ้านของตัวเอง และทุกคนก็ลงความคิดเห็นเหมือนกันหมด"นิดหน่อยค่ะหม่ามี้" ช่วงนี้เท้าฉันเริ่มบวมขึ้น ทำให้เดินแล้วเกิดอาการตึงจึงมักจะเจ็บแปล๊บอยู่บ่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้มาก อยู่ในช่วงที่อดทนได้"อดทนหน่อยนะ อีกไม่กี่วันก็จะคลอดแล้ว""ตั้งแต่มีเจ้าตัวน้อยหนูรักหม่ามี้ขึ้นเยอะกว่าเดิมเลย" ความรู้สึกของคนเป็นแม่เป็นแบบนี้นี่เอง ต้องใช้ความพยายามสูงมากที่จะดูแลคนๆ หนึ่งให้เติบโตจนเขาสามารถดูแลตัวเองได้ ฉันเพิ่งอยู่ระหว่างทางเอง กว่าจะโตจนแต่งงานออกเรือนได้คงต้องเหนื่อยอีกเยอะเลย"เหนื่อยแต่ก็มีความสุข เดี๋ยวหนูก็จะได้สัมผัสกับคำนั้น""ขนาดเขายัง
"ในที่สุดเราก็เจอกันอีกจนได้น้า~" ฉันยิ้มรับพร้อมกับเอ่ยออกมาเบาๆ ทันทีที่เรียวขายาวได้แตะกับน้ำทะเลสีใสบนเกาะส่วนตัวของพี่ฟีนิกซ์ที่เคยมาในครั้งก่อน มันยังคงสวยเหมือนเดิมแม้กาลเวลาจะผ่านไป ถึงอะไรๆ จะเปลี่ยนแปลงไปแต่ธรรมชาติที่นี่ก็ยังคงสง่างาม ร่มรื่นอยู่เหมือนเดิม"รีบไปกันเถอะ" ขณะที่คุณชายฟินซ์ทำการผูกเรือเสร็จสรรพเราก็จับมือกันเพื่อเดินไปยังบ้านหลังใหญ่ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาถึงต้องทำเองทุกอย่าง เป็นเพราะครั้งนี้การมาเที่ยวทะเลมีเพียงแค่เราสองคนตามสัญญาแต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือเจ้าก้อนเลือดในท้องอีกหนึ่งชีวิตที่คนนี้ฉันไม่สามารถห้ามตามมาขัดจังหวะสวีทหวานของเราได้จริงๆ มันอยู่นอกแผนไปหน่อย แต่ฉันก็ยินดีกับการมาของเขามากๆ เลยฉันและเขาเดินจับมือกันเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ มันสะอาดตาอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่มีใครอยู่ระหว่างนั้นก็ตาม"ทำไมมันถึงไม่มีฝุ่นเลยล่ะคะ?" แต่ก็น่าแปลกใจนะ มันต้องเก่าลงบ้างแหละ แต่ตอนนี้มันช่างดูสะอาดไปหมด สะอาดจนน่าแปลกใจ"ที่นี่ไม่ได้มีแค่บ้านนี้ แต่ยังมีอีกบ้านที่ฉันจ้างมาเป็นแม่บ้านของที่นี่""อ๋อ แล้วทำไมหนูไม่เคยเห็นเลยล่ะคะ?""เพราะเธออยากได้ความเป็นส่วนตัว ให
"อุแหวะ ~" ฉันโก่งคออ้วกอยู่ในห้องน้ำของบริษัทโดยที่มีเลขาสาวอย่างพี่ตาลคอยลูบหลังให้ วันนี้ฉันใช้เวลาในห้องน้ำมากกว่าการนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะเสียอีก เหตุผลคงไม่ต้องถาม ฉันและพี่ฟีนิกซ์แต่งงานกันมาแล้วสามเดือน และเราตกลงกันว่าอยากมีฟีนิกซ์น้อยมาวิ่งเล่นในบ้านหลังใหญ่เร็วๆ ซึ่งวันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันกำลังแพ้ท้องลูกของฉันและเขาโดยที่เขายังไม่รู้ตัว"คุณลินไหวไหมคะ?" พี่ตาลช่วยพยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงเดินออกจากห้องน้ำ เรียวปากบางซีดเผือกค่อยๆ นั่งลงบนโซฟาพร้อมกับหยิบยาขึ้นมาดมแก้วิงเวียนและอาการคลื่นไส้"มึนๆ นิดหน่อยค่ะพี่ตาล""คุณลินควรจะพักผ่อนที่บ้านนะคะ""พี่ตาลรู้ด้วยเหรอคะ?" ฉันเก็บความลับนี้เงียบมาคนเดียวหลังจากที่รู้ว่าตัวเองท้องมาได้สองวัน โดยที่ยังไม่ได้บอกใครทั้งนั้นเพราะอยากให้ทุกคนเซอร์ไพรส์พร้อมกันโดยเฉพาะพ่อของลูก"ฉันก็เคยมีอาการคล้ายคุณลินเลยค่ะ คนเคยผ่านมาแล้วดูไม่ยากเลยค่ะ""ยิ่งเป็นแบบนี้ ลินยิ่งไม่อยากอยู่บ้านเลยค่ะ กลัวพี่ฟินซ์จะจับได้" ฉันตั้งใจหาเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะบอกเขา จึงไม่อยากนอนพักที่บ้านเพื่อให้ดูน่าสงสัย อีกอย่างอาการแพ้ท้องสองวันที่ผ่านมาก็ยังไม่หนักเท่า