Share

บทที่ 5

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-27 21:48:54

หลายวันผ่านไป

แสงบ่ายอ่อนๆ สาดเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ของคอนโด ธีร์ออกไปถ่ายแบบนิตยสารตั้งแต่เช้า และน่าจะกลับมาในช่วงเย็น ปล่อยให้ปลายฟ้าอยู่คนเดียวในห้องทำงานที่เงียบสงบ

ปลายฟ้ากำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานที่น่าเบื่อที่สุดอย่างการ จัดการเอกสารค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งหลายรายการเป็นของใช้ส่วนตัวของธีร์ที่ฟุ่มเฟือยจนน่าตกใจ เธอสวมเสื้อเชิ้ตเรียบๆ และทำงานด้วยสมาธิเต็มที่

โทรศัพท์มือถือของเธอที่ตั้งเป็นระบบสั่นอยู่บนโต๊ะทำงาน ดังขึ้นเบาๆ ชื่อ ‘โอม’ ปรากฏขึ้นบนหน้าจออีกครั้ง

ปลายฟ้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้คุยกับแฟนหนุ่มอย่างจริงจังมาหลายวัน ทำให้เธอตัดสินใจรับสาย เธอหยิบโทรศัพท์แล้วลุกเดินออกไปยังระเบียงห้องทำงานที่ติดกับวิวเมือง เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆ

“ฮัลโหลค่ะพี่โอม” เธอพูดเสียงเบา

“ทำไมเพิ่งรับสาย ฟ้า พี่คิดถึง”

                 “ฟ้าทำงานอยู่ค่ะ เลยรับช้า พี่โอมว่างหรอคะ” ปลายฟ้าได้ยินเสียงกรุกกรักมาจากปลายสายแทนเสียงคำพูด

“ใช่ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ออกเวร ฟ้าว่างไหม ไปกินข้าวกัน”

“เอิ่ม แปปนะคะพี่โอม ฟ้าดูตารางแปปนึง” ปลายฟ้าเช็คตารางงารของธีร์ ตารางวันพรุ่งนี้ว่างพอดี เธอเลยตอบรับคำชวนของโอมไป ก่อนที่แฟนหนุ่มจะขอวางสายเพราะต้องไปทำงานต่อแล้ว

                 

ครั้งแรกที่เธอได้เจอแฟนของเธอ วันนั้นหลังเลิกเรียน ปลายฟ้ากำลังก้มลงเก็บสมุดและปากกาที่หลุดจากกระเป๋าผ้าใบที่หล่นกระจัดกระจายอยู่ข้างฟุตปาท เหตุเพราะเธอต้องรีบหลบผู้ชายเมาคนหนึ่งที่เดินโซเซชนเธอเข้าอย่างจัง

เงาของใครบางคนก็ทอดลงมา มือแข็งแรงหนึ่งเอื้อมลงมาช่วยหยิบปากกาที่กลิ้งไปเกือบถึงขอบถนน ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้นมอง และพบกับใบหน้าคมเข้มภายใต้หมวกของ ชุดทหาร เต็มยศ

มือของเขากำลังจะแตะโดนมือของเธอเพื่อช่วยเก็บปากกา ทันใดนั้น ปลายฟ้าก็สะบัดมือออกทันที ราวกับถูกไฟช็อต ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงเล็กน้อย และรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วเพื่อปกปิดอาการ

โอมชะงักงัน เขาไม่เคยเจอการปฏิเสธการช่วยเหลือที่ชัดเจนเช่นนี้มาก่อน

“ขอโทษครับ... ผมแค่จะช่วยเก็บ” เสียงทุ้มลึกเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ แต่ก่อนที่ปลายฟ้าจะทันตอบอะไร เขาก็เหลือบไปเห็นแหวนวงเล็ก ๆ ที่ทำจากโลหะสีขาว ที่มีลวดลายแกะสลักคล้ายกิ่งไม้ที่นิ้วนางข้างขวาของเธอ

“แหวนวงนี้ คุณเอามาจากไหนครับ”

ปลายฟ้าไม่ตอบ เธอรีบเก็บของที่เหลืออย่างลุกลี้ลุกลน และไม่ยอมสบตาเขาอีกเลย

“ขอโทษครับ” โอมกล่าวอีกครั้ง เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ “ผมคงจำผิดไป คิดว่าเป็นของผมที่หายไปหลายปีก่อน” เขารีบยอมรับความผิดพลาดของตัวเองทันทีเมื่อเห็นท่าทีหวาดระแวงของเธอ

ปลายฟ้ายังคงสงสัย แต่เมื่อมองแววตาของเขาที่ไม่ได้แสดงความก้าวร้าวหรือเจตนาที่ไม่ดี เธอจึงยอมผ่อนคลายลงเล็กน้อย

โอมมองที่แหวนของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมาสบกับดวงตาของปลายฟ้าอย่างตั้งใจ การสบตานั้นนานกว่าปกติ ราวกับโอมกำลังพยายามสื่อสารบางอย่างที่ไม่ใช่คำพูด

“คุณชื่ออะไรครับ” เขาถามคำถามใหม่ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างระมัดระวัง ปลายฟ้าลังเลเล็กน้อย แต่ก็บอกชื่อไป

หลังจากเหตุการณ์ริมถนน โอมก็เข้าหาปลายฟ้าอย่างสุภาพและสม่ำเสมอ เขาไม่ได้ใช้ความเป็นทหาร หรือความมั่นใจแบบผู้ชายมาบีบคั้นเธอ แต่เลือกใช้วิธี ทักคุยเรื่อย ๆ ผ่านทางข้อความและโทรศัพท์

โอมเลือกที่จะส่งข้อความที่เป็นกลางและใส่ใจ เช่น ถามเรื่องการเรียน ถามถึงอาหารที่เธอทาน หรือเล่าเรื่องตลกเบา ๆ เพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจที่จะตอบกลับ

และสิ่งสำคัญที่สุดคือ โอมไม่ได้พูดถึงแหวนอีกเลย แม้แต่น้อยราวกับว่าแหวนวงเล็กที่มีลวดลายกิ่งไม้นั้นเป็นเพียงเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาได้รู้จักกันเท่านั้น

                 สุดท้ายหลังจากที่โอมเคยเธอเป็นแฟนเมื่อหกเดือนก่อนปลายฟ้าเลยตอบตกลงโอม แม้เธอจะยังไม่ยอมให้โอมโดนตัว แต่โอมมักจะบอกว่าไม่เป็นไร เขารอได้จนกว่าเธอจะพร้อม

ปลายฟ้าสวมชุดลำลองธรรมดา เธอมายืนรอโอมอยู่หน้าหอพักเก่าของตัวเอง เวลาหกเดือนแล้วที่เธอคบกับโอม แต่ด้วยสถานการณ์การเงินที่รัดตัวของทั้งคู่ ทำให้พวกเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันบ่อยนัก การนัดทานข้าววันนี้จึงเป็นเหมือนการเติมเต็มความสัมพันธ์ของพวกเธอ

ไม่นานโอมก็ขับรถญี่ปุ่นมารับปลายฟ้า

“กว่าจะหาเวลามารับแฟนได้ พี่คิดถึงฟ้าจะแย่แล้ว” โอมพูดด้วยรอยยิ้ม

“ฟ้ารู้ค่ะ ฟ้าก็คิดถึงพี่โอมเหมือนกัน” ปลายฟ้าตอบกลับอย่างอ่อนโยน

อาหารค่ำเป็นไปอย่างเรียบง่าย ทั้งคู่พูดคุยกันถึงเรื่องงาน โอมบ่นถึงความยุ่งยากในการหาเงิน และปลายฟ้าก็ทำได้แค่รับฟังอย่างเงียบๆ เธอไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดงานใหม่กับธีร์ได้ และไม่กล้าพูดถึงปัญหาที่ต้องใช้เงินก้อนโตก่อนสิ้นเดือน

เมื่อสิ้นสุดมื้ออาหาร โอมขับรถมาส่งปลายฟ้าที่หน้าหอพัก

“ให้พี่ขึ้นไปคุยข้างบนหน่อยได้ไหม ฟ้า... พี่ยังไม่อยากกลับเลย” โอมขออย่างออดอ้อน

ปลายฟ้ารีบปฏิเสธทันที แม้ว่านี่จะเป็นแฟนของเธอ แต่หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้นกับธีร์ เธอก็สร้างกำแพงทางอารมณ์และร่างกายขึ้นมาอย่างแน่นหนา

“ไว้วันหลังนะคะพี่โอม ฟ้าต้องรีบขึ้นไปพักผ่อน แล้วก็มีเอกสารงานของคุณธีร์ที่ต้องเตรียมต่อด้วย พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามาก”

“โธ่ ฟ้า แป๊บเดียวเอง” โอมยังคงยืนกราน ปลายฟ้าก้าวลงจากรถ 

“ไม่ได้จริงๆ ค่ะพี่โอม ไว้วันหยุดหน้านะคะ” เมื่อเห็นปลายฟ้ายืนยัน โอมก็ยอมจำนน เขาเข็มขัดนิรภัยออกแล้วขยับเข้าใกล้เธอ

“งั้นขอแค่ตรงนี้ได้ไหม” โอมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ปลายฟ้าอย่างรวดเร็ว เขาพยายามจะจูบเธอ วินาทีที่ริมฝีปากของโอมกำลังจะแตะโดน ปลายฟ้าสะดุ้งเฮือกอย่างรุนแรง

ร่างกายของเธอตอบสนองด้วยสัญชาตญาณ เธอเบี่ยงหน้าหนีอย่างรวดเร็ว แล้วยกมือขึ้นดันไหล่ของโอมออกห่างทันที

โอมชะงักค้างอยู่กลางอากาศ เขาถอยกลับไปมองปลายฟ้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความน้อยใจ

“ฟ้า เป็นอะไรไป? ทำไมต้องผลักพี่ด้วย” โอมถามอย่างหงุดหงิดที่เธอปฏิเสธ  

“มันนานมากแล้วนะฟ้า ที่พี่รอเรา ฟ้าอยากให้ความสัมพันธ์ของเราไปต่อไหม” โอมขึ้นเสียงตามแรงอารมณ์

ปลายฟ้าเห็นสีหน้าของโอม เธอรู้สึกแย่ที่ทำให้คนที่รักต้องเจ็บปวด แต่เธอไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมจู่ๆ เธอก็ไม่สามารถทนต่อการสัมผัสทางกายได้

“ฟ้าขอโทษค่ะพี่โอม” เธอพูดเสียงสั่นเครือ “ฟ้า ฟ้าง่วงมากจริงๆ ค่ะ” โอมมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจในพฤติกรรมของเธอ

ร่างกายของเธอสั่นเทาด้วยความตื่นตระหนก ไม่ใช่แค่เพราะโอม แต่เป็นเพราะความทรงจำที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างรุนแรง

มันรู้สึกแย่มาก

ความคิดนี้กัดกินใจเธออย่างรุนแรง การสัมผัสของโอมเพียงเล็กน้อย ก็นำเธอย้อนกลับไปสู่คืนนั้น คืนที่เธอขาดสติเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เธออ่อนแอ และทำให้เธอมีสัมพันธ์กับธีร์โดยที่สติไม่เต็มร้อย

“ฟ้าขอโทษค่ะพี่โอม ฟ้า... ฟ้าง่วงมากจริงๆ” เธอพูดซ้ำด้วยความรู้สึกผิดที่ท่วมท้น

เธอไม่กล้าสบตาโอม ไม่กล้าให้เขาเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจตัวเอง และก่อนที่โอมจะได้พูดอะไร ปลายฟ้าก็รีบหันหลังวิ่งเข้าหอพักไปทันที

เธอวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว หัวใจของเธอเต้นรัว ไม่ใช่เพราะการวิ่ง แต่เพราะความรังเกียจสัมผัสที่แฟนของเธอมอบให้

เมื่อปลายฟ้าขึ้นไปถึงห้องพัก เธอยืนหอบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองผ่านหน้าต่างบานเล็กๆ ที่มองเห็นบริเวณหน้าหอพัก เธอต้องการจะส่งสัญญาณขอโทษหรือโบกมือลาโอม

แต่บริเวณหน้าหอพัก... กลับว่างเปล่า โอมจากไปแล้ว ปลายฟ้ารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรออกหาโอมทันที เธอต้องการอธิบายถึงปฏิกิริยาของตัวเอง

โทรศัพท์ดังอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีใครรับสาย

เธอโทรซ้ำ... ครั้งที่สอง... ครั้งที่สาม... ก็ยังคงไม่มีเสียงตอบรับ ปลายฟ้าเดินกลับมานั่งลงบนเตียงเก่าๆ ของเธอ

‘พี่โอมคงจะโกรธมากจริงๆ...’ เธอคิด

แต่แล้วความคิดที่ตามมาก็คือ การที่โอมโกรธจนจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่รออธิบาย หรือแม้แต่รับฟังคำขอโทษ มันทำให้นึกถึงใครอีกคน

คุณธีร์คงจะรู้สึกแบบนี้

ปลายฟ้าหลับตาลง เธอรู้สึกว่าเธอคู่ควรกับการถูกทอดทิ้ง เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่บริสุทธิ์พอที่จะได้รับความรักจากใครอีกต่อไปแล้ว

ความสัมพันธ์ที่แสนเปราะบางกับโอม กำลังถูกทำลายลงด้วยเงาของความสัมพันธ์ในคืนนั้นกับธีร์ โดยที่โอมเองไม่ได้รับรู้เรื่องราวใดๆ เลยปลายฟ้าเปิดไฟห้องนอน เธอจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง

ในวินาทีนั้น เธอรู้แล้วว่าทางเดียวที่จะรักษาความสัมพันธ์กับโอมไว้ได้ คือ การที่เธอจะยอมให้เขาจับตัวเธอใช่ไหม

ผ่านมาสามวันแล้วที่โอมหายไปอย่างเงียบเชียบ เหมือนโทรศัพท์ของเขาถูกปิดตาย และไม่มีการติดต่อใดๆ กลับมา ปลายฟ้ารู้สึกเหมือนกำลังถูกทิ้ง

เช้าวันนี้ ธีร์กำลังเตรียมเอกสารสำหรับประชุมในห้องทำงานส่วนตัว ปลายฟ้ารวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเขา

“คุณธีร์คะ ฟ้าขออนุญาตลางานในช่วงบ่ายวันนี้ได้ไหมคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา  ธีร์เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มงาน

“ไปไหนครับ” เขาถามสั้นๆ

“เรื่อง แฟนของฟ้าค่ะ เขาหายไปตั้งแต่คืนวันก่อน ฟ้าติดต่อเขาไม่ได้เลยค่ะ” เธอกล่าว ธีร์มองเธอด้วยความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

“ไปได้ครับ แต่อย่ากลับช้ามากนะครับ” ธีร์อนุญาตในที่สุด “และถ้ามีอะไร... โทรหาผมด้วย”

ปลายฟ้าขับรถไปยังค่ายทหารที่โอมเคยบอกว่าประจำการอยู่ เธอเดินเข้าไปที่ป้อมยามหน้าค่ายด้วยอาการประหม่า

“ขอโทษนะคะ ฉันมาพบ ร้อยตรีโอมภพ ค่ะ” ปลายฟ้าถามทหารยามที่ป้อมทางเข้า ทหารยามนายหนึ่งตรวจสอบข้อมูลบนกระดานอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความสงสัย

“ร้อยตรีโอมภพ ไม่มีชื่อนี้ประจำการอยู่ที่นี่มานานแล้วนะครับ เขาออกจากราชการไปหลายปีแล้วครับ” ปลายฟ้าทรุดฮวบลงกับพื้นหญ้าเล็กน้อย

“คุณเป็นอะไรกับเขาครับ”

 “เป็นแฟนค่ะ” ปลายฟ้าตอบเสียงสั่น

“อืม งั้นลองไปที่นี่ดูนะครับ” ทหารยามจดที่อยู่หนึ่งในเศษกระดาษแล้วยื่นให้เธอ “นี่เป็นบ้านของเจ้านายเก่าเขาครับ น่าจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

ที่อยู่ใหม่นำปลายฟ้ามายังบ้านหลังใหญ่ที่หรูหราโอ่อ่าในย่านชนชั้นสูง เธอเห็นป้ายชื่อ “บ้านพัก พล.ต.ต. ประยุทธ์ อภิวัฒน์ไพศาล”  เธอจอดรถแล้วเดินไปยังรั้วบ้าน

เธอเห็นโอมยืนอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดอยู่บ้าน

“พี่โอม!” เธอเรียกเสียงดังโอมหันมามองด้วยสีหน้าตื่นตระหนกที่สุด เขารีบวิ่งมาที่ประตูรั้ว เธอเห็นพี่โอมที่กำลังวิ่งมา แล้วผู้หญิงในชุดคลุมท้องเดินตามเขามา

“พี่โกหกฟ้า เรื่องเป็นทหาร แล้วผู้หญิงคนนี้ ”

 “ฟ้า ใจเย็นๆ ก่อนนะ พี่กำลังจะอธิบาย พี่” โอมกลั้นใจบอก “นี้เมียพี่” ผู้หญิงที่เดินตามมาทีหลัง

คำว่า 'เมีย' ตอกย้ำทุกความเจ็บปวดและสับสน ปลายฟ้าน้ำตาไหลอาบแก้มทันที เธอเป็นเมียน้อยมาตลอด

“แล้วฟ้าล่ะ?”

“พี่ขอโทษ! เราค่อยคุยกันนะ ฟ้า” โอมพยายามอ้อนวอนอย่างน่าสมเพช

ในขณะนั้นเองผู้หญิงที่โอมคุยอยู่เมื่อครู่ก็เดินตามออกมาที่ประตูรั้ว เธอมีท้องที่ใหญ่และนูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“โอมใครน่ะ นี่มันเรื่องอะไรกัน!” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจและความไม่พอใจ

ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของภรรยาโอม และมองลงไปที่ท้องที่ใหญ่โตของเธอ เธอรู้สึกเจ็บปวดจนร่างกายชาไปหมด

ปลายฟ้าไม่สามารถทนมองภาพนั้นได้อีกต่อไป เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเสียง

“ฮึก...” เธอสะอื้นแล้วหมุนตัวกลับทันที

“ฟ้า! ฟ้า! อย่าเพิ่งไป!” โอมตะโกนเรียกด้วยความสิ้นหวัง แต่ปลายฟ้าไม่สนใจ เธอรีบวิ่งกลับไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่เหลือใครแล้ว... และความหวังทั้งหมดได้มลายหายไปพร้อมกับความรักที่ถูกหลอกลวง

เธอรู้สึก สกปรก สัมผัสนั้นปลายฟ้าก้าวถอยหน้าไปสองสามก้าว ให้ตัวเองห่างออกจากชายหนุ่ม แต่ก่อนที่จะวิ่งกลับหลังหัน

ปลายฟ้ารีบวิ่งออกจากสถานที่ต้องนั้นให้ไวที่สุด ในหัวเธอมีคำพูดหลอกๆ คำบอกรักของโอมที่เธอขยะแขยง รังเกียจจนจะอ้วกออกมา

ปลายฟ้าเดินตากฝนออกมาเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดหมาย ปลายฟ้าเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นไกลเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้ขาของเธอมันขยับไม่ไหวแล้ว เธอทรุดตัวลงกับฟุตบาทอย่างหมดแรง ความรู้สึกว่า ‘ฉันมันไร้ค่า’ กลับมาโจมตีเธออีกครั้ง

ผ่านมานานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ เสียงแจ้งเตือนข้อความดังมาไม่หยุด มันคงมาจากอดีตแฟน แต่เสียงเรียกเข้ามือถือของเธอ ทำให้เธอต้องหยิบขี้นมาดู

‘แม่’

“แม่...” เธอพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด แต่

“โอ๊ย นังฟ้า! แกอยู่ไหนเนี่ย โอมเข้าโทรมาหาแม่”

“เขา โทรไปหรอคะ”

“เขาสารภาพกับแม่แล้ว ว่าเขาต้องจำเป็นต้องแต่งงาน แต่เดี๋ยวก็จะหย่าแล้วปีหน้า แกก็ทนๆหน่อยไม่ได้หรอหะ”

“แม่!!!! แม่จะให้ฟ้าไปเป็นเมียน้อยเขาหรอ!!!” เธอแทบจะหาเสียงตัวเองไม่ถูกเลย ที่แม่พูดกับเธอแบบนี้ขึ้นมา

“โอ๊ย!!! เขาบอกว่าจะหย่าละ ตอนนั้นเขาได้ยศดีขึ้นทั้งแกทั้งฉันก็สบายกันทั้งหมด แค่นี้นะ แม่ต้องไปหาพ่อแกก่อน”

ปลายฟ้ารู้สึกไร้เรี่ยวแรง ดวงตาสวยปล่อยน้ำตาไหลรินเป็นสาย แต่ปากอบอิ่มกลับหัวเราะเบาๆ ให้กับชีวิตตัวเอง

เธอขับรถออกมาอย่างไม่รู้ทิศทางจนกระทั่งรถของเธอมีปัญหาเล็กน้อยเนื่องจากน้ำท่วมขังบนถนน เธอตัดสินใจจอดรถทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง แล้วเริ่มเดินออกมาตามท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย

ฝนเริ่มตกลงมาอย่างหนัก แต่ปลายฟ้าไม่สนใจ เธอเดินตากฝนมานานหลายชั่วโมง เสื้อเชิ้ตและกางเกงของเธอเปียกโชกแนบไปกับผิวหนัง เธอปล่อยให้ตัวเองถูกฝนสาด ราวกับต้องการให้ความเย็นและความเจ็บปวดภายนอกเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดภายใน

‘สกปรก... ฉันมันโง่... ฉันมันโง่’ ความคิดนี้ดังก้องอยู่ในหัว

การเดินเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เธอหยุดคิดถึง ความจริงที่ว่าเธอเป็นเมียน้อย และ ความจริงที่ว่าร่างกายของเธอมีสัมพันธ์กับธีร์ในคืนนั้น ทั้งหมดนี้ทำให้เธอรังเกียจตัวเอง ร่างกายของเธอเริ่มอ่อนล้า ขาของเธอหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยตะกั่ว

ปลายฟ้าเดินมาถึงบริเวณฟุตบาทที่เงียบสงบในย่านชานเมืองแห่งหนึ่ง เมื่อเดินต่อไม่ไหวอีกต่อไป เธอก็ทรุดตัวลงนั่งบนขอบฟุตบาททันทีอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง

เธอไม่ได้ร้องไห้แบบฟูมฟายอีกต่อไปแล้ว น้ำตาของเธอผสมปนเปไปกับน้ำฝน ที่ไหลอาบ เธอแค่กอดเข่าตัวเองไว้แน่น และปล่อยให้สายฝนตกกระทบศีรษะ

เธอนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ร่างเล็กๆ เปียกปอน เป็นเพียงภาพเงาที่น่าสงสารอยู่ริมถนนในคืนที่มืดมิด

ธีร์กำลังขับรถฝ่าพายุฝนไปยังบ้านของลูกพี่ลูกน้องในย่านที่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก  เขาเหลือบมองนาฬิกาบนคอนโซลรถ เวลาเลยหกโมงเย็นมานานแล้ว ปลายฟ้าไม่เคยผิดเวลา และเขาไม่สามารถติดต่อเธอได้เลยตั้งแต่เธอลางานไป

ธีร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาปลายฟ้าอีกครั้ง แต่เสียงสัญญาณก็ดังขึ้นอย่างว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังจะโยนโทรศัพท์ทิ้งด้วยความหงุดหงิด สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างๆ หนึ่ง

เป็นร่างที่เล็กและนั่งขดอยู่ริมฟุตบาท ท่ามกลางสายฝนและแสงสลัวของไฟถนน ธีร์ชะลอรถลงทันที แวบแรกเขาคิดว่าอาจเป็นคนเร่ร่อน แต่เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปใกล้ขึ้น เงาของหญิงสาวในชุดทำงานที่เปียกปอนก็ปรากฏชัด เขาเบรกอย่างแรง

“ปลายฟ้า!”

ธีร์จำเสื้อเชิ้ตที่เธอชอบใส่ในวันทำงานได้ จำแผ่นหลังที่เคยแข็งเกร็งตอนผลักเขาออกไปได้ และจำความเงียบที่แผ่ซ่านออกมาจากเธอได้

เขาไม่สนใจกุญแจรถ ไม่สนใจว่าตัวเองสวมเสื้อเชิ้ตหรูอยู่ ธีร์รีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งลงไปหาเธอท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำทันที

“ปลายฟ้า! คุณทำอะไรของคุณ! ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!”

ธีร์ทรุดตัวลงนั่งข้างเธอในแอ่งน้ำ เขารีบคว้าตัวเธอมากอด ร่างกายของปลายฟ้าเย็นเฉียบและสั่นเทาจนน่าใจหาย

ปลายฟ้าเงยหน้าขึ้นมองธีร์ เธอไม่ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว แต่เพียงแค่จ้องมองเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่เหลืออะไรให้สูญเสียอีกแล้ว

“คุณธีร์” เธอเรียกชื่อเขาได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบลง

ธีร์ตระหนกสุดขีด เขายกร่างที่เปียกปอนและเบาหวิวของเธอขึ้นแนบอก เขาไม่สนใจแล้วว่านัดสำคัญที่เขาตั้งใจจะไปจะเป็นอย่างไร

“ปลายฟ้า! ไม่นะ! ตื่น ได้ยินผมไหม!”

เขาอุ้มเธอขึ้นมาอย่างเร่งรีบ วิ่งฝ่าสายฝนกลับไปยังรถ ในวินาทีนั้น ภาระในการรับผิดชอบชีวิตของปลายฟ้าได้ตกมาอยู่บนบ่าของชายหนุ่มแล้ว

ธีร์อุ้มร่างที่เปียกปอนและหมดสติของปลายฟ้าขึ้นมาถึงเพนเฮ้าส์หรูของเขาอย่างรวดเร็ว เขาตรงไปยังห้องนอนใหญ่ทันที เขาไม่ได้เปิดไฟสว่าง แต่เปิดไฟสลัวๆ เพื่อให้บรรยากาศสงบที่สุด

ธีร์วางปลายฟ้าลงบนเตียงคิงไซส์อย่างแผ่วเบา เขาใช้ผ้าขนหนูขนาดใหญ่เช็ดผมและใบหน้าของเธอที่เปียกโชก เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากผิวของเธอ

“ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ได้ยังไง” ธีร์พึมพำกับตัวเอง

เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลออกมาอย่างรวดเร็ว และวัดไข้เธอ อุณหภูมิพุ่งสูงเกินกว่าสามสิบเก้าองศา

ธีร์รู้ว่าต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกให้เธอทันทีเพื่อป้องกันภาวะอุณหภูมิต่ำ นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาต้องเผชิญหน้ากับความเป็นส่วนตัวของปลายฟ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เขาเริ่มต้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เปียกแนบเนื้อของเธอออกทีละเม็ด มือของเขาอ่อนโยน แต่สั่นเล็กน้อย

เมื่อเสื้อผ้าถูกปลดออก ธีร์ก็เห็นร่างกายที่ผอมบางและร่องรอยความบอบช้ำทางจิตใจที่แฝงอยู่ในความอ่อนแอทางกาย เขาจำได้ถึงสัมผัสในคืนนั้น... สัมผัสที่เขาไม่เคยเต็มใจจะจดจำ

ดูแลคนป่วย... แค่ดูแลคนป่วย!’ ธีร์บอกกับตัวเองอย่างรุนแรง ‘เธอป่วยอยู่! อย่าคิดถึงเรื่องอื่น! อย่าคิดถึงความรู้สึกหื่นกระหายใดๆ! ถ้าฉันคิดอะไรลามกตอนนี้ ฉันก็ไม่ต่างจากไอ้สารเลวคนอื่น!’

เขาดึงชุดของเขาเองออกมาจากตู้เสื้อผ้า เป็นเสื้อยืดคอกลมสีเทาตัวใหญ่และกางเกงวอร์มขายาวเนื้อนุ่ม เขาบรรจงสวมเสื้อและกางเกงให้เธออย่างทุลักทุเล แต่ละเอียดอ่อน เมื่อจัดการเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย ธีร์ก็เช็ดตัวให้ปลายฟ้าอีกครั้ง แล้วให้เธอกินยาลดไข้

แม้จะห่มผ้าห่มหนาให้แล้ว แต่ปลายฟ้ายังคงนอนสั่นเทาอยู่บนเตียง ร่างกายของเธอต่อสู้กับการติดเชื้อและอาการช็อกทางอารมณ์ที่เพิ่งประสบมา  ธีร์นั่งมองเธออยู่ข้างเตียง พยายามคิดว่าต้องทำอย่างไรต่อดี

‘เธอต้องได้รับความอบอุ่นมากกว่านี้’ ธีร์ตัดสินใจ ‘แค่ให้ความอบอุ่น... ไม่ใช่เรื่องอื่น’

ธีร์ถอดเสื้อเชิ้ตที่เปียกของตัวเองออก เหลือเพียงเสื้อยืดสีเข้ม เขาค่อยๆ สอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม แล้วเอนตัวลงนอนข้างปลายฟ้าอย่างระมัดระวัง

เขาช้อนตัวปลายฟ้าเข้ามาแนบชิดกับอกของเขา ร่างกายที่แข็งแรงและอบอุ่นของธีร์โอบล้อมร่างที่สั่นเทาของเธอไว้ ปลายฟ้าที่อยู่ในภวังค์ของไข้สูง ค่อยๆ ซบหน้าเข้ากับอกของธีร์อย่างไม่รู้ตัว

ธีร์รู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ที่รดรินอยู่บนผิวของเขา เขาไม่ได้รู้สึกถึงความปรารถนาทางกายอีกแล้ว เขารู้สึกเพียงความหนักอึ้งของความรับผิดชอบ

เขามองใบหน้าซีดเซียวที่หลับอยู่ของปลายฟ้า ธีร์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเล็กน้อย ธีร์หลับตาลง เขาปล่อยให้ความอบอุ่นของเขาส่งผ่านไปยังร่างของเธอ เขาหลับไปเฉยๆ โดยมีเพียงความรู้สึกว่า เขาต้องอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ... เพื่อรักษาเธอ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Fear to love you คนโปรดที่กลัวถูกรัก   บทที่ 8

    หลายวันผ่านไป กิจวัตรของปลายฟ้ายังคงเหมือนเดิม ตื่นเช้ามาทำอาหารคลีนให้ธีร์ จัดตารางงานที่แสนจะยุ่งเหยิงของเขา และคอยตามเก็บซากเขาที่ชอบไปเมาที่บาร์ การทุ่มเททำงานอย่างหนักทำให้ปลายฟ้าดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดธีร์เห็นปลายฟ้าที่สวมเสื้อเชิ้ตเชยๆ กับกางเกงทำงานตัวหลวม ๆ พร้อมแว่นตาหนา ๆ ก็นึกถึงวันแรกที่เจอกันไม่ได้“ฟ้าครับ!” ธีร์เรียกเสียงดังขณะที่เขากำลังเล่นเกมมือถืออยู่ “วันนี้งานผมว่างทั้งวัน ตารางงานคุณก็ว่างใช่ไหม”“ค่ะ”“ดี งั้นไปดูชุดกัน” ธีร์สั่งอย่างเอาแต่ใจ “การที่ผู้จัดการของผมดูไม่ดี มันกระทบต่อภาพลักษณ์ของผมด้วยนะครับ”ปลายฟ้าไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของเขาได้ ธีร์พาเธอไปช้อปปิ้งใน ห้างสรรพสินค้าหรูทันที เขาใช้เวลาเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้เธออย่างพิถีพิถันราวกับกำลังเลือกเสื้อผ้าให้ตัวเองเขาบังคับให้เธอเปลี่ยนจากแว่นตาหนาๆ เป็น คอนแทคเลนส์ ทำให้ดวงตาคู่สวยแต่เศร้าของเธอปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ตามด้วยการพาไปตัดผมและแต่งหน้าใหม่“ใส่ชุดนี้” ธีร์ยื่น เดรสเข้ารูปสีน้ำเงินเข้มที่โชว์เรียวขา ให้เธอ “ผมเสียดายความสวยของคุณ”กว่าจะได้ชุดที่ถูกใจและธีร์จะอนุมัติก็เกือบเย็นปล

  • Fear to love you คนโปรดที่กลัวถูกรัก   บทที่ 7

    วันรุ่งขึ้น ธีร์สั่งให้คนจัดการย้ายของใช้ที่จำเป็นของปลายฟ้ามาที่เพนเฮ้าส์ของเขาทันที ด้วยข้ออ้างว่าที่พักเธอมันไม่ปลอดภัยเพนเฮ้าส์นี้ของธีร์ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองเป็นห้องเพนเฮ้าส์ขนาดใหญ่บนชั้นสูง มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนได้อย่างตระการตา ลักษณะของห้องเป็นสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ที่เน้นความโปร่งโล่ง ผนังส่วนใหญ่เป็นกระจกใสจากพื้นจรดเพดาน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นหนังสีเข้มและโลหะ ซึ่งสะท้อนรสนิยมที่ดูดีและเรียบง่ายแต่แฝงความหนักแน่นของเขาภายในห้องมีพื้นที่จัดสรรไว้อย่างเป็นสัดส่วน มีห้องนอนแยกกันสองห้องโดยห้องหนึ่งเป็นห้องนอนใหญ่ของธีร์ และอีกห้องเป็นห้องนอนที่จัดเตรียมไว้สำหรับปลายฟ้า ห้องทำงานขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย พื้นที่นั่งเล่นขนาดกว้าง ที่ปูด้วยพรมสีเทาเข้มขนาดใหญ่ปลายฟ้าจัดข้าวของเพียงเล็กที่เธอเอามา น้อยเข้ามาในห้องรับรองของเพนเฮ้าส์หรูของธีร์เรียบร้อยแล้วเธอออกมาจากห้องและกำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างหรูหรา จู่ๆ สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่นอนแผ่หลาอยู่บนพรมขนแกะนั่นคือฟีนิกซ์แมวพันธุ์เบงกอลตัวอ้วนกลม ที่ม

  • Fear to love you คนโปรดที่กลัวถูกรัก   บทที่ 6

    แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนใหญ่ ธีร์ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เขายังคงอยู่ในท่าเดิม โอบกอดปลายฟ้าไว้แนบชิด ร่างกายของเธออุ่นขึ้นมากแล้ว แต่เธอยังคงซุกตัวอยู่กับอกของเขาด้วยความไว้ใจอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัวธีร์รู้สึกว่านี่เป็นเช้าที่สงบที่สุดในรอบหลายปี เขาไม่ปรารถนาที่จะลุกขึ้น ไม่ปรารถนาที่จะกลับไปสู่โลกที่กร้านโลกภายนอก เขาเพียงแค่อยากกอดผู้หญิงที่เปราะบางคนนี้ไว้เฉยๆเขาลูบเส้นผมที่แห้งแล้วของเธอเบาๆ ปลายฟ้าในอ้อมกอดของเขาบอบบางเหลือเกิน เหมือนกับแก้วที่พร้อมจะแตกสลาย มันทำให้เขามีความรู้สึกอยากปกป้องปลายฟ้าค่อยๆ ขยับตัว เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคย เธอลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง เห็นใบหน้าคมคายของธีร์อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกสติของเธอพลันกลับมาครบถ้วน เธอจำได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และใครกำลังกอดเธออยู่! ร่างของปลายฟ้าแข็งเกร็งขึ้นทันทีเธอรีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว เหมือนกับลูกแมวตัวน้อยที่ถูกปลุกจากภวังค์ ร่างกายของเธอทำท่าจะตั้งขนขู่ แต่เธอไม่มีพละกำลังพอที่จะผลักเขาได้ เธอทำได้เพียงใช้ข้อศอกดันหน้าอกเขาไว้เบาๆ เพื่อสร้างระยะห่างเท่านั้นเขาเห็นแววตาที่เต็มไปด

  • Fear to love you คนโปรดที่กลัวถูกรัก   บทที่ 5

    หลายวันผ่านไปแสงบ่ายอ่อนๆ สาดเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ของคอนโด ธีร์ออกไปถ่ายแบบนิตยสารตั้งแต่เช้า และน่าจะกลับมาในช่วงเย็น ปล่อยให้ปลายฟ้าอยู่คนเดียวในห้องทำงานที่เงียบสงบปลายฟ้ากำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทำงานที่น่าเบื่อที่สุดอย่างการ จัดการเอกสารค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งหลายรายการเป็นของใช้ส่วนตัวของธีร์ที่ฟุ่มเฟือยจนน่าตกใจ เธอสวมเสื้อเชิ้ตเรียบๆ และทำงานด้วยสมาธิเต็มที่โทรศัพท์มือถือของเธอที่ตั้งเป็นระบบสั่นอยู่บนโต๊ะทำงาน ดังขึ้นเบาๆ ชื่อ ‘โอม’ ปรากฏขึ้นบนหน้าจออีกครั้งปลายฟ้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้คุยกับแฟนหนุ่มอย่างจริงจังมาหลายวัน ทำให้เธอตัดสินใจรับสาย เธอหยิบโทรศัพท์แล้วลุกเดินออกไปยังระเบียงห้องทำงานที่ติดกับวิวเมือง เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆ“ฮัลโหลค่ะพี่โอม” เธอพูดเสียงเบา“ทำไมเพิ่งรับสาย ฟ้า พี่คิดถึง” “ฟ้าทำงานอยู่ค่ะ เลยรับช้า พี่โอมว่างหรอคะ” ปลายฟ้าได้ยินเสียงกรุกกรักมาจากปลายสายแทนเสียงคำพูด“ใช่ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ออกเวร ฟ้าว่างไหม ไปกินข้าวกัน”“เอิ่ม แปปนะคะพี่โอม ฟ้าดูตารางแปปนึง” ปลายฟ้าเช็คตารางงารข

  • Fear to love you คนโปรดที่กลัวถูกรัก   บทที่ 4

    ในช่วงที่ปลายฟ้าเพิ่งเริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยของธีร์ใหม่ๆ และยังมีความเกร็งในความสัมพันธ์กับเขาปลายฟ้าได้รับมอบหมายให้ติดตามธีร์ไปร่วมงานแฟชั่นโชว์ระดับประเทศในฐานะนายแบบหลักของคอลเลกชัน งานนี้เต็มไปด้วยแสงสี เสียงเพลง และผู้คนในวงการที่เต็มไปด้วยสีสันปลายฟ้ายืนอยู่ด้านข้างเวที ดูแลคิวและเสื้อผ้าให้ธีร์อย่างเคร่งเครัด เธอพยายามรักษาระยะห่างจากเขาอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือทำให้ความกลัวผู้ชายของเธอปะทุขึ้นมาธีร์เดินออกจากห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมขึ้นแคทวอล์ก เขาอยู่ในชุดสูทสีเข้มที่ขับเน้นรูปร่างให้ดูสง่างามและอันตราย ในขณะที่กำลังเดินผ่านปลายฟ้า ธีร์ก็หยุดเล็กน้อย“มือถือของผมอยู่ไหนครับปลายฟ้า” ธีร์ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการ แต่ดวงตาของเขากำลังมองสำรวจใบหน้าของเธอ“อยู่... อยู่ในกระเป๋าสำรองค่ะคุณธีร์” ปลายฟ้าตอบอย่างตะกุกตะกัก พยายามหลบสายตาธีร์รู้ดีว่าเธอพยายามหลีกเลี่ยงเขา และนั่นทำให้เขารู้สึกแปลกใจระคนไม่พอใจ เพราะปกติผู้หญิงทุกคนต่างพยายามเข้าหาเขา ธีร์ยื่นมือออกไปแล้ว แกล้งแตะที่ไหล่ของปลายฟ้าเบาๆ ก่อนจะชักมือกลับอย่างรวดเร็วปลายฟ้าสะดุ้งตัวเล็กน้อยทันที แม้จะเป

  • Fear to love you คนโปรดที่กลัวถูกรัก   บทที่ 3

    ปลายฟ้าพยายามใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอจมอยู่กับกองงานเบื้องหลังที่หนักหน่วง และหลีกเลี่ยงการดื่มอย่างเด็ดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองควบคุมไม่ได้อีกวันนี้กองถ่ายโฆษณาของแบรนด์นาฬิกาหรูดูวุ่นวายกว่าปกติและพระเอกของงานคือ ธีร์ วรโชติสกุลธีร์ไม่ได้จำได้แม่นยำว่าผู้หญิงในคืนนั้นคือใคร ใบหน้าของเธอภายใต้แสงไฟสลัวและฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นเลือนราง แต่เขายังคงจำความหงุดหงิดที่ต้องตื่นมาพบว่าเธอหนีไปเขามองไปยังปลายฟ้าที่กำลังจัดอุปกรณ์อยู่มุมหนึ่งของฉาก เขาจำเสื้อผ้าและท่าทางที่ดูคุ้นตาได้เพียงเลือนรางเท่านั้น เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่สงสัยและพยายามประเมินอยู่เงียบ ๆผู้หญิงคนนี้... มันคุ้นตาอย่างน่าประหลาด ธีร์คิด“ฟ้า มาช่วยฉันยกกล่องนี้หน่อยสิ” เสียงเรียกจากเพชรสไตลิสต์สาวดังขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรนักขณะที่ปลายฟ้ากำลังพยายามยกกล่องอุปกรณ์ขนาดใหญ่ออกมา เพชรก็แกล้งสะดุดขาตัวเองเบา ๆ ทำให้ร่างของเธอชนเข้ากับปลายฟ้าอย่างจังโครม!ปลายฟ้าเซถลาพร้อมกับกล่องอุปกรณ์ร่วงลงพื้น ข้อศอกและหัวเข่าของเธอครูดไปกับพื้นคอนกรีตอย่างแรง“โอ๊ย! เธอเดินยังไงของเธอเนี่ยยัยฟ้า! ดูสิ อุปกรณ์ฉันเกือบพัง!” เพช

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status