ต้นคริสต์มาสสูงตระหง่าน ยืนสง่าอยู่กลางสวนสาธารณะ ลำต้นสีน้ำตาลเข้มแข็งแรง แตกกิ่งก้านสาขาแผ่กว้างออกไปรอบ ๆ คล้ายกับแขนที่โอบกอดทุกสิ่ง กิ่งก้านแต่ละกิ่งประดับประดาไปด้วยลูกบอลสีสันสดใส ระยิบระยับด้วยแสงไฟระยิบระยับ มีทั้งสีแดง สีทอง สีเงิน และสีเขียวมรกต สลับกับโบว์สีแดงสด และริบบิ้นสีทองอร่าม ที่ปลายกิ่งบางกิ่งห้อยตุ๊กตาเล็ก ๆ น่ารัก รูปทรงต่าง ๆ เช่น ซานตาคลอส กวางเรนเดียร์ และตุ๊กตาหิมะ ที่ดูน่าทะนุถนอม ใต้ต้นคริสต์มาส วางกล่องของขวัญขนาดต่าง ๆ ห่อด้วยกระดาษสีสันสวยงาม ผูกโบว์อย่างประณีต สร้างบรรยากาศแห่งความสุขและความอบอุ่น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของต้นสน และกลิ่นของของขวัญลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศแห่งเทศกาลคริสต์มาสอย่างแท้จริงน้ำตาลเลือกที่จะออกมาเดินในตอนค่ำ เพราะมั่นใจว่าเวลานี้เธอคงจะปลอดภัย มันเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต่างก็อยู่กับครอบครัวและคนรัก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าไคล์ต้องอยู่กับคนรักของเขาในร้านอาหารสุดหรูที่ไหนสักแห่งเพื่อฉลองคริสต์มาสด้วยกัน ไม่มีทางที่เธอจะเจอกับเขาในที่แบบนี้เธอนั่งลงตรงม้านั่งที่อยู่ไม่ไกลจากต้นคริสต์มาสมากนัก มองดูผู
สุดท้ายไคล์ก็คว้าน้ำเหลวเพราะไม่มีแม้แต่เงาของน้ำตาล ไม่ว่าจะขับรถตระเวนหาที่ไหน จะใกล้หรือไกลก็ไม่มีใครพบเห็นน้ำตาล“ส่งคนไปดูที่สนามบินหรือยัง เช็คทุกเที่ยวบินหรือเปล่า ตามรีสอร์ตต่าง ๆ ก็ตรวจดูให้ละเอียดด้วย” เขากลัวว่าจะมีคนจับตัวน้ำตาลไปอีก‘ใจเย็น ๆ นะครับบอส’ เซียวหม่าพูดเตือนสติจากปลายสายเพราะฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนว่าเจ้านายของเขาจะร้อนรนผิดปกติ ไคล์เอาแต่ถามคำถามเดิม ๆ แบบนี้เป็นรอบที่สามแล้ว ‘ผมสั่งลูกน้องตามที่บอสสั่งทุกอย่างแล้วครับ’“ใจเย็นไม่ได้หรอก นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ” เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ มันเป็นอะไรที่บีบหัวใจของเขาอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน‘แต่บอสบอกว่าคุณน้ำตาลไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปไม่ใช่เหรอครับ นั่นก็หมายความว่าเธอเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้แน่นอน ฉะนั้นผมว่าบอสตัดเรื่องที่คุณน้ำตาลจะเดินทางออกนอกประเทศไปได้เลย’คำพูดของเซียวหม่าทำให้เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้ว่าเวลานี้เธอไปอยู่ที่ไหน‘หรือว่าจะมีคนพาตัวเธอไปครับ’ แวบหนึ่งในความคิดของเซียวหม่า เพราะการที่น้ำตาลหายไปแบบนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีคนให้การช่วยเหลือหรือไม่ก็
[ไคล์ช่วยหลินด้วย]ขณะที่น้ำตาลเอาแต่จ้องมองไปที่ไคล์ หลินหลินก็ใช้จังหวะที่น้ำตาลเผลอผลักน้ำตาลหงายหลังจนก้นกระแทกพื้น ส่วนเธอก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปกอดไคล์ไคล์มองหญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นสลับกับคนที่อยู่กำลังกอดเขาอยู่ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกโล่งใจที่น้ำตาลไม่ได้เป็นอะไร นั่นไม่ใช่เลือดของเธอ[ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่] เขาถามหลินหลินตอนที่เขานั่งประชุมอยู่ ก็ได้รับรายงานจากลูกน้องว่าหลินหลินไปที่คอนโด เขาเลยออกจากห้องประชุมแล้วตรงมาที่คอนโดทันที[หลินแค่จะมาหาคุณ แต่กลับเจอผู้หญิงคนนี้อยู่ในห้อง แล้วเธอก็ไล่หลินออกจากห้อง ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังเอามีดปอกผลไม้มาขู่หลินด้วย บอกว่าถ้าหลินไม่ออกไปเธอจะแทงด้วยมีดอันนั้น] หลินหลินเล่าเป็นตุเป็นตะพลางชี้ไปยังมีดที่ตกอยู่ใกล้ ๆ น้ำตาล“...” น้ำตาลได้แต่ส่ายหน้า เธอไม่รู้ว่าหลินหลินฟ้องอะไรไคล์ไปบ้าง แต่เธอไม่ได้ทำอะไรมีแต่หลินหลินที่เข้ามาหาเรื่องเธอ มือเล็ก ๆ ที่เกาะกุมกันไว้เริ่มสั่น เหงื่อเม็ด ๆ ผุดขึ้นตามไรผม น้ำตาลพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองไคล์หรี่ตามองน้ำตาล เขาสังเกตเห็นอาการแปลก ๆ นั้น“ไค
ผ่านไปราวสิบห้านาทีรถก็ถูกเปลี่ยนเส้นทางเมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านาย ทั้งที่ตอนแรกเขาตั้งใจจะพาเธอไปทานข้าว แต่เมื่อถึงร้านกลับพบว่าเธอหลับเขาจึงให้รถวนมาส่งเขากับน้ำตาลที่คอนโด ส่วนอาหารเขาก็สั่งให้มาส่งที่ห้อง“เจอกันตอนเย็นนะ” หลังวางน้ำตาลลงบนที่นอนเขาก็จัดการห่มผ้าให้เธอ และตามด้วยจุมพิตไปบนหน้าผากมน ก่อนจะออกจากห้องไป“บอสครับ” เซียวหม่าเอ่ยเรียกไคล์ขณะที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์“ว่าไง”“เรื่องคุณหลิน บอสจะเอายังไงต่อครับ”“ก็ไม่เอาไง” เขาไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้“ดูเหมือนเธอจะกลับมาหาบอสนะครับ” ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าหลินหลินกลับมาทำไม แต่ที่เขาดูไม่ออกเลยก็คือท่าทีของเจ้านาย“อืม” ไคล์ตอบสั้น ๆ“แล้วคุณน้ำตาลล่ะ” เซียวหม่านึกถึงสีหน้าของน้ำตาลในวันนี้ เขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ หรืออาจเป็นเพราะเธอดูเป็นผู้หญิงที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร“ทำไมล่ะ” ไคล์ทำหน้าสงสัย อยู่ ๆ บอดี้การ์ดของเขาก็พูดออกมาแบบนั้นแสดงว่าต้องมีอะไรแน่ ๆ“ผมว่าเราควรพาคุณน้ำตาลไปอยู่ที่อื่น” เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของเธอมันดูชอบมาพากลยังไงไม่รู้ “หรือไม่ก็ส่งเธอกลับบ้าน”“เรื่องนั้นฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง”
น้ำตาลมองตามพนักงานกลุ่มนั้นไป แน่นอนว่าเธอพอจะเดาออกว่าพนักงานสาวพวกนั้นต้องพูดถึงเธอและไคล์ แต่จะทำไงได้ล่ะถ้าเธอจะถูกพูดถึงและมองด้วยสายตาแปลก ๆ แบบนั้นเพราะครั้งหนึ่งเธอเคยสร้างวีรกรรมไว้ที่นี่“มีอะไรหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ” น้ำตาลเงยหน้ามองคนที่ชะโงกหน้าเข้ามาถามจากด้านหลังของเธอ“ฟังออกหรือเปล่า” เขาถามเพราะเขาเองก็ได้ยินคำนินทาพวกนั้นเพียงแต่ไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา “อยากรู้มั้ยว่าเมื่อกี้พนักงานพูดถึงเราสองคนว่ายังไงบ้าง”“ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากรู้”“พวกนั้นจำเธอได้” ไคล์บอกให้น้ำตาลรู้“ฉันรู้ค่ะ”“แล้วฉันก็ถูกมองว่าเป็นคาสโนว่า เพราะกำลังคบซ้อนกับเธอ”“คบซ้อนอะไรกันคะ เราไม่ได้คบกันซะหน่อย” เธอรีบปฏิเสธ “ทำไมคุณไม่บอกไปล่ะว่าฉันเป็นแค่...”น้ำตาลนิ่งไป เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรสำหรับเขา“เป็นอะไร...ให้ฉันตอบว่าเป็นอะไรดี” ไคล์ยื่นมือมาโอบเอวของน้ำตาลไว้ ยิ่งเห็นว่าร่างบางมีท่าทีตกใจเขาก็ยิ่งอยากจะแกล้งจึงก้มลงไปกระซิบข้าง ๆ หูของเธอ “เรานอนด้วยก็หลายครั้ง แบบนี้...”“คุณ...” น้ำตาลหันหน้าไปจะต่อว่าที่เขาพูดแบบนั้นแต่เพราะใกล้กันมากจนเกินไปจึงทำให้จมูกของเธอโดนแก้มของไคล์เต็ม ๆ
“แฮ่ก แฮ่ก” เสียงหอบหายใจของทั้งคู่ดังผสานกันทั้ง ๆ ที่คิดว่าก่อนหน้านี้ตัวเองได้สร่างเมาไปแล้วเพราะคำพูดที่ชวนให้หงุดหงิดใจของน้ำตาล แต่พอเอาเข้าจริงกลับพบว่าคิดไปเอง ไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือฤทธิ์ไฟสวาท ทำเขามัวเมาจนไม่อาจจะหยุดความต้องการที่มีต่อร่างนุ่มนิ่มของคนตรงหน้าได้ ยิ่งเธอคล้อยตามเขาในทุกท่วงท่า เขายิ่งมัวเมาจนไม่ทันได้สังเกตว่าที่ผ่านมาคนคนนี้เข้ามาปั่นป่วนในชีวิตเขา จนเขาไม่มีเวลาได้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น“อีกรอบนะ ยังไหวหรือเปล่า” เขาจับใบหน้าของเธอไว้พลางกระซิบข้างหูด้วยเสียงกระเส่า“...” คำพูดนี้เธอได้ยินไม่ต่ำกว่าสามครั้งแล้ว แม้เธอจะส่ายหน้าเขาก็ยังจะดื้อดึงที่จะทำต่อ เธอเลยไม่เข้าใจว่าเขาจะพูดทำไม“ถ้าเธอไม่ปฏิเสธ ฉันทำต่อเลยนะ”“อื้อ” เอวบางถูกรวบขึ้นด้วยมือข้างเดียวจนทำให้ทั้งคู่อยู่ในท่านั่งเข้าหากัน“อ่าส์ เพราะเมาหรือเปล่าทำไมถึงได้มีอารมณ์แบบนี้นะ” เขาตั้งคำถามกับตัวเอง นึกแปลกใจที่ค่ำคืนนี้ความต้องการมันถาโถม อยากสัมผัสเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนเก็บซ่อนความต้องการนั้นไว้ไม่อยู่“หยุดก่อนค่ะ” เธอเอามือดันอกของเขาไว้“หืม จะห้ามเหรอ” เขาก้มมองเจ้าของมือเ