Se connecter
@คฤหาสน์หลังใหญ่
"ไม่ค่ะ! เกรซไม่หมั้น" เสียงเล็กตะเบ็งเสียงดังลั่นบริเวณห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่ ความตึงเครียดที่ปกคลุมไปทั่วทำให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนอยู่ต่างก้มหน้าหลบสายตากันด้วยความกลัว ก่อนที่คุณผู้หญิงของบ้านจะมองหน้าทุกคนเล็กน้อยเพื่อเป็นเชิงบอกให้พวกเธอออกไปก่อน "เมเกรซอย่าดื้อกับพ่อ" เมสันกดเสียงต่ำเมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวของเขามีท่าทีต่อต้านอย่างชัดเจน ดวงตาคมมองใบหน้าเรียวสวยด้วยสายตานิ่งเรียบยากจะคาดเดา "เกรซไม่ได้ดื้อค่ะ แต่สิ่งที่พ่อกำลังทำมันไม่ถูกต้อง เกรซไม่ใช่ตุ๊กตานะคะที่จะจับทำอะไรก็ได้" เมเกรซพยายามอธิบายผู้เป็นพ่อออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแม้ภายใจในของเธอจะรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเขามากก็ตาม เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดที่เธอกลับมาบ้านพอดีทำให้เมเกรซได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวในรอบหลายสัปดาห์ แต่เธอไม่คิดเลยว่าช่วงเวลาที่เคยสงบสุขจะต้องกลายมาเป็นการทะเลาะกันแบบนี้จากคำพูดของผู้เป็นพ่อที่จะให้เธอไปหมั้นหมายกับลูกชายเพื่อนสนิทของตน "เกรซ ฟังพ่อนะ..." ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ อย่างพยายามระงับอารมณ์ครุกรุ่นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาตามความคิดของตัวเอง "สิ่งที่พ่อบอกมันไม่ได้เป็นการกระทำที่แปลกอะไรเลย บ้านของเรามีธุรกิจ และการที่แต่งงานกับคนที่มีฐานะทางสังคมเท่ากันมันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ การแต่งงานของลูกไม่ใช่จะสร้างผลดีต่อตัวลูกอย่างเดียว แต่จะมีผลต่อธุรกิจของพวกเราทั้งคู่ไปด้วย" "เหอะ!" เรียวปากบางเค้นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันให้กับความคิดของคนตรงหน้า เธอพอจะเข้าใจทั้งหมดแล้วว่าจุดประสงค์ที่พ่อของเธอต้องการให้หมั้นหมายในครั้งนี้คืออะไร หากบริษัทยักษ์ใหญ่ของทั้งสองได้เกี่ยวดองกันมันก็คงจะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายไม่น้อย ความเหมาะสมทางธุรกิจที่ถูกนำมาตัดสินชีวิตของคนทั้งสองคนนั้นทำให้เธออยากจะลุกหนีออกไปเสียตอนนี้ "แล้วพ่อกับอาดีนก็รู้จักกันมานาน ครอบครัวของพวกเราสนิทกันมากนะ" เมสันพยายามอธิบายให้ลูกสาวเข้าใจถึงความเหมาะสมต่างๆ ในการหมั้นหมายครั้งนี้ ทั้งผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจที่หากทั้งสองฝ่ายเกี่ยวดองกันก็จะไม่มีบริษัทไหนเทียบได้ รวมถึงความสัมพันธ์ทางครอบครัวที่สนิทกันมาเป็นสิบปี ทุกอย่างมันดูเหมาะสมในสายตาผู้ใหญ่อย่างเขาไม่น้อย "มีแค่พ่อหรือเปล่าคะที่สนิท หน้าของลูกชายบ้านนั้นเกรซยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ" เมเกรซกัดฟันแน่นด้วยอารมณ์โกรธเคือง เพราะไม่ว่าจะดูยังไงการกระทำของพ่อเธอก็เห็นแก่ตัวเองทั้งนั้น "เกรซแม่ว่าใจเย็นๆ กันก่อนดีกว่านะ" กรองขวัญรีบเอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ระหว่างสองพ่อลูกไม่ดีขึ้นเลย อีกทั้งท่าทางของเมเกรซตอนนี้ก็ยังดูไม่มีท่าทีจะยอมคนเป็นพ่อแม้แต่น้อย หากปล่อยไว้อย่างนี้คงได้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆ "แม่ก็เห็นด้วยกับพ่อเหรอคะ" หญิงสาวหันไปถามผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ รอบดวงตากลมโตเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อเห็นสายตาของอีกคน "แม่ยอมรับว่าแม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายในครั้งนี้" น้ำตาสีใสหยดลงบนใบหน้าหวานอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ เมเกรซยกมือเรียวขึ้นมาซับน้ำตาอย่างลวกๆ เพราะเธอไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นมันตอนนี้ แม้จะอยากหนีไปให้ไกลแต่เธอก็ทำได้แค่ทนฟังแม่ตัวเองพูดต่อเท่านั้น "แต่ที่แม่เห็นด้วยไม่ใช่เพราะเหตุผลเดียวกับพ่อ" กรองขวัญรีบอธิบายออกไปเพื่อไม่ให้หญิงสาวตัวเล็กเข้าใจผิด "แม่เห็นด้วยเพราะแม่เคยเจอทางฝั่งนั้นมาแล้ว พี่เขาเป็นคนดีนะเกรซ แม่อยากจะให้ลูกแม่มีคนดีๆ คอยดูแลนะ" ใบหน้าหวานสบตากับร่างบางตรงหน้าพร้อมกับแววตาที่สื่อออกมาถึงความห่วงใยในตัวของลูกสาวจริงๆ เธอเองก็เคยเจอกับลูกชายของอีกฝ่ายมาเหมือนกัน ท่าทางที่ดูสุภาพเรียบร้อยและแววตาที่มีแต่ความจริงใจเหล่านั้นทำให้กรองขวัญมั่นใจว่าชายหนุ่มจะสามารถดูแลลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเธอได้ "อีกอย่างเกรซก็ยังไม่มีใคร แม่ว่าลอง..." "แค่นั้นใช่มั้ยคะที่แม่ต้องการ..." เมเกรซตัดพ้อด้วยน้ำเสียงน้อยใจออกมาโดยที่กรองขวัญยังพูดไม่จบ "...แค่นั้นใช่ไหมที่เป็นเหตุผลของแม่" แม้คำพูดของคนตรงหน้าจะดูดีแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับกันเธอยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีกที่ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเธอเลย "ได้ค่ะ ถ้าทุกคนคิดว่าเกรซไม่มีใครดูแลเลยควรที่จะหมั้น..." ดวงตากลมโตสบตากับพ่อแม่ตัวเองนิ่ง พลางหยิบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมขึ้นมาคล้องบ่าไปด้วยก่อนจะเค้นเสียงลอดไรฟันออกมา "...ถ้างั้นก็คอยดู" หญิงสาวกล่าวทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นแล้วผลุนผลันลุกขึ้นเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจเสียงเรียกที่ตามหลังมาแม้แต่น้อย เสียงรถยนต์คันหรูที่ดังขึ้นเป็นการบ่งบอกว่าเธอได้ขับรถออกไปแล้ว ซึ่งเมสันและกรองขวัญต่างทำได้แค่มองหน้ากันนิ่งๆ เท่านั้น แม้จะคิดไว้อยู่แล้วว่าเมเกรซคงไม่ยอมง่ายๆ แต่ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะยากกว่าที่คิดไว้เป็นอย่างมาก มันไม่ง่ายเลยหากจะบังคับเธอในการหมั้นหมายครั้งนี้@หนึ่งสัปดาห์ต่อมา"ฉวยจังเลยค่ะแด๊ดจี้" เสียงเล็กของเด็กน้อยเอ่ยบอกผู้เป็นพ่อที่กำลังอุ้มเธออยู่อย่างตื่นเต้นพร้อมกับกวาดสายตามองท้องทะเลสีครามด้วยแววตาที่เปล่งประกาย เพราะเดม่อนเพิ่งจะซื้อบ้านพักตากอากาศที่นี่เมื่อสัปดาห์ก่อน ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เดมี่ได้มาที่ทะเลแห่งนี้"ดีใจที่หนูชอบนะครับ""น้องเดมี่ชอบมากๆ เลยค่ะ" เดมี่ยิ้มตอบกลับจนตาหยีจนเดม่อนอดที่จะเลื่อนไปหน้าไปขโมยหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ไม่ได้ด้วยความเอ็นดู เพราะหน้าตาและนิสัยที่เหมือนกับเมเกรซเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ชายอย่างเขาตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้"แล้วไหนช่างภาพที่จะถ่ายรูปล่ะคะ" เมเกรซในชุดกระโปรงสีขาวสะอาดที่เดินตามหลังของสองพ่อลูกเอ่ยถามสามีหนุ่มด้วยความสงสัยเพราะวันนี้เดม่อนบอกกับเธอว่าจะมีการถ่ายรูปครอบครัวด้วยกันทว่าพอมองไปก็เห็นแต่สถานที่ที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามเท่านั้นแต่กลับไร้วี่แววของช่างถ่ายภาพที่เธอต้องการ"กลัวพี่จะหลอกอีกหรือไง สายตาของเกรซมันฟ้องนะ""มีสามีเจ้าเล่ห์เลยต้องระวังตัวไว้ค่ะ" เมเกรซยิ้มตอบกลับพ่อของลูกไปอย่างติดตลกเพราะไม่ว่าจะกี่ปีเดม่อนก็ยังทำตัวร้ายกาจกับเธอเสมอ ความเจ
@คอนโดเดม่อนพรึ่บ~"แด๊ดดี้ฟังเกรซก่อน..." เมเกรซที่ถูกเหวี่ยงเข้ามาในห้องนอนยืนมองร่างสูงด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา เพราะพอออกจากบ้านมาเดม่อนก็พาเธอมุ่งหน้ามายังคอนโดของเขาเลยทันที ซึ่งเมเกรซที่รู้อยู่แล้วว่าสถานที่นี้มีไว้สำหรับการลงโทษของเขาก็พยายามเอ่ยอย่างวิงวอนสุดฤทธิ์แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลกับชายหนุ่มแม้แต่น้อย"ถอดชุดออกสิครับ เราอยากสัมผัสอากาศเย็นไม่ใช่เหรอ" เดม่อนเอ่ยบอกเสียงเรียบพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเลื่อนมือลงไปปลดเข็มขัดเป็นประการถัดมาในขณะที่เมเกรซยังคงกำชายกระโปรงแน่นด้วยความหวาดกลัว"ถอดออก" ปากหนากดเสียงต่ำจนร่างเล็กสะดุ้งเฮือก มือเรียวสั่นเทาค่อยๆ ถอดชุดของตัวเองออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนในที่สุดก็เผยให้เห็นร่างบางที่มีสิ่งปกปิดจุดสงวนเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่"ไม่ใส่เสื้อใน?" ชายหนุ่มกัดฟันแน่นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นแล้วจ้องมองภรรยาสาวด้วยแววตาแข็งกร้าวเมื่อเห็นว่าเธอใช้เพียงแค่แผ่นซิลิโคนปกปิดหน้าอกขนาดใหญ่ไว้เท่านั้น"ถะ...ถ้าใส่แล้วมันจะเห็น...""แต่ยอมให้คนอื่นเห็นนมได้?""ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย..." เมเกรซก้มหน้างุดแล้วตอบกลับเสียงเบาในขณะที่เดม่อ
"หม่ามี๊ขาา วันนี้พาน้องเดมี่ไปเที่ยวหน่อยค่ะ" เด็กสาวตัวน้อยวิ่งมาสวมกอดผู้เป็นแม่ที่กำลังแต่งตัวอยู่อย่างออดอ้อนในขณะที่เมเกรซย่อตัวลงตรงหน้าของเธอเล็กน้อยแล้วอธิบายให้ลูกฟัง"ไปไม่ได้ค่ะ ถ้าเราหนีไปเที่ยวกันแด๊ดดี้ต้องดุมี๊แน่ๆ เลย""แต่วันนี้แด๊ดจี้ไปทามงาน""หืม? วันนี้เหรอคะ""แด๊ดจี้บอกน้องเดมี่ว่าจะกลับดึก ให้นอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอค่ะ" เด็กสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเอ่ยบอกคนเป็นแม่ไปตามที่ได้ยินจนเมเกรซคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่เธอจะได้มีอิสระหลังจากที่ถูกคนตัวสูงควบคุมมาหลายปี"งั้นเราก็...ไปเที่ยวกันดีไหมคะ เดี๋ยวมี๊พาไปกินไอติมให้รางวัลคนเก่ง""คิกๆๆ ยักมี๊" เดมี่สวมกอดลำคอบางไว้อย่างอารมณ์ดีต่างจากเมเกรซที่ลอบยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจที่จะได้ทำตามใจตัวเอง ซึ่งมันก็มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่เดม่อนจะห้ามเธอก็คือเรื่องการแต่งตัวมือเรียวรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเพื่อเช็คกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ก่อนจะพบว่าไม่มีลูกน้องของเดม่อนยืนอยู่แบบทุกวันบ่งบอกว่าพวกเขาอาจจะออกไปพร้อมกับเดม่อน"สงสัยจะไปทำงานจริงๆ" ปากเล็กพึมพำเสียงเบาตามความคิดของตัวเอง เพราะตอนนี้เดม่อนก็ยังคงทำงานเกี่ยวก
@หลายปีต่อมา-คฤหาสน์เดม่อน"คูมย่าขาา~" เสียงใสของเด็กน้อยวัยสามขวบกว่าที่กำลังวิ่งเข้ามาในบ้านเอ่ยเรียกผู้เป็นย่าที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ ในขณะที่มือยังคงถือของกินมากมายที่กรองขวัญให้มา"คนเก่งของย่า เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหม" อนงค์รีบวางทุกอย่างในมือลงแล้วไปอุ้มหลานสาวตัวน้อยขึ้นมาแนบอกทันที พวงแก้มป่องที่อยู่เสมอกับใบหน้าทำให้เธออดไม่ได้ที่จะขโมยหอมแก้มเล็กนั้นฟอดใหญ่ การกระทำของเธอสร้างเสียงหัวเราะให้กับเด็กน้อยได้ไม่ยาก"คิกๆๆ""เรียกแต่ย่าอย่างเดียว ไม่เรียกปู่เลยเหรอ" ดีนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนเอ่ยถามหลานสาวที่กำลังหยอกล้อกับอนงค์เสียงน้อยใจจนเด็กสาวต้องผละใบหน้าออกมา สองแขนเล็กยื่นไปตรงหน้าราวกับเป็นเชิงบอกว่าต้องการจะให้เขาอุ้มจนดีนอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้เหมือนกันให้กับความออดอ้อนของคนตัวเล็กที่มักจะทำให้พวกเขาตกหลุมรักได้เสมอ"จะน่ารักไปไหนเนี่ย หลานปู่""ไปเที่ยวบ้านพ่อกับแม่มาสนุกไหมลูก" อนงค์หันมาถามคุณแม่สาวที่ยืนอยู่ด้วยรอยยิ้ม เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ เมเกรซจึงพาลูกกลับไปที่บ้านของตัวเองเพื่อให้เมสันและกรองขวัญได้เล่นกับหลานบ้าง แต่ส่วนมากพวกเขามักจะมา
"ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ" เดม่อนที่เดินเลี่ยงออกมาเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ตรงระเบียงของห้องเสียงสุภาพ ในขณะที่เมสันปรายตามองไปยังชายหนุ่มรุ่นลูกด้วยสายตายากจะคาดเดาก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก"มีเรื่องอะไร""ผมอยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับเกรซครับ" ชายหนุ่มเอ่ยถามไปอย่างไม่อ้อมค้อมก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงด้านข้างของเขาในขณะที่เมสันตวัดสายตามองคนด้านข้างด้วยความไม่พอใจที่ดูเหมือนเดม่อนจะทำตัวไม่รู้จักผู้ใหญ่เกินไป"ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนาย""แล้วถ้าผมบอกว่าผมรู้เรื่องลูกชายของคุณสมบัติ คุณพ่อจะยอมคุยกับผมไหมครับ" ชื่อของคนที่คุ้นเคยและคำพูดที่ราวกับรู้เรื่องบางอย่างทำให้เมสันชะงักไปด้วยความประหลาดใจก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติตามเดิมเพื่อไม่ให้อีกคนรับรู้ความรู้สึกของตัวเอง"ฉันไม่เข้าใจว่านายพูดว่าอะไร""ผมว่าคุณพ่อน่าจะเข้าใจดีนะครับ เพราะถึงขนาดไปที่บ้านนั้นหลายครั้งเพื่อโน้มน้าวให้ลูกชายของเขามาแย่งเกรซไปจากผม" เดม่อนเอ่ยบอกเสียงเรียบอย่างไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาต่างจากเมสันที่มีสีหน้าตกใจอย่างชัดเจนเพราะไม่คิดว่าคนด้านข้างจะรู้ถึงสิ่งที่เขาทำ"หึ คิดว่าผมไม่รู้เหรอครับว่าคุณพ่อทำอะ
@หนึ่งสัปดาห์ต่อมา"เหนื่อยไหมคะพี่เดนส์" เมเกรซที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยถามแทรกสามีหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสือให้เธอฟังอยู่ ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาเดม่อนก็คอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดจนตอนนี้สภาพจิตใจของเมเกรซเริ่มดีขึ้นมาก เธอไม่กลัวการที่จะต้องเจอกับคนอื่นรวมถึงไม่ได้กลัวต่อเหตุการณ์นั้นเท่าเมื่อก่อนแล้ว อาจจะมีบ้างบางวันที่ฝันร้ายแต่เดม่อนก็จะคอยปลุกเธอจากความฝันนั้นและปลอบโยนเธออยู่ตลอด อีกทั้งเขายังช่วยเธอในเรื่องของมหาวิทยาลัยที่หญิงสาวได้หยุดเรียนไปด้วยส่วนเรื่องของคาร์เตอร์ เดม่อนไม่ได้ฆ่าเขาภายในวันเดียว แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะทรมานเขาในทุกวันจนในที่สุดร่างกายของคาร์เตอร์ก็ทนรับความเจ็บปวดไม่ไหวและหมดลมหายใจไปเมื่อสองวันก่อน และครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกับเมื่อหลายปีที่แล้วเนื่องจากเดม่อนได้เข้าไปดูศพของชายหนุ่มแล้วจัดการเผาร่างนั้นด้วยตัวเอง เขาอยากจะเห็นคนที่ทำร้ายภรรยาของเขาตายไปต่อหน้าจริงๆ เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นกับเมเกรซอีกทุกอย่างได้จบลงพร้อมกับอดีตมาเฟียหนุ่มที่ตายไป เช่นเดียวกับบาดแผลในจิตใจของเมเกรซที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวัน"ทำไมถา







