Episode 24
หึง หวง ห่วง
“หวงร่างกายฉัน?”
“อือ หวงไปหมด” ฮีลตอบ ประโยคนั้นจะให้ฉันว่ายังไงดี
“เมาหรือเขิน?” อะเนี่ย! ฉันแค่เมามันก็คิดว่าเป็นท่าทีเก้อเขินไปได้อะเนอะ
“นี่มันร่างกายฉัน อย่าพูดเหมือนนายมีสิทธิ์ อย่ามาหวง!” เลือกที่จะสวนกลับด้วยประโยคที่ย้ำเตือนถึงความสัมพันธ์ ถึงตอนนี้ฉันจะยอมให้มันแตะต้องเพียงคนเดียว แต่ใช่ว่ามันจะมีสิทธิ์มากมาย
ข้อตกลงของเราคือห้ามก้าวก่าย แต่ทำไมฉันถึงเริ่มรู้สึกว่ามันล้ำเส้น เริ่มแทรกซึมบางอย่างเข้ามาในชีวิตฉันทีละน้อย ๆ ก็ไม่รู้
“พูดจาไม่เข้าหูอยากโดนจูบทั้งคืน?”
“ไปจูบกับน้องฟางดิ”
“เนี่ย! เธอหึง หวง”
“…”
“แต่รู้อะไรไหม ฉันก็เป็นฉัน คนเดียวที่ฉันจะพูดมากด้วยก็คือเธอ” ฮีลตอบแล้วอธิบายเพียงแค่ประโยคสั้น ๆ แต่แค่นั้นก็เพียงพอให้ฉันเข้าใจว่ามันไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าที่น้องฟางร้องขอ
เดาแล้วอาจจะกดรับสายแล้วตอบรับสั้น ๆ ‘ครับ’ ละมั้ง ถ้ายัยน้องจะตีสนิทก็คงยาก นี่ฉันลืมนึกถึงนิสัยใจคอมันไปได้ยังไง เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี
“น้องเขาสวยหน่อยก็ทำมาเป็นหึง”
“หยุดพูดคำว่า หึงกับหวงเลยนะ” รู้สึกไม่ชอบใจเลยที่ได้ยินคำนี้ ฉันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นสักหน่อย
ไม่มีทางด้วย!
“เธอเป็นห่วงฉัน?”
“หยุดพูดคำที่มี ห. หีบเลย ฉันจะไปห่วงนายทำไมกัน!”
“แต่เมื่อกี้เธอเตือนสติฉันด้วยคำว่าโง่” ฉันเริ่มกลอกตา โอเคแหละมันอาจจะซึน แต่คำว่า ‘โง่’ คือคำด่าโว้ยยยยย!
ถึงจะเป็นประโยคเตือนสติ แต่ถ้าฉันโดนตอกหน้าว่าโง่ฉันจะรู้สึกว่าตัวเองถูกด่ามากกว่า
พระเจ้า! ทำไมถึงได้สร้างมันมาได้อย่างหล่อเหลาไม่มีที่ติ ให้เกิดมาในชาติตระกูลสูงส่ง แต่ทำไมไม่สร้างอีคิวให้มันสักหน่อย
“หอบหุนหะ หี่เห็นห่วง” ว่าจบก็ส่งรอยยิ้มทรงเสน่ห์มาให้ อะไรของมันวะ นี่เข้าข่ายกวนตีนกันชัด ๆ
“ชอบรอยยิ้มฉันอะดิ ถึงได้ยิ้มตาม” ฉะ...ฉันเผลอหลุดยิ้มเหรอ จึงรีบจับที่ปากตัวเองแทบจะทันที
ให้ตาย! ตอนนี้ฉันกำลังตะลึงอ้าปากค้างอยู่ต่างหาก
“ไอ้บ้า! เป็นพ่อครัวไงฮะ! ถึงได้แกงเก่ง!”
“หึ”
“หุบยิ้มไปเลยไป!” รอยยิ้มแบบนั้นทำให้ฉันหงุดหงิดใจ เผลอมองไม่ได้เลยจริง ๆ
“ทำไม? รอยยิ้มของฉันมันมีผลต่อเธอเหรอถึงได้ห้ามกัน”
“…”
“เธอดูเสียอาการนะ ลืมตัวด้วยว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่” เหมือนกำลังถูกรถสิบล้อขับจี้ตูด มันจะต้อนอะไรฉันนักหนา
ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรสักหน่อย อาจจะแค่เมาก็เลยสับสนและทำตัวไม่ถูก
“เมาแล้ว” อยู่ต่อไม่ไหวแล้ว ฉันว่าฉันควรลุกออกจากตรงนี้แล้วกลับเข้าคอนโดตัวเองดีกว่า จึงยกมือเรียกพนักงานให้มาเก็บเงิน
“หนึ่งพันสามร้อยบาทค่ะ” ฮีลอาสาเป็นคนจ่าย ตอนนี้มันกำลังยื่นเงินจำนวนนั้นส่งให้พนักงานของร้าน เวลาเดียวกันน้องพนักงานคนนั้นก็ส่งยิ้มหวานให้ ภายใต้หน้ากากสีใส ส่วนมันอะเหรอ เลือกโต้ตอบรอยยิ้มนั้นโดยการหอมแก้มนิ่ม ๆ ของฉันโชว์ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าถูกใจสิ่งนี้กันนะ กดไลก์ไปเลยล้านรอบ
“ว่าแต่นายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่” เราสองคนเดินกลับคอนโด ในระหว่างนั้นฉันก็เอ่ยปากถามไปด้วย
“ก็เธอลงสตอรี”
“อ่อ อืม ๆ”
“อ้ะ คืนกุญแจรถ” ฉันคว้ากุญแจรถมาถือไว้ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ระหว่างสองเรามีแต่เสียงฝีเท้ากับเสียงรถวิ่งบนถนน
“ขอโทษ ฉันแค่อยากดูแลเธอ เห็นว่าหลับอยู่ด้วยเลยไม่อยากปลุก” เป็นอีกครั้งที่ฮีลขอโทษ แต่จะให้ว่ายังไงดี ฉันแอบรู้สึกดีนะเวลาถูกใส่ใจ แต่ฉันก็มีเส้นแบ่งแดนของตัวเองอยู่ การที่มันมาล้วงเอาอะไรในกระเป๋าฉันแบบนั้นฉันคิดว่ามันเกินไปหน่อย
แต่ ณ เวลานี้คงต้องยอมให้อภัย เพราะเจตนามันไม่ได้เลวร้ายอะไร และมันก็ขอโทษแล้วด้วย
“อืม หวังว่านายคงไม่ทำอีก” มือซึ่งกุมกันอยู่ตั้งแต่ตอนข้ามถนนถูกฮีลสางนิ้วเข้าไปแล้วกำแน่น แสงไฟวอร์มไลต์จากข้างทางส่องสว่างตกกระทบลงมาทำให้เห็นเงาของเราสองคนที่กำลังยืนจูงมือกัน
“ขอสูบบุหรี่ก่อน ไปนั่งรอตรงล็อบบี้ เดี๋ยวขึ้นไปพร้อมกัน”
“ทำไมนายถึงไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยเวลาที่สูบบุหรี่” คำถามนี้ฉันไม่ได้เข้าใจไปเอง เพราะสังเกตว่าทุกครั้งหากฉันเดินออกไปหามันที่นอกระเบียงทีไร มันจะดับบุหรี่ตลอด
“มันไม่ดี”
“นายก็รู้ว่ามันไม่ดีแล้วนายจะสูบทำไม”
“คลายเครียด”
“นายมีเรื่องเครียดด้วยเหรอ”
“มี” ฮีลหันมามองหน้าฉัน ในขณะที่มือกำลังคีบบุหรี่เอาไว้พร้อมจะสูบ
“นิดหน่อย”
“ถ้ามันเล็กน้อย แล้วมันจำเป็นไหมล่ะที่จะต้องสูบ”
“เธอไม่อยากให้ฉันสูบ?” ฉันพยักหน้า
“เป็นห่วงเหรอ”
“ก็…จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อมันเป็นสิ่งไม่ดีทำไมนายต้องไปติดมันด้วย”
“ก็รู้ ของบางอย่างรู้ทั้งรู้ว่ายากจะถอนตัวเราก็อยากจะลิ้มลอง”
“ลิ้มลองจนต้องติด”
“อืม ติดมาก” บุหรี่มวนนั้นถูกนำมาเกี่ยวที่หูฉัน ดวงตาสีนิลของฮีลมองประสานสายตาฉันด้วยแววตาลึกซึ้ง
“มองแบบนั้นทำไม?”
ฉันไม่ใช่เทพนะ ถึงจะมองด้วยความลึกซึ้งขนาดไหนก็เดาไม่ออกหรอกว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนครั้งก่อน ๆ แล้ว
“ฉันอยาก”
“อือ เดี๋ยวขึ้นคอนโดกัน รีบสูบ” ฉันตอบรับอย่างใจง่าย มันทำสายตาแบบนั้นใครจะไม่ยอมล่ะจริงไหม
“ไม่อยากสูบแล้ว” ฮีลตอบ พร้อมยกมือข้างหนึ่งมาไล้กับริมฝีปากฉัน “แต่มันหยุดไม่ได้ มันอยาก”
“อยากก็สูบไปดิ” เวลานี้ร่างสูงเริ่มงอแงเหมือนเด็กน้อย
“มีอีกทางนะ ที่จะช่วยฉันได้”
“อะไร” ถามเผื่อว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้ เพราะถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันก็โอเค
“จูบฉัน!” พอฮีลพูดจบฉันก็คว้าต้นคอของคนตัวสูงให้โน้มตัวลงมา ประกบริมฝีปากเข้ากับกลีบปากของอีกฝ่ายแล้วดูดดึงเบา ๆ ขบเม้มตรงเรียวปากนั้นสองสามที
ในตอนแรกฮีลเป็นคนอ้อนวอนให้ฉันจูบ ไป ๆ มา ๆ มันก็เป็นฝ่ายจูบนำฉันโดยการไล้เรียวลิ้นเข้ามายังโพรงด้านใน ความสูงที่แตกต่างกันทำให้ฉันต้องเงยหน้าแล้วยืดตัวขึ้นอีกนิดให้จูบถนัดมากขึ้น มือที่จับต้นคอสางเข้าไปในเส้นผมสีเทาของอีกฝ่าย ลิ้นซึ่งเกี่ยวพันกันอยู่รับรู้ถึงรสขมปร่าของเบียร์ที่ดื่มเข้าไปรวมถึงกลิ่นมินต์จากลูกอมที่มันชอบอม
“หวาน” เราทั้งสองไม่ได้ผละห่างกันเสียทีเดียว ฮีลยังคงโน้มตัวลงมาแล้วใช้ปลายจมูกชนกับจมูกของฉัน
“ฉันชอบลูกอมของนาย”
“เป็นเพราะมันอยู่ที่ปากฉันหรือเปล่าเธอถึงชอบ” ฮีลถาม มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของฉันไว้ไม่ให้หันหนี
ให้ตอบว่าไงดี ฉันไม่รู้จริง ๆ
“เธอรู้ตัวไหมว่าเธอเริ่มติดจูบฉันแล้ว”
อืม อันนี้ก็อาจจะจริง ทุกส่วนของร่างกายฮีลฉันสามารถสัมผัสได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อ
“นายจูบเก่ง”
“แล้วรู้ตัวไหมว่าเธอไม่ได้ติดแค่จูบ”
“…”
“เธอติดกอดฉันด้วย”
“…” ข้อนี้ฉันก็ไม่ปฏิเสธ
“เธอเสพติดฉันแล้วมินนี่”
ตอนพิเศษ 2ขอแต่งงานฉบับซงจุงฮีล“โหหหห นังดาวยั่ว วันนี้มาในลุคสตรีตเลย” ลูกปลาพูดขึ้นเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพักไรง่ะ มาถึงนี่ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้อินเทรนด์หน่อยสินี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ฉันได้ออกมาเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง แน่นอน ติ่งอย่างฉันก็ต้องเลือกเกาหลีเป็นประเทศแรก“ไม่ได้เที่ยวซะนาน ต้องอินเทรนด์หน่อย” เชิดหน้ามั่น ๆ แล้วพูดออกมา ก่อนปรายตามองคนอื่นวันนี้เพื่อน ๆ ต่างก็อยู่ในชุดเดรสสีขาวกันหมด เพราะนัดกันไว้ว่าธีมสีขาว ซึ่งฉันรู้แล้ว แต่ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบใส่เดรสสีขาว ก็เลยเลือกใส่เป็นชุดนี้แทน“ไม่ได้! ชุดนี้เอาไว้ใส่พรุ่งนี้ วันนี้ใส่ให้เข้าธีม” แสนดีเริ่มพูดขัด ข้าง ๆ มันเป็นพี่รามที่มาด้วยในวันนี้“ใช่! ดูสิ ขนาดเดมี่ยังใส่ชุดสีขาวเลยเนอะเดมี่เนอะ”“แอ๊” เสียงเด็กน้อยร้องขานรับ ทำให้ฉันต้องยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มของเดมี่ ลูกสาวตัวน้อย ๆ ของยัยลูกพีชเชื่อไหมว่าสองคนนี้น่ะรักกันมาก เพราะหลังจากเรียนจบลูกพีชก็มอบของขวัญวันเกิดให้แก่คุณป๋าทันทีนั่นก็คือการปล่อยตัวเองให้ท้องตั้งแต่ก่อนจบ เนื่องจากอายุอานามของคุณป๋าก็ไม่ใช่น้อย ๆ คู่นี้จึงต้องรีบมีกันหน่อยน่ารักเนอะ
ตอนพิเศษ 1คำขู่ของซงจุงฮีล“ไปแล้วนะ”“อือ มากอดที”เข้าสวมกอดแฟนตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อแทนความคิดถึง ก่อนคลายมันออกหลังจากชื่นใจพอแล้ว ฉันจ้องดวงตาสีนิลของฮีล แววตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบอยู่เหมือนเคย ทว่ามุมปากที่ยกยิ้มทำให้ใบหน้านั้นไม่ดูไร้ชีวิตชีวามากเท่าใดวันนี้ฉันจะต้องพาพนักงานบริษัทไปทริปเที่ยวประจำปีที่ทะเลสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นนโยบายอย่างหนึ่งที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับพนักงาน เรียกได้ว่าเป็นโบนัสอีกก้อนเลยก็ว่าได้“เดินทางดี ๆ ถึงแล้วโทรหาด้วย”“โอเค เสร็จแล้วตามมานะ” ฉันพยักหน้า ก่อนมองอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง หากไม่ติดว่าฮีลเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกันฉันคงอ้อนวอนขอให้มันไปด้วยกันตั้งแต่วันนี้แล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายก็งานยุ่งพอสมควรเลยทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้ ถึงอย่างนั้นฮีลก็ยังอุตส่าห์รับปากว่าหากเสร็จงานแล้วจะรีบตามมาจริง ๆ แล้วเราสองคนไม่เคยห่างกันนานเลย“อือ”หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทาง ใช้เวลาจนเย็นก็เดินทางมาถึงที่นี่ ฉันเลือกที่จะเข้าห้องพักในทันทีแล้วนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนจะตื่นมาพบกับพระอาทิตย์ตกในยามเย็นทะเลที่นี่สวยมาก สวยพอ ๆ กับทะเลตอนนั้นเลย ตอนที่ฉัน
Episode 53พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไป“ทำไมถึงพามาที่นี่อะ” ฉันเอ่ยถามหลังจากย่างสามขุมเข้ามาในคอนโดของตัวเอง จะว่าไปก็ผ่านมานานแล้วเหมือนกันที่ฉันไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น...“มันเป็นที่ที่ฉันอยากมา”“หืม...” ฉันร้องหืมในลำคอ มองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วพยายามเดาความคิดของฮีล “ทำไมอะ ถ้าเราจะเดตกัน นายก็จะเลือกเดตที่นี่เหรอ”“อือ”“เพราะ?”“มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณเมาส์...” เซอร์ไพรส์กับคำตอบที่ได้มาก ๆ ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดแค่นั้นของผู้ชายหน้านิ่งอย่างฮีล ถึงกับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกหยอดให้เขินซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไปมาก”“อือ แต่ตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้ว พอใจหรือยัง”“เข้าห้องเถอะ อยากโดนป้อนจูบแล้ว” ฝ่ามือหนาออกแรงรั้งให้ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง“ถามจริงนะ ถ้าวันไหนไม่ได้จูบจะเบื่อฉันไหม ถ้าวันไหนที่ฉันให้เรื่องเซ็กซ์กับนายไม่ได้”“ถามอะไรแปลก ๆ” ฮีลตอบ ทรุดกายลงกับเตียงใหญ่ขนาดคิงไซซ์แล้วพูดต่อ “ห่างกันมาเป็นเดือนก็เคยมาแล้ว”“นั่นสินะ”“หยุดกังวลไปได้เลยว่าฉันจะรักเธอเพียงเพราะแค่เซ็กซ์” น้ำเสียงนั้นไม่ได้ส่อแววน้อยใจ แต่ฟังแล้วออกเจ้าเล่ห์อย่างไรอ
Episode 52จูบมัดจำ“อีมินนี่! แกทำลูกฉัน!” เสียงนี้ดังมาก่อนตัวจนฉันต้องหันไปมอง ก่อนพบผู้หญิงคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งแม่เลี้ยงกำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางคุกคาม ทว่าสองมือกลับไร้เครื่องมือประทุษร้ายแต่เมื่อกี้เหมือนทางนั้นจะพูดอะไรผิดไปนะ ลูกสาวของมันต่างหากที่ทำฉันก่อนเพราะเธอพุ่งเข้ามาอย่างไร้การตรึกตรอง การส่งเสียงมาก่อนตัวในระยะร้อยเมตรจึงทำให้ฮีลกับพี่ฮัทที่นั่งทานข้าวอยู่กับฉันรีบกันออกไปได้ทัน“อีมินนี่ ฮืออออ” หลังจากที่ทำอะไรฉันไม่ได้เธอก็ทรุดลงกับพื้นพร้อมทั้งร้องไห้โฮ ก่อนจะรำพันไปเรื่อยเปื่อยคล้ายคนบ้าเฮ้อออ เห็นแล้วถึงกับต้องพรูลมหายใจออกมา ทำไมสองคนนั้นถึงเอาแต่คิดว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุ ทั้งที่ความจริงคือพวกมันต่างหากที่เป็นคนเริ่มเป็นคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของฉันวุ่นวาย“รอสงเคราะห์คนที่อยู่ในเรือนจำก็พอ อย่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นเลย”“แก!”“ไม่ต้องมาเรียก! ฉันใจดีแค่ไหนที่ให้มันไปนอนในคุกเฉย ๆ ไม่ทำกับมันเหมือนที่มันจะทำกับฉันก็บุญแล้ว!”ตอบแค่นี้คนข้างล่างก็มองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น ถัดมาแววตาก็อ่อนลงเหมือนคนหมดหวัง นั่งเหม่อลอยบนพื้นคอนกรีตด้วยดวงตาที่ปริ่มน้ำส
Episode 51ห้านาทีMinnie’s Part“ว้ายยยย” เกือบจะลื่นล้มหัวแตกเข้าให้เมื่อเดินเข้ามาก็เจอกับพื้นเปียก ๆ ไม่รู้ว่าป้าแม่บ้านทำอะไรหก ถ้าฮีลไม่รับไว้ป่านนี้ฉันคงเจ็บตัวไปแล้วล่ะมั้งคราวซวยจริง ๆ เลยช่วงนี้ ฉันว่าชีวิตฉันยังไม่ถึงวัยเบญจเพสเลยนะ“ขอโทษค่ะคุณ หนูนาเผลอทำน้ำหก” ถึงตอนนี้ฉันก็มองหน้าไอ้ฮีลเป็นเชิงถามว่าคนนี้ใคร วันนี้จู่ ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้ชื่อหนูนาเข้ามาที่นี่ แล้วมือที่จับไม้ถูพื้นนั่นหมายความว่ายังไงก็ไม่รู้“เอ่อ...สวัสดีค่ะ หนูนามาช่วยป้าจ๋าทำงานเพราะวันนี้แกป่วยค่ะ” ฉันปรายตามองเด็กสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน มัดผมเรียบร้อยดูน่ารัก แถมยังสวมแมสก์ปิดปากอย่างมิดชิดก็รู้ว่าช่วงนี้มันต้องป้องกัน แต่แอบคิดว่ามันไม่ร้อนเหรอถ้าจะใส่ตอนทำงานขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครอยู่ในคอนโด ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลย“เหรอ งั้นตามสบายนะ”“ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”“อือ” ว่าแล้วก็เดินไปหย่อนก้นลงบนโซฟาตัวเก่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถไปเรื่อยเปื่อยแก้เบื่อ “ฮีล ลืมบอกว่าเมื่อเช้าพี่คลาสเอาคลิปนั้นมาให้แล้วอยู่ในห้องน่ะ”“อือ หิวไหม” ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ ก่อนวาดแข
Episode 50โอกาสแก้ตัวพลิกตัวไปหาคนที่กำลังนอนหงายแล้วใช้มือไพล่หลังคออยู่ ท่าทางของฮีลคล้ายกำลังคิดอะไรสักอย่าง และดูคิดมากจนฉันต้องหันไปถามสีหน้าฮีลไม่ได้ฟ้องหรอก แต่เพราะค้างอยู่แบบนี้นานแล้ว ก็เลยต้องตั้งคำถามสักหน่อย“มีอะไรเหรอ”“เรื่อง Memory Card” ฮีลตอบสั้น ๆ บอกแค่นั้นฉันก็พยายามนึกตาม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสองวันแล้ว แต่เรายังไม่ได้หลักฐานชิ้นนั้นกันเลย“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง ก็คุณเลขาเขาบอกว่ายังติดธุระนี่!”“ฉันกลัวว่าทางนั้นจะอยากแก้แค้นแทนเมียตัวเอง” ฮีลคงหมายถึงอาเกริกสินะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องของผู้ใหญ่เป็นยังไง แต่เรื่องของฉันกับพี่คลาสอะลงตัว ส่วนกับอาเค้กท่านก็ดูเอ็นดูฉันพอสมควร เดาจากท่าทางที่แสดงออกในวันนั้นฉันคิดเป็นอื่นไม่ได้จริง ๆ“ไม่มีอะไรหรอก”“อย่าพูดแบบนี้คุณเมาส์ ทั้งที่ตัวเองเกือบจะโดนกระทำตั้งหลายรอบ”“เข้าใจก็ได้ ว่าแต่คุณเมาส์นี่คืออะไรเหรอ” ยกคางไปเกยเข้ากับแผงอกแกร่งแล้วช้อนสายตาขึ้นมอง ตั้งแต่วันนั้นฉันยังไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘เมาส์’ เลย“คือชื่อของเธอไง” ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบศีรษะฉันเบา ๆ “มินนี่ เมาส์”“โหยยยย ไรอะ ไม่อินเลย” บ่น