ตอนพิเศษ 1
คำขู่ของซงจุงฮีล
“ไปแล้วนะ”
“อือ มากอดที”
เข้าสวมกอดแฟนตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อแทนความคิดถึง ก่อนคลายมันออกหลังจากชื่นใจพอแล้ว ฉันจ้องดวงตาสีนิลของฮีล แววตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบอยู่เหมือนเคย ทว่ามุมปากที่ยกยิ้มทำให้ใบหน้านั้นไม่ดูไร้ชีวิตชีวามากเท่าใด
วันนี้ฉันจะต้องพาพนักงานบริษัทไปทริปเที่ยวประจำปีที่ทะเลสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นนโยบายอย่างหนึ่งที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับพนักงาน เรียกได้ว่าเป็นโบนัสอีกก้อนเลยก็ว่าได้
“เดินทางดี ๆ ถึงแล้วโทรหาด้วย”
“โอเค เสร็จแล้วตามมานะ” ฉันพยักหน้า ก่อนมองอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง หากไม่ติดว่าฮีลเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกันฉันคงอ้อนวอนขอให้มันไปด้วยกันตั้งแต่วันนี้แล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายก็งานยุ่งพอสมควรเลยทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้ ถึงอย่างนั้นฮีลก็ยังอุตส่าห์รับปากว่าหากเสร็จงานแล้วจะรีบตามมา
จริง ๆ แล้วเราสองคนไม่เคยห่างกันนานเลย
“อือ”
หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทาง ใช้เวลาจนเย็นก็เดินทางมาถึงที่นี่ ฉันเลือกที่จะเข้าห้องพักในทันทีแล้วนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนจะตื่นมาพบกับพระอาทิตย์ตกในยามเย็น
ทะเลที่นี่สวยมาก สวยพอ ๆ กับทะเลตอนนั้นเลย ตอนที่ฉันได้มาเที่ยวแบบพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกตอนเด็ก ๆ เผลอ ๆ ตอนนี้อาจจะสวยกว่าอดีตเพราะการท่องเที่ยวซบเซาไปพักใหญ่จากโรคระบาด ธรรมชาติเลยได้ฟื้นฟูตัวเอง
บิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดลึก ๆ ดวงตาของฉันทอดมองวิวทะเลจากริมระเบียงห้องพักอยู่นานอย่างไม่รู้สึกเบื่อ เมื่อฟ้าใกล้มืดก็กลับเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำเพื่อเข้างานปาร์ตีกับพนักงาน
ฉันยังไม่ได้บริหารเต็มตัวหรอกนะ หลังจากที่พ่อบอกว่ายกทุกอย่างให้เป็นของฉันแล้วแต่หน้าที่นั้นยังคงเป็นของพ่ออยู่ เพราะเอาเข้าจริงก็มีอีกหลายอย่างที่ฉันต้องเรียนรู้ ดังนั้นตอนนี้ฉันจึงได้นั่งตำแหน่งรองประธานแทน
ชีวิตในวัยที่เติบโตขึ้นอีกขั้นต้องแบกรับความรับผิดชอบไว้เยอะพอสมควร เราสองคนต่างก็โฟกัสและทุ่มเทให้กับหน้าที่ที่ตัวเองได้รับ ความรักของเราเลยไม่ได้หวือหวาเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ
ทั้งที่ฉันกับฮีลไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิม
ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะเราตัวติดกันมาแต่ไหนแต่ไร ทำตัวเหมือนแฟนทั้งที่เป็นเพื่อนกัน ถึงตอนนี้จะเป็นแฟนกันแล้ว แต่มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก หากฉันจะคิดแบบนี้ก็คงไม่แปลก
Rrrr Rrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำฉันสะดุ้งตัว ดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมอะไรไป
“ฮัลโหล คุณเมาส์ขอโทษ คุณเมาส์หลับ” ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรฉันก็รีบแก้ตัวในทันที เนื่องจากรู้สึกอ่อนเพลียมากในการเดินทาง พอมาถึงที่นี่ฉันก็คิดถึงที่นอนเป็นอันดับแรกเลยลืมไปเสียสนิท
[เหรอ...] ฮีลตอบ น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบเหลือเกิน
“ใช่ดิ ทำไม ไม่เชื่อกันเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แค่เหรอ”
“ก็นึกว่าจะโกรธ”
[ไม่โกรธ แต่รู้ว่าคุณเมาส์กำลังแคร์] นี่มันจะบอกว่าที่ฉันร้อนรนไปเองเพราะกำลังแคร์ความรู้สึกของมันใช่ไหม
“อือ ก็แคร์”
[ทำอะไร]
“กำลังจะเปลี่ยนชุดลงไปปาร์ตีน่ะ”
[ชุดว่ายน้ำหรือเปล่า]
“ใช่สิ”
[คุณเมาส์...]
“ว่า”
[มีของเซอร์ไพรส์ เดินไปเปิดกระเป๋าที] ได้ยินดังนั้นฉันก็รีบเดินไปเปิดกระเป๋า แต่เมื่อวานฉันจัดของเองกับมือนะ ไม่เห็นจะมีอะไรนอกเหนือจากที่ตัวเองเตรียมไว้เลย
“ไหน ไม่เห็นมีไรเลย”
[ใจเย็นดิ หยิบใบสีแดงขึ้นมา] ได้ยินแล้วก็ลากใบสีแดงมา กดเปิดลำโพงเอาไว้แล้วหันไปรูดซิปกระเป๋าลง
“ก็ไม่เห็นมีอะไร”
[มันแอบอยู่]
ดังนั้นฉันจึงพยายามหาช่องอื่น ๆ ที่มี พอเปิดมันออกก็พบว่าเป็นชิ้นผ้าสีดำ จึงล้วงออกมาแล้วคลี่ดู
โอ้ มาย ก็อด!
ฉันอ้าปากค้างหลังจากเห็นสิ่งนั้นเต็มตา เพราะมันคือชุดว่ายน้ำ แต่มันเป็นชุดว่ายน้ำแบบวันพีซซึ่งมีกระโปรงสวมทับอีกชั้น
[ชอบไหม]
“ไม่!”
[สวยดีออก นี่เลือกสีที่คุณเมาส์ชอบเลยนะเนี่ย]
“มันไม่เหมาะกับคุณเมาส์” ตอบด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ สื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าฉันไม่ชอบจริง ๆ
นมใหญ่ขนาดนี้ ขาขาวขนาดนี้ จะให้ฉันใส่แบบนี้จริงดิ โอ๊ะ! ไม่เอาหรอก
[มันสวยดี คุณเมาส์ใส่แล้วถ่ายรูปมาให้ด้วยนะ]
“มะ...”
[เมื่อกี้ยังบอกว่าแคร์กันอยู่เลย] เอาอีก เจ้าเล่ห์ใส่ฉันอีก ถึงกับพูดไม่ออกเลยคราวนี้
[แค่นี้ก่อนนะ งานเข้าแล้ว]
ติ๊ด!
ไม่ทันจะได้ถกเถียงอะไรไปมากกว่านี้พอเห็นว่าฉันเงียบไปมันก็ชิงตัดสายเสียก่อน แบบนี้ก็ได้เหรอ เหอะ! แล้วฉันควรใส่ไหมเนี่ย
ไม่น่าหลุดปากไปเลยว่าแคร์ความรู้สึกมัน เป็นไงล่ะ โดนตะล่อมเข้าให้จนได้
ดูดิ! ไอ้ซงจุงฮีลไอ้ผัวบ้า!
ฉันพรูลมหายใจออกมาก่อนจะหยิบชุดนั้นมาทาบกับตัวพลางจ้องมองไปที่หน้ากระจก เอาก็เอาวะ ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
หลังจากนั้นก็เข้าไปในงาน กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกิจกรรมก็เริ่มไปแล้ว จากตอนแรกที่กะจะมาเอารางวัลดาวเด่นสักหน่อย ไป ๆ มา ๆ ก็ต้องยกให้น้องพนักงานไปแทน เพราะไม่ได้ใส่ทูพีซสีแดง!
เซ็งสุด
เฮฮาไปสักพักฉันก็ขอปลีกตัวมาเดินเล่นที่ชายหาด จนเดินลึกเข้าไปยังชายหาดส่วนตัวซึ่งเป็นบ้านพักของพ่อ เรามาทริปเดียวกันก็จริงแต่ฉันไม่ได้มาพักที่นี่เนื่องจากฉันสนิทกับแม่มากกว่า จึงเลือกที่จะพักที่โรงแรมเครือญาติฝั่งแม่แทน เพราะเป็นช่วงที่ท่านเดินทางมาดูงานที่สมาคมพอดิบพอดี
ในคราแรกฉันว่าจะหยุดฝีเท้าเอาไว้เพียงเท่านี้แล้วหันหลังกลับ ทว่าพอเห็นหลังไว ๆ ของพ่อแล้วก็ต้องแอบทำลับ ๆ ล่อ ๆ เดินเข้าไปในนั้นผ่านแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ริมทางเดินตั้งแต่ชายหาดเข้าไปในบ้าน
หลังแง้มประตูเข้าไปในนั้นสายตาก็ปะทะเข้ากับรูปชายหญิงคู่หนึ่งที่แขวนอยู่ ทั้งสองอยู่ในชุดแต่งงาน สีหน้าดูสดใสและมีความสุขมาก ๆ
มันคือรูปของพ่อกับแม่
ฉันมองแผ่นหลังของผู้เป็นพ่อที่กำลังสั่นระริกพร้อมทั้งจ้องรูปนั้นอย่างไม่วางตา ก่อนหลุบตามองของที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ทั้งช่อดอกไม้สีขาว ทั้งแหวนคู่ที่เคยเป็นแหวนแต่งงานของพวกท่าน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านพยายามง้อแม่เพื่อขอคืนดี แต่เป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่อาจทราบ เพราะหลังจากที่รู้ว่าแม่ไม่มีใครพ่อก็เหมือนมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ทว่ากลับเป็นหวังที่ริบหรี่ ถึงแม้เวลาจะหมุนเวียนผ่านไปเรื่อย ๆ จนล่วงเลยมาถึงสองปีแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนคนที่ยังทำใจไม่ได้จะเป็นพ่อ
‘คนเรามักจะรู้คุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมี ก็ในตอนที่เราเสียมันไป’ วันนี้พ่อคงจะรู้ซึ้งถึงความหมายของประโยคนั้นแล้ว ถึงได้มาเสียใจกับการกระทำของตัวเองในภายหลังแบบนี้ ฉันมองแล้วก็ถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ ปิดประตูลงแล้วค่อย ๆ หันหลังกลับไป
“กานต์...คุณคงไม่มาหาผมแล้วใช่ไหม”
ได้ยินเสียงรำพันเบา ๆ แต่ฉันก็เลือกที่จะเดินหน้าต่อแล้วกลับไปยังห้องพัก
“คุณเมาส์”
“ฮีล” ฉันแปลกใจมากที่ฮีลมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ยังไม่ทันข้ามคืนเลยมันก็สามารถเคลียร์งานจนเสร็จและตามมาจนได้ “ทำไมมาเร็ว”
“เสร็จตั้งแต่โทรหาคุณเมาส์แล้ว”
“เหรอ”
“อือ เป็นอะไรหรือเปล่า” ท่าทีซึม ๆ อาจจะทำให้ฮีลสังเกตได้มันเลยถามออกมา ทั้งที่ฉันพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้และพยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นสิ่งที่พ่อควรได้รับ แต่ในใจลึก ๆ ฉันก็อยากให้พ่อกับแม่ดีกันอีกครั้ง
“เปล่า”
“ถ้าโกหกคืนนี้จะโดนหนักนะ”
เข้าไปสวมกอดเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้วซุกหน้าลงบนแผงอกกว้าง “คิดว่าขู่แบบนี้แล้วมันจะได้ผลเหรอ”
“ไม่ได้” ก็ใช่ไง แล้วมันจะเอามาขู่ทำแป๊ะอะไร ยิ่งพูดก็ยิ่งเป็นการยุให้ฉันโกหกมัน
“แต่อยากขู่”
“เพื่อ!”
“เธอชอบ อยากทำให้เธอพอใจ”
“...!” เวลานี้ฉันทำหน้าไม่ถูกเลย ทำไมนะทำไม เราเป็นแฟนกันมานานแล้วแต่ฉันยังไม่ชินชากับคำพูดของฮีลเลย “ไอ้บ้าเอ๊ย! ฉันรักนายพอแล้ว เลิกพูดอะไรแบบนี้สักที”
“ไม่!” ฮีลตอบเสียงเรียบ “ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอหยุดรักฉันเป็นอันขาด”
“ฉันก็ไม่เคยคิดจะหยุดรักนายหรอกน่า!”
“อือ ขึ้นห้องเถอะ”
“อือ” ว่าจบก็ขึ้นไปพักผ่อน ฉันปล่อยให้ฮีลได้อาบน้ำ ส่วนตัวเองก็มานั่งอยู่ริมระเบียงมองท้องฟ้ายามค่ำคืน
ที่นี่สวยนะ จะพูดว่าสวยทุกช่วงเวลาเลยก็ว่าได้ กลางวันทะเลสวย กลางคืนดาวก็สวย ฉันเห็นละไม่อยากจะกลับกรุงเทพฯ เลย
ครืดดดด
เสียงเลื่อนประตูดังขึ้นตามด้วยร่างสูงเดินเข้ามา ฮีลไม่ได้ถือบุหรี่ติดมือมาอย่างที่ชอบทำเวลาออกมาริมระเบียงแล้ว เพราะตอนนี้แฟนของฉันเลิกบุหรี่ได้แล้ว
“ซึม...”
ฉันเงียบไปพักใหญ่ ๆ ก่อนหันไปมองหน้าฮีลหลังจากนั้น “นายคิดว่าเรื่องของพ่อกับแม่ฉันควรทำยังไงดีเหรอ”
อาการของพ่อมันแสดงออกชัดแม้กระทั่งฮีลยังรู้ไปด้วย ฉันเลยถามออกมาแบบไม่เกริ่นว่าก่อนหน้านี้ไปเจออะไรมา
“คิดอะไรอยู่”
“ฉันแค่อยากให้พ่อกับแม่กลับมาดีกัน”
“เหรอ แล้วแต่พ่อกับแม่ดิ”
“ตอนนี้แม่ใจแข็งมากเลยนะ” แม่ให้อภัยพ่อแล้วก็จริง แต่ฉันเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าท่านอยากกลับมาหรือเปล่า
“ใจแข็งหรือไม่รักแล้วก็ต้องแยกให้ออก ถ้าเป็นอย่างหลังเธอเข้าไปยุ่งจะเป็นการทำให้แม่ลำบากใจ”
“อือ จริงด้วย ขอบคุณนะคะคุณที่ปรึกษา”
“ครับเมีย อย่าคิดมากเลย”
“อือ”
“เข้าห้องได้แล้ว ฉันไม่ได้ขู่เล่น ๆ” บอกแค่นั้นฉันถึงกับต้องกระโดดขี่เอวแล้วรวบคอมันไว้ ส่วนคนที่โดนกระโจนใส่ก็รีบรับตัวฉันไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนป้อนจูบให้แก่กันและกันตั้งแต่ริมระเบียงอย่างเร่าร้อน ฉันหลับตาลงรับจูบนั้นอย่างเคลิบเคลิ้มท่ามกลางการเคลื่อนไหวของฮีล
ร่างของฉันถูกวางลงบนเตียง ตามด้วยริมฝีปากร้อนไล่พรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า เรื่อยไปจนทุกส่วนของร่างกาย ฮีลค่อย ๆ เล้าโลมให้ฉันกระสันซ่าน ครางเสียงพร่าออกมาอย่างรัญจวนจนแทบจะทนไม่ไหว
“ฮีล...” ฉันผงกหัวขึ้นไปหาแล้วยันตัวลุก พร้อมทั้งสื่อสายตาอ้อนวอนไปให้
“ว่า” มือที่เคยสอดเข้าไปในกลุ่มผมสีเทาถอนออกมา ก่อนเลื่อนมาทาบทับกับพวงแก้มของฝ่ายนั้น
“ฉันต้องการนาย ฉันต้องการนาย...”
เท่านั้นคนที่อยู่ข้างล่างก็เคลื่อนตัวมา สอดแทรกท่อนเอ็นร้อนเข้ามาในร่องคับแคบของฉันแล้วเริ่มขยับกายเข้าออกไปเรื่อย ๆ จากจังหวะเชื่องช้าก็ดุเดือดขึ้นจนเราทั้งคู่สุขสม
หลังเสร็จกิจก็มานอนกอดกัน ฉันลืมตาท่ามกลางความมืดมิด มองแสงสว่างเล็ก ๆ บนท้องฟ้าด้วยความรู้สึกเสียดายที่จะต้องหลับตาลง
“ยังไม่นอนอีก”
“ไม่ง่วงอะ”
“จะนอนดึกไปถึงไหน”
ได้ยินแบบนี้ก็เคลื่อนดวงตาไปมองนาฬิกา ก็ไม่เท่าไร “ตีสองเอง”
“ดื้อ” เป็นคำบ่นที่ไม่ค่อยจริงจังนัก เพราะหลังจากนั้นฮีลก็ออกแรงรั้งที่ศีรษะให้ขยับเข้าไปหาแล้วจูบเบา ๆ ตรงเรือนผมของฉันหนึ่งที
ความอบอุ่นนั้นแผ่ซ่านจนฉันเข้าสู่ห้วงนิทรา เตรียมพร้อมรับฝันดีที่จะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้
ตอนพิเศษ 2ขอแต่งงานฉบับซงจุงฮีล“โหหหห นังดาวยั่ว วันนี้มาในลุคสตรีตเลย” ลูกปลาพูดขึ้นเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพักไรง่ะ มาถึงนี่ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้อินเทรนด์หน่อยสินี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ฉันได้ออกมาเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง แน่นอน ติ่งอย่างฉันก็ต้องเลือกเกาหลีเป็นประเทศแรก“ไม่ได้เที่ยวซะนาน ต้องอินเทรนด์หน่อย” เชิดหน้ามั่น ๆ แล้วพูดออกมา ก่อนปรายตามองคนอื่นวันนี้เพื่อน ๆ ต่างก็อยู่ในชุดเดรสสีขาวกันหมด เพราะนัดกันไว้ว่าธีมสีขาว ซึ่งฉันรู้แล้ว แต่ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบใส่เดรสสีขาว ก็เลยเลือกใส่เป็นชุดนี้แทน“ไม่ได้! ชุดนี้เอาไว้ใส่พรุ่งนี้ วันนี้ใส่ให้เข้าธีม” แสนดีเริ่มพูดขัด ข้าง ๆ มันเป็นพี่รามที่มาด้วยในวันนี้“ใช่! ดูสิ ขนาดเดมี่ยังใส่ชุดสีขาวเลยเนอะเดมี่เนอะ”“แอ๊” เสียงเด็กน้อยร้องขานรับ ทำให้ฉันต้องยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มของเดมี่ ลูกสาวตัวน้อย ๆ ของยัยลูกพีชเชื่อไหมว่าสองคนนี้น่ะรักกันมาก เพราะหลังจากเรียนจบลูกพีชก็มอบของขวัญวันเกิดให้แก่คุณป๋าทันทีนั่นก็คือการปล่อยตัวเองให้ท้องตั้งแต่ก่อนจบ เนื่องจากอายุอานามของคุณป๋าก็ไม่ใช่น้อย ๆ คู่นี้จึงต้องรีบมีกันหน่อยน่ารักเนอะ
ตอนพิเศษ 1คำขู่ของซงจุงฮีล“ไปแล้วนะ”“อือ มากอดที”เข้าสวมกอดแฟนตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อแทนความคิดถึง ก่อนคลายมันออกหลังจากชื่นใจพอแล้ว ฉันจ้องดวงตาสีนิลของฮีล แววตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบอยู่เหมือนเคย ทว่ามุมปากที่ยกยิ้มทำให้ใบหน้านั้นไม่ดูไร้ชีวิตชีวามากเท่าใดวันนี้ฉันจะต้องพาพนักงานบริษัทไปทริปเที่ยวประจำปีที่ทะเลสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นนโยบายอย่างหนึ่งที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับพนักงาน เรียกได้ว่าเป็นโบนัสอีกก้อนเลยก็ว่าได้“เดินทางดี ๆ ถึงแล้วโทรหาด้วย”“โอเค เสร็จแล้วตามมานะ” ฉันพยักหน้า ก่อนมองอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง หากไม่ติดว่าฮีลเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกันฉันคงอ้อนวอนขอให้มันไปด้วยกันตั้งแต่วันนี้แล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายก็งานยุ่งพอสมควรเลยทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้ ถึงอย่างนั้นฮีลก็ยังอุตส่าห์รับปากว่าหากเสร็จงานแล้วจะรีบตามมาจริง ๆ แล้วเราสองคนไม่เคยห่างกันนานเลย“อือ”หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทาง ใช้เวลาจนเย็นก็เดินทางมาถึงที่นี่ ฉันเลือกที่จะเข้าห้องพักในทันทีแล้วนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนจะตื่นมาพบกับพระอาทิตย์ตกในยามเย็นทะเลที่นี่สวยมาก สวยพอ ๆ กับทะเลตอนนั้นเลย ตอนที่ฉัน
Episode 53พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไป“ทำไมถึงพามาที่นี่อะ” ฉันเอ่ยถามหลังจากย่างสามขุมเข้ามาในคอนโดของตัวเอง จะว่าไปก็ผ่านมานานแล้วเหมือนกันที่ฉันไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น...“มันเป็นที่ที่ฉันอยากมา”“หืม...” ฉันร้องหืมในลำคอ มองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วพยายามเดาความคิดของฮีล “ทำไมอะ ถ้าเราจะเดตกัน นายก็จะเลือกเดตที่นี่เหรอ”“อือ”“เพราะ?”“มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณเมาส์...” เซอร์ไพรส์กับคำตอบที่ได้มาก ๆ ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดแค่นั้นของผู้ชายหน้านิ่งอย่างฮีล ถึงกับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกหยอดให้เขินซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไปมาก”“อือ แต่ตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้ว พอใจหรือยัง”“เข้าห้องเถอะ อยากโดนป้อนจูบแล้ว” ฝ่ามือหนาออกแรงรั้งให้ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง“ถามจริงนะ ถ้าวันไหนไม่ได้จูบจะเบื่อฉันไหม ถ้าวันไหนที่ฉันให้เรื่องเซ็กซ์กับนายไม่ได้”“ถามอะไรแปลก ๆ” ฮีลตอบ ทรุดกายลงกับเตียงใหญ่ขนาดคิงไซซ์แล้วพูดต่อ “ห่างกันมาเป็นเดือนก็เคยมาแล้ว”“นั่นสินะ”“หยุดกังวลไปได้เลยว่าฉันจะรักเธอเพียงเพราะแค่เซ็กซ์” น้ำเสียงนั้นไม่ได้ส่อแววน้อยใจ แต่ฟังแล้วออกเจ้าเล่ห์อย่างไรอ
Episode 52จูบมัดจำ“อีมินนี่! แกทำลูกฉัน!” เสียงนี้ดังมาก่อนตัวจนฉันต้องหันไปมอง ก่อนพบผู้หญิงคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งแม่เลี้ยงกำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางคุกคาม ทว่าสองมือกลับไร้เครื่องมือประทุษร้ายแต่เมื่อกี้เหมือนทางนั้นจะพูดอะไรผิดไปนะ ลูกสาวของมันต่างหากที่ทำฉันก่อนเพราะเธอพุ่งเข้ามาอย่างไร้การตรึกตรอง การส่งเสียงมาก่อนตัวในระยะร้อยเมตรจึงทำให้ฮีลกับพี่ฮัทที่นั่งทานข้าวอยู่กับฉันรีบกันออกไปได้ทัน“อีมินนี่ ฮืออออ” หลังจากที่ทำอะไรฉันไม่ได้เธอก็ทรุดลงกับพื้นพร้อมทั้งร้องไห้โฮ ก่อนจะรำพันไปเรื่อยเปื่อยคล้ายคนบ้าเฮ้อออ เห็นแล้วถึงกับต้องพรูลมหายใจออกมา ทำไมสองคนนั้นถึงเอาแต่คิดว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุ ทั้งที่ความจริงคือพวกมันต่างหากที่เป็นคนเริ่มเป็นคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของฉันวุ่นวาย“รอสงเคราะห์คนที่อยู่ในเรือนจำก็พอ อย่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นเลย”“แก!”“ไม่ต้องมาเรียก! ฉันใจดีแค่ไหนที่ให้มันไปนอนในคุกเฉย ๆ ไม่ทำกับมันเหมือนที่มันจะทำกับฉันก็บุญแล้ว!”ตอบแค่นี้คนข้างล่างก็มองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น ถัดมาแววตาก็อ่อนลงเหมือนคนหมดหวัง นั่งเหม่อลอยบนพื้นคอนกรีตด้วยดวงตาที่ปริ่มน้ำส
Episode 51ห้านาทีMinnie’s Part“ว้ายยยย” เกือบจะลื่นล้มหัวแตกเข้าให้เมื่อเดินเข้ามาก็เจอกับพื้นเปียก ๆ ไม่รู้ว่าป้าแม่บ้านทำอะไรหก ถ้าฮีลไม่รับไว้ป่านนี้ฉันคงเจ็บตัวไปแล้วล่ะมั้งคราวซวยจริง ๆ เลยช่วงนี้ ฉันว่าชีวิตฉันยังไม่ถึงวัยเบญจเพสเลยนะ“ขอโทษค่ะคุณ หนูนาเผลอทำน้ำหก” ถึงตอนนี้ฉันก็มองหน้าไอ้ฮีลเป็นเชิงถามว่าคนนี้ใคร วันนี้จู่ ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้ชื่อหนูนาเข้ามาที่นี่ แล้วมือที่จับไม้ถูพื้นนั่นหมายความว่ายังไงก็ไม่รู้“เอ่อ...สวัสดีค่ะ หนูนามาช่วยป้าจ๋าทำงานเพราะวันนี้แกป่วยค่ะ” ฉันปรายตามองเด็กสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน มัดผมเรียบร้อยดูน่ารัก แถมยังสวมแมสก์ปิดปากอย่างมิดชิดก็รู้ว่าช่วงนี้มันต้องป้องกัน แต่แอบคิดว่ามันไม่ร้อนเหรอถ้าจะใส่ตอนทำงานขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครอยู่ในคอนโด ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลย“เหรอ งั้นตามสบายนะ”“ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”“อือ” ว่าแล้วก็เดินไปหย่อนก้นลงบนโซฟาตัวเก่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถไปเรื่อยเปื่อยแก้เบื่อ “ฮีล ลืมบอกว่าเมื่อเช้าพี่คลาสเอาคลิปนั้นมาให้แล้วอยู่ในห้องน่ะ”“อือ หิวไหม” ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ ก่อนวาดแข
Episode 50โอกาสแก้ตัวพลิกตัวไปหาคนที่กำลังนอนหงายแล้วใช้มือไพล่หลังคออยู่ ท่าทางของฮีลคล้ายกำลังคิดอะไรสักอย่าง และดูคิดมากจนฉันต้องหันไปถามสีหน้าฮีลไม่ได้ฟ้องหรอก แต่เพราะค้างอยู่แบบนี้นานแล้ว ก็เลยต้องตั้งคำถามสักหน่อย“มีอะไรเหรอ”“เรื่อง Memory Card” ฮีลตอบสั้น ๆ บอกแค่นั้นฉันก็พยายามนึกตาม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสองวันแล้ว แต่เรายังไม่ได้หลักฐานชิ้นนั้นกันเลย“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง ก็คุณเลขาเขาบอกว่ายังติดธุระนี่!”“ฉันกลัวว่าทางนั้นจะอยากแก้แค้นแทนเมียตัวเอง” ฮีลคงหมายถึงอาเกริกสินะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องของผู้ใหญ่เป็นยังไง แต่เรื่องของฉันกับพี่คลาสอะลงตัว ส่วนกับอาเค้กท่านก็ดูเอ็นดูฉันพอสมควร เดาจากท่าทางที่แสดงออกในวันนั้นฉันคิดเป็นอื่นไม่ได้จริง ๆ“ไม่มีอะไรหรอก”“อย่าพูดแบบนี้คุณเมาส์ ทั้งที่ตัวเองเกือบจะโดนกระทำตั้งหลายรอบ”“เข้าใจก็ได้ ว่าแต่คุณเมาส์นี่คืออะไรเหรอ” ยกคางไปเกยเข้ากับแผงอกแกร่งแล้วช้อนสายตาขึ้นมอง ตั้งแต่วันนั้นฉันยังไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘เมาส์’ เลย“คือชื่อของเธอไง” ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบศีรษะฉันเบา ๆ “มินนี่ เมาส์”“โหยยยย ไรอะ ไม่อินเลย” บ่น