Episode 8
คนที่เป็นต้นเหตุ
Heal’s Part
ผมมองหน้าพ่อมินนี่ สบดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นอย่างไม่เกรงกลัว รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามวางตัวให้ดูน่าเกรงขามมากที่สุดแต่กับผมเขาไม่สามารถข่มให้ผมกลัวได้
ผมมองท่านด้วยแววตาไม่ต่างจากเดิม นิ่งสงบแบบไม่แสดงความรู้สึก
“ฉันรู้เรื่องนายกับลูกสาวฉันแล้ว” มิรินเป็นคนบอกสินะ ผมเคยคิดว่าเธอเป็นคนน่ารัก แต่ตอนนี้คิดว่าเธอก็ตอแหลพอสมควร ผิดกับมินนี่ ถึงจะแรงเกินเบอร์ไปหน่อย แต่ก็ตรงดี
“อ่า…ครับ” ผมครางรับ
“นานหรือยัง!”
“ครับ”
“นี่! จะครับอีกนานไหม ที่ฉันถามเนี่ยหมายความว่าฉันไม่อยากให้แกทำกับลูกฉันแบบนี้!”
“ครับ” ผมก็ยังตอบอย่างเดิม แต่ครั้งนี้ยาวกว่าเดิมหน่อย “แต่มินก็โอเคที่จะอยู่แบบนี้”
“ไอ้นี่!” แล้วพ่อมินก็กัดกรามดังกรอด ดูเหมือนจะโกรธผมมาก
ผมพลาดตรงไหน ผมคิดว่าตัวเองวางตัวดีแล้วนะ ถามอะไรก็ตอบ ‘ครับ’ ตลอด สุภาพทั้งนั้น จึงเงยหน้ามองสบตากับท่านอีกหนพลางอ่านความคิดไปด้วย
พ่อมินก็ดูรักมินออก ทำไมมินถึงได้แสดงออกเหมือนอคติ หรือเป็นเพราะผู้หญิงที่อยู่ด้านหลัง คนนี้หน้าตาเหมือนมิริน สงสัยจะเป็นแม่มิรินสินะ
เรื่องภายในครอบครัวอาจจะมีผลทำให้มินนี่ตัดสินใจที่จะอยู่กับผมแบบไม่มีสถานะ ผมจึงเคลื่อนสายตาจากผู้หญิงคนนั้นมามองพ่อมินอีกครั้ง
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันครับ” ตอบรับอย่างหนักแน่นและนั่นก็ทำให้ผมได้รับหมัดหนัก ๆ ของอีกฝ่าย
ผัวะ!
อ่า…ผมพูดตรงเกินไปใช่ไหม
“แกต้องรับผิดชอบลูกฉัน!” พ่อมินชี้หน้าผม ส่วนแม่มิรินก็เดินมากอดแขน “คุณ…”
“ผมขอคุยแบบส่วนตัวนะครับ” พูดง่าย ๆ ก็คือไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องไปนั่นแหละ
“ผมรับผิดชอบเธอไม่ได้” หลังจากเหลือแค่ผมกับพ่อมินผมก็ตอบตรง ๆ เลย
“ไอ้! …”
“ขอโทษด้วยครับ แต่ลูกสาวคุณไม่ได้ต้องการแบบนี้”
“…” แล้วท่านก็พูดไม่ออก
“ลูกคุณไม่ได้ต้องการผู้ชายหน้าไหนมาดูแลทั้งนั้น” ผมตอบเสียงเรียบ ต่อท้ายคำพูดของตัวเองในใจว่า ‘เป็นเพราะคุณนั่นแหละ’ แต่ท่านอาจจะรู้อยู่แล้วโดยที่ผมไม่ต้องอธิบายยาวไปมากกว่านี้
หลังจากที่เจอเธอเหวี่ยงใส่น้องสาวตัวเอง กับเหตุการณ์ที่เจออยู่ตอนนี้ก็ทำให้ผมเดาทุกอย่างได้โดยไม่ต้องสืบสาว
“แล้วแกรักลูกฉันไหม?”
ประโยคนี้ผมไม่ได้ตอบ มันเป็นคำถามที่เอ่ยออกจากปากเขาหลังจากที่ผมหันหลังเดินออกไปแล้ว จึงเลือกเดินหน้าต่อตรงไปยังรถแล้วขับออกไป
ผมคงให้คำตอบไม่ได้ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่มินนี่นั่นแหละ
Minnie’s Part
“แม่ไม่ต้องเครียดนะคะ หนูจะอยู่ข้างแม่เอง” ฉันบีบมือปลอบแม่ที่กำลังแสดงอาการกังวลออกมา
“จ้ะ ไปกัน”
พอแม่ตอบรับพวกเราจึงเดินมารอรถตรงบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะมองเห็นสีหน้าถมึงทึงของเจ้าของบ้าน
หุหุ
คืนนี้ไปเลี้ยงเหล้าไอ้ฮีลดีไหม ต้องขอบคุณมันสักหน่อยที่มันปั่นประสาทเขาได้
“มิน!”
“หยุด!” ฉันรีบปรามแล้วใช้สายตากดดันไม่ให้เขาพูดอะไรออกมา เวลานี้เขาควรจะสนใจคนป่วยที่อยู่ข้าง ๆ ฉันมากกว่า
พ่อถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินตรงมาหาแม่
“เดี๋ยวผมจะไปด้วยนะกานต์”
“ค่ะ”
เราทั้งหมดขึ้นมานั่งในรถตู้คันเดียวกัน เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พ่อประคองแม่อย่างทะนุถนอม ฉันที่เห็นภาพนั้นหัวใจก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา
“คุณน่าจะบอกผมว่าตัวเองป่วย”
เหอะ แล้วเป็นผัวประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าเมียตัวเองป่วย
“ขอโทษค่ะ”
แม่ก็อีกคน ขอโทษทำไมในเมื่อตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เขาต่างหากที่ผิด
“ไม่เป็นไร ผมก็ขอโทษนะกานต์ ที่ไม่ได้ดูแลคุณ”
แน่จริงก็กลับมาดูแลแม่ฉันคนเดียวสิ
“มินนี่เป็นอะไรลูก” ฉันเลิกคิ้วมองหน้าแม่ เมื่อกี้ถึงจะคิดในใจแต่เพราะหมั่นไส้คนข้าง ๆ อยู่มากจึงแอบกลอกตามองบน
“อ้อ มินง่วงน่ะแม่ เมื่อวานไปดื่มกับเพื่อนมา พักผ่อนน้อยนิดหน่อยก็เลยพยายามถ่างตาอยู่”
“เหรอ เบา ๆ บ้างนะเรื่องเมามายอะ”
“นั่นสินะ ผมว่าคุณกับลูกย้ายมาอยู่บ้านใหญ่ไหม ผมก็ไม่อยากให้มินเกเร แล้วมินก็จะได้ดูแลคุณด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เผลอ ๆ ไปหาหมอครั้งนี้ฉันอาจจะได้นอนโรงพยาบาล” น้ำเสียงของแม่อ่อนลง ท่านกังวลเรื่องตัวเองอยู่ก็จริงแต่ถ้าเดาไม่ผิดท่านกลัวว่าบ้านจะร้อนเป็นไฟมากกว่า ถ้าฉันย้ายเข้ามาอยู่
“อย่าพูดแบบนี้สิคุณ เอาแบบนี้แหละผมว่าดีแล้ว ให้ลูกกลับมาอยู่บ้านบ้าง” มุมปากของฉันยกสูงขึ้น นี่พ่อหวงลูกสาวหรือกำลังคิดว่าเวรกรรมกำลังจะตามสนองตัวเองอยู่ถึงได้พูดแบบนี้
“มินโตแล้วค่ะ” ตัดบทเสียเลย “โตพอที่จะอยู่คนเดียวได้แล้ว”
“โตแล้วไม่อยากมีแฟนเหรอลูก” แม่ยกมือขึ้นลูบหัวฉันเบา ๆ สัมผัสจากท่านยังคงอบอุ่นเสมอ
“ไม่มีแฟนแต่มีเพื่อนค่ะ เพื่อนผู้ชายที่สนิ้ทสนิทเลยค่ะ” ว่าแล้วก็แอบเหล่ตามองพ่อ
“รีบ ๆ มีนะลูกแม่จะได้หายห่วง”
“จะคบใครก็ดูดี ๆ นะลูก” ฉันมองหน้าพ่อ หน้าตาเจ้าชู้แบบนี้ไม่น่าจะสอนฉันได้
“ค่ะ” แล้วฉันก็ตอบรับไปงั้น ทั้งที่ในใจอยากจะเหวี่ยงแล้วตอกกลับให้เขาหน้าหงายว่าไม่ต้องมาสั่งสอน แต่เพราะแม่อยู่ด้วยจึงเลือกที่จะเงียบไปแล้วแกล้งหลับ
ก็ฉันมันคนบาปหนา ถ้าเป็นคำสอนพ่อ พูดอะไรก็ไม่มีทางเข้าหูฉันหรอก
กระทั่งมาถึงโรงพยาบาล หมอตรวจอาการของแม่เบื้องต้นแล้วบอกว่าแม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทดังนั้นจึงต้องทำการ CT Scan เพื่อหาสาเหตุ
“โอเคไหมคะแม่” ฉันมองแม่ที่กำลังนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงผู้ป่วย สีหน้าท่านถึงจะมีความกังวลแต่ก็ยังส่งยิ้มให้
“โอเคจ้ะ”
“กินน้ำหน่อยนะคุณ”
“ค่ะ”
ฉันปล่อยให้พ่อได้ทำหน้าที่สามีบ้าง ส่วนตัวเองก็นั่งกอดอกมองพวกท่านสองคน ฉันขอให้พวกท่านหย่ากันก็จริงแต่ท้ายที่สุดมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพ่อกับแม่
ผลตรวจบอกว่าไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะแม่พักผ่อนน้อยจนหน้ามืดแล้วล้มบ่อย และที่หลง ๆ ลืม ๆ ก็เป็นเพราะนอนไม่หลับจนต้องแอบทานยานอนหลับโดยไม่ปรึกษาหมอจนเบลอไปหมด บางครั้งก็พูดจาไม่รู้เรื่อง
“ไม่เป็นไรนะลูก แม่ไม่เป็นไรแล้ว”
“อึก…หนูเป็นห่วงแม่มาก กลัวไปหมด ถ้าแม่เป็นอะไรไปมินคงไม่เหลือใคร”
“มินยังมีพ่ออยู่ทั้งคน ทำไมพูดแบบนี้ลูก”
“ฮือออ” แล้วฉันก็เงียบไป ปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง
ฉันคิดผิดเหรอ ชีวิตนี้ฉันเหลือแค่แม่คนเดียวจริง ๆ
ตอนพิเศษ 2ขอแต่งงานฉบับซงจุงฮีล“โหหหห นังดาวยั่ว วันนี้มาในลุคสตรีตเลย” ลูกปลาพูดขึ้นเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพักไรง่ะ มาถึงนี่ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้อินเทรนด์หน่อยสินี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ฉันได้ออกมาเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง แน่นอน ติ่งอย่างฉันก็ต้องเลือกเกาหลีเป็นประเทศแรก“ไม่ได้เที่ยวซะนาน ต้องอินเทรนด์หน่อย” เชิดหน้ามั่น ๆ แล้วพูดออกมา ก่อนปรายตามองคนอื่นวันนี้เพื่อน ๆ ต่างก็อยู่ในชุดเดรสสีขาวกันหมด เพราะนัดกันไว้ว่าธีมสีขาว ซึ่งฉันรู้แล้ว แต่ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบใส่เดรสสีขาว ก็เลยเลือกใส่เป็นชุดนี้แทน“ไม่ได้! ชุดนี้เอาไว้ใส่พรุ่งนี้ วันนี้ใส่ให้เข้าธีม” แสนดีเริ่มพูดขัด ข้าง ๆ มันเป็นพี่รามที่มาด้วยในวันนี้“ใช่! ดูสิ ขนาดเดมี่ยังใส่ชุดสีขาวเลยเนอะเดมี่เนอะ”“แอ๊” เสียงเด็กน้อยร้องขานรับ ทำให้ฉันต้องยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มของเดมี่ ลูกสาวตัวน้อย ๆ ของยัยลูกพีชเชื่อไหมว่าสองคนนี้น่ะรักกันมาก เพราะหลังจากเรียนจบลูกพีชก็มอบของขวัญวันเกิดให้แก่คุณป๋าทันทีนั่นก็คือการปล่อยตัวเองให้ท้องตั้งแต่ก่อนจบ เนื่องจากอายุอานามของคุณป๋าก็ไม่ใช่น้อย ๆ คู่นี้จึงต้องรีบมีกันหน่อยน่ารักเนอะ
ตอนพิเศษ 1คำขู่ของซงจุงฮีล“ไปแล้วนะ”“อือ มากอดที”เข้าสวมกอดแฟนตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อแทนความคิดถึง ก่อนคลายมันออกหลังจากชื่นใจพอแล้ว ฉันจ้องดวงตาสีนิลของฮีล แววตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบอยู่เหมือนเคย ทว่ามุมปากที่ยกยิ้มทำให้ใบหน้านั้นไม่ดูไร้ชีวิตชีวามากเท่าใดวันนี้ฉันจะต้องพาพนักงานบริษัทไปทริปเที่ยวประจำปีที่ทะเลสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นนโยบายอย่างหนึ่งที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับพนักงาน เรียกได้ว่าเป็นโบนัสอีกก้อนเลยก็ว่าได้“เดินทางดี ๆ ถึงแล้วโทรหาด้วย”“โอเค เสร็จแล้วตามมานะ” ฉันพยักหน้า ก่อนมองอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง หากไม่ติดว่าฮีลเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกันฉันคงอ้อนวอนขอให้มันไปด้วยกันตั้งแต่วันนี้แล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายก็งานยุ่งพอสมควรเลยทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้ ถึงอย่างนั้นฮีลก็ยังอุตส่าห์รับปากว่าหากเสร็จงานแล้วจะรีบตามมาจริง ๆ แล้วเราสองคนไม่เคยห่างกันนานเลย“อือ”หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทาง ใช้เวลาจนเย็นก็เดินทางมาถึงที่นี่ ฉันเลือกที่จะเข้าห้องพักในทันทีแล้วนอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนจะตื่นมาพบกับพระอาทิตย์ตกในยามเย็นทะเลที่นี่สวยมาก สวยพอ ๆ กับทะเลตอนนั้นเลย ตอนที่ฉัน
Episode 53พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไป“ทำไมถึงพามาที่นี่อะ” ฉันเอ่ยถามหลังจากย่างสามขุมเข้ามาในคอนโดของตัวเอง จะว่าไปก็ผ่านมานานแล้วเหมือนกันที่ฉันไม่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น...“มันเป็นที่ที่ฉันอยากมา”“หืม...” ฉันร้องหืมในลำคอ มองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วพยายามเดาความคิดของฮีล “ทำไมอะ ถ้าเราจะเดตกัน นายก็จะเลือกเดตที่นี่เหรอ”“อือ”“เพราะ?”“มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณเมาส์...” เซอร์ไพรส์กับคำตอบที่ได้มาก ๆ ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดแค่นั้นของผู้ชายหน้านิ่งอย่างฮีล ถึงกับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกหยอดให้เขินซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พื้นที่ที่ฉันอยากจะเข้าไปมาก”“อือ แต่ตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้ว พอใจหรือยัง”“เข้าห้องเถอะ อยากโดนป้อนจูบแล้ว” ฝ่ามือหนาออกแรงรั้งให้ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง“ถามจริงนะ ถ้าวันไหนไม่ได้จูบจะเบื่อฉันไหม ถ้าวันไหนที่ฉันให้เรื่องเซ็กซ์กับนายไม่ได้”“ถามอะไรแปลก ๆ” ฮีลตอบ ทรุดกายลงกับเตียงใหญ่ขนาดคิงไซซ์แล้วพูดต่อ “ห่างกันมาเป็นเดือนก็เคยมาแล้ว”“นั่นสินะ”“หยุดกังวลไปได้เลยว่าฉันจะรักเธอเพียงเพราะแค่เซ็กซ์” น้ำเสียงนั้นไม่ได้ส่อแววน้อยใจ แต่ฟังแล้วออกเจ้าเล่ห์อย่างไรอ
Episode 52จูบมัดจำ“อีมินนี่! แกทำลูกฉัน!” เสียงนี้ดังมาก่อนตัวจนฉันต้องหันไปมอง ก่อนพบผู้หญิงคนที่เคยอยู่ในตำแหน่งแม่เลี้ยงกำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางคุกคาม ทว่าสองมือกลับไร้เครื่องมือประทุษร้ายแต่เมื่อกี้เหมือนทางนั้นจะพูดอะไรผิดไปนะ ลูกสาวของมันต่างหากที่ทำฉันก่อนเพราะเธอพุ่งเข้ามาอย่างไร้การตรึกตรอง การส่งเสียงมาก่อนตัวในระยะร้อยเมตรจึงทำให้ฮีลกับพี่ฮัทที่นั่งทานข้าวอยู่กับฉันรีบกันออกไปได้ทัน“อีมินนี่ ฮืออออ” หลังจากที่ทำอะไรฉันไม่ได้เธอก็ทรุดลงกับพื้นพร้อมทั้งร้องไห้โฮ ก่อนจะรำพันไปเรื่อยเปื่อยคล้ายคนบ้าเฮ้อออ เห็นแล้วถึงกับต้องพรูลมหายใจออกมา ทำไมสองคนนั้นถึงเอาแต่คิดว่าฉันเป็นตัวต้นเหตุ ทั้งที่ความจริงคือพวกมันต่างหากที่เป็นคนเริ่มเป็นคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของฉันวุ่นวาย“รอสงเคราะห์คนที่อยู่ในเรือนจำก็พอ อย่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นเลย”“แก!”“ไม่ต้องมาเรียก! ฉันใจดีแค่ไหนที่ให้มันไปนอนในคุกเฉย ๆ ไม่ทำกับมันเหมือนที่มันจะทำกับฉันก็บุญแล้ว!”ตอบแค่นี้คนข้างล่างก็มองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น ถัดมาแววตาก็อ่อนลงเหมือนคนหมดหวัง นั่งเหม่อลอยบนพื้นคอนกรีตด้วยดวงตาที่ปริ่มน้ำส
Episode 51ห้านาทีMinnie’s Part“ว้ายยยย” เกือบจะลื่นล้มหัวแตกเข้าให้เมื่อเดินเข้ามาก็เจอกับพื้นเปียก ๆ ไม่รู้ว่าป้าแม่บ้านทำอะไรหก ถ้าฮีลไม่รับไว้ป่านนี้ฉันคงเจ็บตัวไปแล้วล่ะมั้งคราวซวยจริง ๆ เลยช่วงนี้ ฉันว่าชีวิตฉันยังไม่ถึงวัยเบญจเพสเลยนะ“ขอโทษค่ะคุณ หนูนาเผลอทำน้ำหก” ถึงตอนนี้ฉันก็มองหน้าไอ้ฮีลเป็นเชิงถามว่าคนนี้ใคร วันนี้จู่ ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้ชื่อหนูนาเข้ามาที่นี่ แล้วมือที่จับไม้ถูพื้นนั่นหมายความว่ายังไงก็ไม่รู้“เอ่อ...สวัสดีค่ะ หนูนามาช่วยป้าจ๋าทำงานเพราะวันนี้แกป่วยค่ะ” ฉันปรายตามองเด็กสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีชมพูสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน มัดผมเรียบร้อยดูน่ารัก แถมยังสวมแมสก์ปิดปากอย่างมิดชิดก็รู้ว่าช่วงนี้มันต้องป้องกัน แต่แอบคิดว่ามันไม่ร้อนเหรอถ้าจะใส่ตอนทำงานขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครอยู่ในคอนโด ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลย“เหรอ งั้นตามสบายนะ”“ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ”“อือ” ว่าแล้วก็เดินไปหย่อนก้นลงบนโซฟาตัวเก่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถไปเรื่อยเปื่อยแก้เบื่อ “ฮีล ลืมบอกว่าเมื่อเช้าพี่คลาสเอาคลิปนั้นมาให้แล้วอยู่ในห้องน่ะ”“อือ หิวไหม” ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ ก่อนวาดแข
Episode 50โอกาสแก้ตัวพลิกตัวไปหาคนที่กำลังนอนหงายแล้วใช้มือไพล่หลังคออยู่ ท่าทางของฮีลคล้ายกำลังคิดอะไรสักอย่าง และดูคิดมากจนฉันต้องหันไปถามสีหน้าฮีลไม่ได้ฟ้องหรอก แต่เพราะค้างอยู่แบบนี้นานแล้ว ก็เลยต้องตั้งคำถามสักหน่อย“มีอะไรเหรอ”“เรื่อง Memory Card” ฮีลตอบสั้น ๆ บอกแค่นั้นฉันก็พยายามนึกตาม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาสองวันแล้ว แต่เรายังไม่ได้หลักฐานชิ้นนั้นกันเลย“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง ก็คุณเลขาเขาบอกว่ายังติดธุระนี่!”“ฉันกลัวว่าทางนั้นจะอยากแก้แค้นแทนเมียตัวเอง” ฮีลคงหมายถึงอาเกริกสินะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องของผู้ใหญ่เป็นยังไง แต่เรื่องของฉันกับพี่คลาสอะลงตัว ส่วนกับอาเค้กท่านก็ดูเอ็นดูฉันพอสมควร เดาจากท่าทางที่แสดงออกในวันนั้นฉันคิดเป็นอื่นไม่ได้จริง ๆ“ไม่มีอะไรหรอก”“อย่าพูดแบบนี้คุณเมาส์ ทั้งที่ตัวเองเกือบจะโดนกระทำตั้งหลายรอบ”“เข้าใจก็ได้ ว่าแต่คุณเมาส์นี่คืออะไรเหรอ” ยกคางไปเกยเข้ากับแผงอกแกร่งแล้วช้อนสายตาขึ้นมอง ตั้งแต่วันนั้นฉันยังไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘เมาส์’ เลย“คือชื่อของเธอไง” ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบศีรษะฉันเบา ๆ “มินนี่ เมาส์”“โหยยยย ไรอะ ไม่อินเลย” บ่น