"แหม พูดถึงนี่ยิ้มเลยนะครับนะแต่กูก็ว่าน้องเค้าน่ารักนะ เลี้ยงต้อยซัก 7-8 ปีคงใช้งานได้" เทนว่ายิ้ม ๆ
"มึงนี่ก็ คิดอะไรบาปไปนะไอ้เทน กูแค่เอ็นดูน้องเค้า ตัวแค่นี้รู้จักทำมาหากิน แล้วพูดเก่งมากกูว่าถ้ามีน้องสาวแบบนี้คงจะหนวกหูดี ดีกว่าอยู่เงียบ ๆ" มาร์คว่าขำ ๆ ตามความคิดของตัวเอง
"อ่อ... อยากเป็นพี่ชาย น้องมัน?" โรมเลิกคิ้วถาม
"เออ... กูว่ามันน่าจะดีกว่าน้องชายปากหมา ๆ อย่างไอ้เนส กับใจร้อนอย่างไอ้นิคว่ะ" มาร์คบอกเพื่อนพลางกระดกเบียร์หมดกระป๋องแล้วจะคว้ากระป๋องใหม่มาเปิด
"ของกู" เทนรีบคว้าก่อนทำให้ได้รับค้อนวงน้อย ๆ จากเพื่อนก่อนที่มาร์คจะลุกขึ้นไปหยิบมาใหม่อีก 3 กระป๋อง
"กูว่าเราสั่งข้าวมากินกันเถอะจะบ่ายละ นอนซักพักกูต้องออกไปร้าน เมื่อคืนพวกเมาแล้วตีกันเละเทะฉิบหาย" โรมว่าพลางเปิดแอปสั่งอาหาร
"อือ ดี กูก็เพลีย ๆ ว่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกมึงต้องไปดูบ้านกับกูนะ เฟอร์บางส่วนกูจะขนออกมาเก็บหลังร้านก่อนแล้วค่อยทยอยขนไปเดือนละอย่าง 2 อย่าง มีเยอะเดี๋ยวไอ้เนสมันสงสัย" มาร์คบอกความคิดกับเพื่อน ใจเขาคิดว่าเมื่อบอกว่าซื้อบ้านมือสอง หลุดจำนองมันควรเป็นบ้านโล่ง ๆ เฟอร์นิเจอร์ไม่เยอะแต่ตอนนี้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านพ่อเขาซื้อไว้ครบทุกอย่าง เขาจึงจะเอาออกมาเก็บที่อื่นก่อน แล้วค่อย ๆ ทยอยเอาเข้าเหมือนว่าเก็บเงินซื้อใหม่
"แหม... ฉลาดนะมึงนี่ หัวแหลมจังนะไอ้มาร์ค" เทนว่าขำ ๆ
"บ้านมือสองมันควรโล่ง ๆ รก ๆ เว้ย ช่วงนี้ไม่ได้เข้าไปดูนานเกือบ 2 เดือน กูว่าหญ้าคงเยอะบรรลัยล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงให้รถที่ร้านไปขนเฟอร์ช่วยกูนะแล้วกูจะถ่ายรูปส่งไปให้มันดู ให้มันมาดายหญ้า" มาร์คว่าพลางยิ้มมุมปากอย่างมีแผน
ตกเย็นหลังจากที่ 3 หนุ่มมาถึงร้านก่อนร้านจะเปิดค่อนข้างนาน เพราะโรมต้องมาดูความเรียบร้อยของร้านก่อนจึงมาพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาใกล้ที่แม่ค้าตัวเล็กจะเอามาลัยมาส่งชายหนุ่มจึงเดินมาชวนเพื่อนไปรอที่หน้าร้านเพื่อให้เพื่อนได้เห็นความน่ารักของเด็กสาวที่เขาถูกชะตาคนนี้
"มาลัยมาแล้วจ้า" เสียงเล็ก ๆ หวาน ๆ ดังแว่วมาแต่ไกลพร้อมกับการปรากฎตัวของแม่ค้าแก้มใส ๆ แดง ๆ ที่เดินยิ้มร่าเข้ามาหา ชายหนุ่มจึงสะกิดโรมที่กำลังก้มเขี่ยมือถืออยู่ข้าง ๆ ในขณะที่เทนยืนยิ้มมองเจ้าตัวเล็กอยู่อย่างถูกชะตา
"สวัสดีค่ะพี่มาร์คหนูเอามาลัยมาส่งค่ะ" ไหว้สวยมาแต่ไกลพร้อมกับยื่นพวงมาลัยทั้ง 6 มาให้ชายหนุ่ม โรมมองหน้าเด็กน้อยตาโตแก้มแดงอย่างเอ็นดู พวกเขา 3 คนเป็นครอบครัวที่มีแต่ผู้ชายล้วนไม่เคยมีน้องผู้หญิง เมื่อเจอเด็กสาวตัวเล็กคนนี้จึงรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก
"อะ ตังค์ (ว่าพลางยื่นแบงก์ร้อยให้ 2 ใบ) นี่เพื่อนพี่ พี่โรมกับพี่เทน เราทำงานที่ร้านนี้กัน" มาร์คแนะนำเพื่อนยิ้ม ๆ แต่ยังไม่ได้รับมาลัยมาจากเธอ
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อน้ำหวาน พี่ ๆ สั่งมาลัยกับหนูมาไหว้ศาลได้นะคะ พวงเดียวหนูก็ส่งนะ หนูมาส่งร้านก๋วยเตี๋ยวกับข้าวมันไก่ทุกวันค่ะ" เด็กน้อยยกมือไหว้พร้อมทั้งแนะนำตัวเองและขายของไปในตัวอย่างคล่องแคล่วแล้วรับเงินจากชายหนุ่มมาใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กพร้อมกับหยิบแบงก์ยี่สิบออกมานับทอน แต่มืออีกข้างหนึ่งยังถือมาลัยอยู่
"ขายเก่งนะเราเนี่ย พี่ไม่เอาเงินทอนหรอก ช่วยค่าหมูกระทะแล้วฝากไหว้เหมือนเดิมนะ" มาร์คว่ายิ้ม ๆ
"ขอบคุณค่ะ งั้น อะ (ยกมือไหว้พร้อมกับยื่นมาลัยให้มาร์ค 1 พวง) แล้วพวกพี่ไหว้ด้วยมั้ยคะจะได้เฮง ๆ ปัง ๆ" เด็กน้อยหันไปถามเพื่อนของชายหนุ่มตาใส ถ้า 2 คนนี้ไหว้ก็เท่ากับว่าไหว้ศาลร้านนี้ 4 พวง เธอจะวิ่งข้ามถนนไปไหว้ฝั่งตรงข้ามอีกพวง เหลือพวงสุดท้ายจะเอาไปไหว้ศาลหน้าห้างที่จะเข้าไปซื้อของมาทำหมูกระทะกินกับตามันจะประหยัดเวลาเธอได้มากเลยทีเดียว
"มา ไหว้ก็ไหว้ เผื่อจะได้ติ๊บหนัก ๆ เหมือนไอ้มาร์คมั่ง" โรมว่าพร้อมกับเอื้อมมือมาขอมาลัย แม่ค้าตัวน้อยรีบยื่นให้โรมกับเทนคนละพวงแล้วลากแขนมาร์คไปหาศาลพระภูมิแบบที่เคยทำ ไหว้ศาลขอพรให้ชายหนุ่มเรียบร้อย พร้อมกับหันมายกมือไหว้ลาคนทั้ง 3 เตรียมจะวิ่งข้ามถนน
"แล้วอีก 2 พวงนั่นล่ะ" เทนถามแม่ค้าตัวน้อยก่อนเธอจะออกวิ่ง
"ไหว้ศาลตรงข้าม 1 พวงกับไหว้ศาลหน้าห้างค่ะ หนูจะไปซื้อของมาทำหมูกระทะฉลองปิดเทอมกับตา" แม่ค้าตัวน้อยหันมาตอบเสร็จเตรียมจะเดินอีกรอบ
"แล้วไม่ไปซื้อตลาดล่ะ ไม่ใกล้กว่ารึไง" มาร์คเอ่ยถามเด็กน้อยด้วยความเป็นห่วงเพราะจากนี่ไปถึงห้างที่ว่าก็เกือบกิโลกว่าจะกลับถึงบ้านก็คงค่ำมืดพอดี
"ก็ตอนเย็นที่ห้างของสดมันลดราคานี่คะ เดินไกลอีกหน่อยเดียว ตังค์เท่ากันแต่ได้ของเยอะกว่านะ กินได้หลายวันกว่าด้วย ไปนะคะ สวัสดีค่ะ" หันมาตอบชายหนุ่มเสียงแจ๋ว ๆ พร้อมกับยกมือไหว้ลาอีกรอบแล้วมองซ้ายมองขวาวิ่งข้ามถนนไปศาลตรงข้ามทันที
"เออ... น่ารักดีจริงว่ะ พูดจาน่ารักเชียวถึงว่าทำไมไอ้มาร์คมันถูกชะตา ถ้าแม่กูเห็นคงอยากได้ลูกเค้าเลยล่ะมั้งนั่น หลานเกิดมาก็ผู้ชายอีก แล้วกูว่าน้องมันคงวิ่งมาไกลนะแก้มแดงเป็นมะเขือเทศเลย" โรมมองตามร่างเล็ก ๆ วิ่งข้ามถนนพลางพูดกับเพื่อน
"แล้ววันนี้น้องมันเพิ่งไปฟังผลสอบมา ได้เกียรติบัตรถึงได้ดีใจจะฉลองหมูกระทะนั่นไง" มาร์คว่าขึ้นยิ้ม ๆ
"ถึงว่าสิรีบจัง ปะ เข้าร้าน จะได้เฮง ๆ ปัง ๆ" โรมว่าพร้อมกับตบไหล่เพื่อน ๆ เข้าร้าน
วันรุ่งขึ้น 3 หนุ่ม มาร์ค โรม เทนก็พากันไปที่บ้านที่พ่อมาร์คซื้อไว้ซึ่งอยู่ไกลจากมหาลัยพอสมควร แต่ก็ถือว่ายังใกล้ถ้าเทียบกับการไปกลับมหาลัยกับบ้านของเนส ซึ่งบางครั้งเขาต้องอาศัยนอนห้องเพื่อน
"หลังใหญ่ดีนี่หว่ามาร์ค แบบนี้พวกกูก็มานอนด้วยได้นะนี่" เทนว่ายิ้ม ๆ
"อือ ใหญ่ แต่ไกลว่ะถ้าเทียบกับคอนโดกูน่ะ กูว่าจะมาอยู่กับมันซักพักแล้วก็กลับไปนอนที่คอนโดเหมือนเดิม บอกว่ากูไปนอนที่ร้านพี่รันละกัน กูขี้เกียจตื่น" มาร์คว่าพลางหัวเราะ เขาอยู่คนเดียวมานาน นาน ๆ เพื่อน ๆ จะมานอนด้วยที่ห้อง การที่เขาจะมาอยู่ร่วมกับคนอื่นแบบนี้ เขาไม่ชินแล้วยังเป็นคนที่เคยทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กด้วยเขายิ่งไม่อยากอยู่แต่ที่ต้องมาอยู่เพราะเป็นคำขอร้องของแม่เลี้ยงเท่านั้น
"แล้วมันจะมาเมื่อไหร่" เทนถามขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ บ้าน
"ใกล้ ๆ เปิดเทอมนี่แหละ เดี๋ยวขนของเสร็จกูจะโทรหาน้านารถ บอกว่ามาดูบ้านแล้วบอกให้มันมาทำความสะอาดเอง" มาร์คว่ายิ้ม ๆ และเมื่อจัดการขนเฟอร์นิเจอร์ออกจากบ้านแทบหมด มาร์คก็โทรหาแม่เลี้ยงเล่าแผนการของตัวเองให้ฟัง ซึ่งท่านก็เห็นดีเห็นงามทั้งยังเรียกลูกชายคนโตของตัวเองมาคุยกับพี่ชายต่างแม่เพื่อวีดีโอคอลดูบ้านที่บอกว่ามาร์คจะผ่อนกับเพื่อนแต่อยู่ไกลจากมหาลัยพอสมควร ซึ่งเนสดีใจมาก อย่างน้อยก็ร่นระยะทางไปกลับได้เกินร้อยกิโล และสัญญาว่าจะจ่ายค่าไฟค่าส่วนกลางตามที่เคยบอกไว้
"งั้นเอาหลังนี้เลยนะ กูจะบอกไอ้ศิลาเลย" มาร์คว่ากับน้องชายต่างแม่แล้วหมุนกล้องให้ดูรอบบ้าน
"อือ ๆ แม่บอกว่าจะโอนตังค์ให้มึงซื้อของเข้าบ้านด้วยนะ แล้วจะหาวันทำบุญก่อนเข้าอยู่ด้วย" เนสว่าอย่างตื่นเต้น
"งั้นเดี๋ยวกูโทรคุยกับไอ้ศิแล้วมึงก็มาทำความสะอาด จะได้ไม่ต้องเสียค่าจ้าง เอาตังค์ไปซื้อของเข้าบ้าน" มาร์คว่าตามแผน
"แล้วเพื่อนมึงจะให้หลังนี้จริงเปล่าเหอะ ไม่ใช่ทำเสร็จมึงกู้ไม่ผ่านกูก็เหนื่อยฟรีมั้ย มึงคุยให้รู้เรื่องเหอะ ถ้าผ่านกูไปทำเองก็ได้" เนสว่าอย่างไม่มั่นใจนักเพราะเขากลัวว่ามาร์คจะกู้ไม่ผ่านแล้วเหนื่อยฟรี เพราะบ้านค่อนข้างหลังใหญ่มาก ราคาน่าจะเกือบ 10 ล้านได้
"เฮ้ย ... มึงดูถูกไอ้มาร์คมันไปนะไอ้เนส…
3 ปีต่อมามหาบัณฑิตสาวสวยเดินหอบดอกไม้ช่อโตยิ้มร่าเข้ามาหาชายสูงวัยวันนี้ลุงปกรณ์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหญิงสาวเมื่อ 3 ปีก่อนเพื่อแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตคนใหม่และเพื่อนรักอย่างของขวัญ ซึ่งการมาของลุงกรณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แต่เป็นการมาครอบครัวใหญ่ประกอบไปด้วยครอบครัวของมาร์คที่มากันครบและพาคุณย่าวัย80 กว่ามาด้วยและที่เซอร์ไพรส์คืออามนตรีที่บินตรงจากอเมริกาเช่นกัน และยังมีครอบครัวของศิลาและของขวัญที่มีประมุขของบ้านมาแสดงความยินดีกับหลานสาวทั้ง 2 และที่ขาดไม่ได้คือพี่ชายทั้ง 2 ของ 2 สาวและครอบครัว และเพื่อนรักไข่มุกที่มาพร้อมสามีและลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังพูดคุยที่มาร์คค่อนข้างจะหลงมากตั้งแต่แรกเห็น ทั้งขออุ้มขอหอมดูหวงและโอ๋สุดพลังจนพ่อเด็กกลัวว่าจะไม่ได้ลูกคืนโดยการมาครั้งนี้เป็นการจัดการ2 สามีของ 2 สาวที่เช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งมาและกลับไทยเพื่อไปฉลองปริญญาที่บ้านเกิดอีกรอบ"ที่รัก เป็นอะไรครับทำไมหน้าซีด ๆ หนูนอนไม่พอรึป่าว" มาร์คเอ่ยข้างหูภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังเหินฟ้ามุ่งสู่ประเทศบ้านเกิด"หวานเวียนหัว
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย" น้ำหวานอุทานตาโตเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วเห็นถุงสินค้าแบรนด์ดังเกือบ 20 ถุงวางอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบถุงที่เล็กที่สุดมาเปิดแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อตรวจแล้วสินค้าทุกถุงถูกตัดป้ายราคาออกทั้งหมด ทำให้หญิงสาวต้องหอบของทุกถุงลงวางกับพื้นแล้วเปิดทีละถุงออกมากดดูราคาสินค้าทางช็อป"แปดแสน!" หญิงสาวอุทานตาโตกับราคากระเป๋าสะพายหนังอะไรซักอย่างสีดำใบกระทัดรัดที่เพียงพอแค่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบสั้นของเธอกับมือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ได้เท่านั้น"ตาย...ทำไมมันแพงขนาดนี้เนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วเปิดกล่องรองเท้าผ้าใบที่คล้ายกันอยู่ 2 คู่เป็นของผู้ชายและของผู้หญิงแล้วเมื่อเช็คราคาและคำนวณเป็นเงินบาทไทยอย่างรวดเร็วก็ถึงกับหน้ามืด "คู่ละ 6 หมื่น! พี่มาร์คเป็นบ้าอะไรทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้เนี่ย" แล้วหยิบกล่องที่บรรจุสูทตัวแพงที่มีรุ่นติดอยู่ที่ฝากล่องออกมาเสิร์ชหาราคาพร้อมกับคำนวณเป็นเงินไทยแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกล่องอย่างเบามือ"ตัวละ สะ สะ สี่แสนเลยเหรอ แล้ว ๆ ๆ มี 3 กล่อง คุณพระ! อิหวานจะเป็นลม ใส่แล้วมั
เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษร่างบางเดินหน้างอเข้ามากระแทกก้นสวยลงที่เก้าอี้ด้านหลังของโต๊ะทำงานในห้องผู้ช่วยท่านประธานสาขา แล้วชำเลืองมองคนที่กำลังทำท่าอ่านเอกสารอย่างขมักขเม้นเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง"โปรเฟสเซอร์คะ หวานขอลางานครึ่งวันค่ะ" เสียงหวานว่าขึ้นอย่างแง่งอน"ไม่อนุญาตครับ วันนี้คุณน้ำหวานยังไม่ช่วยผมทำงานซักบรรทัดเลยนะครับ" เจ้าของห้องว่าขึ้นนิ่ง ๆ"งั้นเอางานมาค่ะหวานจะทำ ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้""จะทำตอนนี้เลยหรือครับ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่ม แล้วจ้องหน้าอกคู่สวยที่ดันเชิ้ตผ้าลื่นสีหวานอย่างเปิดเผย"หันไปเดี๋ยวนี้โปรเฟสเซอร์ ตามข้อตกลงของเราคือหวานจะลงไปอยู่กับพวกพี่ข้างล่างได้วันที่โปรเฟสเซอร์มีสอนนะคะ" คนสวยออกคำสั่งแล้วพูดถึงข้อตกลงร่วมกันหน้าบึ้ง ๆ"แต่ตามข้อตกลงของเรา คุณผู้ช่วยจะต้องขึ้นมาถ้าผมอยู่ที่ห้องนี่ครับ" ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้ม ๆ แล้ววางปากกาในมือก่อนจะหันเก้าอี้ทั้งตัวมามองหน้าหญิงสาว"พี่มาร์ค... หวานอยากฝึกการตลาดน่ะ นะ...นะ นะ..." คนตัวเล็กลุกขึ้
"เอ่อ...อาตรีมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ พี่มีนาไปตามหาที่บ้านแม่นารถหลายรอบเลยค่ะ ไปตามที่ร้านพี่โรมถามหนูตั้งหลายรอบ" หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่แม่บ้านตักข้าวใส่จานให้และเธอก็เผลอยกมือไหว้อย่างไทยจนแม่บ้านแอบยิ้มกับความน่ารักแรกเห็น"ก็มาตั้งแต่มาร์คให้มานั่นแหละ อามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีกว่าแล้วล่ะ" อามนตรีตอบหญิงสาวยิ้ม ๆ"พี่มาร์คให้มา?" หญิงสาวทวนคำพลางมองหน้ามาร์คอึ้ง ๆ"เผอิญว่าไร่องุ่นของพ่อเพื่อนพี่ที่นี่ อยากแบ่งขายพี่เลยซื้อให้อาตรีดูแลต่อ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พลางตักอาหารวางใส่จานให้หญิงสาว"ซื้อไร่องุ่นที่นี่หรือคะ""ใช่ลูก มาร์คสร้างชีวิตใหม่ให้อาได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้น ตอนนี้อามีความสุขมากจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ" อามนตรีตอบยิ้ม ๆ "แล้วพี่มีนอาเดือนล่ะคะ" "ก็ช่างเขาสิลูก 2 แม่ลูกนั่นไม่ได้เกี่ยวกับอาหรอก ลูกของอาจริง ๆ เป็นผู้ชายชื่อต้นกับตามเขาเสียตอนอนุบาลทั้งคู่ ส่วนมีนาเป็นลูกที่ติดท้องมาของเดือนแรม อามันก็แค่เด็กในไร่การศึกษาสูงที่สุดในตอนนั้นที่เจ้าของไร่บังคับให้แต่งงานกับลูกสาวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้วสวมหัวโขนให้อาทำงานเป็นลูกเขยทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อามันก็แค่ลูกจ้างนั่
ช่วงบ่ายเกิดความโกลาหลกันขึ้น เพราะ 2 หลานสาวของคุณหญิงหายออกไปจากออฟฟิศ โดยไม่ได้ออกไปทานข้าวพร้อมกับคุณหญิง มาร์คไล่ดูกล้งวงจรปิดที่ออฟฟิศและของอพาร์ตเมนต์อย่างละเอียดเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงที่ตนไม่อยู่แล้วสั่งให้เลขาเพื่อนเช็คทะเบียนรถแท็กซี่ที่ 2 สาวขึ้นไปอย่างร้อนรน ช่วงบ่ายหลังจากที่รู้ว่าคนทั้ง 2 เดินทางไปที่ไหน ศิลาได้เรียกพนักงานที่อยู่ไหนเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุให้ของขวัญตัดสินใจกลับบ้านขึ้นมาพบทุกคน ชายหนุ่มสั่งให้เอ็ดเวิร์ดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไฟล์ตที่ด่วนที่สุด เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้นำเอาสิ่งของอะไรติดตัวไปนอกจากกระเป๋าสตางค์และเอกสารการเดินทางทั้งมือถือยังถูกทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องของน้ำหวานอย่างไม่ใยดี..........//..........เช้าตรู่ของประเทศสหรัฐอเมริการถลีมูซีนสนามบินวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก2 คนก้าวลงจากรถแล้วเดินอาด ๆ เข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงมาที่ครัวทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่เพื่อนอย่างสงสัย"ใครมาแต่เช้าค่ะมี้"
Mark talkเมื่อคืนผมได้คุยกับผู้ร่วมทุนคนใหม่ของโครงการที่ฝรั่งเศสครับ ท่านบอกว่าผู้หญิงเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ เขาต้องการความรัก อันนี้มันเป็นสิ่งเกินคาดหมายของผมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาผมจะคิดว่าการรับผิดชอบเป็นอะไรที่ทุกคนต้องการเสมอ ตอนที่ผมอยู่เมืองไทยการที่เราจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับผมคือการยื่นเงินเป็นตัวเลขให้แล้วจบกันตรงนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การซื้อขายหรือความรับผิดชอบในทางธุรกิจที่จะไม่ผูกมัดหรือผูกพันอะไรกัน แต่เมื่อผมมีอะไรกับน้องในคืนนั้น ผมพยายามจะขอรับผิดชอบโดยอ้างสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ยื่นจำนวนเงินหรือสิ่งที่เป็นตัวเลขให้ แต่ผมกลับนึกคำพูดหรือความหมายพวกนั้นไม่ออก จนได้มาคุยกับผู้ร่วมทุนท่านนี้ ท่านเหมือนเป็นผู้เขี่ยผงเล็ก ๆ ออกจากตาของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราอยากจะมีเขาอยู่ตลอดชีวิต มันไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่ สิ่งที่ผมควรยื่นให้เธอคือ ความรักแล้วท่านก็ใจดีมากครับที่ยอมให้เครื่องบินส่วนตัวมาส่งพวกผมเมื่อคืน ตลอดทางผมนึกหาคำพูดต่าง ๆ หาเหตุผลประกอบว่าทำไมน้องถึงไม่อยากให้ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ จนผมได้คุยกับไอ้เทน ม