MasukYulia Amalia adalah seorang Manager di sebuah perusahaan ternama di Jakarta, sekaligus istri dari Arya Wiguna seorang staf di sebuah perusahaan di Jakarta. Walaupun Yulia memiliki jabatan dan pendapatan yang lebih dibanding Arya, ia tidak pernah merendahkan suaminya. Bahkan Yulia selalu melayani Arya dengan baik. Namun, semua kebahagiaan mereka menghilang ketika kehadiran seseorang diantara mereka. Lalu bagaimana kehidupan rumah tangga mereka selanjutnya?
Lihat lebih banyakลมร้อนพัดเอื่อยพากลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้นานาพรรณ ลอยฟุ้งผ่านเรือนใหญ่และเรือนเล็กในเขตรั้วบ้านพ่อค้าชื่อดังแห่งเมืองหลวง กลิ่นบุปผาใกล้โรยราอ่อนกว่าแรกผลิบานอยู่หลายส่วน ทว่ายังสามารถปลอบประโลมหัวใจของคนที่กำลังเฝ้ารออย่างกระวนกระวายให้รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง หากพิจารณาให้ดีจะได้กลิ่นดอกเหมยกุ้ย[1]โดดเด่นที่สุด ความหอมเย้ายวนแทรกมาตามสายลมทำให้เจ้าของเรือนร่างบอบบางดุจต้นหลิวเผลอสูดลมหายใจลึก พลางภาวนาให้ค่ำคืนนี้ผ่านไปด้วยดี
เทียนจะดับแล้ว…
บนโต๊ะกลางห้องมีเทียนมงคลสีแดงส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด ส่วนที่สัมผัสกับความร้อนค่อย ๆ ละลายอย่างเชื่องช้า น้ำตาเทียนทุกหยาดหยดล้วนมิหลุดพ้นจากการสังเกตของดวงตาหวานเศร้า นางเฝ้ามองเปลวเทียนสีสวยสลับกับประตูบานเล็กอย่างมีความหวัง สุดท้ายจึงตระหนักได้ว่าอีกไม่นานแสงสว่างในห้องคงหมดไป
บุรุษที่นางรอยังไม่เข้ามาในเรือน...
มีความเป็นไปได้ถึงเก้าส่วนว่าเขาจะไม่มา เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วมือเรียวเล็กก็พลันขยุ้มอาภรณ์สีแดงสดที่สวมอยู่อย่างไม่พอใจนัก นางยอมลดเกียรติตนเอง กระทั่งชุดเจ้าสาวสวยสมฐานะก็มิได้สวมใส่ มีเพียงชุดธรรมดาสีแดงทดแทน
ทุกอย่างผิดไปจากที่คุณหนูผู้สูงศักดิ์คาดหวัง ไม่มีการเข้าพิธีอย่างครบถ้วนถูกต้องตามประเพณีเพราะเหตุผลประหลาดที่เขาอ้าง แต่ในเมื่อเลือกแล้วนางจึงไม่มีสิทธิ์โอดครวญ
รักหมดหัวใจ... ต่อรองอันใดไม่ได้อีก
เสวียนหนิงอัน กวาดตามองรอบห้องนอน เครื่องเรือนทุกอย่างสะอาดสะอ้าน ทว่าเก่าคร่ำคร่าไม่น่ามอง ลึกเข้าไปด้านในมีห้องสำหรับอาบน้ำ แต่กลับไม่มีสาวใช้เตรียมน้ำร้อนให้อาบ จริง ๆ แล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตใดออกมาต้อนรับนาง นอกจากหญิงสูงวัยที่เปิดประตูหลังบ้านให้ในราวยามโฉ่ว[2]
นางนิ่วหน้าไม่พอใจ ชุดเจ้าสาวที่สวมอยู่แทบไม่นับว่าเป็นชุดเจ้าสาว หากไร้ผ้าคลุมหน้าสีแดงคงยากจะบอกได้ว่าหญิงงามในวัยสิบหกปีมาที่บ้านหลังนี้ในฐานะใด ไหนจะเรื่องที่เดินเข้าทางประตูเล็ก ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่มีขบวนนำทางอันสมเกียรตินั่นอีก แต่ในเมื่อเขาแจ้งชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องต้องเป็นเช่นนี้ นางจึงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม
“อย่างน้อยก็ควรอนุญาตให้นำสาวใช้มาด้วยสักสองคน...” นางพึมพำอย่างเบื่อหน่าย
หลังจากมั่นใจแล้วว่าค่ำคืนนี้ต้องอยู่ตามลำพัง เสวียนหนิงอันจึงตัดใจไม่รั้งรอเพราะไม่อยากรู้สึกผิดหวังไปมากกว่าที่เป็นอยู่ นางถอดผ้าคลุมหน้าวางไว้บนโต๊ะกลางห้อง เปลี่ยนเทียนเล่มใหม่เพื่อให้ยังพอมีแสงสว่างสำหรับทำธุระส่วนตัว แต่หลังจากเปิดหีบเล็ก ๆ ที่วางอยู่ถัดจากเตียง นางก็อารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง
เสื้อผ้าในหีบล้วนเป็นชุดที่นางเคยใส่เมื่อสองปีก่อน
เสวียนหนิงอันคว้าผ้าผืนเล็กตรงไปยังห้องอาบน้ำ ก่อนค่อย ๆ ล้างเครื่องประทินโฉมและทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำเย็น โชคดีที่ช่วงนี้อากาศไม่หนาวมาก กอปรกับร่างกายของนางทนต่อความหนาวได้เป็นอย่างดี ต่างจากเมื่อครั้งยังเยาว์ที่ต้องปกปิดเนื้อหนังด้วยอาภรณ์หนานุ่มอยู่เสมอ
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เสวียนหนิงอันจึงเตรียมดับเทียนเพื่อเข้านอน ทว่าเสียงกุกกักด้านนอกกลับทำให้นางต้องรีบคว้าผ้าสีแดงมาคลุมศีรษะ พลางย้ายร่างไปนั่งบนเตียงอย่างรวดเร็ว นางลอบมองผ่านผ้าผืนบาง พบว่าผู้มาเยือนคือเจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวสะอาดตา ปักลวดลายสีทองวิจิตรงดงาม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของมีราคา ทว่าเสวียนหนิงอันมิได้ยินดีกับความหรูหราเหล่านั้น นางผิดหวังที่เขาไม่สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดง
“เหตุใดจึงไม่พักผ่อน” น้ำเสียงเย็นชาทำเสวียนหนิงอันเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก
“รอท่านพี่เจ้าค่ะ”
“หึ! ใครอนุญาตให้เรียกข้าว่าท่านพี่!”
“เราสองคนแต่งงานกันแล้ว มิให้ข้าเรียกท่านพี่แล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร” เสวียนหนิงอันถามเสียงสั่นสะท้าน ทราบดีว่าการแต่งงานในครั้งนี้ช่างไร้เกียรติ ไม่มีสิ่งใดถูกต้อง ไม่มีการคำนับบิดามารดาหรือฟ้าดิน เรื่องคำนับกันและกันยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เพราะเขาไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งกับนาง
เขาถูกบังคับให้แสดงความรับผิดชอบ
“เสวียนหนิงอัน เจ้าย่อมรู้ดีที่สุดว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เป็นเจ้าที่วางแผนชั่วร้าย เอาแต่ใจตนเองไม่แปรเปลี่ยน นิสัยช่างเหมือน...” เขากลืนคำพูดของตนเอง ข่มใจให้สงบก่อนกล่าวประโยคที่ทำให้คนฟังปวดร้าวเสียยิ่งกว่าเก่า “ในเมื่อการแต่งงานในครั้งนี้เป็นความลับ ยังเปิดเผยไม่ได้ เจ้าจึงเป็นได้เพียงภรรยาลับของข้า และในเมื่อข้าไม่เคยปรารถนาที่จะแต่งเจ้ามาเป็นภรรยา เรื่องอันใดที่ยังไม่ควรเกิดขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน... คำว่าท่านพี่เองก็เช่นกัน”
“เจ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์จะเชื่อฟัง”
“บ่าวในบ้านเหลือเพียงคนที่ไว้ใจได้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังสถานะของเจ้ากับข้ายามอยู่ที่นี่ หากอยู่นอกบ้านและมีผู้ใดตั้งข้อสงสัย ให้บอกว่าเจ้าคือหลานที่มาจากต่างเมือง...” เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง
“ความจริงแล้วไม่ออกไปข้างนอกจึงจะดี”
“ท่านคิดกักขังข้า?” เสวียนหนิงอันถามด้วยเสียงที่ไม่อ่อนน้อมนัก
“หากไม่เชื่อฟัง การแต่งงานครั้งนี้คงต้องยกเลิก...”
“เจ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์จะเชื่อฟัง อยู่ในบ้านเป็นภรรยา อยู่นอกบ้านเป็นเพียงหลานสาว ห้ามมิให้ใครอื่นล่วงรู้สถานะเพื่อรักษาเกียรติของท่าน ส่วนเกียรติของข้า ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
“เสวียนหนิงอัน! เจ้าวางแผนต่ำช้าเพื่อครอบครองข้า ยังต้องพูดถึงเรื่องใส่ใจเกียรติอันใดอยู่อีกหรือ!”
เสียงตวาดทำให้เสวียนหนิงอันสะดุ้งตัวโยน ตั้งแต่เกิดมาจนอายุได้สิบหกปี นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางถูกตวาดโดยบุรุษที่มิใช่บิดา ความจริงแล้วกระทั่งบิดาก็ทำเพียงเอ่ยตักเตือนเท่านั้น มิใช่ตะโกนเสียงดังลั่น ทำให้นางเผลอกำมือแน่นจนข้อนิ้วขาวซีดน่าสงสาร แต่กระนั้นนางก็ยังอดทน
“หนิงเอ๋อร์ผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”
ใบหน้าสวยหวานยังคงซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมสีแดง นางข่มความน้อยใจ สาบานกับตนเองว่าจะมิยอมให้น้ำตาไหลโดยง่าย ถึงอย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของตวนอ๋องสูงศักดิ์ ไม่สมควรแสดงความอ่อนแอให้ผู้ใดเห็น แม้ว่าคนผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางแล้วก็ตาม
“มิแน่ใจว่าคำพูดของเจ้าเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด” เสียงแข็งกร้าวไม่น่าฟังอ่อนลงมากแล้ว “เสวียนหนิงอัน หากเปิดผ้าคลุมหน้าแล้ว ข้าคือเจ้าของชีวิตของเจ้า หากสั่งอันใดก็ต้องทำตาม เอาแต่ใจตนเองเช่นที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์จะทำหน้าที่ภรรยามิให้บกพร่อง ดูแลบ้าน... ดูแลท่าน” นางเอ่ยเสียงหวานใส ทว่าแฝงความเศร้าเล็กน้อย ทราบดีว่าใช้น้ำเสียงเช่นนี้แล้วไม่ว่าบุรุษหรือสตรีที่ได้ฟังล้วนใจอ่อน อยากได้สิ่งใดก็มิเคยพลาด แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะใจแข็งกว่าที่คาดไว้มากนัก
“คิดว่าทำเสียงออดอ้อนเช่นนี้แล้วข้าจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้หรือ เสวียนหนิงอัน จำไว้ว่าข้ามีสิทธิ์ในตัวเจ้า แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอันใดจากข้า นอกจากทำหน้าที่ภรรยาในส่วนที่ข้าอนุญาตเท่านั้น เสวียนหนิงอัน เจ้ายังต้องการเป็นภรรยาข้าอยู่หรือไม่”
“รักแรกฝังใจไม่ลืมเลือน หนิงเอ๋อร์ไม่มีวันเปลี่ยนใจเจ้าค่ะ” เสวียนหนิงอันมองเจ้าของร่างสูงที่ขยับเข้ามาใกล้ ลมหายใจของเขาเปลี่ยนจังหวะเล็กน้อยราวกับกำลังตื่นเต้น ทว่านางกะพริบตาครั้งหนึ่งก็สัมผัสได้ว่าทุกอย่างยังคงสงบนิ่งดังเดิม
เป็นนางที่เข้าใจผิดไป
“เจ้าแค่ลุ่มหลงและต้องการเอาชนะ ความรู้สึกเช่นนี้ย่อมเรียกว่าความรักไม่ได้”
เสวียนหนิงอันไม่เถียง ทว่าจ้องมองฝ่ามือใหญ่ที่ค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงอย่างเชื่องช้า แม้เขาไม่อยากมองนางก็จำต้องมอง ทันทีที่ดวงตาของทั้งคู่ประสานกัน ดวงตาสีเข้มก็ทอประกายที่สื่อความหมายไม่แน่ชัด เสวียนหนิงอันไม่ทราบว่าเขาปรารถนาสิ่งใด หากต้องการร่วมเตียงตามธรรมเนียมนางก็ยินดี แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่นจนร่างกายสั่นสะท้าน มิได้พร้อมทำหน้าที่ภรรยาอย่างที่พร่ำบอกตนเองเลยสักนิด
“ท่านอาจะนอนที่นี่หรือไม่”
นางรีบร้อนถาม ‘ท่านอา’ เพราะยังไม่พร้อม แต่เขากลับตีความหมายผิดไป
“หึ! ไม่นึกว่าเจ้าโตมาจะเป็นสตรีเช่นนี้ สวรรค์กลั่นแกล้งข้าแล้วจริง ๆ” สิ้นวาจาร้ายกาจ บุรุษผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเสวียนหนิงอันก็เดินจากไป ทิ้ง ‘ภรรยาลับ’ ไว้ในห้องหอตามลำพัง
ใบหน้างดงามของเสวียนหนิงอันปราศจากน้ำตา ทว่าหัวใจดวงน้อยกลับปวดร้าวราวกับถูกเข็มเล็ก ๆ นับร้อยนับพันทิ่มแทง ทั้งยังรู้สึกหนาวเหน็บมิต่างจากถูกน้ำเย็นจัดราดศีรษะในยามเหมันตฤดู แต่หลังจากใช้เวลาเกือบสองเค่อ[3] ข่มความผิดหวังและความน้อยใจที่ประดังเข้ามาได้แล้ว เสวียนหนิงอันก็เผยรอยยิ้มเด็ดเดี่ยว กระซิบกับตนเองด้วยน้ำเสียงที่หมายมาดอย่างยิ่ง
“สักวันท่านจะต้องรักข้า หากข้าทำให้ท่านกลับมายิ้มได้อีกครั้ง ท่านจะทนใจแข็งไม่รักข้าได้อยู่อีกหรือ...”
[1] ดอกกุหลาบ
[2] ยามโฉ่ว = ๐๑.๐๐ – ๐๒.๕๙ น.
[3] ๑ เค่อ = ๑๕ นาที
Keesokan harinya, suasana di rumah terasa tegang dan penuh dengan rasa penasaran. Pagi itu, Yulia muncul di ruang makan dengan penampilan yang rapi dan penuh percaya diri. Ia mengenakan pakaian yang terawat, dan di tangannya, ia membawa koper besar yang tampaknya penuh dengan barang-barangnya.Semua orang yang berada di meja makan—Arya, Zizi, dan Bi Imah—menatap Yulia dengan bingung dan heran. Suasana yang awalnya tenang seketika menjadi riuh ketika Yulia memasuki ruangan."Yulia, mau kemana kamu? Kenapa kamu membawa koper?" tanya Arya dengan nada kebingungan, mencoba memahami situasi yang tiba-tiba ini.Yulia meletakkan koper di samping meja makan dan berdiri di tengah ruangan dengan keteguhan hati. "Aku sudah memutuskan," ucapnya dengan suara tegas. "Aku akan pergi ke luar kota selama beberapa minggu, karena ada tugas mendadak dari kantor."Zizi melirik Yulia dengan tatapan sinis, tidak bisa menyembunyikan rasa senangnya melihat Yulia pergi. "Eh! Bukankah aku sudah bilang kalau kamu
Novi, yang sejak tadi memperhatikan Yulia duduk termenung, akhirnya memutuskan untuk menghampirinya. Dengan langkah pelan, ia mendekati meja kerja Yulia dan duduk di kursi yang ada di depannya. Keheningan di antara mereka terasa penuh makna, seolah-olah Novi tahu ada sesuatu yang sangat berat yang dipikul sahabatnya itu."Yul, kamu kenapa? Kamu kelihatan nggak seperti biasanya," tanya Novi dengan nada penuh perhatian, berusaha memecah kebekuan di antara mereka.Yulia menatap Novi sejenak, lalu menghela napas panjang. "Ini semua karena Zizi," jawab Yulia dengan wajah datar dan suara lelah.Novi mengernyitkan dahi. "Zizi? Apa lagi yang dia lakukan?"Yulia menundukkan kepalanya, seolah mencari kata-kata untuk menjelaskan apa yang terjadi. "Dia semakin menguasai segalanya, Novi. Bukan cuma Arya, tapi sekarang dia juga ingin aku berhenti dari pekerjaanku dan menyerahkan seluruh hidupku untuk mengurus rumah. Semua ini semakin tidak masuk akal," kata Yulia dengan nada getir.Novi menatap Yul
Keesokan harinya, suasana di meja makan terasa tegang. Semua orang sudah berkumpul, siap untuk memulai hari. Arya, dengan ekspresi serius di wajahnya, memutuskan untuk menyampaikan keputusannya. "Yulia, ada sesuatu yang perlu aku bicarakan," kata Arya, suaranya tegas namun penuh beban. Ia menatap Yulia, mencoba menyembunyikan rasa bersalahnya di balik kata-katanya.Yulia, yang sedang menuangkan kopi ke cangkirnya, menoleh ke arah Arya dengan wajah yang mulai tampak cemas. "Ada apa, Mas?""Aku pikir sudah saatnya kamu berhenti bekerja di kantormu," ujar Arya, tanpa mengalihkan pandangannya. "Aku ingin kamu mengajukan resign segera."Kata-kata itu seperti petir di siang bolong bagi Yulia. Ia terdiam sejenak, mencoba mencerna apa yang baru saja dikatakan oleh suaminya. Kaget dan bingung, ia meletakkan cangkir kopinya dengan lembut di atas meja, lalu menatap Arya dengan mata penuh pertanyaan."Kenapa tiba-tiba aku ha
Malam itu terasa panjang dan menyiksa bagi Yulia. Dia berbaring di tempat tidur kecil di kamar tamu, matanya menatap langit-langit, tapi pikirannya tidak pernah tenang. Hatinya terasa berat, penuh dengan perasaan cemas, marah, dan terluka. Meski ia berusaha menenangkan diri, kenyataan bahwa Arya, suaminya, kini bersama wanita lain di kamar yang dulu mereka bagi, membuatnya tidak bisa memejamkan mata.Yulia memutar ingatan kembali, mencoba memahami bagaimana semuanya bisa berubah begitu cepat. Pernikahan yang dulu begitu penuh cinta kini terasa seperti kenangan jauh yang semakin memudar. Hubungan Arya dan Zizi yang kini resmi dalam ikatan pernikahan semakin membuatnya merasa terasing dari kehidupan yang dulu ia bangun dengan penuh perjuangan.Di dalam hati, Yulia bertanya-tanya apakah keputusan untuk mengizinkan Arya menikahi Zizi adalah kesalahan besar. Meskipun dia mengambil keputusan itu untuk menjaga keutuhan rumah tangganya, rasa sakit yang kini dia rasakan terlalu besar untuk dit












Selamat datang di dunia fiksi kami - Goodnovel. Jika Anda menyukai novel ini untuk menjelajahi dunia, menjadi penulis novel asli online untuk menambah penghasilan, bergabung dengan kami. Anda dapat membaca atau membuat berbagai jenis buku, seperti novel roman, bacaan epik, novel manusia serigala, novel fantasi, novel sejarah dan sebagainya yang berkualitas tinggi. Jika Anda seorang penulis, maka akan memperoleh banyak inspirasi untuk membuat karya yang lebih baik. Terlebih lagi, karya Anda menjadi lebih menarik dan disukai pembaca.