LOGINณ บ้านจงใจรัก
(07.00 น.) กริ้งงงงงง ~ กริ้งงงงงง ~ เสียงนาฬิกาปลุก ฉุดสาวน้อยที่งัวเงียลุกนั่งหลังค่อม พร้อมสีหน้าที่หงุดหงิดให้กับเสียงปลุก อันน่ารำคาญ “เช้าเร็วจังอ่า ขออีกนิดได้ไหม” สาวน้อยทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง หลังจากปิดเสียงนาฬิกาปลุก “แต่ ...” สาวน้อยโพลงดีดตัวขึ้นนั่ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีนัดเดินไปโรงเรียน “แม่ !” เสียงแหลมตะโกนลั่นบ้าน ด้วยคำที่คุ้นหู “แม่ !!!” “อะไร๊ ---” แม่ยืนนิ่งค้ำเอวเอียงคอ รอสาวน้อยที่กำลังวิ่งแจ้นลงมาจากบันไดไม้เสียงดัง อย่างรีบร้อน “แหกปากแต่เช้า มีอะไรเหรอจ้ะลูกรักของแม่” ประโยคแสนหวาน ที่ผ่านเสียงอ่อนนุ่มเชิงประชดประชัน ทำสาวน้อยตาเบิกกว้าง ด้วยความตกใจ “กระจกหนูอะ” “อยู่ในรถ แม่ซื้อให้ใหม่แล้ว” “แม่ไปเอามาให้หนูได้ไหม จะสายแล้วเนี่ย” “โนจ้ะ ซื้อก็ซื้อให้แล้ว เชิญไปหยิบเองได้ตามสะดวกเลยจ้ะ ลูกรักของแม่” แม่เบะปากยิ้มกรุ่ม ก่อนจะเดินกลับไปที่ซิงค์ล้างจาน ที่เปิดน้ำท่วมจานไว้ “แม่อ่า ---หึ... ก็ได้” สาวน้อยเดินบิดปากบ่นลม สาวน้อยเดินกลับมา พร้อมกระจกบานใหญ่ลายเดิมกับที่แม่ทำแตก “วันนี้ยังไงจ้ะลูกรัก ให้แม่ไปส่งไหมจ้ะ” แม่เอ่ยถามทันที ที่ลูกสาวก้าวขาเข้าบ้าน “คุณแม่ขา อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม คุณลูกทำตัวไม่ถูกค่ะคุณแม่ขา” สาวน้อยแกล้งยิ้มร่าตอบกลับ “คุณแม่พูดผิดตรงไหนคะคุณลูก ก็คุณลูกคือลูกรักของแม่นี่คะ” แม่ยิ้มหวานฝืนเจื่อน ๆ “แม่ --- หนูขอล่ะ” สาวน้อยทำหน้านิ่ง “โอเค สรุปจะเดินไปเองใช่ไหม ?” “เดินไปกับกานต์ค่ะ” สาวน้อยยิ้มกรุ่ม ก่อนจะยกกระจกขึ้นกอด แล้วพรวดกลับขึ้นห้อง ณ บ้านก้องกิจตระกูล (06.00 น.) “กานต์ลูก ตื่นเช้าจัง นี่เพิ่งจะหกโมงเองนะลูก” แม่เอ่ยทักทันที ที่เห็นหนุ่มน้อยเดินลงมาจากบันได “ผมอยากไปโรงเรียนแต่เช้าน่ะแม่ ไปรอเข้าแถว” หนุ่มน้อยยิ้มร่ารับเช้าวันใหม่ อย่างสดชื่น “เดี๋ยวแม่เอาน้ำมาให้นะ นั่งรอแม่ก่อน” แม่รีบเดินสับขา เปิดตู้เย็นเทน้ำลงในแก้วใส ยื่นให้กับหนุ่มน้อย “ดื่มน้ำหลังตื่นนอน จะช่วยให้ขับถ่ายดี / ดื่มน้ำหลังตื่นนอน จะช่วยให้ขับถ่ายดี” แม่กับลูกพูดประโยคประจำพร้อมกัน แล้วยิ้มรับกันอย่างสุขใจ “วันนี้ให้แม่ไปส่งไหม ?”แม่นั่งลงตรงข้าม เอ่ยถามลูกชาย “ไม่ครับแม่ ผมจะเดินไปกับป๊อบครับ” หนุ่มน้อยกระดกน้ำในมือจนหมด “วันนี้ประกาศผลสอบใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ติดก็ไม่เป็นไรนะลูก เรียนห้องปกติก็ไม่ได้แย่นะ” แม่กุมมือลูกชาย พร้อมประโยคคำถามเชิงปลอบใจ “ครับแม่” หนุ่มน้อยยิ้มกลับ หลังจากที่บทสนทนายามเช้าที่แสนสดใสของแม่ลูกจบลง หนุ่มน้อยก็ขึ้นห้องทำธุระส่วนตัว อาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จสรรพ หยิบสะพายกระเป๋าสีดำใบประจำขึ้นหลัง เดินลงมาข้างล่างพร้อมรับประทานอาหารเช้า “มาแล้วเหรอลูก นั่งก่อนเดี๋ยวแม่ตักโจ๊กให้” แม่วางไอแพด ที่ดูรายการแข่งทำอาหารค้างไว้ลงบนโซฟาหนังขาว ลุกเร่งไปตักโจ๊กใส่ถ้วยให้ลูกชาย พร้อมแวะหยิบแก้วนมจืด ที่เทไว้ก่อนหน้าในตู้เย็น วางตรงหน้าลูกชายที่นั่งรออยู่ อย่างเป็นกิจวัตร “ขอบคุณครับ” หนุ่มน้อยเอ่ยขอบคุณ พร้อมรอยยิ้มอ่อนนุ่ม หนุ่มน้อยก้มหน้าจัดการอาหารแสนอร่อยตรงหน้า จนหมดเกลี้ยง ตามด้วยนมแก้วโต จนหมดทุกหยด นั่นทำให้ผู้เป็นแม่เผยยิ้มออกมาอย่างชื่นใจ “ผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ” หนุ่มน้อยสะพายกระเป๋าสีดำขึ้นหลัง “ตั้งใจเรียนนะลูก” แม่หยิบไอแพดขึ้นมาดูรายการที่ค้างไว้ต่อ “ครับ” ด้วยบ้านของทั้งสองอยู่ในระแวกเดียวกัน ห่างกันแค่ซอยเดียว เพียงไม่ถึงห้านาที หนุ่มน้อยก็เดินมาถึงบ้านของสาวน้อย กริ้งงงงง ~ กริ้งงงงง ~ หนุ่มน้อยกดกริ่งหน้าบ้าน “ป๊อบ ! กานต์มาแล้วนะ เสร็จหรือยัง ?” แม่ของสาวน้อยตะโกนเรียกลูกสาว ที่ยังแต่งองค์ทรงเครื่องไม่เสร็จ “แม่ ! ให้กานต์มานั่งรอในบ้าน” สาวน้อยตอบกลับสั้น ๆ แม่ถอนหายใจยาวส่ายหัวไปมา ก่อนจะเดินออกมานอกบ้าน “สวัสดีครับป้าประภา” หนุ่มน้อยยกมือไหว้สวัสดี “สวัสดีหนูกานต์” แม่ยกมือไหว้รับ พร้อมเลื่อนเปิดประตูรั้วบ้านให้หนุ่มน้อย “หนูกานต์ลูก แม่ต้องขอโทษแทนหนูป๊อบด้วยนะลูก พอดีว่าหนูป๊อบยังแต่งตัวไม่เสร็จ หนูกานต์เข้ามารอข้างในก่อนนะ” “ครับแม่” หนุ่มน้อยถอดรองเท้าผ้าใบสีดำ ก้มลงจับวางข้างประตูอย่างเป็นระเบียบ “นั่งรอไปก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ขึ้นไปเรียกหนูป๊อบ” แม่หยิบนมกล่องวางบนกระจกใสบานใหญ่ “ครับ” หนุ่มน้อยก้มหัวขอบคุณ “ป๊อบลูก ! หนูกานต์มารอแล้วนะ” แม่ขึ้นมาตะโกนหน้าห้อง พร้อมเคาะเสียงดัง “แม่ !!! หนูยังไม่เสร็จเลย !” สาวน้อยตะโกนกลับ “แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ !” “เนี่ยะ --- จะเสร็จแล้ว !” “ให้เพื่อนรอแบบนี้มันไม่ดีนะลูก” “ก็จะเสร็จแล้วเนี่ย ~” สาวน้อยส่องกระจก ตรวจเช็คความเรียบร้อยของร่างกายและใบหน้า ร่างบางเล็กขาวอมชมพูใส ถูกลูบไล้ไปไปด้วยโลชั่นกลิ่มหอม ผมเรียบยาวถูกมัดรวบตึงยาว ด้วยยางสีดำรับใบหน้าที่เรียกได้ว่าหน้าแบบปากนิดจมูกหน่อย แม้คิ้วจะบางรับกับหน้าผากโหนกนูน แต่ก็ยังพอมีสีน้ำตาลให้มองเห็นว่าเป็นคิ้ว เธอไม่จำเป็นต้องเขียนซ้ำเลยสักนิด แต่วันนี้เธอกลับเขียนซ้ำจนดำเข้มจัด ขัดกับผิวขาวชมพูของเธอนิดหน่อย ตากลมโตพร้อมขนตาที่หนาเป็นแพขัดกับคิ้ว ก็ไม่วายที่จะถูกวาดสรร จมูกสันดันสวย ปลายโค้งหยดราวกับเสริมราคาแพง น่าจะเป็นส่วนเดียวบนใบหน้า ที่เธอแทบจะไม่ต้องทำอะไร ปากเล็กเป็นกระจับบางมันวาวถูกวาดวนเม้มเข้าออก ด้วยลิปกลอสชมพูอ่อน ส่วนของปากนั้นน่าจะเป็นส่วนที่เธอทำได้ดีที่สุด สำหรับการแต่งหน้าเลียนแบบบิวตี้บล็อกเกอร์ครั้งแรกของเธอ สองแม่ลูกตะโกนคุยกันผ่านประตูไม้ไปมา หนุ่มน้อยนั่งหลังตรงยิ้มเงยมองชั้นบนตรงจุดกำเนิดเสียง ในมือถือกล่องนมจืด พลางดูดไป พร้อมกับฟังเสียงแม่ลูกตะโกนคุยกัน ราวกับดูเป็นสื่อบันเทิงฆ่าเวลา เวลาผ่านไปราวห้านาที สาวน้อยเดินเฉิดฉายลงมาจากชั้นสอง พร้อมกลิ่นน้ำหอมกรุ่นบ้าน คิ้วดำหนา เปลือกตาสีชมพูอ่อนพร้อมแก้มที่สีเดียวกัน ทำเอาหนุ่มน้อยที่หันไปมองเผลอไอสำลักนมที่กำลังคาบดูด “อะ ไร วะ เนี่ย ?” แม่อุทานออกมาเสียงดัง พร้อมสีหน้าตกตะลึงปนจะขำ “ตะลึงคนสวยใช่ไหมล้า --- คนสวยมาแล้วจ้า พร้อมไปโรงเรียนแล้วจ้า” สาวน้อยหมุนตัวร่าลงมา มุ่งอ้อมหลังโซฟาสีครีม มาตรงที่หนุ่มน้อยนั่งสำลักมือกวักหากระดาษชำระอยู่ “ไปกันเถอะ” สาวน้อยดึงมือหนุ่มน้อยลุกยืน “ไม่กินอะไรหน่อยเหรอลูก” แม่เอ่ยขัด “ไม่อะแม่ เดี๋ยวอ้วน” “ป๊อบกินข้าวเถอะนะ กานต์รอได้” หนุ่มน้อยยิ้มพร้อมพยักหน้าบอก “งั้น ...ขอนมกล่องนึงค่ะแม่” “โอเค รอแป๊บ” แม่เดินไปหยิบนมในตู้เย็น ยื่นให้เธอ “ไปแล้วนะคะ”ณ ร้านน้ำปั่นลุงใจดี“อ้าว หนูป๊อบ หวัดดี”“หวัดดีค่ะลุง”“ไม่มาหาลุงนานเลยนะ เป็นไงบ้างแม่สบายดีไหม ?”“สบายดีค่ะลุง”ลุงวาฬ เจ้าของร้านน้ำปั่นลุงใจดี ยกมือที่ถือช้อนก้านยาวทักทายสองหนุ่ม เอ่ยทักทายสาวน้อยที่เดินมาด้วยกัน สาวน้อยมาที่นี่ตั้งแต่จำความได้ เนื่องแม่ของสาวน้อยเป็นเพื่อนรัก ที่แอบเคยรักกันสมัยเรียนวาสอุดมวิทยารุ่นเดอะ ๆ แม่พาเธอมาบ่อยครั้ง เธอจำได้ว่าทุกครั้งที่มาลุงจะทำนมเย็นปั่นหวานหอมมาให้เสมอ เธอนั่งดูนมเย็นตามประสา นั่งฟังผู้ใหญ่สองคนระบายทุกข์สุข หัวเราะกลบกันไป จนเธอเริ่มโตขึ้นหน่อยก็มาบ่อยกับกานต์ แต่คำทักทายที่ถามว่า “แม่สบายดีไหม ?” ก็ยังคงเป็นคำถามทักทาย ที่ต้องได้ยินอยู่ตลอด“นั่งก่อนเด็ก ๆ” ลุงเก็บของบนโต๊ะ ที่ลูกค้าคนก่อนเพิ่งลุงปัดก้นไปเมื่อครู่“เอาไรกันบ้างอะ เดี๋ยวลุงทำให้” ลุงปัดมือกับผ้ากันเปื้อนลายปลาวาฬน่ารัก ที่ขัดกับหนวดดำแกมหงอกบนใบหน้า“ผมเอาโกโก้ปั่นครับ” พีทตอบ“เอิ่ม ... ผมด้วยครับ” กานต์เปิดดูเมนู เอียงคอซ้ายขวาลังเลนิดหน่อย ก่อนจะเอาเมนูตามพีท“เหมือนเดิมก็ได้ค่ะ” ป๊อบปิดเมนูที่เพิ่งเปิดได้แค่หน้าหมวดขนมหวาน“เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน” ลุงทำท่
กริ๊งงงงงงงง กริ๊งงงงงงงง ~ เสียงสัญญาณดังลั่นทั่วโรงเรียน เป็นเสียงสัญญาณที่บอกว่าวันทั้งวันที่เหน็ดเหนื่อยนี้ ได้สิ้นสุดลงแล้ว ขอให้พวกเจ้ากลับไปใช้ชีวิตต่อที่บ้านนะ หนุ่มน้อยเดินรั้งท้ายกลุ่มคู่กับเพื่อนเนิร์ดแว่น ที่กระเป๋าสะพายหลังแอ่น ปลายทางคือหน้าโรงเรียน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยร้านขายของกิน เต็มแน่นทั่วทางเท้า ในช่วงหลังเลิกเรียน สิ่งที่นักเรียนใฝ่หามากกว่าการได้กลับบ้านคือของกิน การเรียนทั้งวัน โดยมีอาหารตกถึงท้องแค่ตอนเที่ยงกับช่วงเปลี่ยนคาบ ที่แอบแวะร้านค้าโรงเรียน ไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การได้กินของอร่อย ๆ หลังเลิกเรียนนับเป็นสิ่งวิเศษสุด ๆ แล้วในแต่ละวัน “เอาลูกชิ้นหกไม้ครับ” บอลชะโงกหน้า สั่งแม่ค้าที่ง่วนอยู่กับออเดอร์ก่อนหน้า “ไม่ไปกินน้ำปั่นร้านลุงใจดีกับเราจริงดิ” พีทออดอ้อนกอดแขนล่ำสูงของบอล “โทษทีว่ะเพื่อน กูต้องไปซ้อมว่ายน้ำอะ” “มึงจะว่ายน้ำไปตลอดชีวิตเลยเหรอวะ” “ว่ายน้ำน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่กูทำได้ดีที่สุดว่ะ” “เออนะ ตั้งแต่เริ่มเรียนว่ายน้ำด้วยกันมาตอนปอหนึ่ง มึ
2 สัปดาห์ผ่านไป‘ประกาศถึงนักเรียนโรงเรียนวาสอุดมวิทยาทุกคน ในวันพรุ่งนี้ในคาบเรียนที่เจ็ด จะมีการเลือกชุมนุม ณ หอประชุมศิษย์เก่าสัมพันธ์วาสวิทฯ ให้ทุกคนตรวจดูรายชื่อชุมนุมที่สนใจในรายชื่อที่แนบมาให้นี้ สวัสดี // สภานักเรียนวาสอุดมวิทยา’กานต์เปิดดูข้อความอัตโนมัติ ที่แจ้งเข้ามาในมือถือ พร้อมเพื่อน ๆ ในห้องถึงข่าวแจ้งถึงการเลือกชุมนุม เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันที เมื่อทุกคนได้อ่านข้อความดังกล่าว“มีแต่ชุมนุมที่น่าสนใจทั้งนั้นเลย”“นั่นดิ เลือกอะไรดี”“บอล มึงจะเลือกชุมนุมไรวะ”“กูว่าจะเลือกว่ายน้ำว่ะ” บอล หนุ่มน้อยที่ดูน่าจะดูแตกเนื้อหนุ่มที่สุดในกลุ่ม ผิวแดงดำแดด กับรูปร่างทรงนักกีฬา สูงใหญ่ ค่อนข้างล่ำเมื่อเทียบกับเด็กมอหนึ่ง“เออ มึงเคยไปเรียนพิเศษมาหนิ ใช่ป้ะ // นายล่ะ แคน”“เราลังเลอะ ว่าจะเลือกแลปวิทย์ฯหรือจินตคณิตดี” แคน หนุ่มน้อยผมหยิกดำ ร่างบางสูงผอม ผิวสีน้ำผึ้ง เอ่ยตอบ ด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย“เราก็คิดเหมือนนายเลย แคน” เซคัล หนุ่มน้อยแว่นหนาเตอะ ตัวเล็กขาวผ่อง ตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะน่าจะมีเพื่อนในกลุ่มลงชุมนุมด้วย“นายสองคนก็หนีจากวิทย์ฯคณิตสักหน่อยก็ไม่ได้เลยเนอ
“ไม่ปล่อย บอกมาก่อนว่าชื่ออะไร”“อ๋อ...ปานใจ” ชายหนุ่มอ่านชื่อบนหน้าอกของเธอ“งั้นพี่เรียกเรียกน้องปานใจนะ”“หนูชื่อเจสซี่ค่ะพี่ อยู่มอหนึ่งห้องแปด” เสียงแหลมแจ๋วพูดโทนสองสามสี่ แทรกขึ้นพร้อมชะโงกหน้าคั่นผู้สนทนาทั้งสอง“น้องปานใจกำลังหลบเรียนเหรอคะ ?” ชายหนุ่มผลักหน้าเจสออกจากเรดาร์ เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงหวานปนสายตาเจ้าเล่ห์“ไม่ได้หลบค่ะ กำลังเข้าเรียน” สาวน้อยตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะอยากคุยด้วย“หลบแหละพี่ว่า --- พี่ควรจะบอกครูดาหวันไหมนะ” ชายหนุ่มมองชะเง้อเข้าไปในห้อง ที่ครูกำลังพูดคุยกับนักเรียนอยู่“หนูว่าพี่ควรปล่อยแขนหนูก่อนค่ะ” สาวน้อยมองส่งสัญญาณมาที่แขน ที่ชายหนุ่มกำลังกำแน่น“อ่า --- พี่ลืม โอเค ปล่อยแล้ว” ชายหนุ่มยกมือขึ้นข้างตัว‘เดชผล ปานใจ’ เสียงครูเรียกเช็กชื่อในห้องดังลอดออกมาข้างนอก‘น่าจะหลบค่ะครู’ สาวน้อยผมหยิกหน้าห้องตอบกลับ และครูก็กำลังวางปากกาลงกระดาษที่ถืออยู่ในมือ เพื่อเช็กชื่อขาด“ครูครับ น้องปานใจอยู่นี่ครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง ทำเอาคนทั้งห้องมองหันมายังต้นเสียงสาวน้อยเบิ่งตาโตเต็มไปด้วยสีหน้าตกใจ หันหน้าหนีจากกลุ่มเพื่อน ที่พยายามชะโงกหน้าผ่านช
กริ้ง ~ สิ้นเสียงสัญญาณเข้าห้องเรียนในคาบแรก หนุ่มน้อยรีบเบิ่งพรวดเข้ามาในห้องพยาบาล มองควานหาสาวน้อย จนพบร่างเล็กน้อยห่มผ้าคลุมโปงอยู่สุดห้อง“ป๊อบ เป็นไงบ้าง”“ป๊อบดีขึ้นแล้วกานต์ --- กานต์มาทำไม ทำไมไม่ไปเรียน”“กานต์กำลังจะไปเรียนแล้ว คาบแรกวิชาสุขศึกษาน่ะ ห้องข้าง ๆ นี่เอง”“อ่อ”“ว่าแต่ป๊อบห่มผ้าทำไมน่ะ หนาวเหรอ”“นิดหน่อยน่ะกานต์”“แต่ ... ป๊อบเหงื่อชุ่มเลยนะ” หนุ่มน้อยก้มลงปาดเหงื่อข้างขมับของสาวน้อย“เอิ่ม ... ป๊อบเพิ่งกินยาไป สงสัยยากำลังออกฤทธิ์ กานต์ไปเรียนเถอะ ป๊อบอยู่คนเดียวได้”หนุ่มน้อยมองออกกลับมาหน้าห้อง ที่มีกระจกใสบานใหญ่กั้น“โอเค งั้นกานต์ไปเรียนแล้วนะ ถ้ามีอะไรให้กานต์ช่วยบอกได้เลยนะ”“โอเค”หนุ่มน้อยเดินออกจากห้องจนลับสายตา สาวน้อยสาดตามองจนสุดสาย ก่อนจะถีบผ้าห่มหนาพ้นตัวสาวน้อยครุ่นคิดว่าจะออกไปเรียนดีไหม ในเมื่อตอนนี้อาการก็ปกติดีที่สุดแล้ว หรือจะนอนเป็นผักอบร้อนคนเดียวในนี้ คิดไปคิดมามันก็เหงาอยู่ไม่น้อย ที่ต้องอยู่คนเดียวในห้องที่มีเตียงว่างเรียงรายนับสิบ จนเกิดความคิดในหัวว่า ‘วันนี้ไม่มีใครป่วยเลยหรือไงนะ’เพียงไม่นานเมื่อสิ้นความคิด เสียงเปิดประตูที่เ
สาวน้อยมองซ้ายมองขวา หาเพื่อนร่วมห้องที่น่าจะคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เจอ มีเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ผ่านเธอไปอย่างมีจุดหมาย ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะวันที่ครูให้แนะนำตัว เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตา เธอจึงแทบจะจำหน้าใครในห้องไม่ได้เลย และในตอนนี้เธอรู้สึกเคว้งอย่างบอกไม่ถูก ครั้นจะเดินไปขอเข้าแถวกับกานต์ก็คงไม่ถูก จะเดินผ่านสายตาที่มองแบบเด่น ๆ ไปเดาหัวแถวข้างหน้าก็กลัวจะหน้าแตกเธอยืนงกงงท่ามกลางผู้คนผ่านไปผ่านมาเฉียดเบียดข้างกายเธอ เหงื่อที่มือผุดเม็ดออกมาจนเปียกชื้น แผ่นหลังเปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลเป็นทางจนเปียกแฉะ เสียงหวานของพี่แจนประชาสัมพันธ์ผ่านไมค์เริ่มแผ่วเบาภายในหู เสียงรอบข้างเริ่มค่อย ๆ แผ่วลง แต่มีเสียงอู้อี้วี้ดดังขึ้นในหู ภาพนักเรียนเข้าแถวภายหน้ากลายเป็นภาพซ้อน ที่เพิ่มจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า ลมหายใจถี่ รู้สึกเหมือนหายใจเข้าไม่ถึงปอด“ป๊อบ !” เสียงแหลมเล็กเรียกดังลั่น นี่น่าจะเป็นเสียงเดียวที่เธอได้ยินในตอนนี้ตุ้บ !“ป๊อบ เป็นไร ลุกขึ้นก่อน ๆ” ท่อนแขนเล็กเรียวประคองแผ่นหลังเธอ ขึ้นมาจากพื้นดินกรุ่นฝุ่น ผู้คนกรู่เข้ามามุงดู เธอยังคงรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ใน







