“...” ตาย แบบนี้ตาย ถามตรงล็อคเป้าขนาดนี้ คำตอบของผมก็ต้องไม่ผิดหวังสำหรับคนฟังเหมือนกัน
… “อืม ชอบ อยากได้ ถ้าคบกันตี้จะเป็นแฟนคนแรกของพี่ แต่พี่ไม่ซิงนะ”
“พี่ชอบคนอื่นง่ายจังเลยนะคะ เจอตี้กี่ครั้งเอง อ่อ แล้วแบบนี้ตี้ก็เสียเปรียบน่ะสิ” จากคำตอบของนัตตี้… ไม่มั้ง เธอเคยมีแฟนมาก่อนนี่ ถ้าบอกซิงก็คงไม่น่าจะใช่ ผมไม่ได้วัดคุณค่าของผู้หญิงที่ความสดซิงนะ แต่แค่คิดว่าคนที่มีแฟนมาก่อนก็คงไม่น่าจะซิง และผมก็เป็นคนที่คิดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เหมือนกัน
“ซิง?”
“ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องตอบคุณค่ะ”
แบบนี้ชัวร์ โอกาสซิง 90% ว่าแต่ไอ้หน้าโง่นั่นมันไม่น่าจะพลาดอะไรแบบนี้นะ
“พี่หาคำตอบเองก็ได้”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความตามที่พูด ลองทำกันไหม”
“เฮ้ย อะไรวะ” ทำไมถึงพูดแบบนี้ มาชวนทำอะไรแบบนั้นอะนะ แล้วจะไม่ให้ฉันตกใจได้ยังไง
“ตี้... อย่าห้าว” มาฮง มาเฮ้ย เดี๋ยวจับจูบแม่ง
“ไม่-เด็ด-ขาด” ฉันพูดอย่างจริงจังและเน้นคำให้เขาฟังชัดๆ
“ทำไม? พี่ก็มีดีนะ เช่น หล่อมาก รวยมาก แล้วก็… ใหญ่มากด้วย” เขาเว้นคำไว้แล้วลากสายตาไปยังเป้ากางเกง ฉันจึงมองตามไป
“อี๋!!!”
“จับดูไหม”
“หยุดนะ อย่าเข้ามา”
เขาเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ คนบ้าอะไรจะให้คนอื่นจับ ปะ เป้าของตัวเอง แล้วนี่อะไรกัน ทำเหมือนสนิทกันมานาน เจอไม่กี่ครั้งก็พูดเรื่องใต้สะดือแล้ว
“จ๊ะเอ๋ จับไยกัน มิจับด้วย”
“ไม่ได้จับครับ แค่จะให้ช่วยถือ…” ปากพูดกับน้องรามิแต่จ้องมองหน้าฉันและแววตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นฉันรู้นะ ทำเป็นใช้คำพูดเบี่ยงเบนก็คงจะให้ฉันถือไอ้เจ้าหนอนน้อยของเขาล่ะสิ โรคจิต!
“โอ๊ะ ไม่ช่วยแล้วดีฟ่า มิไปดูตูนต่อน๊า”
“ค่ะ / ครับ”
ทำไมนัตตี้ถึงบอกว่าเจอกันไม่กี่ครั้ง ผมเจอเธอตั้งหลายครั้งแล้วต่างหาก เจอที่สนามแข่งรถ เจอที่ผับแถมยังไปส่งเธอกับนาบีที่คอนโดนาบีอีก จำไม่ได้เหรอวะ
“ตี้”
“ไม่ค่ะ หยุดคิดเดี๋ยวนี้”
“...”
“คือตี้ยังไม่พร้อมจะคบใครตอนนี้ค่ะ”
“พี่ไม่เหมือนไอ้เฮงซวยนั่น”
“ผู้ชายมันก็เหมือนๆ กันหมดนั่นแหละค่ะ”
“พิสูจน์กับพี่ดูก่อนสิ”
“อย่าเสียเวลาอีกเลย ต่อให้พี่จะหล่อดูดีสเป็คตี้แค่ไหน ตี้ก็ไม่มีทางชอบพี่”
“หึ พี่เป็นสเป็คเธองั้นเหรอ”
“อุ๊ปส์!!!” นี่ฉันเผลอพูดอะไรออกไป ตายแล้วอีนัตตี้เอ้ยพูดแบบนี้เขาก็รู้หมดอะดิ
“แต่ถ้าอยากรู้ อยากลอง… พี่สอนให้ได้นะ ฟรี! ไม่คิดเงิน”
“...”
“แต่ถ้าตี้เกรงใจ จะจ่ายเงินให้พี่ก็ได้นะ ถือว่า win win”
“พี่ร้อนเงินเหรอ”
“ป่าว ไม่ได้ร้อนเงิน แต่ร้อนหัวล่างต่างหาก”
“กรี๊ด ตี้ไม่คุยกับพี่แล้ว” ฉันเดินหนีออกมาเพราะอยู่ตรงนั้นไม่ได้แล้วจึงเดินมาหาน้องรามิ
“ตี้ ทำไมหน้าแดงอ่า ย้อนเหยอ”
“ร้อนนิดหน่อยค่ะ”
“งั้นมานั่งตากแอร์กับมิเย็ว ตูนซาหนุกมาก”
ฉันนั่งดูการ์ตูนกับน้องรามิไปเรื่อยๆ แต่เริ่มได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมา หอมมาก ดมจากกลิ่นที่ลอยมาต้องอร่อยมากแน่ๆ
“ตี้ มาช่วยหน่อยครับ”
“ค่ะ น้องรามิเดี๋ยวพี่ตี้มานะคะ”
“โอเช มินั่งยอที่โต๊ะเลยดีฟ่า หอมมากกก”
เราสามคนนั่งทานอาหารกันไปเรื่อยๆ อาหารที่พี่เดลล์ทำก็คือ สเต็กไก่ สเต็กปลา ซุปเห็ด แล้วก็สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล ไม่น่าเชื่อ… พี่เดลล์ทำอาหารเก่งมากและอร่อยมากด้วย
“เรน มิอยากเติมซุปเห็ด”
“มาค่ะ เดี๋ยวพี่ตี้ไปตักให้ดีกว่านะคะ” ให้ฉันได้ช่วยบ้างก็แล้วกันเพราะงานในครัวฉันไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย สรุปใครเป็นแขก ใครเป็นเจ้าบ้านกันแน่
“ตี้ มิเอาชีสด้วยน๊า”
“ค่ะคนสวย” น้องรามิชอบทานเมนูนี้เหมือนยาหยีเพื่อนสนิทฉันเลย ซุปเห็ดโรยชีสด้านบน
ฉันเดินไปในครัวเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาแยกเก็บไว้ต่างหากให้ฉันด้วยอ่ะ จะว่าไปการกระทำน่ารักนะ แต่อย่าเลยนะ อย่ามาทำให้ฉันหวั่นไหว
ตอนนี้เด็กแสบกินอิ่มและหลับไปแล้ว ฉันให้พี่เดลล์อุ้มน้องรามิไปนอนในห้องนอนของฉัน เพราะนอนสบายกว่านอนโซฟา ส่วนฉันตอนนี้ก็ออกมาล้างจาน และพี่เดลล์ก็กำลังนั่งดูทีวีอยู่หน้าโซฟา
ฉันยืนล้างจานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงมือถือของฉันดังขึ้น แค่รู้ว่าใครโทรมาฉันก็ไม่อยากรับสายเลย
พี่ภูมิ พี่ชายต่างแม่ เขาคือคนที่ไม่น่าไว้ใจและพร้อมจะลวมลามฉันทุกเมื่อที่มีโอกาส สายตาที่เขามองมันไม่ได้มองแบบพี่น้องและเขาอยู่ใกล้ชิดตัวฉันมากเกินไป เขาสัมผัสตัวฉันมากเกินไป สัมผัสมากเกินความจำเป็น ฉันรับรู้และสัมผัสได้ทุกอย่าง ฉันเคยบอกพ่อว่าเขาทำไม่เหมาะสม แต่พ่อก็ไม่ได้เข้าข้างฉัน พ่อพูดประโยคที่ทำร้ายจิตใจที่ฉันฟังแล้วต้องตัดสินใจออกมาอยู่คนเดียวทันที เพราะตอนที่แม่เสีย พ่อก็เอาฉันมาอยู่ด้วย เหมือนทำเพราะหน้าที่แต่ไม่ได้เต็มใจ พ่อรักครอบครัวใหม่ของพ่อมาก รักแม้กระทั่งลูกติดของเมียใหม่พ่อ แต่กับกับฉัน…‘ไม่ใช่ว่าแกชอบพี่เขาเหรอ ไปอ่อยเขาเองหรือป่าว คิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่าแกคิดจะจับเขา’
ประโยคนี้แหละที่ทำให้ฉันกล้าตัดสินใจหันหลังให้พ่อ ฉันออกมาอาศัยอยู่คอนโดคนเดียวจนเกือบจะสามปีได้แล้ว
ครืด… เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันจึงตัดสินใจรับสายให้มันจบๆ
“มีธุระอะไรคะ”
“น้องสาวของพี่ พูดแบบนี้พี่ก็เสียใจแย่”
“...”
“คิดถึง พี่ไปหาได้หรือป่าว เราไม่กลับมาบ้านนานแล้วนะ”
“เราไม่จำเป็นต้องเจอกันค่ะ ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่และคนบ้านนั้น”
“พี่คงทำแบบนี้ไม่ได้หรอก นัตตี้ก็รู้ดีนี่ครับว่าทำไม”
“ไม่รู้ค่ะ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย”
“อย่าปฎิเสธพี่เลยนะพี่คุยกับพ่อให้ได้ ท่านไม่ขัดขวางความรักของเราหรอก”
“ความรักบ้าบออะไรคะ นัตไม่เคยคิด”
“พี่รู้ว่านัตก็ชอบพี่”
“ไม่ได้ชอบค่ะ อย่าหลงตัวเอง ถ้าหมดธุระแล้วขอวางสายนะคะ”
ฉันรีบกดวางสายทันทีคุยไปก็เสียสุขภาพจิต ฉันระแวงมากตอนที่อยู่บ้านหลังนั้น
ย้อนเหตุการณ์ในวันวาน
ฉันกำลังนอนหลับในห้องนอน แล้วฉันก็สลึมสลือตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าเหมือนมีคนมาแตะต้องตัว ฉัน ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาจนเห็นเงาผู้ชายคนหนึ่งนั่งปลายเตียง มือเขากำลังลูบไล้ขาของฉันและค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาสูงขึ้นๆ
พรึบ! ฉันดีดตัวลุกขึ้นนั่งและรีบเปิดไฟตรงหัวเตียงทันที
‘พี่ภูมิเข้ามาห้องนัตทำไมคะ’ ตอนนี้กลิ่นตัวของพี่ภูมิมีแต่กลิ่นเหล้า
‘พี่แค่มาดูว่าเราหลับไปหรือยัง เห็นแม่บ้านบอกว่าไม่สบาย’
‘นัตไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ พี่ภูมิออกไปได้แล้ว’
‘นัต’
“...”
‘ให้พี่ดูแลนัตนะ’
‘นัตหายดีแล้วค่ะ พี่ภูมิออกไปก่อนนะคะ ใครมาเห็นเข้ามันไม่เหมาะ’
‘ให้พี่นอนกับนัตนะ พี่อยากนอนกอดนัต’ คำพูดคำจาเขาเริ่มส่อแววมากขึ้นเรื่อยๆ และในระหว่างที่เขาพูด สายตาเขาแทะโลมฉันแทบไม่ปิดบัง
‘ออกไปค่ะ’
“นัต”
‘ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นนัตจะฟ้องพ่อ’
‘หึ สักวันนึงเถอะนัตจะต้องเป็นของพี่ จำคำที่พี่พูดเอาไว้’
ฟู่ววว
ฉันพ่นลมหายใจหนักๆ เมื่อวางสายของพี่ภูมิ1 ปีผ่านไปตอนนี้ฉันตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้วนะ พี่เดลล์ขยันส่งการบ้านทุกคืน ฉันไม่ท้องก็จะคงแปลกเอามากๆ แล้วล่ะ สมใจพี่เดลล์เลยสิ เขาบอกด้วยนะว่าอยากได้ลูกสาวหน้าตาน่ารักเหมือนแม่ หยอดคำหวานทุกวัน พี่เดลล์ไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่เคยบกพร่องในเรื่องของการดูแลเลยสักนิด เขาใส่ใจฉันมาก เขาเคยบอกว่าเรื่องนั้นก็ทำให้เขาเองก็มีปมในใจที่ละเลยความรู้สึกฉันจนเรื่องมันเกือบจะเลวร้าย แต่เราผ่านเรื่องนั้นด้วยกันมาได้แล้ว ไม่ต้องไปย้อนคิดถึงมันอีกและฉันยังโชคดีมากๆ ที่พี่เดลล์และเพื่อนๆ ไปช่วยได้ทันเวลา ในขณะที่ฉันกำลังอุ้มท้อง ยาหยีคลอดลูกนำไปแล้ว เรามีลูกในเวลาที่ใกล้เคียงกัน หวังว่าโตมาจะเป็นเพื่อนเล่นกันได้นะ ยาหยีได้ลูกชาย ส่วนฉันได้ลูกสาวสมใจพี่เดลล์เขาเลยล่ะชุดเด็ก ของเล่นเด็กเต็มบ้านไปหมดเลย อ้อ… ลืมบอกไป ตอนนี้เราย้ายมาอยู่บ้านหลังใหญ่แล้วนะ บ้านที่แม่ศิยกให้ฉันเป็นของขวัญวันแต่งงาน แน่นอนว่าถ้ามีลูกแล้วต้องอยู่คอนโด แม้จะใหญ่แค่ไหนก็ตามคงไม่สะดวกเท่าการอยู่บ้านหลังใหญ่และมีพื้นที่รอบบ้านให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่น“น้ำส้มคั้นครับที่รัก” เรนเดลล์หัดทำน้ำส้มด้วยตัวเองหลังจากที่รู้ว่าเมียตัวเองท้อง อะไ
และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง วันแต่งงานของฉันกับพี่เดลล์พิธีช่วงเช้าก็มีแค่คนสนิทกันเอง มีครอบครัวทางฝั่งฉันสองคนคือฉันกับคุณพ่อ และครอบครัวทางพี่เดลล์ที่มีผู้ใหญ่คนอื่นๆ มาร่วมงานในตอนเช้าด้วย นั่นก็คือครอบครัวของมินนี่ อ้อ ฉันคงลืมบอกไปสินะ ว่ามินนี่ได้มาขอโทษฉันแล้วนะที่เธอไม่ระวังคำพูดและแสดงท่าทางที่ดูสนิทสนมจนเกินไปจนทำให้ฉันเข้าใจผิด ตอนนั้นฉันเองไม่ได้โกรธหรอก แค่รู้สึกเสียใจ และส่วนนึงมันก็เป็นฉันเองที่เข้าใจผิดไปเอง วันนี้เธอพาแฟนสาวมาด้วยนะ น้องคนนี้คือคนในบทสนทนาของเหตุการณ์วันนั้น หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเลยล่ะ ก็ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนน้องถึงได้รับรักมินนี่แล้วด้วย รวดเร็วจริงๆงานช่วงเช้าจัดทำตามพิธีสงฆ์แล้วก็แห่ขบวนขันหมาก ชุดไทยที่เลือกมาเป็นสีเงินปักตกแต่งด้วยสีแดง สีตัดกันสุดๆ ใส่แล้วผิวขาวออร่ามากๆ ฝั่งเจ้าบ่าวก็ไม่น้อยหน้าเลย ใส่ชุดไทยฉบับเจ้าบ่าวปกติทั่วไปแต่ออร่าความหล่อนั้นพุ่งมาก อื้มมม หล่อจนใจเจ็บเลยล่ะ หน้าที่กั้นประตูเงินประตูทองจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากยาหยีและนาบี อ้อ มีเพิ่มด้วยอีกหนึ่งคน นั่นก็คือมินนี่นั่นเอง แต่ละคนโหดกับพี่เดลล์มากๆ สั่งทำนั่นทำนี่กว่าจะป
เช้าแสงแดดยามเช้ากับหมอกบางๆ ที่ปกคลุม สามสาวที่นัดกันแต่งตัวสวยและตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมารอดูพระอาทิตย์ขึ้นและเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ “สวยจังเลยอ่า” นัตตี้“อยากมาอีกจัง” นาบี“มาครั้งหน้าก็คงคิวมึง แต่คงเป็นที่อื่น”“หือ ยังไงนะ” นัตตี้ที่งง อะไรคือคิวของนาบี“...” นาบีกัดฟันทำตาเขียวปั๊ดใส่ยาหยี เธอรู้ว่ายาหยีหมายถึงอะไร แต่แล้วทำไมต้องมาแซวเธอหรือว่า…ผ่านไปไม่นานสามสาวก็เดินไปเรื่อยๆ สำรวจทุกพื้นที่ สนุกจนลืมทานอาหารเช้าจนกระทั่งเดินมาถึงซุ้มดอกไม้หลากสีให้ความโดดเด่นตัดกับชุดเดรสยาวสีขาวและตัดกับธรรมชาติที่เป็นสีเขียว ซึ่งทุกอย่างสวยงามลงตัว“ตรงนี้เขาทำใหม่เหรอ ตอนดูหน้าเพจไม่เห็นมี”“เขาทำมาเพื่อใครบางคนละมั้ง”“อ้าว งั้นคงไม่ใช่ที่สำหรับลูกค้าแบบเรา งั้นไปกันเถอะ” ในระหว่างที่นัตตี้กำลังยืนโพสต์ท่าให้เพื่อนๆ ถ่ายรูปให้ตรงซุ้มดอกไม้ พอได้ฟังแบบนั้นจากปากเพื่อนว่าตรงนี้เขาคงทำใหม่ให้ใครบางคน ซึ่งเธอคิดว่าคงเป็นโซนพิเศษของลูกค้าท่านอื่นที่อาจจะมีการจัดตกแต่งไว้เพื่อเซอร์ไพรส์ของคู่รักคู่หนึ่ง แค่คิดตามเธอก็แอบอมยิ้มออกมา น่าอิจฉาผู้หญิงคนนั้นจังเมื่อนัตตี้กำลังก้าวขาเดินออกจากซุ
วันนี้นัตตี้ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แน่นอนว่าเดอะแก๊งส์กลุ่มใหญ่ก็มารวมกันที่โรงพยาบาลกันจนครบทุกคน เพราะเรนเดลล์อยากชวนทุกคนไปทานข้าวด้วยกัน อยากขอบคุณที่วันนั้นทุกคนช่วยเหลือเขาเป็นอย่างดี ทั้งไปเป็นเพื่อนเขาที่เชียงใหม่ ไปด้วยกันหมดทุกคน เขารู้สึกซึ้งใจและอยากขอบคุณ ซึ่งนัตตี้เองพอรู้ความจริงทั้งหมดเธอก็รู้สึกแบบนั้นเช่นเดียวกัน@ ร้านอาหารฟิวชั่นแห่งหนึ่งเรื่องสั่งอาหารก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสาวๆ จัดการกันไป นัตตี้ นาบี และยาหยีก็ตัวตึงในเรื่องของการกินจุกินเยอะกินเกินตัว ในส่วนของอาหารของมื้อนี้ประกอบไปด้วย เปาะเปี๊ยะสดบาร์บีคิว ห่อหมกเพนเนปู เกี๊ยวซ่ากุ้งผัดไทย สเต๊กทีโบนย่างจิ้มแจ่ว ข้าวอบใบบัว เกี๊ยวซ่าราดหน้า อาหารที่สั่งคูณสองทุกจาน ทั้งยังมีผลไม้ของของหวานตบท้ายอีกด้วยนัตตี้นับจากวันนี้ไป ฉันจะใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดเพื่อชดเชยจากความเจ็บปวดที่ผ่านมา รอบข้างฉันมีเพื่อนที่น่ารักและกวนส้นตีนในเวลาเดียว แต่พวกมันนี่แหละที่อยู่เคียงข้างเสมอมา ฉันรักพวกมันที่สุด หลังจากวันนี้ไปฉันต้องวางแผนการใช้ชีวิต ฝึกงานเสร็จก็เคลียร์ทำเรื่องจบของกับทางมหาวิทยาลัย และหลังจากที่เรียนจบก็
@ โรงพยาบาล XXXนัตตี้ยังต้องอยู่ รพ. เพื่อเฝ้าดูอาการอีกสองวัน ช่วงนี้เพื่อนๆ ก็โทรมาถามอาการแทนการมาเยี่ยม เพราะมีหวานใจที่เพิ่งจะคืนดีกันหมาดๆ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่น่าจะต้องห่วงอะไรแล้ว ส่วนแม่ศิก็มาหาทุกวันหลังจากแวะส่งน้องรามิที่โรงเรียนท่านก็แว๊บมาที่โรงพยาบาลก่อนกลับบ้านทุกครั้ง ท่านทำอาหารมาให้ลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ทานทุกเช้า“เรื่องนั้น… มันโดนจำคุกแล้วนะ”“...”“ยังกลัวอยู่ไหม”“กลัวค่ะ แต่ตี้รังเกียจมากกว่า ตี้…ขยะแขยง”“อืม ตำรวจไม่ให้ประกันตัวด้วย”“สมควรแล้วค่ะ”เรนเดลล์ดูแลนัตตี้เป็นอย่างดีเหมือนที่ผ่านมา จับอาบน้ำจับแต่งตัว นัตตี้แทบไม่ต้องทำอะไรเอง ตอนนี้ทั้งสองคนก็รอคุณแม่มาหาและทานข้าวเช้าพร้อมกันสามคน ใช้เวลาเพียงไม่นานแม่ศิก็เดินทางมาถึง“พรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วใช่มั้ยลูก”“ค่ะคุณแม่”“ช่วงนี้ไปอยู่ที่บ้านกับแม่ก่อนมั้ย”“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีคอนโดตี้อยู่ใกล้ที่ฝึกงานมากกว่า”“เอางั้นก็ได้ลูก”ทั้งสามคนนั่งทานข้าวด้วยกันคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่ง… ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “วันนี้เพื่อนตี้โทรมาบอกว่าไม่ได้มานี่นา เพื่อนพี่เดลล์หรือป่าวคะ”“ไม่นะ… เดี๋ยวพี่ไปดูเ
แม่ศิและน้องรามิเดินทางมาถึงโรงพยาบาลได้สักพักใหญ่ๆ อาหารที่เตรียมมาให้ผู้ป่วยก็จะเป็นของชอบนัตตี้ทั้งนั้น อาทิ เช่น ต้มจืดไข่น้ำ อกไก่ต้มน้ำปลา ลาซานญ่าอบชีสส่วนผลไม้ก็จะเป็น องุ่น กีวี่ แตงโม และยังทำน้ำส้มคั้นของโปรดมาให้ว่าที่ลูกสะใภ้อีกด้วย ทั้งยังแวะซื้อชานมฮออกไกโดมาเกือบยี่สิบแก้วมาแช่ตู้เย็นไว้ให้หนุ่มๆ สาวๆ ที่ค่อนข้างอยู่กันหลายคนท่านรู้จักนัตตี้มาก่อนเรนเดลล์ แน่นอนว่าเรื่องอาหารการกินท่านย่อมรู้มากกว่าเรนเดลล์แน่นอนว่านัตตี้ชอบทานอะไรบ้าง ไม่ได้มีแค่นี้ มีมากกว่านี้อีก แต่เมนูเหล่านี้คัดสรรมาให้ผู้ป่วยทานอาหารอ่อนๆ ท่านตั้งใจทำให้สุดฝีมือ“หนูตี้ ลูก” ท่านเรียกด้วยเสียงสั่นเครือ ตั้งแต่เกิดเรื่องท่านรู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะท่านรู้เรื่องราวในชีวิตก่อนหน้านี้ของนัตตี้ดีทุกเรื่อง อย่างที่รู้กันว่าทั้งสองคนรักกันให้ความอบอุ่นเหมือนแม่กับลูก นัตตี้เล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ศิฟัง ท่านเข้าใจดีว่านัตตี้เผชิญกับอะไรมาบ้าง“แม่ศิ…” นัตตี้ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเช่นกัน ญาติผู้ใหญ่ที่เธอเหลืออยู่ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่ศิ พ่อแท้ๆ ของเธอก็ไม่เคยสนใจตั้งแต่ที่แม่ของนัตตี้จากไ