/ โรแมนติก / SiRen เงือกสาว ผจญภัย / #15 เกาะที่ไร้ชื่อ

공유

#15 เกาะที่ไร้ชื่อ

last update 최신 업데이트: 2025-06-18 15:23:51

เพลิงลุกไหม้ยอดไม้ โหมกระท่อมริมฝั่งทะเลสาบให้กลายเป็นเศษเถ้าดำราวสรวงสวรรค์เคยทอดทิ้งที่นี่ไปนานแล้ว...

ข้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใต้แสงสีส้มของความสูญเสีย

ข้ารู้สึกราวกับห้วงเวลาหยุดหมุนในชั่วครู่ที่สายตาจับจ้องไปยังร่างหนึ่งบนพื้น—เรน ชายผู้เคยเป็นทั้งเพื่อน ทั้งรัก และบัดนี้…เป็นเพียงซากอดีตที่ไร้คำแก้ตัว

เสียงสะอื้นของนีร่าดังแผ่วอยู่เบื้องหลัง หยดน้ำตาสีดำยังร่วงทีละหยดลงสู่ผืนดินที่เปียกชื้นจากทั้งฝนที่เพิ่งจางหาย และเลือดที่ยังไม่แห้ง

ข้าอยากยื่นมือไปปลอบนาง

แต่ข้ากลับยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น...เพราะบางความเจ็บ ก็ไม่มีถ้อยคำใดปลอบประโลมได้

> “อีธาน…”

เสียงนางเบาเหมือนเสียงคลื่นลมที่ซัดชายฝั่ง

ข้าหันมาช้า ๆ และสบตากับนาง

ดวงตาคู่นั้น—แม้จะยังงดงาม—กลับเต็มไปด้วยร่องรอยของการแตกสลาย

> “ข้า…เหนื่อยเหลือเกิน…”

นางเอ่ยก่อนจะซบหน้าลงบนบ่าข้า ข้าได้แต่ยกแขนขึ้นโอบประคองแผ่นหลังบางเอาไว้แน่น มาริเบลยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ร่างเล็กที่เปื้อนเลือดและดินเงยหน้ามองพี่สาวอย่างเงียบงัน น้ำตาของนางไม่ไหล…เพราะนางไม่เหลือแม้แรงจะร้องไห้อีกแล้ว

ข้าอยากให้คืนวันสงบกลับมา แต่ในโลกนี้—มันไม่เคยง่ายเช่นนั้น

เพราะแล้วในขณะที่แสงเพลิงยังไหวริบไหวยามค่ำ คืนที่ควรเงียบสงบหลังบทอวสานแห่งความรุนแรง กลับปรากฏเสียงระเบิดดังก้องจากเบื้องทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบ

> “ปึงงง!!!”

ผืนน้ำกระเพื่อมไหว เสียงตะโกนและเสียงกลองโทนดังขึ้นราวกับลั่นฆ้องศึก ข้าตวัดสายตาไปทันที ร่างของนีร่าผงะเงยหน้ามองตามด้วยความตื่นตระหนก

> “นั่น…นั่นเสียงปืนใหญ่!”

> “เราถูกจู่โจมอีกแล้ว!”

หนึ่งในเงือกสาวตะโกนขึ้น ขณะที่ร่างของพวกนางต่างแตกตื่นอีกครั้ง

ท้องทะเลเบื้องหน้ากำลังถูกผ่าออกด้วยเงาทะมึนของเรือใหญ่—เรือสำเภาสามเสา ธงดำปลิวไสวกลางลม กลางหัวธงปักตราหัวกะโหลกสองดาบไขว้ เสียงคำรามของลูกเรือดังกระหึ่มบนดาดฟ้า

> “เรือ…ของโจรสลัด!?”

ข้ากัดฟันแน่นในทันใด ดวงตาสอดแนมผ่านเปลวไฟไปยังร่างสูงใหญ่บนหัวเรือ—ร่างนั้นยืนมั่นคงไม่ไหวเอน เส้นผมยาวประบ่าถูกลมพัดปลิว เสื้อคลุมหนังเสือคลุมไหล่ หนวดเคราดำเข้มบดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง และตาข้างหนึ่งเป็นเพียงรอยแผลปิดทับด้วยแผ่นหนังดำ

> “กัปตันแบร์กตัน…” ข้าเอ่ยชื่อต้องห้าม—เสียงข้าสั่น

โจรสลัดผู้เป็นตำนานแห่งน่านน้ำใต้ ชายผู้ไม่มีหัวใจและไม่รู้จักความเมตตา

> “นีร่า! เจ้าและมาริเบลรีบหนีไป!” ข้าตะโกนขึ้น ก่อนจะยกดาบขึ้นมาเบื้องหน้า

> “ไม่…ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไว้” นางกระชับมือมาริเบลแน่น ดวงตายังคงไหลหยดน้ำตาดำอย่างไม่หยุดหย่อน แต่นางกลับไม่แสดงความอ่อนแออีก

เสียงแตรเป่าเรียกลูกเรือดังก้อง

เรือเทียบฝั่งอย่างรวดเร็วด้วยทักษะชำนาญของลูกเรือแบร์คตัน

และร่างนั้น—กัปตันแบร์กตัน—ก็ก้าวลงสู่ผืนทรายโดยไม่หวั่นไหวแม้เศษเถ้าจะยังลอยฟุ้งกลางอากาศ

> “เจ้าเป็นใครกัน ข้าจำไม่ได้ว่ามีชื่อเจ้าอยู่ในเส้นทางการล่าของข้า…” แบร์กตันเอ่ยเสียงต่ำ กระบี่โค้งข้างเอวส่องประกายราวเขี้ยวอสรพิษ

ข้ายืดตัวตรง พยายามกลืนคำกลัวลงคอ

> “แต่ชื่อของข้า จะสลักในดวงตาเจ้าก่อนตะวันรุ่ง—ถ้าข้าต้องตายตรงนี้ ก็จะตายเพื่อปกป้องพวกนาง”

แบร์กตันหัวเราะเบา ๆ—เสียงหัวเราะที่ปราศจากมวลความเมตตาใด ๆ ทั้งสิ้น

> “ความรักหรือ? ช่างน่าสมเพช…”

เขาคว้ากระบี่ออกจากฝักอย่างเชื่องช้า แสงจากเพลิงสะท้อนคมโลหะเหมือนเลือดสด

และในค่ำคืนนั้น—

กลางหมู่บ้านเงือกที่กำลังจะกลายเป็นตำนานเถ้าธุลี เสียงปะทะของดาบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

โลหะกระทบดังกังวาน เสียงฝีเท้าโถมใส่กันท่ามกลางควันไฟ ความเจ็บปวด และอดีตที่หลอกหลอน...

แต่คราวนี้...ข้าจะไม่ยอมให้ความรักต้องสูญเสียอีกแล้ว ไม่ว่านี่จะเป็นศึกสุดท้าย หรือเพียงบทเริ่มต้นของฝันร้ายครั้งใหม่

ข้า—นีร่า—กำมือของมาริเบลแน่นยิ่งกว่าทุกครา

เรือนร่างของน้องข้ายังบอบบาง มือขาวซีดที่เคยว่ายน้ำเก่งกาจ บัดนี้กำลังสั่นระริกด้วยแรงเจ็บจากบาดแผล

> “พี่...พี่จะพาเราไปที่ใด…” นางเอ่ยเสียงแผ่ว ร่างน้อยสะดุดกับรากไม้เบื้องหน้า

> “ที่ใดก็ได้ที่แสงไฟของพวกมันไปไม่ถึง” ข้าตอบ ทั้งที่ในใจยังไม่รู้แม้กระทั่งทิศทางที่จะวิ่งต่อ

เบื้องหลังนั้น...เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของพวกโจรสลัดไล่ตามมาไม่ห่าง

พวกมันย่ำลงบนพื้นดินอย่างไม่ปรานี พร้อมเสียงคำรามต่ำราวกับสัตว์ป่า—พร้อมฉุด พร้อมฆ่า หากพวกข้าถูกพบ

สายลมเย็นยามค่ำพัดเอากลิ่นควันไฟและเหล็กไหม้มาปะทะจมูก

เสียงเปลวไฟแตกตัวอยู่เบื้องหลังประหนึ่งจะเผาชีวิตและอดีตของพวกข้าให้กลายเป็นเพียงผงธุลี

> “รีบ!” ข้ารั้งมาริเบลให้ก้าวเท้าต่อไปอย่างรวดเร็ว

เท้าเปล่าของเราสองพี่น้องเหยียบย่ำไปบนพื้นทรายหยาบกร้าน ก่อนจะมุดเข้าเขตป่ารกร้างซึ่งเคยเป็นทางลับสู่บึงน้ำต้องห้าม

ต้นไม้สูงชะลูดต้อนรับพวกข้าด้วยเงามืด

กิ่งไม้เกี่ยวผ้าคลุมของข้าจนหลุดรุ่ย ผมยาวเปียกชื้นของข้ากระเซิงจนบดบังวิสัยทัศน์

แต่มือข้ายังไม่ยอมปล่อยมาริเบลแม้เพียงชั่วครู่

> “พี่ นั่น…” เสียงน้องนางเบาเหมือนเสียงลม

ข้ามองตามปลายนิ้วนาง—เห็นเงาเสาไม้ผุ ๆ โผล่ขึ้นจากพงหญ้าด้านหน้า นั่นคือ สะพานเก่า…แต่สะพานนั้นพังครึ่งซีก

ไม้ผุจนเห็นโพรงด้านล่างเป็นน้ำลึกกรัง ลำธารเล็กที่หลบซ่อนตัวเงียบงันในความมืด

ข้าไม่แน่ใจว่ากระโดดลงไปจะเจอสิ่งใด…

แต่หากยังลังเลอยู่ตรงนี้ อีกไม่เกินหนึ่งลมหายใจ พวกมันจะตามมาทันแน่นอน

> “จับข้าไว้แน่น ๆ อย่าหวั่นไหว” ข้ากระซิบ ก่อนจะดึงนางมากอดแนบอก

แล้วข้าก็กระโจนลงไป—ร่างทั้งสองพุ่งผ่านอากาศ

เสียงลมหวิวอยู่ข้างหู ก่อนจะ ตู้มมม! เสียงร่างเรากระทบน้ำเย็นจัด

ความเย็นเฉียบกัดร่างข้าทันที

มาริเบลกอดข้าแน่น เราสองพี่น้องดำลงสู่ความมืดของสายน้ำที่เคยเป็นบ้าน แต่บัดนี้กลับเย็นชาไร้ไอรัก

ข้าว่ายฝ่าความมืดลงสู่โพรงใต้น้ำ—หวังว่ามันยังไม่ถูกทับถมไปตามกาลเวลา

> “อีกนิดเดียว…ทนไว้…” ข้ากระซิบกับนาง

ในใจ ปอดของข้าเริ่มตึง ร่างเริ่มชา และแสงริบหรี่ที่ปลายโพรงน้ำคือสิ่งเดียวที่ข้ายึดไว้ไม่ให้จม

ในที่สุด...

ข้าก็โผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำอีกฝั่งหนึ่ง—เป็นอ่าวเล็กที่เงียบงัน ห่างไกลจากเสียงระเบิดและกรีดร้อง

ข้าหอบหายใจแรง กอดมาริเบลไว้แน่น—นางยังคงไอจนน้ำตาไหล

> “พี่...เรารอดหรือ” นางถามทั้งที่เสียงยังสั่น

> “ยังไม่…แต่เรากำลังจะ” ข้ากระซิบตอบ ก่อนจะหันมองผืนทะเลที่มืดมิดเบื้องหน้า

ข้ายังไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะพาไปที่ใด—แผ่นดินใหม่? หรือนรกอีกบท?

แต่ตราบใดที่มือข้ายังจับมือมาริเบลไว้ได้...

ข้าจะหนีให้พ้นแม้ต้องแลกด้วยลมหายใจสุดท้ายของตน

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #19 การตามล่าจากโจรสลัด

    เมืองคอร์เซียร์...เมืองท่าขนาดใหญ่ทางฟากตะวันตกของทวีปที่เหล่าโจรสลัด นักล่าทะเล และพ่อค้าวัตถุต้องสาปต่างพากันมารวมตัว ไม่ใช่เพื่อศีลธรรม...แต่เพื่อผลประโยชน์ เงินทอง และเลือดเรือโจรสลัด “แบล็คดราฟต์” ของกัปตันแบร์กตัน จอดเทียบอย่างลับ ๆ ที่ท่าเรือหมายเลขเจ็ดของเมืองกลางยามสนธยา ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยกลุ่มเมฆแดงหม่น แววตาเจ้าของเรือก็ไม่ต่างกัน“ลากของขึ้นฝั่ง!” แบร์กตันสั่งเสียงห้วนลูกเรือสองคนลากกรงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยผ้าดำขึ้นจากเรือ แบกผ่านตรอกแคบ ๆ ไปยังด้านในของเมืองที่หมายของพวกเขาคือ — โรงละครสัตว์ใต้ดินซึ่งว่ากันว่าสะสมสิ่งมีชีวิตประหลาดไว้มากกว่ารัฐบาลราชสำนักเสียอีกภายใต้โคมไฟน้ำมันที่ส่องไหวริบ ๆ เจ้าของโรงละครออกมาต้อนรับชายวัยกลางคนตัวเตี้ย ร่างอ้วนท้วน ใบหน้าคล้ายลูกหมู ผูกผ้าพันคอแดงทับเสื้อกำมะหยี่เก่าแก่“เจ้าพาสิ่งนั้นมาหรือยัง?” เขาถามเสียงขุ่น “ข้าจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวังนะ...แบร์กตัน”แบร์กตันโบกมือผ้าคลุมกรงถูกเปิดออก...เผยให้เห็นเพียงเเค่คนเเคระคนนึงเท่านั้น“ไม่มี!?” เจ้าของโรงละครร้องเขาก้าวไปจนหน้าดำหน้าแดง “เจ้ากล้าหลอ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #18 เสียงที่ล่อลวง

    สายลมจากทะเลพัดโชยผ่านใบไม้หนาทึบ กลิ่นเกลือและไอชื้นของป่าไหลเข้าปะทะจมูก แต่นีน่าไม่แม้แต่จะหายใจลึก หัวใจเธอมีเพียงความเร่งรีบ"มาริเบล...ต้องรอด"น้องสาวของนางนอนอยู่ในถ้ำเล็กริมชายหาด ดวงตาร้อนผ่าว ผิวที่เคยสดใสเริ่มซีดจางจากพิษของบาดแผลขณะหลบหนี แม้นีร่าจะใช้ความรู้จากเผ่าตนรักษาเบื้องต้น แต่สมุนไพรที่ต้องการมีเฉพาะในป่าภายในเกาะ ซึ่งแปลกและไม่คุ้นเคยนางจำตำราได้ว่า ใกล้ภูเขาใจกลางเกาะนี้เคยมี “ดอกวารีทอง” — ดอกไม้ขนาดเล็กที่มีกลีบสีเงินสลับทอง ผสมกับราก "เฟินน้ำเที่ยงคืน" แล้วบดกับเกลือ จะถอนพิษจากบาดแผลลึกได้“นางจะต้องไม่เป็นอะไร…” นีร่าพึมพำในใจ ขณะฝ่าไผ่รกและเลื้อยไม้ขึ้นสู่แนวเขาเล็กแต่ทันทีที่นางไปถึงลำธารกลางป่า...เสียงบางอย่างก็ดังขึ้น—เสียงเพลงแผ่วเบา แฝงความเศร้าโศก ราวเสียงร้องของหญิงสาวใต้ผิวน้ำนีน่าหยุดชะงัก หางตากวาดไปรอบ ๆ — ไม่มีใครแต่ผิวน้ำสั่นเบาเหมือนมีบางสิ่งตื่นขึ้นจากก้นลึก> “...ผู้หลงทางในความมืด… กลิ่นเลือดเจ้าช่างหวานนัก…”เสียงนั้นกระซิบในหัว ไม่ใช่เสียงมนุษย์ ไม่ใช่เงือกธรรมดาทันใดนั้น ผิวน้ำก็แตกกระจาย ร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมา—เงือกสาวผิวซีดจ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #17 คำสาปในเกาะลึกลับ

    แสงจันทร์ส่องลงมากระทบลานหินกลางป่าลึก เงาไม้โยกไหวตามแรงลม คืนนี้เงียบผิดปกติ—เงียบเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของผู้ถูกจับไอล่าและรัฟเฟอร์นั่งอยู่กลางวงพิธี แขนทั้งสองข้างถูกมัดด้วยเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยอักขระโบราณ พวกเขาไม่ได้ถูกทำร้าย ไม่แม้แต่รอยขีดข่วนบนร่างกาย...แต่หัวใจกลับสั่นสะท้านด้วยสิ่งที่มองไม่เห็นเพราะรอบตัวพวกเขา...ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลยมีเพียง "เงา" — เงาบางเบาของสิ่งที่เคยมีชีวิตเสียงสวดมนต์ต่ำ ๆ ดังขึ้นจากทุกทิศ เสียงนั้นไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นเสียงกระซิบของลมหายใจในอดีต เสียงของวิญญาณที่เคยมีเลือดเนื้อ และบัดนี้...หลงเหลือเพียงเศษความตายที่ยังไม่สงบ"พวกมัน...ไม่มีร่าง" รัฟเฟอร์กระซิบเบาไอล่าหันมามอง สีหน้าซีดเผือด "แต่ยังมีเจตจำนง"จู่ ๆ อากาศรอบกายเย็นวาบ ลมหอบหนึ่งพัดผ่าน ก่อนที่แสงสีฟ้าหม่นจะก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของหญิงชราโบราณ ใบหน้าซีดเผือดดั่งกระดูก ห้อยลอยอยู่เหนือพื้นเพียงนิ้วเดียว ดวงตาขาวขุ่นไร้แววชีวิต แต่มองตรงมาราวกับมองทะลุหัวใจ“เจ้าจะเป็นสะพาน...” เสียงนั้นดังกังวานโดยไม่มีปากขยับ“สะพานเพื่อพวกข้า...จะกลับมาอีกครั้ง”แท่นหิ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #16 เผ่าที่โดนสาป

    เปลวแดดยามสายส่องทะลุม่านเมฆครึ้ม ปลายหางเรือเล็กแหวกผืนน้ำอย่างเงียบงัน อีธานนั่งนิ่งบนหัวเรือ สายตาคมใต้คิ้วเข้มทอดมองไปยังผืนป่าแน่นทึบบนเกาะร้างเบื้องหน้า"ตรงนี้แหละ" เสียงไอล่าเอ่ยพลางหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นดู เธอชี้ไปยังฝั่งที่มีโขดหินเรียงตัวคล้ายประตูธรรมชาติ "ฉันเห็นรอยเท้า...มันมุ่งเข้าไปด้านใน"อีธานพยักหน้า รอยแผลบนแขนยังไม่ทันแห้งดี แต่เขาไม่อาจรอให้บาดแผลสมานก่อน รอยเลือดของพวกโจรสลัดยังเปรอะเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้า กลิ่นคาวยังติดปลายจมูก — มันคือเครื่องเตือนใจว่าเขาต้องเร็วขึ้นอีก ก่อนจะสายเกินไปลูกเรืออีกคนที่ยังเหลือ—ชายร่างสูงชื่อรัฟเฟอร์—เป็นคนเงียบขรึม แต่ซื่อสัตย์ เขาหิ้วสัมภาระตามหลัง ไม่เอ่ยถ้อยคำใด นอกจากพยักหน้าอย่างพร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่สามคนขึ้นฝั่ง ใต้ร่มไม้เงียบงัน เย็นยะเยือกผิดกับแสงแดดข้างนอก เสียงใบไม้แห้งลั่นกรอบใต้เท้า พร้อมกลิ่นดินชื้นที่คละเคล้ากลิ่นเกลือทะเล"หยุดก่อน..." เสียงอีธานเบาและกดต่ำ ขณะเขาย่อตัวลง มือหนาแตะบางสิ่งบนพื้นมันคือหยดเลือด...เล็กแต่ยังสดไอล่าถลาเข้ามาอย่างเร็ว "เลือดเหรอ?"อีธานไม่ตอบ เขายืนนิ่ง ขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเขาสั่นไหว.

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #16 บาดเเผล

    แสงจันทร์สาดสีเงินลงเหนืออ่าวลับ เงาน้ำพลิ้วไหวใต้ผืนฟ้ายามค่ำคืน ท่ามกลางความเงียบงันที่แทบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ข้าค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นจากแอ่งน้ำข้างหาด ดินเหนียวเปรอะขา เท้าของข้าเหยียบลงไปบนผืนทรายที่เย็นชื้นเท้า—ไม่ใช่หางเงือกอีกต่อไปข้ามองปลายขาตัวเองอย่างอึ้งงัน ผิวเนื้อที่เคยเป็นเกล็ดทองสะท้อนแสงบัดนี้กลายเป็นผิวมนุษย์เรียบเนียน ซีดขาวด้วยไอเย็นของน้ำและความเหน็ดเหนื่อยข้าไม่รู้ว่าสิ่งใดเปลี่ยนร่างข้ากับน้อง…บางที อาจเป็นเวทมนตร์ของโพรงน้ำใต้เกาะ หรือบางสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ> “พี่…” เสียงเบาเรียกจากข้างหลัง ข้าหันไปเห็นมาริเบลกำลังพยายามพยุงตัวลุกขึ้นเช่นกัน“ข้า…ข้าก็มีเท้าเหมือนเจ้าแล้ว”ข้าประคองนางขึ้นจากน้ำ ดวงตานางเบิกโพลง ขณะจ้องมองปลายเท้าตัวเองเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งเห็นโลกเป็นครั้งแรก ผมของนางเปียกปอนแนบแก้ม หยดน้ำยังเกาะตามขนตาคล้ายหยดน้ำตาข้าจับมือนางไว้แน่น> “เรายังมีชีวิตอยู่ และนั่น…คือสิ่งเดียวที่สำคัญ”สายลมยามค่ำคืนพัดหอบเอากลิ่นทะเล กลิ่นดิน กลิ่นมอส และกลิ่นไม้ผุจากป่าด้านหน้าเข้ามา ด้านหลังของเราคือผืนน้ำกว้างใหญ่เบื้องหลังภูเขาหินสูงชัน ไม่มี

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #15 เกาะที่ไร้ชื่อ

    เพลิงลุกไหม้ยอดไม้ โหมกระท่อมริมฝั่งทะเลสาบให้กลายเป็นเศษเถ้าดำราวสรวงสวรรค์เคยทอดทิ้งที่นี่ไปนานแล้ว...ข้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใต้แสงสีส้มของความสูญเสียข้ารู้สึกราวกับห้วงเวลาหยุดหมุนในชั่วครู่ที่สายตาจับจ้องไปยังร่างหนึ่งบนพื้น—เรน ชายผู้เคยเป็นทั้งเพื่อน ทั้งรัก และบัดนี้…เป็นเพียงซากอดีตที่ไร้คำแก้ตัวเสียงสะอื้นของนีร่าดังแผ่วอยู่เบื้องหลัง หยดน้ำตาสีดำยังร่วงทีละหยดลงสู่ผืนดินที่เปียกชื้นจากทั้งฝนที่เพิ่งจางหาย และเลือดที่ยังไม่แห้งข้าอยากยื่นมือไปปลอบนางแต่ข้ากลับยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น...เพราะบางความเจ็บ ก็ไม่มีถ้อยคำใดปลอบประโลมได้> “อีธาน…”เสียงนางเบาเหมือนเสียงคลื่นลมที่ซัดชายฝั่งข้าหันมาช้า ๆ และสบตากับนางดวงตาคู่นั้น—แม้จะยังงดงาม—กลับเต็มไปด้วยร่องรอยของการแตกสลาย> “ข้า…เหนื่อยเหลือเกิน…”นางเอ่ยก่อนจะซบหน้าลงบนบ่าข้า ข้าได้แต่ยกแขนขึ้นโอบประคองแผ่นหลังบางเอาไว้แน่น มาริเบลยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ร่างเล็กที่เปื้อนเลือดและดินเงยหน้ามองพี่สาวอย่างเงียบงัน น้ำตาของนางไม่ไหล…เพราะนางไม่เหลือแม้แรงจะร้องไห้อีกแล้วข้าอยากให้คืนวันสงบกลับมา แต่ในโลกนี้—มันไม่เคยง่ายเช่นนั้นเพร

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status