Home / โรแมนติก / SiRen เงือกสาว ผจญภัย / #14 เกาะที่ไร้ชื่อ

Share

#14 เกาะที่ไร้ชื่อ

last update Last Updated: 2025-06-18 15:23:51

เพลิงลุกไหม้ยอดไม้ โหมกระท่อมริมฝั่งทะเลสาบให้กลายเป็นเศษเถ้าดำราวสรวงสวรรค์เคยทอดทิ้งที่นี่ไปนานแล้ว...

ข้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใต้แสงสีส้มของความสูญเสีย

ข้ารู้สึกราวกับห้วงเวลาหยุดหมุนในชั่วครู่ที่สายตาจับจ้องไปยังร่างหนึ่งบนพื้น—เรน ชายผู้เคยเป็นทั้งเพื่อน ทั้งรัก และบัดนี้…เป็นเพียงซากอดีตที่ไร้คำแก้ตัว

เสียงสะอื้นของนีร่าดังแผ่วอยู่เบื้องหลัง หยดน้ำตาสีดำยังร่วงทีละหยดลงสู่ผืนดินที่เปียกชื้นจากทั้งฝนที่เพิ่งจางหาย และเลือดที่ยังไม่แห้ง

ข้าอยากยื่นมือไปปลอบนาง

แต่ข้ากลับยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น...เพราะบางความเจ็บ ก็ไม่มีถ้อยคำใดปลอบประโลมได้

> “อีธาน…”

เสียงนางเบาเหมือนเสียงคลื่นลมที่ซัดชายฝั่ง

ข้าหันมาช้า ๆ และสบตากับนาง

ดวงตาคู่นั้น—แม้จะยังงดงาม—กลับเต็มไปด้วยร่องรอยของการแตกสลาย

> “ข้า…เหนื่อยเหลือเกิน…”

นางเอ่ยก่อนจะซบหน้าลงบนบ่าข้า ข้าได้แต่ยกแขนขึ้นโอบประคองแผ่นหลังบางเอาไว้แน่น มาริเบลยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ร่างเล็กที่เปื้อนเลือดและดินเงยหน้ามองพี่สาวอย่างเงียบงัน น้ำตาของนางไม่ไหล…เพราะนางไม่เหลือแม้แรงจะร้องไห้อีกแล้ว

ข้าอยากให้คืนวันสงบกลับมา แต่ในโลกนี้—มันไม่เคยง่ายเช่นนั้น

เพราะแล้วในขณะที่แสงเพลิงยังไหวริบไหวยามค่ำ คืนที่ควรเงียบสงบหลังบทอวสานแห่งความรุนแรง กลับปรากฏเสียงระเบิดดังก้องจากเบื้องทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบ

> “ปึงงง!!!”

ผืนน้ำกระเพื่อมไหว เสียงตะโกนและเสียงกลองโทนดังขึ้นราวกับลั่นฆ้องศึก ข้าตวัดสายตาไปทันที ร่างของนีร่าผงะเงยหน้ามองตามด้วยความตื่นตระหนก

> “นั่น…นั่นเสียงปืนใหญ่!”

> “เราถูกจู่โจมอีกแล้ว!”

หนึ่งในเงือกสาวตะโกนขึ้น ขณะที่ร่างของพวกนางต่างแตกตื่นอีกครั้ง

ท้องทะเลเบื้องหน้ากำลังถูกผ่าออกด้วยเงาทะมึนของเรือใหญ่—เรือสำเภาสามเสา ธงดำปลิวไสวกลางลม กลางหัวธงปักตราหัวกะโหลกสองดาบไขว้ เสียงคำรามของลูกเรือดังกระหึ่มบนดาดฟ้า

> “เรือ…ของโจรสลัด!?”

ข้ากัดฟันแน่นในทันใด ดวงตาสอดแนมผ่านเปลวไฟไปยังร่างสูงใหญ่บนหัวเรือ—ร่างนั้นยืนมั่นคงไม่ไหวเอน เส้นผมยาวประบ่าถูกลมพัดปลิว เสื้อคลุมหนังเสือคลุมไหล่ หนวดเคราดำเข้มบดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง และตาข้างหนึ่งเป็นเพียงรอยแผลปิดทับด้วยแผ่นหนังดำ

> “กัปตันแบร์กตัน…” ข้าเอ่ยชื่อต้องห้าม—เสียงข้าสั่น

โจรสลัดผู้เป็นตำนานแห่งน่านน้ำใต้ ชายผู้ไม่มีหัวใจและไม่รู้จักความเมตตา

> “นีร่า! เจ้าและมาริเบลรีบหนีไป!” ข้าตะโกนขึ้น ก่อนจะยกดาบขึ้นมาเบื้องหน้า

> “ไม่…ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไว้” นางกระชับมือมาริเบลแน่น ดวงตายังคงไหลหยดน้ำตาดำอย่างไม่หยุดหย่อน แต่นางกลับไม่แสดงความอ่อนแออีก

เสียงแตรเป่าเรียกลูกเรือดังก้อง

เรือเทียบฝั่งอย่างรวดเร็วด้วยทักษะชำนาญของลูกเรือแบร์คตัน

และร่างนั้น—กัปตันแบร์กตัน—ก็ก้าวลงสู่ผืนทรายโดยไม่หวั่นไหวแม้เศษเถ้าจะยังลอยฟุ้งกลางอากาศ

> “เจ้าเป็นใครกัน ข้าจำไม่ได้ว่ามีชื่อเจ้าอยู่ในเส้นทางการล่าของข้า…” แบร์กตันเอ่ยเสียงต่ำ กระบี่โค้งข้างเอวส่องประกายราวเขี้ยวอสรพิษ

ข้ายืดตัวตรง พยายามกลืนคำกลัวลงคอ

> “แต่ชื่อของข้า จะสลักในดวงตาเจ้าก่อนตะวันรุ่ง—ถ้าข้าต้องตายตรงนี้ ก็จะตายเพื่อปกป้องพวกนาง”

แบร์กตันหัวเราะเบา ๆ—เสียงหัวเราะที่ปราศจากมวลความเมตตาใด ๆ ทั้งสิ้น

> “ความรักหรือ? ช่างน่าสมเพช…”

เขาคว้ากระบี่ออกจากฝักอย่างเชื่องช้า แสงจากเพลิงสะท้อนคมโลหะเหมือนเลือดสด

และในค่ำคืนนั้น—

กลางหมู่บ้านเงือกที่กำลังจะกลายเป็นตำนานเถ้าธุลี เสียงปะทะของดาบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

โลหะกระทบดังกังวาน เสียงฝีเท้าโถมใส่กันท่ามกลางควันไฟ ความเจ็บปวด และอดีตที่หลอกหลอน...

แต่คราวนี้...ข้าจะไม่ยอมให้ความรักต้องสูญเสียอีกแล้ว ไม่ว่านี่จะเป็นศึกสุดท้าย หรือเพียงบทเริ่มต้นของฝันร้ายครั้งใหม่

ข้า—นีร่า—กำมือของมาริเบลแน่นยิ่งกว่าทุกครา

เรือนร่างของน้องข้ายังบอบบาง มือขาวซีดที่เคยว่ายน้ำเก่งกาจ บัดนี้กำลังสั่นระริกด้วยแรงเจ็บจากบาดแผล

> “พี่...พี่จะพาเราไปที่ใด…” นางเอ่ยเสียงแผ่ว ร่างน้อยสะดุดกับรากไม้เบื้องหน้า

> “ที่ใดก็ได้ที่แสงไฟของพวกมันไปไม่ถึง” ข้าตอบ ทั้งที่ในใจยังไม่รู้แม้กระทั่งทิศทางที่จะวิ่งต่อ

เบื้องหลังนั้น...เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของพวกโจรสลัดไล่ตามมาไม่ห่าง

พวกมันย่ำลงบนพื้นดินอย่างไม่ปรานี พร้อมเสียงคำรามต่ำราวกับสัตว์ป่า—พร้อมฉุด พร้อมฆ่า หากพวกข้าถูกพบ

สายลมเย็นยามค่ำพัดเอากลิ่นควันไฟและเหล็กไหม้มาปะทะจมูก

เสียงเปลวไฟแตกตัวอยู่เบื้องหลังประหนึ่งจะเผาชีวิตและอดีตของพวกข้าให้กลายเป็นเพียงผงธุลี

> “รีบ!” ข้ารั้งมาริเบลให้ก้าวเท้าต่อไปอย่างรวดเร็ว

เท้าเปล่าของเราสองพี่น้องเหยียบย่ำไปบนพื้นทรายหยาบกร้าน ก่อนจะมุดเข้าเขตป่ารกร้างซึ่งเคยเป็นทางลับสู่บึงน้ำต้องห้าม

ต้นไม้สูงชะลูดต้อนรับพวกข้าด้วยเงามืด

กิ่งไม้เกี่ยวผ้าคลุมของข้าจนหลุดรุ่ย ผมยาวเปียกชื้นของข้ากระเซิงจนบดบังวิสัยทัศน์

แต่มือข้ายังไม่ยอมปล่อยมาริเบลแม้เพียงชั่วครู่

> “พี่ นั่น…” เสียงน้องนางเบาเหมือนเสียงลม

ข้ามองตามปลายนิ้วนาง—เห็นเงาเสาไม้ผุ ๆ โผล่ขึ้นจากพงหญ้าด้านหน้า นั่นคือ สะพานเก่า…แต่สะพานนั้นพังครึ่งซีก

ไม้ผุจนเห็นโพรงด้านล่างเป็นน้ำลึกกรัง ลำธารเล็กที่หลบซ่อนตัวเงียบงันในความมืด

ข้าไม่แน่ใจว่ากระโดดลงไปจะเจอสิ่งใด…

แต่หากยังลังเลอยู่ตรงนี้ อีกไม่เกินหนึ่งลมหายใจ พวกมันจะตามมาทันแน่นอน

> “จับข้าไว้แน่น ๆ อย่าหวั่นไหว” ข้ากระซิบ ก่อนจะดึงนางมากอดแนบอก

แล้วข้าก็กระโจนลงไป—ร่างทั้งสองพุ่งผ่านอากาศ

เสียงลมหวิวอยู่ข้างหู ก่อนจะ ตู้มมม! เสียงร่างเรากระทบน้ำเย็นจัด

ความเย็นเฉียบกัดร่างข้าทันที

มาริเบลกอดข้าแน่น เราสองพี่น้องดำลงสู่ความมืดของสายน้ำที่เคยเป็นบ้าน แต่บัดนี้กลับเย็นชาไร้ไอรัก

ข้าว่ายฝ่าความมืดลงสู่โพรงใต้น้ำ—หวังว่ามันยังไม่ถูกทับถมไปตามกาลเวลา

> “อีกนิดเดียว…ทนไว้…” ข้ากระซิบกับนาง

ในใจ ปอดของข้าเริ่มตึง ร่างเริ่มชา และแสงริบหรี่ที่ปลายโพรงน้ำคือสิ่งเดียวที่ข้ายึดไว้ไม่ให้จม

ในที่สุด...

ข้าก็โผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำอีกฝั่งหนึ่ง—เป็นอ่าวเล็กที่เงียบงัน ห่างไกลจากเสียงระเบิดและกรีดร้อง

ข้าหอบหายใจแรง กอดมาริเบลไว้แน่น—นางยังคงไอจนน้ำตาไหล

> “พี่...เรารอดหรือ” นางถามทั้งที่เสียงยังสั่น

> “ยังไม่…แต่เรากำลังจะ” ข้ากระซิบตอบ ก่อนจะหันมองผืนทะเลที่มืดมิดเบื้องหน้า

ข้ายังไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะพาไปที่ใด—แผ่นดินใหม่? หรือนรกอีกบท?

แต่ตราบใดที่มือข้ายังจับมือมาริเบลไว้ได้...

ข้าจะหนีให้พ้นแม้ต้องแลกด้วยลมหายใจสุดท้ายของตน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #62 กำเนิดราชินีองค์ใหม่

    อุโมงค์หินใต้ดินคดเคี้ยวและแคบจนแทบต้องคลาน รอยสลักเวทมนตร์เรืองแสงสีน้ำเงินริบหรี่เป็นระยะ แสงจากเปลวไฟพกพาทำให้เงาทั้งสามยาวยืดบนผนังเหมือนปีศาจในตำนานคาเอลหอบเบาๆ ขณะคลานตามหลังดราน “อย่าเข้าใจผิดนะ ข้าไม่กลัวที่มืด...แค่ไม่ค่อยถูกกับที่ที่ มีอะไรดุกว่าข้าอยู่ข้างหน้า เท่านั้นเอง”“เงียบหน่อย” ดรานสบถเบาๆ “เสียงสะท้อนมันดังไกลมากที่นี่”“โอเค โอเค ข้าจะเงียบ…หลังจากบอกว่าเข่าข้าไปบี้หอยที่พื้นนี่เข้าแล้วแน่ๆ มันแหลมเหมือนมีความแค้น!”นีร่าอดหัวเราะไม่ได้ “นี่ถ้าติดเกราะเหมือนเงือกที่เมืองใต้น้ำ คงรอดหอยได้ล่ะมั้ง”คาเอลยักคิ้วให้ทั้งคู่ แม้ในความมืด “พวกนั้นเกล็ดหนา ฉันแค่...บางกว่า นุ่มกว่า เรียกได้ว่าเป็นเงือกฉบับขนมปังปิ้ง”ดรานหลุดขำจมูก “เงือกขนมปังปิ้งเนี่ยนะ”“ใช่ และขนมปังปิ้งจะพาคุณรอดจากความตายได้ทันใดนั้น แผ่นหินใต้เท้าพังครืดลง! ทั้งสามร่วงลงไปในโพรงเบื้องล่าง ก่อนจะกระแทกพื้นน้ำตื้นเสียงดัง ซ่า!นีร่าดีดตัวลุกขึ้นก่อน มือลูบน้ำออกจากตา “ทุกคนปลอดภัยไหม!?”“ขาอยู่ แขนอยู่” ดรานคราง“ข้าเจอน้ำ...แล้วก็หอยอีก” คาเอลพูดพลางดีดเปลือกหอยออกจากคอเสื้อ “เอาจริงนะ—ข้าเริ่มคิด

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #61ห้องขังเเห่งคำตัดสิน

    ทางเดินหินแคบเริ่มกว้างออกเป็นโถงใต้ดินสูง เสาแกะสลักเป็นรูปคล้ายสัตว์ทะเลยักษ์เรียงรายอยู่สองข้าง เสียงหยดน้ำสะท้อนก้องคล้ายเสียงหัวใจเต้นช้าๆ ลึกลงไปในพื้นดินคาเอลเดินช้าๆ พิงไหล่นีร่า บางครั้งเขาสะดุดเพราะบาดแผลที่ยังไม่หาย ดรานเดินนำ ถือคบไฟไว้ในมือแต่แล้ว...พรึ่บ!เปลวไฟดับลงกะทันหัน เหลือเพียงความมืดสนิทและลมเย็นเฉียบพัดผ่านเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากรอบทิศ ก่อนที่แสงจากโคมเวทมนตร์สีน้ำเงินจะลอยขึ้นเป็นวงรอบตัวพวกเขา ส่องให้เห็นร่าง บุรุษและสตรีในผ้าคลุมสีเทาอมน้ำเงิน หน้ากากเรียบไร้อารมณ์ ตรงกลางหน้าผากมีเครื่องหมายสลักเป็นเกล็ดปลากลับหัว“หยุดอยู่ตรงนั้น” เสียงหนึ่งกล่าว—ราบเรียบแต่น่าเกรงขามดรานชักดาบ แต่มือแข็งค้างกลางอากาศ ราวกับถูกตรึงไว้ด้วยเวทบางอย่าง นีร่าก้าวไปขวางหน้า“เรามาเพื่อตามหาความจริง ไม่ได้หมายจะทำลายอะไรทั้งนั้น!”ชายผู้สวมหน้ากากยกมือขึ้น—และพื้นใต้เท้าก็เปิดวูบ---ห้องขังใต้โถงพิพากษาแสงเพลิงเย็นสีฟ้าจุดขึ้นตามซอกหิน พวกเขาถูกขังในห้องหินทรงกลม มีประตูเหล็กสูงกว่าเกือบสามเมตร คาถาป้องกันซับซ้อนจนดรานไม่กล้าแตะต้องคาเอลนั่งซบผนัง ดวงตาหลับลงครู่หนึ่ง

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #60 มนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนสภาพ

    หมู่บ้านริมผา – เวลาสองยามเพลิงจากแนวคบไฟถูกจุดขึ้นรอบหมู่บ้าน เสียงเปลวไฟแตกพรึ่บพรับแข่งกับเสียงคลื่นที่เริ่มโหมกระหน่ำ พื้นดินสั่นเล็กๆ จนเด็กเล็กบางคนเริ่มร้องไห้ไอล่าคาดแหลงไว้ข้างเอว เดินตรวจแนวป้องกันกับอีธาน ก่อนหยุดตรงจุดที่น้ำทะเลเริ่มซึมเข้ามา“ครีบพวกมันเร็วขึ้นเรื่อยๆ...” ไอล่าพึมพำเสียงหวีดเบาๆ ดังแทรกอากาศ ราวเสียงไวโอลินขูดสายอย่างไม่ประสาน เสียงนั้นมาจากเรือดำที่ลอยเข้ามาใกล้จนเห็นได้ชัด — ไม่มีคนขับ ไม่มีเสียงฝีพาย แต่ค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาฝั่งเหมือนถูกดูดเข้ามาทันใดนั้น เสียงคล้ายแตรเป่า — แต่ทุ้มต่ำและสะท้อนก้องเหมือนเปลือกหอยยักษ์ — ดังขึ้นจากทะเล“พวกมันเริ่มพิธีแล้ว!” อีธานร้อง “ถ้าเราไม่ขัดจังหวะตอนนี้ มันจะเปิดประตูขึ้นมาจริงๆ!”“ประตูที่พวกเงือกเผ่าเก่าเคยผนึกไว้?” ไอล่าขมวดคิ้วอีธานไม่ตอบ แต่วิ่งไปหยิบคันศรประดิษฐ์พิเศษจากศาลาไม้ที่เก็บอาวุธกลางหมู่บ้าน หัวลูกศรทำจากหินสีฟ้า...เป็นของที่นีร่าเคยทิ้งไว้เขาหันไปหาไอล่า “ถ้านีร่ายังอยู่ เธอคงรู้ว่าจะทำยังไง...แต่ตอนนี้เราต้องลองเสี่ยง”ไอล่าหยิบคันธนูขึ้นมา “งั้นยิงไปที่เรือนั่นเลย?”อีธานพยักหน้าฟิ้ว!ลูกศ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #59 เเผนที่

    เปลวไฟจากคบไฟกระพริบสั่นไหวตามแรงลมทะเล ชาวบ้านกำลังช่วยกันกางแผงไม้เสริมแนวป้องกันรอบหมู่บ้าน หลายคนขุดดินทำคูน้ำหรือผูกตาข่ายลวดไว้กับทุ่นลอยตามแนวชายป่าไอล่าใช้มีดเล็กฝนปลายไม้แหลมอยู่ตรงลานหน้าบ้านอีธาน เสียงขูดเบาๆ ฟังแล้วเหมือนเสียงลมหอบ“ข้างศาลนั่น มีอะไรไหม?” เธอถามขณะตัดไม้โดยไม่มองหน้าเขาอีธานเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบ “มีเศษเปลือกหอย...แบบที่ไม่ควรอยู่บนฝั่ง และก็มีสิ่งนี้”เขายื่นชิ้นไม้แตกหักที่มีลวดลายแกะสลักคล้ายเกล็ดปลามนุษย์ บางส่วนถูกเผาจนดำ ไอล่ารับมาแล้วขมวดคิ้ว“นี่เป็นสัญลักษณ์ของเทพแห่งสมดุล” เธอพึมพำ “แต่กลับหัว”“เหมือนมีใครเจตนาให้คำอวยพรกลับกลายเป็นคำสาป” อีธานว่าเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เสียงฝีเท้าเบาๆ จะดังขึ้นจากแนวพุ่มไม้เด็กชายตัวเล็กๆ วิ่งเข้ามาหอบหายใจ หน้าเปื้อนฝุ่นดิน“อีธาน! ข้า...ข้าฝันแปลกๆ”อีธานลุกขึ้นทันที “ฝันอะไร ไค?”เด็กชายชื่อไคส่ายหน้าแล้วพูดเสียงสั่น “มีหญิงคนหนึ่ง...ผมยาวถึงเอว ตัวสีน้ำเงินเหมือนเงาในน้ำ เธอร้องเพลงเรียกข้า บอกให้...บอกให้กลับไปที่ทะเล”ไอล่ากับอีธานสบตากันโดยไม่พูด เด็กชายยังพูดไม่หยุด“ข้าตื่นขึ้นมาเจอน้ำเปียกที่ปลา

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #58 ผู้คนจากเมือง

    เสียงฝีเท้าดังสวบสาบของไอล่าหยุดลงหน้าประตูไม้ผุบ้านหลังหนึ่งที่ปลายหมู่บ้าน ท่ามกลางแสงยามเย็นสีทองอ่อน เธอยืนมองแผ่นไม้ที่เคยมีตราครอบครัวตรึงอยู่ แต่ตอนนี้เหลือแค่รอยไหม้ดำสนิทเป็นรูปนิ้วมือทั้งห้า“ที่นี่มันเคย...?” ไอล่าถามเสียงเบาอีธานพยักหน้า “บ้านของฉันเอง ถูกเผาเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่พวกโจรสลัดบุกมาปล้นครั้งใหญ่”ไอล่าหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง แล้วก้มหน้าลงช้าๆ “ขอโทษที่ถาม...”“ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว” เขายิ้มบางๆอย่างฝืน ก่อนหันกลับเดินไปยังลานกลางหมู่บ้านชาวบ้านเริ่มออกมารวมตัวกันหลังเสียงระฆังเตือนภัยเงียบสงบลง เด็กๆ วิ่งเล่นกันตามซอกทางแคบที่ปูด้วยหินเรียงตัวไม่เสมอ ผู้ใหญ่ต่างจับกลุ่มกระซิบกระซาบถึงข่าวลือเรื่องเรือโจรสลัดที่มีครีบปลาแหลมยื่นออกจากใต้ท้องเรือ“พวกมันไม่ใช่มนุษย์แล้ว...” ชาวประมงแก่คนหนึ่งกระซิบ “ฉันเห็นเองกับตา! มันว่ายอยู่ใต้น้ำ แล้วขึ้นมายืนบนเรือเหมือนผีทะเล!”“บ้าแล้ว แกเมาเหล้าต่างหาก!” ชาวบ้านอีกคนแย้ง แต่ก็ไม่มีใครหัวเราะตาม ทุกคนสีหน้าหนักเครียด ไม่เหมือนครั้งก่อนจู่ๆ เสียงเคร้งคร้างของโลหะก็ดังขึ้นที่ชายป่าด้านนอกหมู่บ้าน แล้วมีใครบางคนเดินโผล่ออกมาจา

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #57 พ่อค้าหาบเร่

    กลางคืนในหมู่บ้านชาวประมงที่พักชั่วคราวของพวกอีธาน ทะเลเบื้องหน้าเงียบสงัด ลมพัดโชยกลิ่นเค็มของเกลือ อีธานนั่งอยู่นิ่ง ๆ ริมฝั่ง จุดไฟไว้ข้างตัว เสียงเปลวไม้แตกดังเบา ๆ เคล้ากับเสียงคลื่นซัดฝั่งที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ“ยังไม่หลับเหรอ?” ไอล่าเดินเข้ามาช้า ๆ ชุดของเธอเปียกน้ำเล็กน้อย ดูเหมือนเพิ่งล้างตัวจากทะเลอีธานหันไปมองแล้วผงกหัวให้ เขาเคลื่อนตัวออกเล็กน้อยเป็นเชิงชวนให้นั่งด้วยกัน “นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ?”“ก็ใช่…” ไอล่าพูดเสียงเบา เธอนั่งลงข้าง ๆ ห่างจากเขานิดหน่อย “วันนี้ทั้งวันมันเงียบแปลก ๆ เหมือนพายุจะมา...แต่พอเงยหน้ามองท้องฟ้า กลับไม่มีเมฆเลย”“พายุที่เราไม่เห็น… มันน่ากลัวกว่าที่เราคิดนะ” อีธานพูดช้า ๆ ดวงตาสะท้อนเปลวไฟ เขาดูนิ่งมากกว่าปกติ“พูดเหมือนนักปรัชญาเลย” ไอล่าหัวเราะนิด ๆ พลางกอดเข่าตัวเอง “นายเคยมีคนรักไหม?”คำถามนั้นทำเอาอีธานชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่ตอบในทันที ไอล่าเห็นเขาเงียบไปก็ก้มหน้าหลบสายตา รีบพูดกลบเก้อ “เอ่อ ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะล้วงอะไรส่วนตัว”“มี…” เขาตอบเบา ๆ แต่ออกมาในโทนเสียงที่อบอุ่นอย่างประหลาด “เธอชื่อ…นีร่า”ไอล่าเงียบไปชั่วครู่ หัวใจเธอรู้ส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status