แชร์

Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี
Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี
ผู้แต่ง: เห็ดสีน้ำเงิน

บทที่ 1 น้ำมนต์กับคุณใส

ผู้เขียน: เห็ดสีน้ำเงิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-27 20:00:31

"อื้อ! ไล่ไปหรือยัง"

"ยังเลย...ขอเวลาอีกหน่อย"

สายลมอบอุ่นที่พัดลอดบานเกล็ดหน้าต่างห้องเรียนวาดเส้นของคณะศิลปศาสตร์ เทียบไม่ได้กับความร้อนแรงของชายหนุ่มสองคนที่กำลังประกบริมฝีปากกันอย่างดุเดือดที่มุมหนึ่งของห้อง

คนร่างสูงสวมชุดนักศึกษาตัวใหญ่ แขนเสื้อพับขึ้นถึงข้อศอกเพื่อความทะมัดทะแมง ที่ใบหูข้างหนึ่งสวมต่างหูสีดำใหญ่ เส้นผมหนาสีน้ำตาลแดงยิ่งทำให้เจ้าของร่างดูดุดันและเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน

คนตัวเล็กที่กำลังถูกกอดเอาไว้กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยที่ยังคงปิดเปลือกตาแน่นสนิท เสื้อผ้าเรียบร้อยก่อนหน้านี้ถูกทำให้ยับยู่ยี่ด้วยมือใหญ่จอมคุกคาม เขามีผิวขาวนวล แขนขาผอมแห้ง ไม่มีกล้ามเนื้อ ทำให้ไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของคนตัวโตได้

เส้นผมสีเข้มของร่างเล็กถูกเสยขึ้น เสียงลมหายใจของชายหนุ่มทั้งสองดังสลับกันไปมา หากแต่เสียงที่ออกมาจากชายร่างเล็กไม่ได้เป็นเสียงที่เปล่งเพราะความสุขสมกับสิ่งที่ทำ นัยน์ตาสั่นไหวกำลังจับจ้องไปยังร่างเงาทะมึนที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว

มันยังอยู่ตรงนั้นจริงๆ ด้วย!

วิญญาณคนตายปรากฏในรูปลักษณ์หญิงสาววัยกลางคน บนใบหน้าของเธอมีรอยฟกช้ำ ลูกตาข้างหนึ่งปูดโปนราวกับว่ามันจะหลุดออกจากเบ้าตาในอีกไม่ช้า

น้ำมนต์รู้สึกอยากจะเป็นลม เขาไม่ควรลืมตาขึ้นมองดวงวิญญาณตนนั้นเลยจริงๆ

มือเล็กตีอกชายร่างสูงที่กำลังตั้งสมาธิกับการฝังรอยเขี้ยวลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเมามัน

"อะ อื้อ!! ไล่ไปที...อื้อ!"

ชายร่างสูงไม่ได้สนใจคำพูดนั้นเสียเท่าไร เขาเพียงโอบคนตรงหน้าเข้ามาแนบชิด หมุนเอาหลังตัวเองชิดกำแพง เขาชี้นิ้วไปที่ร่างของผีสาวอย่างใจเย็นขณะสอดลิ้นเข้าไปในปากของคนร่างเล็กในอ้อมกอด เขาเคลื่อนปลายนิ้วไปทางหน้าต่าง ออกคำสั่งให้ผีสาวเจ้าถิ่นตนนั้นรีบไสหัวไปซะ!

หากดวงตาของผีสาวตนนั้นไม่ได้กำลังจะทะลักออกจากเบ้า เธอก็อยากจะกลอกตามองบนให้กับพฤติกรรมของชายหนุ่มหน้าไม่อายทั้งสองที่กำลังกอดกันกลม โดยไม่เกรงใจวิญญาณเจ้าถิ่นที่ยืนตัวซีดอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มร่างเล็กแลดูจะหวาดกลัวเธออยู่บ้าง แต่ชายตัวโตคนนั้นกลับดูสนุกสนานคึกคัก ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวรูปลักษณ์เละเทะของเธอ มิหนำซ้ำเขายังถือโอกาสใช้คนที่ตายไปแล้วมาเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์จากหนุ่มน้อยน่าสงสารคนนั้นอีก

ถ้าร่างวิญญาณยังพอมีเลือดไปเลี้ยงสมองอยู่บ้าง เธอคงต้องไมเกรนขึ้นจนหัวระเบิดตายอีกรอบเป็นแน่

วิญญาณสาวถอนหายใจออกมาเป็นเลือดสีแดงสด ร่างโปร่งทำปากขมุบขมิบด่าทอในใจ แล้วเลือกที่จะลอยทะลุบานหน้าต่างออกไปเอง อย่างน้อยไปหลอกคนอื่นน่าจะได้รีแอคชั่นที่ดีกว่าสองคนนี้...

ชายร่างสูงกระตุกยิ้มเมื่อร่างของผีสาวจากไป ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือปลาหมึกของตนออกจากน้ำมนต์เสียที

"เธอไปแล้วหรือยังคุณใส?" น้ำมนต์พยายามเปล่งเสียงพูดอย่างยากลำบาก

"ยังๆ ...จุ๊บๆ ...ยัยผีตัวนี้มันฤทธิ์เยอะโคตรเลย!"

ผ่านไปพักใหญ่ คุณใสก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ แทบไม่เว้นจังหวะให้น้ำมนต์หายใจหายคอ นั่นทำให้ชายตัวเล็กรับรู้ได้ว่าตนกำลังถูกกลั่นแกล้งอีกตามเคย

น้ำมนต์ออกแรงดันอกคุณใสออกไป แต่อีกฝ่ายก็ยังดื้อดึงและเกาะหนึบแผ่นหลังของร่างเล็กเอาไว้ ราวกับแปะกาวสองหน้าเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น

"อย่ามองๆ !!... ผู้หญิงนั่นตาหลุดออกมาแล้ว!!"

ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เนื่องจากถูกปิดตาเอาไว้ ทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ใช่แล้ว...เหตุที่ทำให้สองหนุ่มที่ต่างกันสุดขั้วอยู่ร่วมกันได้ยาวนานขนาดนี้ เป็นเพราะทั้งสองมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกัน พวกเขาสามารถมองเห็นดวงวิญญาณของคนตายได้

สำหรับคุณใสผีสางพวกนั้นแทบไม่อยู่ในสายตา แต่ไม่ใช่กับน้ำมนต์ ภาพน่ากลัวเหล่านั้นไม่ส่งผลดีต่อคนขี้กลัวอย่างเขา ดังนั้นถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากเห็นภาพน่าสยดสยองเหล่านั้นอีกแล้ว

คุณใสฉีกยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดหยุดดิ้น และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาก้มลงขบใบหูของอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยว

คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง ทว่าก่อนที่จะได้แหกปากร้อง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องเรียน

"พวกนายสองคนไม่ควรทำเรื่องอย่างว่าในห้องเรียนนะ"

หญิงสาวในชุดนักศึกษาเอ่ย เธอชี้นิ้วไปข้างหลัง ซึ่งมีกลุ่มนักศึกษาหลายสิบคนกำลังทยอยเดินมาทางห้องเรียน

ร่างเล็กถือโอกาสที่คุณใสเผลอสลัดออกจากอ้อมกอด แน่นอนว่าผีสาวตนนั้นหายไปแล้ว เป็นอย่างที่เพื่อนสาวของเขาว่า นักศึกษาในสาขาคนอื่นๆ กำลังเดินมาทางนี้แล้ว หากพวกเขาสองคนไม่ผละออกจากกัน พวกเพื่อนๆ ในสาขาคงได้เห็นเดือนสาขา และคนที่เกือบจะได้เป็นเดือนสาขา ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในห้องเรียนวาดเส้นเป็นแน่

"นายแกล้งฉันอีกแล้ว" ใบหน้าของน้ำมนต์เปลี่ยนเป็นสีแดง เพราะความโกรธและอับอาย

คุณใสผิวปากทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาหันไปทำความรู้จักกับหุ่นรูปปั้นเดวิดแทน

เอาอีกแล้ว...ไม่ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้อีกกี่ครั้ง ในท้ายที่สุดแล้วมันก็มักจะจบลงที่น้ำมนต์ถูกคุณใสแกล้งอีกตามเคย...ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา น้ำมนต์ก็มักจะเป็นฝ่ายที่แพ้อยู่เสมอ

ความสัมพันธ์ประหลาดๆ นี้ เริ่มต้นตั้งแต่ที่น้ำมนต์และคุณใสอายุได้เพียง 7 ขวบ

เพราะพ่อและแม่ของทั้งสองเป็นเพื่อนเก่ากันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย มันจึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่จะทำให้น้ำมนต์และคุณใส่เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก

แทนที่พวกเขาทั้งสองจะได้เติบโตเป็นเพื่อนรักที่ดีต่อกัน มันกลับกลายเป็นความสัมพันธ์แบบสองเพื่อนซี้ที่แทบจะตีกันตายในทุกๆ วัน คนหนึ่งแกล้ง คนหนึ่งวิ่งหนี พอวิ่งจนเหนื่อยร่างเล็กก็จะยอมเดินกลับไปให้โดนแกล้งอีกครั้ง วนลูปอยู่เช่นนี้

ทุกครั้งที่ถูกแกล้ง น้ำมนต์จะรู้สึกโกรธอยู่ประมาณสามวินาที แล้วก็กลับไปเดินตามคุณใสต้อยๆ หลายคนอาจคิดว่าน้ำมนต์เป็นพวกเจ็บแล้วไม่จำ แต่เปล่าเลย เป็นเพราะลึกๆ แล้ว น้ำมนต์รู้ดีว่าคุณใสเป็นคนเช่นไร แม้จะขี้แกล้งไปบ้าง แต่เขาก็มีส่วนที่อ่อนโยนและใจดีเช่นกัน

อย่างที่รู้กันว่าน้ำมนต์และคุณใสสามารถมองเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติได้ จะต่างก็ตรงที่ผลกระทบที่ในชีวิตประจำวัน สำหรับคุณใสวิญญาณพวกนั้นไม่ได้น่ากลัวอะไร เรียกได้ว่าแทบจะเป็นธาตุอากาศเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา แต่กับน้ำมนต์ วิญญาณเหล่านั้นไม่เคยให้เกียรติ มีแต่จะกลั่นแกล้ง และทำให้เขาพบเจอกับเรื่องอันตราย สิ่งที่เด็กชายตัวเล็กๆ จะทำได้ก็มีเพียงการวิ่งหนีจากสิ่งน่ากลัวเหล่านั้น และคนที่ช่วยเขาไว้ก็คือคนขี้แกล้งอย่างคุณใสนั่นเอง

นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองตัวติดกันตั้งแต่ยังเล็ก ที่ไหนมีน้ำมนต์ ที่นั่นมีคุณใส เป็นเช่นนี้เสมอมา

เวลาล่วงเลยผ่านไป น้ำมนต์ได้เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับคุณใส ด้วยปัญหาด้านการเงิน และอีกหลายๆ อย่าง แม้จะไม่มีทางเลือกมากนัก น้ำมนต์ก็ไม่รู้สึกเสียใจ หากจินตนาการว่าในชีวิตวันพรุ่งนี้ของเขาไม่มีคนขี้แกล้งอย่างคุณใสอยู่ข้างๆ นั่นคงน่าเศร้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

บางทีน้ำมนต์อาจจะคิดไปเอง แต่คุณใสดูชอบอกชอบใจ ที่จะได้พกของเล่นแก้เบื่ออย่างน้ำมนต์ไปเรียนที่มหาลัยด้วยตลอดเวลา

น้ำมนต์ไม่ได้เกลียดคุณใส กลับกัน เขารู้สึกปลอดภัยจากพวกวิญญาณเมื่ออยู่ใกล้คุณใส ราวกับออร่ารอบตัวชายคนนี้เป็นโล่ที่ป้องกันไม่ให้สิ่งไม่ดีเข้ามาใกล้ แม้มันจะต้องแลกกับการถูกแกล้งและถูกเอาเปรียบก็ตาม

แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมพวกเขาสองคนถึงต้องไปจูบกันในห้องเรียน จนทำให้คุณผีสาวเจ้าถิ่นถึงกับต้องเนรเทศตัวเองออกไปนอกระเบียง

น้ำมนต์จำได้ว่าข้อตกลงแปลก ๆ ของพวกเขาสองคนเริ่มขึ้นในวันแรกของการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา คนมักจะคิดและพูดกันปากต่อปากว่าถ้าเจอเรื่องโชคร้าย เรื่องเหนือธรรมชาติ อย่างการดวงตกหรือโดนวิญญาณร้ายคุกคาม ให้หันไปพึ่งพาศาสนา การกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น

อันนี้น้ำมนต์ขอเถียงสุดชีวิต

การสะสมแต้มบุญเพื่อหนีจากเหล่าวิญญาณร้ายเป็นเรื่องที่ผิดถนัด

ลองเปรียบวิญญาณเป็นคนปกติที่โหยหาในอำนาจและเงินทอง ในขณะที่บุญกุศลคือเม็ดเงินจำนวนมหาศาล หากคุณสะสมเงินจำนวนมาก โอบอุ้มมันไว้กับตัว คุณคิดว่าเหล่าผู้ที่โหยหาความมั่งคั่งเหล่านั้นจะวิ่งหนีจากคุณไปงั้นหรือ ไม่...พวกเขาจะพุ่งเข้ามาหาคุณหนักกว่าเดิมมากกว่า

การถูกวิญญาณผ่านร่างไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะหากโดนมากเข้าอาจจะมีผลกระทบถึงชีวิต เชื่อเถอะ...น้ำมนต์ไม่อยากนอนป่วยเป็นเดือน โดยที่แพทย์ไม่สามารถหาทางรักษาได้อีกแล้ว

ความซวยคือ ในวันปฐมนิเทศต้องมีการจัดกิจกรรมอย่างหนึ่ง นั่นคือการกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของมหาวิทยาลัย น้ำมนต์ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้มตอนที่ถูกลากไปเข้าแถวเรียงอยู่หน้าศาลาไม้ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยแอ่งน้ำขนาดใหญ่

ศาลาแห่งนี้ไม่ได้กว้างขวางพอจะจุนักศึกษาทั้งสาขา ในคราวเดียว เด็กใหม่จึงถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โชคดีที่น้ำมนต์และคุณใสอยู่ในกลุ่มแรก ทว่าพวกเขากลับยืนห่างกันจนแทบจะมองไม่เห็นอีกฝ่าย

น้ำมนต์พยายามข่มความปอดแหกของตัวเอง เขามองไปข้างหน้า กลางศาลามีรูปปั้นของผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยตั้งตระหง่านอย่างสวยงาม รอบๆ ถูกตกแต่งด้วยผ้าแพรสีฟ้า ในส่วนของแท่นบูชาประดับไปด้วยดอกไม้ที่ใส่ในแจกัน กลิ่นชื้นอ่อนๆ ของดอกบัวและดอกกล้วยไม้ทำให้น้ำมนต์รู้สึกเวียนหัว

"พี่ครับ ผมรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย ขอผมไปพัก..."

ธูปเทียนชุดหนึ่งถูกยัดใส่มือของน้ำมนต์ขณะที่เขากำลังพูด

หญิงสาวผู้เป็นรุ่นพี่ตบบ่าเขา

"แค่แป๊บเดียวน่า เป็นลูกผู้ชายอดทนหน่อย เอ้า!...เดินไปข้างหน้ายืนให้เป็นระเบียบด้วย!"

ถูกเมินแบบ 300%

ทุกๆ ย่างก้าวหัวใจของน้ำมนต์เต้นรัว เขาหอบหายใจถี่ แม้ลมเย็นของบ่อน้ำที่โอบรอบศาลาจะพัดแรงแค่ไหน บนใบหน้าของเขาก็ยังคงชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อแห่งความวิตกกังวล

กลิ่นควันจากธูปเทียนทำให้น้ำมนต์เริ่มตาลาย เขากะพริบตาถี่ๆ พยายามสูดหายใจลึก บอกกับตัวเองว่ามันไม่มีอะไร ไม่มีอะไรหรอก...

ไม่มีอะไรกับผีน่ะสิ!

ในตอนนี้ รอบตัวของเขาเต็มไปด้วยร่างโปร่งที่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า พวกมันไม่ได้มีรูปร่างแน่ชัด แสงสีขาวมากมายผุดขึ้นมาจากพื้นศาลา ก้อนพลังงานเหล่านั้นวนเวียนอยู่รอบตัวกลุ่มนักศึกษาที่ยืนเรียงแถว ราวกับสนอกสนใจว่าเด็กๆ พวกนี้กำลังทำอะไร น้ำมนต์ไม่รู้สึกถึงอันตรายจากก้อนพลังงานสีขาวเหล่านั้น

สิ่งที่ทำให้เขากังวลอยู่ถัดออกไปต่างหาก นอกศาลาปรากฏกลุ่มก้อนพลังงานสีดำจำนวนมาก บ้างไม่มีรูปลักษณ์ที่ชัดเจน บ้างมีร่างเนื้อราวกับมนุษย์ที่ยังมีชีวิต ทว่าร่างกายไม่สมประกอบ ที่แย่ที่สุดคือเสียงร้องโหยหวนที่มีเพียงน้ำมนต์เท่านั้นที่ได้ยิน

ร่างน้ำมนต์ซวนเซไปมา เขารู้สึกเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่

"อยู่นี่เอง"

เสียงกระซิบหนึ่งดังขึ้น ตามด้วยร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาของคุณใส เขาก้าวเข้ามายืนข้างน้ำมนต์ และดันเพื่อนที่ยืนอยู่ก่อนหน้าให้หลบไป ในมือของเขาถือธูปเทียนเอาไว้อย่างลวกๆ เขาสะกิดแขนน้ำมนต์

"ไม่ต้องไปมองพวกนั้น" คุณใสยกมือขึ้นปิดตาน้ำมนต์ "นิ่งไว้ล่ะ"

เหล่ารุ่นพี่เริ่มเดินไปยืนล้อมรุ่นน้องและเริ่มนำสวดบางอย่าง น้ำมนต์ไม่ได้ท่องอะไรทั้งนั้น ได้แต่จับมือของคุณใสแน่น รอบข้างเต็มไปด้วยเสียงครวญครางจากโลกหลังความตาย แม้จะเจอสถานการณ์เช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง น้ำมนต์ก็ไม่อาจทำใจให้ชินกับมันได้จริงๆ

ร่างของคุณใสขยับเข้ามาใกล้ แม้จะมองไม่เห็นแต่น้ำมนต์ก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นของเขา ถึงปกติคุณใสจะชอบแกล้งน้ำมนต์ แต่ในเวลาแบบนี้ก็มีเพียงชายขี้แกล้งคนนี้นี่แหละที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ

หลังพิธีต่างๆ จบลง เสียงร้องของวิญญาณก็จางหายไป คุณใสค่อยๆ ดึงมือออก หลังจากอยู่ในโลกอันมืดมิดมานานกว่า 10 นาที สิ่งแรกที่น้ำมนต์เห็นคือรอยยิ้มและการยักคิ้วอย่างก่อกวนของคุณใส

"เป็นคนยังไงให้โดนผีแกล้งเนี่ย" คุณใสดีดหน้าผากคนขี้กลัวตรงหน้าไปหนึ่งที "ไม่เอาไหนเลย"

น้ำมนต์ทำแก้มป่อง ยกมือขึ้นกุมหน้าผากและบ่นอุบอิบ

"ช่วยไม่ได้นี่ ก็พวกนั้น..."

"พวกนั้นทำไม?"

(พวกนั้นน่ากลัว-ิบหาย!) น้ำมนต์ไม่ได้กล่าว

"ไม่มีอะไร..." น้ำมนต์เบือนหน้าหนีเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ว่าตนกำลังโกหก

เหล่านักศึกษาหน้าใหม่เดินเรียงแถวไปปักธูปลงในกระถาง รุ่นพี่ประกาศนัดแนะเวลาเข้าพบที่ปรึกษา ก่อนปล่อยให้เด็กใหม่แยกย้ายไปทานอาหาร พักผ่อนตามอัธยาศัย

"ไปหยิบกระเป๋าให้ทีสิ" คุณใสฉวยเอาธูปเทียนในมือของน้ำมนต์ไป "ฉันเอานี่ไปปักให้"

น้ำมนต์พยักหน้า

กระเป๋าของทั้งสองคนถูกวางไว้ข้างพุ่มไม้รวมอยู่กับกระเป๋าของนักศึกษาใหม่คนอื่นๆ น้ำมนต์กวาดสายตามองไปรอบๆ มองหากระเป๋าที่มีพวงกุญแจรูปไข่ต้มของคุณใส

"อ๊ะ! เจอแล้ว"

ในจังหวะที่น้ำมนต์คว้ากระเป๋าของคุณใส พบว่าสายกระเป๋าได้ไปเกี่ยวกับกระเป๋าของใครอีกคน

"ขอโทษครับ/โทษที" น้ำมนต์พูดขึ้นพร้อมกับนักศึกษาสาวเจ้าของกระเป๋าอีกใบ

อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่มีเชื้อสายจีน เธอตัวเล็กกว่าน้ำมนต์ เส้นผมสีดำสนิทถูกมัดเป็นหางม้าต่ำๆ ไว้ด้านหลัง ใบหน้าของเธอนิ่งเฉย หญิงสาวยังคงสวมเสื้อคลุมแขนยาวแม้อากาศจะอบอ้าว ในมือกำสายกระเป๋าของตนเอาไว้แน่น

"แป๊บนะ" หญิงสาวเอ่ยและค่อยๆ ก้มลงแกะสายกระเป๋าที่พันกันยุ่งเหยิง

น้ำมนต์ยืนมองหญิงสาวแกะสายกระเป๋าอย่างทะมัดทะแมง ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีกระเป๋าของพวกเขาก็เป็นอิสระจากกัน

"เอานี่" เธอยื่นกระเป๋าคืนให้น้ำมนต์

"ขอบใจนะ"

ป้ายชื่อที่คอของหญิงสาวเขียนว่า หลินซี และเป็นสีส้มซึ่งหมายความว่าเธออยู่สาขาเดียวกับน้ำมนต์ ที่ผ่านมาน้ำมนต์ไม่เคยมีเพื่อนคนอื่นนอกจากคุณใสมาก่อน หลายคนที่คบกับเขามักชอบกลั่นแกล้งและพูดจาไม่ดีใส่อย่างไม่มีสาเหตุ ดังนั้นค่าประสบการณ์ในการมีเพื่อนของน้ำมนต์แทบจะเป็นศูนย์ การที่หลินซีพูดด้วยอย่างสุภาพและช่วยเหลือเขา มันทำให้น้ำมนต์อยากลองเสี่ยงทำความรู้จักเพื่อนใหม่ดูอีกสักครั้ง

"หวัดดีหลินซี ฉันชื่อน้ำมนต์นะ"

"เรียกแค่หลินก็ได้"

"โอเค"

น้ำมนต์หัวเราะเก้อเขินแต่อีกฝ่ายกลับยังนิ่งเฉย ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก

"เอ่อคือ พวกเราไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันไหม เดี๋ยวมีเพื่อนอีกคนด้วย..."

"เอาสิ"

น้ำมนต์ : สถานะ ได้เพื่อนใหม่ เย้!

ในตอนที่น้ำมนต์กำลังฉีกยิ้มดีใจ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างไร้วิญญาณตนหนึ่ง มันยืนอยู่ห่างจากหลินซีไปไม่กี่ก้าว

ร่างนั้นเป็นชายผมสั้นเกรียน ใบหน้าปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำทะมึน ทำให้ไม่สามารถเห็นหน้าตาที่แท้จริง คอและลำตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ เหนือปากแผลมีเศษกระจกปักทิ่มแทงอย่างน่าเวทนา

ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้ำมนต์เห็นชายคนนี้ เขาตามติดน้ำมนต์มาตั้งแต่จำความได้ แม้จะไม่เคยเข้ามาทำร้ายร่างกายโดยตรง แต่ทุกครั้งที่พบกัน น้ำมนต์มักจะต้องพบเจอกับเรื่องอันตรายอยู่เสมอๆ ราวกับเป็นตัวนำโชคร้าย

"เป็นอะไรไป?" เพื่อนใหม่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้ายืนแน่นิ่ง สายตาจ้องเขม็งไปยังด้านหลังของเธอ

น้ำมนต์พยายามอ้าปากตอบ แต่เสียงเหมือนจะติดอยู่ในลำคอ ขาของเขาก้าวถอยหลัง หากล้มพับลงไปคงสร้างความสงสัยและความประทับใจแรกที่ไม่ดีให้เพื่อนใหม่อย่างแน่นอน

"คือฉัน...เหมือนจะเวียนหัวนิดหน่อย เธอพอจะรู้ทางไปห้องพยาบาลไหม?"

"ไม่รู้...แต่เดี๋ยวไปถามรุ่นพี่ให้ นายโอเคไหม...ไม่สิ ฉันก็ไม่น่าถาม หน้านายเขียนแปะอยู่ตัวเบ้อเริ่มว่าไม่โอเค?"

ใช่...ไม่โอเคสุดๆ

"ไม่เป็นไร แค่โลหิตจางน่ะ" เขาโกหก

หลินซีดูไม่เชื่อเสียเท่าไร แต่เธอก็ไม่ได้พยายามคาดคั้นเอาคำอธิบายอะไร เธอบอกให้เขานั่งรอ ก่อนจะวิ่งไปหากลุ่มรุ่นพี่เพื่อถามทาง

น้ำมนต์ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อในขณะที่ผีไร้ใบหน้าตนนั้นค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้...ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และหยุดลงตรงหน้าน้ำมนต์ในที่สุด

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี   บทที่ 32 ภาพถ่ายของเรา

    “หลิน! ฟังก่อนได้ไหม เพราะเธอเอาแต่ปฏิเสธฉันแบบนี้ไงฉันถึงได้ไปมีคนอื่น”คำพูดของคนหน้าด้านหน้าทนทำให้หลินซีเดือดปุดๆทีแรกก็ว่าจะรวมพลังไปหาถึงที่ ใครจะคิดว่าแค่ส่งข้อความพร้อมคลิปหลักฐานไป หมอนี่ก็โผล่มาทันที แล้วยังเอาแต่พ่นคำแก้ตัวปัญญาอ่อนนี่ต่อหน้าเธอไม่หยุด“ได้ งั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ก็จบกัน แล้วแยกย้ายซะ” หลินซีตัดบทสรุปอย่างง่ายดาย“ไม่นะหลิน นี่หลิน ฟังฉันสิ!”เมื่อคำออดอ้อนใช้ไม่ได้ผลเหมือนทุกครั้ง ธีร์จึงเริ่มใช้ความรุนแรง เขาจับแขนของหลินซีแน่นเสียจนเป็นรอยเขียวช้ำถ้าคิดว่าหลินซีจะยอมอยู่ฝ่ายเดียวละก็ คิดผิดแล้วทว่าก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ใช้วิชาป้องกันตัวที่เรียนมาจากคุณพ่อที่เป็นสารวัตรตำรวจ รองเท้าผ้าใบข้างหนึ่งก็ลอยข้ามหลังหัวของเธอไปกระแทกเข้ากับหน้าหนาๆ ของธีร์เข้าอย่างจังพลั่ก!“โอ๊ย! อะไรวะเนี่ย!”ก่อนที่ธีร์จะทันได้โวยวาย ลูกเตะขาคู่ของคุณใสก็ยันเอาร่างของนักศึกษาแพทย์ลอยปลิวไปชนกำแพงน้ำมนต์รีบวิ่งไปดูหลินซี เธอสะดุ้งเมื

  • Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี   บทที่ 31 หนี

    “คิดว่าผู้หญิงคนนั้น จะยังอยากมองหน้าพวกนายต่องั้นเหรอ หลังจากที่โดนคนประเภทนั้นแย่งคนรักไป”“แน่นอน” คุณใสพูดอย่างมั่นใจ “ถึงยัยนั่นจะน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ถ้านายคิดว่าตัวเองยั่วยุให้ยัยนั่นแตกคอกับพวกเราได้สำเร็จแล้วละก็...หึ นายคิดผิดถนัด”นิ้วมือและกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของยูเรเกร็งเพราะความเดือดดาล ทั้งที่ยังไม่ได้เห็นกับตา แค่เพียงได้ยินคำพูดนั้นจากปากของคุณใส ยูเรก็รู้สึกว่าตนได้พ่ายแพ้แล้วจริงๆนาฬิกาข้อมือของยูเรหนักอึ้ง ราวกับสวมหินขนาดใหญ่ไว้ที่ข้อมือทำไมถึงเป็นเช่นนี้...มันเป็นความผิดของใครกัน ยูเรนึกคิดในใจ“กลับกันได้แล้ว...อย่าลืมไปขอโทษน้ำมนต์ด้วยล่ะ”น้ำมนต์...แค่เพียงได้ยินชื่อนั้นยูเรก็รู้สึกเกรี้ยวโกรธ ราวกับลาวาปะทุ ใบหน้าเกร็ง คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ชื่อนี้นี่เองที่เป็นตัวการทำลายความสุขของเขาห่างออกไปที่ด้านหลังของคุณใส ชายผู้เป็นตัวการคนนั้นกำลังวิ่งตรงเข้ามา บนใบหน้าเต็มไปด้

  • Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี   บทที่ 30 ฉันรู้อยู่แล้ว!

    คลิปวิดีโอของชายหนุ่มสองคนที่กำลังกอดจูบลูบคลำกันใต้แสงไฟสลัวในสถานเริงรมย์ ทำเอาใบหน้าของหญิงสาวที่ปกติแทบไม่แสดงอารมณ์ บัดนี้กลับบิดเบี้ยวเพราะความเศร้าโศกเสียใจเหตุเพราะยูเรเลือกที่จะเปิดคลิปที่เขาบังเอิญเจอธีร์กำลังมีสัมพันธ์กับชายอื่น ซึ่งเป็นการนอกใจ และนอกกายอย่างไม่น่าให้อภัย“ขอโทษนะหลิน ไม่ได้อยากทำให้เสียใจนะ แต่พอมาคิดดูแล้ว ก็จริงอย่างที่น้ำมนต์พูดเมื่อวาน บางเรื่องมันก็จำเป็นต้องพูดจริงๆ ” ยูเรเอ่ยพลางก้มหน้าก้มตารู้สึกผิดน้ำมนต์มองใบหน้าเศร้าสร้อยของเพื่อนสาวแล้วรู้สึกเจ็บปวด สายตาว่างเปล่าของหลินซีดูน่าเป็นห่วงเอาการ แม้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่น้ำมนต์ก็จับมือเพื่อนสาวเอาไว้ตลอดเวลา“ไอ้เวรนั่น ว่าแล้วเชียว!” คุณใสกัดฟันกรอด “แค่เห็นหน้าครั้งแรกก็ไม่สบอารมณ์แล้ว นี่หลินให้ฉันไปต่อยมันสักทีดีมั้ย!”หยาดน้ำตาใสไหลอาบแก้มของหญิงสาว!!!น้ำมนต์กับคุณใสแทบช็อก ตั้งแต่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซีแสดงด้านอ่อนแอของเธอให้เห็น ครั้นจะพยายามหยุดน้ำตาของเธอก็ไม่ได้ การร้

  • Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี   บทที่ 29 ร้าวฉาน

    “นายมองเห็นดวงวิญญาณเนี่ยนะ” ยูเรเอ่ยถาม เขาดูไม่เชื่อคำพูดของน้ำมนต์เสียเท่าไรเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่กับคนที่น่าสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สุด ดันออกตัวพูดทำให้เรื่องเล่าของน้ำมนต์ดูไม่มีน้ำหนักเช่นนี้ ยิ่งทำให้ความสงสัยในใจของน้ำมนต์เพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่าหลินซีพิจารณาสิ่งที่ได้ยินด้วยเหตุผล เธอรู้ดีว่าน้ำมนต์ไม่ใช่คนโป้ปด ถึงกระนั้นสิ่งที่เขาพูดก็ยากที่จะเชื่อ เธอจึงตัดสินใจไม่พูดอะไร เพื่อรอคำอธิบายเพิ่มเติม“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ” นิ้วมือของน้ำมนต์ประสานเข้าด้วยกัน“ที่นายไม่สบายครั้งก่อน เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า” หลินซีถามน้ำมนต์พยักหน้า นัยน์ตาเหลือบมองปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสอง“ที่ฉันเล่าให้ฟัง เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกัน เรื่องนี้เป็นปัญหากับฉันพอสมควร ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พวกนาย...”“มั่นใจนะว่านายไม่ได้คิดไปเอง...”คำถามของยูเรทำให้แววตาของคุณใสเย็นเยียบ ร่างสูงกระแอม&ldquo

  • Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี   บทที่ 28 มีคนอกหัก

    "มาๆ นั่งตรงนี้เลย" พนักงานหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านวาดแขนเป็นการเชื้อเชิญด้านในของร้าน เป็นโต๊ะอาหารที่อยู่ใต้หลังคา ซึ่งแทบจะอยู่ติดกับเวทีการแสดง แม้จะไม่ได้เป็นห้องปิดหรือมีเครื่องปรับอากาศ แต่ก็นับได้ว่าเป็นโต๊ะระดับ VIPกลุ่มนักศึกษาสี่คนนั่งลงที่โต๊ะไม้ใหญ่ ชาร์ปทำงานอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งแนะนำเมนูทั้งยกน้ำมาเสิร์ฟ บริการผู้หญิงที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงไม่กี่วินาทีได้ดีกว่าบริการเพื่อนสนิทอย่างคุณใสเสียอีกไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ทว่าจานอาหารของหลินซีกับถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับอาหารในร้านหรู ช้อนส้อมก็เงาวับอย่างกับของใหม่แกะกล่อง ที่สำคัญใต้ขวดน้ำดื่มของหลินซียังมีกระดาษโน้ตที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ และชื่อของชาร์ปเอาไว้ด้วยคุณใสแทบสำลัก...เขาหันไปกระซิบกับน้ำมนต์ที่นั่งข้างๆ"เมื่อก่อนฉันไม่ได้จีบนายด้วยวิธีเห่ยๆ แบบนั้นใช่ปะ ดูแล้วน่าขนลุก"น้ำมนต์ส่งยิ้มอันตรายจนแฟนหนุ่มถึงกับปากหุบในทันทีใช่สิ...ก่อนหน้านี้อย่าเรียกว่าจีบ คนที่เอาแต่กลั่นแกล้ง ฉวยโอกาส ล่วงละเมิดทางเพศน้ำมนต์อย่างคุณใสน่ะ ไม่มีสิทธิ์มาพู

  • Soul kiss me now จูบวันละหนกับนายคนเห็นผี   บทที่ 27 พนักงานปากแซ่บคนนั้นคือ...

    ยามว่างของหลินซีเป็นอะไรที่แสนเรียบง่ายและน่าเบื่อหญิงสาวพบว่าพี่ชายของเธอไม่กลับบ้านอีกแล้ว เรียกได้ว่าคอนโดห้องนี้แทบจะถูกเธอยึดครองอย่างสมบูรณ์แบบ มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ มีพื้นที่ส่วนตัวและห้องเงียบสงบเป็นของตัวเอง ข้อเสียคือ เธอต้องรับหน้าที่เป็นผู้จัดการงานบ้านงานเรือนทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียวเอาเถอะ...ก็สมเหตุสมผลดีหลินซีก้มลงมองข้อความในโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาจากคนรักของเธอ'หลินวันนี้ไม่ว่างนะ ต้องติวหนังสือต่อ ไว้วันหลังค่อยไปดูหนังด้วยกันนะ''ได้ พี่อย่าแอบอู้แล้วกัน''ครับผมมมมมมม'การสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับคู่รักของเธอ ธีร์เรียนแพทย์ บทเรียนต่างๆ ทั้งยากและยังต้องศึกษาอยู่ตลอดเวลา อาจเพราะพี่ชายของเธอเองก็มีพฤติกรรมบ้าเรียนไม่ต่างกัน เธอจึงเข้าใจได้ ไม่ทำตัวงี่เง่าให้คนรักต้องทิ้งสิ่งที่เขาชอบเพื่อมาเอาอกเอาใจเธอหลินซีเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตเอาล่ะ...วันนี้เป็นวันว่างของจริงแล้วเธอกวาดตามองไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status