แชร์

ตอนที่ 29 แค่ใช้มือก็พอ

ผู้เขียน: Glita
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-06 19:32:19

          เป็นการกลับห้องที่เร็วที่สุดในรอบหลายปีของมิว เขาเหลือบมองนาฬิกาตรงข้อมือในระหว่างที่กรอกรหัสปลดล็อกประตู ไม่รู้เลยว่าเวลาที่เหลือตั้งเยอะแยะขนาดนี้จะเอาไปใช้ทำอะไรดี มิวลำดับภาพในหัวในสิ่งที่จะทำ แต่ทั้งหมดล้วนน่าเบื่อ

          บางทีหากไอ้หนูในกางเกงในมันใช้งานได้ ป่านนี้ชายหนุ่มคงเลือกเส้นทางเสเพลหาความสนุกใส่ตัว โอบกอดผู้หญิงสักสองหรือสามคนในอ้อมแขน แล้วทำอะไรที่ผู้ชายส่วนใหญ่จะทำกัน ดีกว่ากลับมาขลุกตัวจมจ่อมอยู่กับอารมณ์ขมุกขมัวของตัวเอง

          นึกแล้วก็ยังรู้สึกขุ่นเคืองพี่เจษอยู่เล็กๆ กับเหตุการณ์เมื่อตอนค่ำ ทว่าเมื่อชั่งน้ำหนักความดีกับความชั่วในความสัมพันธ์ของกันและกัน ความโมโหก็แปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัด

          แสงสว่างถูกเปิดเพื่อเติมเต็มความกระจ่างให้กับความเย็นชืด บรรยากาศที่ต้องใช้ไฟฟ้าในห้องของตัวเองตอนกลางคืนช่างไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ปกติชายหนุ่มมักกลับมาพร้อมแสงแรกของวัน

          รองเท้าถูกทอดทิ้งเอาไว้อย่างลวกๆตรงหน้าห้อง มิวโยนข้าวของลงบนโต๊ะในห้องครัวก่อนจะเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำเปล่ามาดับความกระหาย

          ระหว่างดื่มน้ำสายตาของเด็กหนุ่มก็เหลือบเห็นร่างใหญ่ยักษ์นอนแผ่หราอยู่บนโซฟา เขารีบวางแก้วในมือแล้วรีบรุดเข้าหาชายคนนั้นทันที

          หากไม่ใช่ว่าเคยเจอกันและรู้ปูมหลังของชายตัวเบิ้มคนนี้เป็นอย่างดี มิวคงกรีดร้องด้วยความตกใจออกไปแล้ว

          “เฮ้ย! นายมาได้ไง” มิวยืนจ้องดันเต้พลางทำสีหน้างสงสัย

          แม้จะไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ดันเต้โผล่เข้ามาในห้องของเขาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย (หากไม่นับรวมในความฝัน)

          ดวงตาอันหนักอึ้งของปีศาจปิดจนแนบสนิท แม้ไม่เห็นหน้าค่าตาแต่ดันเต้ก็จำเสียงอันอบอุ่นนี้ได้ 

          “เป็นอะไรไป สีหน้านายดูไม่ดีเลย” มิวแตะหลังฝ่ามือของดันเต้ที่กุมหน้าท้องอยู่ “ทำไมตัวของนายร้อนขนาดนี้ ปีศาจไม่สบายได้ด้วยเหรอ”

          ทันทีที่ร่างของทั้งคู่เชื่อมต่อกัน ประกายไฟก็ลุกโชติช่วงผ่านจุดสัมผัสเล็กๆ ดันเต้ขบกัดริมฝีปากแน่น ส่งเสียงครวญครางในลำคอ ความหิวกระหายปลุกเร้าจนแทบเสียสติ กระนั้นร่างกายกลับไม่ยอมตอบสนองได้ดั่งใจนึกคิด

          “ฉันไม่ได้ป่วย” ดันเต้แค่นเสียง “ฉันโดนลอบกัด… เวทมนตร์ของกามเทพ”

          “แล้ว… แล้วนายจะเป็นอะไรไหม?”

          “ฉันก็ไม่รู้! ไม่เคยโดนอะไรแบบนี้มาก่อน” ดันเต้กระหืดกระหอบ “แสบร้อน… เหมือนวิญญาณกำลังจะถูกเผาไหม้”

          “นายจะเป็นอะไรไม่ได้นะ สัญญาว่าจะช่วยฉันแล้วไม่ใช่เหรอ”

          “เวลาแบบนี้ยังห่วงแต่ตัวเองอีก… มนุษย์นี่นะ”

          อันที่จริงมิวเป็นห่วงดันเต้นั่นแหละ เพียงแต่เขาไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จัก ความตกใจเล่นงานจำเขาพูดอะไรสวนทางกับความในใจ “ก็นายเป็นที่พึ่งเดียวของฉัน”

          อีกฝ่ายไม่โต้ตอบกลับทำให้มิวฉุกคิดถึงความหนักหนาที่เกิดขึ้น หากไม่เดือดร้อนจริงเจ้าปีศาจปากไวตนนี้คงสวนอะไรกลับมาแล้ว

          ดันเต้เอาแต่ทำหน้าบูดเบี้ยวแยกเขี้ยวใส่ความมืดในดวงตา นขณะที่ฝ่ามือกุมแน่นอยู่ตรงหน้าท้อง

          “ขอฉันดูหน่อย” มิวตรวจอาการผ่านสายตา

          ชายหนุ่มค่อยๆยกมือหนาใหญ่ออกจากหน้าท้อง จนเห็นรอยช้ำขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยปรากฏเด่นชัดผ่านรูขาดบนเสื้อเชิ้ตสีขาว

          “ฉะ… ฉันต้องช่วยนายยังไง?” 

          “ฉันแทบควบคุมร่างนี้ไม่ได้แล้ว ต้องรีบปลดปล่อยเวทของกามเทพในร่างออกมา”

          “มะ… หมายถึง…”

          “กามเทพชื่อก็บอกอยู่แล้ว นายรู้ว่ามันเกี่ยวกับอะไร”

          คำใบ้ของวิธีแก้ถูกเฉลยอยู่ตรงหว่างขาของดันเต้ ท่อนเอ็นแข็งแรงดันกลางเป้าจนนูนแทบทะลุเนื้อผ้า มิวลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เพื่อดับความรู้สึกร้อนรุ่ม ไม่ก็เพื่อกลบเกลื่อนความต้องการ

          “ยังไง? ฉันต้องทำยังไง”

          “นะ… นายช่วยตามอาร์เต้มาให้ฉันหน่อย”

          “ทำไมต้องเป็นอาร์เต้?”

          “ร่างกายของนายยังไม่พร้อม”

          มิวหงุดหงิดมากเท่าทวีคูณ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้ผู้คนถึงเรียกหาแต่คนอื่น ทั้งๆที่เขาเองอยู่ตรงหน้าแท้ๆ

          “ฉันเองก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น” มิวกระแทกเสียง

          “ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอะไรกับนาย” ดันเต้พยายามพูดให้รวบรัด

          เหตุผลที่แท้จริงคือปีศาจคิวบัสตนนี้ ไม่อยากให้มนุษย์ในอารักขาของตัวเองต้องเข้ามาเสี่ยงกับพลังเวทลึกลับ หากมันรุนแรงต่อเขาขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรมิวได้บ้าง โดยเฉพาะเมื่อไซคีสีดำจากกามเทพยังฝังแน่นอยู่ในร่าง

          “แค่ใช้มือทำเรื่องอย่างว่าให้นายใช่ไหม? มันจะไปยากอะไร ฉันเองก็เคยทำให้ลูกค้าตั้งหลายคน” มิวยืดอกอย่างภูมิใจ “รูดๆชักๆไม่เกินห้านาทีก็เสร็จแล้ว”

          ท่ามกลางความมืดมิดดันเต้ได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างง่ายดายตามที่มิวบอก เมื่อเผชิญหน้าอยู่กับเรื่องราวที่ไม่เคยรู้มาก่อน การสุ่มแก้ไขคงเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

          ความร้อนรุ่มแผดเผาดันเต้จนเกือบมอดไหม้ เเขาไม่อาจอดทนรอได้อีกต่อไป “ละ… ลองดู รีบหน่อย… ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”

          “นายไม่ได้มีตัวเลือกมากขนาดนั้นเถอะ”

          ร่างปีศาจนอนแน่นิ่งอยู่บนโซฟา ลมหายใจรวยรินดวงตามืดบอดสนิท ประกายที่เคยสดใสอยู่ภายในหายวับไปในห้วงอวกาศ

          สิ่งเดียวที่ทำได้คือฝากดวงวิญญาณอันสับสนนี้ไว้ในมือของมนุษย์หนุ่ม ดันเต้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าหากเขารอดจากการดับสูญไปได้ จะกลับไปแก้แค้นเทพหมาๆจอมลอบกัดแน่นอน

          “ฉะ… ฉันจะปลดกระดุมนายออกก่อนนะ” มิวขึ้นคร่อมร่างไม่ไหวติงบนโซฟา “นายจะได้หายใจออก แต่ฉันไม่รู้ว่าปีศาจอย่างนายต้องหายใจไหม…. แต่… ช่างมันเถอะ”

          สติของมิวเกือบหลุด มือและปากสั่นด้วยความประหม่า ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องตื่นเต้นกับสิ่งที่เคยทำมาแล้ว

          อาจเพราะดันเต้ปล่อยกลิ่นมอมเมาของเขาออกมาโดยไม่ตั้งใจ มิหนำซ้ำครั้งนี้ยังมีพลังเวทมนตร์ของกามเทพติดมาอีกด้วย เลยทำให้ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุม

          “ใจเย็นๆ” ดันเต้กุมมือของมิวในขณะที่กระดุมเม็ดบนสุดถูกปลด ตอนนี้เขาทำได้เพียงพูดประโยคสั้นๆ ออกมา “นายทำได้แน่”

          “อืม” มิวเม้มปากพลางปลดกระดุมทุกเม็ดออกจนเกลี้ยง

          แผงอกสีเข้มกระเพื่อมขึ้นลงอย่างช้าๆ ลอนท้องสั่นสะท้านจากความเจ็บปวด ชายหนุ่มค่อยกระถดตัวลงไปยังจุดล่างสุด ลำคอเริ่มแห้งผากจากความร้อนที่แผดเผาอยู่ภายใน กี่หยดน้ำลายที่กลืยลงไปก็ไม่อาจดับความกระหายนี้ได้

          กางเกงสแล็ครัดรูปเสริมจุดนูนให้โดดเด้ง ถึงจะพยายามหลบสายตาทว่าก็ไม่อาจรอดพ้นแรงดึงดูดดังกล่าว มวลกลิ่นที่อัดแน่นอยู่ในบรรยากาศส่งผลให้มิวเริ่มแสบร้อนแถวทรวงอก

          แท่งทรงกระบอกขยายเป็นรูปร่างดันเนื้อผ้าให้แน่นตึง มิวหน้าแดงไม่ต่างจากผลพีชสุกงอม ในขณะที่อีกฝ่ายปิดเปลือกตาทั้งสองข้างลงมาจนแนบสนิท

          มือขาวเนียนละเอียดปลดตะขอกางเกงก่อนจะรูดมันผ่านสะโพกอวบอิ่ม ไรขนสีเข้มเป็นแนวชี้นำลงไปยังขุมทรัพย์มหึมาด้านล่าง

          ออกแรงอีกเพียงเล็กน้อยขอบกางเกงก็เลื่อนลงมาถึงเข่า ก่อนจะหลุดร่วงกองไปยังพื้นพรม

          ‘บ้าเอ๊ย! หมอนี่ไม่ใส่กางเกงในไปทำงานเหรอ?’ มิวบ่นในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาหลุดโฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำเป็นการชั่วคราว

          แท่งเนื้อทรงกระบอกเด้งดีดพาดขึ้นแนบลอนท้องแข็งแกร่ง ส่วนปลายเปิดเพียงครึ่งเดียวเนื่องจากบางส่วนยังหลับใหลในภวังค์

          เป็นอีกครั้งที่มิวลอบกลืนน้ำลาย ชายหนุ่มมั่นใจว่าหากแข็งตัวเต็มที่ สองฝ่ามือเนียนนุ่มของเขากำต่อกันก็ยังเหลือความยาวโผล่พ้นออกมาอีกมาก อีกทั้งลำตัวส่วนกลางที่ป้อมอวบคงทำให้งานนี้ไม่ง่าย

          “แค่ฉันใช้มือก็พอใช่ไหม?” มิวถามด้วยความเลิ่กลั่ก น้ำเสียงสั่นเครือขณะที่ยื่นมือเข้าไปประคองแก่นเนื้อ

“อาจจะ”

          คำว่า ‘อาจจะ’ ของดันเต้ไม่ช่วยให้มิวโล่งใจสักเท่าไหร่ ถึงงานภายนอกพวกนี้ชายหนุ่มจะให้บริการลูกค้าอยู่บ่อยครั้ง ทว่าดันเต้นั้นไม่เหมือนลูกค้าทั่วไปของเขาสักเท่าไหร่นัก ทั้งเรื่องที่ว่าเขาเป็นปีศาจอาจมีโครงสร้างทางชีวภาพแตกต่างจากมนุษย์ รวมไปถึงขนาดของเจ้าโลกที่ใหญ่เกินคนปกติ

          อย่างไรก็ตามการหยุดทุกอย่างเหมือนจะสายเกินไปแล้ว สิ่งเดียวที่รออยู่ข้างหน้าคือการไปต่อ… 

          มือขาวผ่องเริ่มบีบแท่งไฟแน่นไว้ในมือ เพียงการสัมผัสแผ่วเบาดันเต้ถึงกับร้องครางในลำคอ แก่นเนื้อขย้อนของเหลวขาวใสเจือสีชมพูอ่อนออกมาเป็นทาง

          ร่างใหญ่โตของปีศาจสัมผัสได้ถึงแรงกระตุ้นได้อย่างง่ายดาย ระบบประสาทอ่อนไหวไวต่อความรู้สึก

          “ต่อ… ละ… เลย” ดันเต้กัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าเหยเกจากทั้งความเจ็บปวดและเสียวซ่าน “ฉันว่ามันได้ผล”

          น้ำลายอีกอึกถูกกลืนผ่านคอที่แห้งผาก ความร้อนจากแท่งเอ็นท่วมทะลักสู่ร่างกายของเด็กหนุ่ม พร้อมกับกลิ่นของเวทมนตร์ที่ระบุไม่ได้

          เพียงแค่ผิวหนังสัมผัสกัน… เจ้าแก่นเนื้อนั้นก็ขยายพองจนเต็มฝ่ามือของมิว ขนาดลำยืดขึ้นเหนือสองกำมือของเด็กหนุ่มตามคาด

          ของเหลวขาวใสเจือประกายสีชมพูล้นทะลักออกมาจากส่วนปลายที่เปิดออก ทั่วทั้งมือของมิวชุ่มโชกไปด้วยสารคัดหลั่งแปลกประหลาด เขาไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยอื่นการรูดเร้าท่อนเอ็น

          กลิ่นที่พวยพุ่งเข้าปลายจมูกของมิวเย้ายวนจนเด็กหนุ่มเริ่มมีความคิดอยากลิ้มลองรสชาติ ไม่ต่างจากภุมรินที่ถูกล่อลวงจากดอกไม้

          มิวดึงผิวหนังที่ห่อหุ้มส่วนปลายลงจนสุด และเริ่มดมกลิ่นที่ฉาบเคลือบท่อนแข็งอย่างบ้าคลั่ง

          ลมหายใจอันหนักหน่วงพวยพุ่งออกจมูกของมิวนั้นร้อนแรงจนดันเต้สัมผัสได้จากห้วงแห่งความมืดมิด ปีศาจรู้ว่าดีว่ามนุษย์อย่างมิวไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับของเหลวที่หลั่งออกจากตัวเขามากนัก โดยเฉพาะเมื่อมันไม่ปนเปื้อนด้วยเวทมนตร์แปลกปลอมจากกามเทพ ทว่าดันเต้ผู้อ่อนแรงก็ไม่อาจคิดหาวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ได้

          ยิ่งสูดดมกลิ่นนั้นเข้าไปความปรารถนาของมิวก็เตลิดเกินกว่าที่ตั้งใจ… มิวยื่นปลายลิ้นแตะเสาหินที่ยืดหยุ่น ไล่เลียไปตามรอยหยักของส่วนหัวที่บวมเป่ง

          “อึก… ไม่…” เสียงดันเต้แผ่วเบาลง เหลือเพียงเสียงครางกระเส่าในลำคอ “อืม… แค่ใช้มือ…”

          เด็กหนุ่มไม่โต้ตอบแต่กลับยิ่งตวัดปลายลิ้นดูดกลืนของเหลวพิศวงนั้นเข้าไป

          ความหลงใหลแผ่ซ่านจนเต็มช่องปาก มิวครอบริมฝีปากลงบนท่อน้ำพุของปีศาจ ท้องน้อยเสียวกระสันและวูบวาบจนเนื้อตัวสั่นเทา

          ปลายลิ้นเหนียวลื่นแหย่เย้าเล่นกับรูเล็กตรงส่วนหัว เปิดช่องให้สายน้ำไหลออกมาไม่หยุดหย่อน คอที่เคยแห้งผากกลับชุ่มชื่นจนไม่อาจหยุดได้อีกต่อไป

          “อ้า… ไม่… อย่าเลีย… แบบนั้น” ดันเต้รวบรวมพลังเพื่อห้ามปราม ทว่าก็ไร้ผล

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status