LOGINภายใต้หลอดไฟดวงเล็กที่ส่องแสงสลัวอยู่บนเพดานสีขาวอมเทา อเล็กซิสไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในห้องขัง แต่กำลังเวียนว่ายหาฝั่งอยู่ในทะเลแห่งความสิ้นหวัง บางทีเวดและออสโล่อาจจะกำลังแหวกว่ายอยู่ที่ไหนสักแห่งในมหาสมุทรแห่งเดียวกัน เพียงแต่เธอมองเห็นแค่มวลน้ำที่โอบล้อมรอบกาย พวกเขากำลังจมดิ่งลงไปในก้นทะเลลึก ต่อให้พยายามตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งเท่าไร สุดท้ายก็หมดแรง
สายตาของเธอเหลือบมองเวดและเบลินดา แม้มันไม่ใช่ความผิดของเธอจริง ๆ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พ่อของเวดสามารถจ่ายค่าปรับจำนวนนั้นได้สบาย ๆ และพาเขาออกจากที่นี่ เขาจะกลับไปใช้ชีวิตเดิมได้ ถ้าหากไม่พบว่ามีกลุ่มต้องสงสัย ส่วนเบลินดาอาจหาทนายความช่วยต่อสู้คดีเพื่อลดหย่อนโทษต่อไป คำตัดสินที่พวกเขาได้รับเมื่อครู่ ไม่ต่างจากถูกจำคุกตลอดชีวิต
เวดทิ้งตัวนอนราบไปกับพื้น รอยช้ำมากมายปรากฏอยู่บนแขนและไหล่ของเด็กหนุ่ม พอเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวน เมื่อพวกตำรวจปลดล็อกแขนทั้งสองข้าง เขาพุ่งตัวหมายเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐทันที แต่โชคยังดี ใช่ โชคยังดี อเล็กซิสใช้คำถูกแล้ว โชคดีที่ตำรวจสองนายสกัดไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเวดคงโดนโทษหนักกว่าเดิม ด้วยข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงานรัฐ พวกตำรวจใช้ไม้กระบองฟาดเขาอยู่หลายทีเพื่อระงับอาการคลุ้มคลั่ง มันเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดไม่ให้เขาทำอะไรโง่ ๆ
“ขอโทษนะ”
ออสโล่เป็นคนแรกที่พูดขึ้น ทั้งหมดไม่ได้พูดคุยกันอีกเลยตั้งแต่ออกมาจากห้องนั้น
“ฉันสมควรพูดแบบนั้นเหมือนกัน” อเล็กซิสว่า “พวกเธอสองคนไม่สมควรอยู่ที่นี่เลย”
“พวกเธอสองคนงั้นเหรอ ไม่ใช่หรอก พวกเราทุกคนไม่สมควรจะมานั่งอยู่ในนี้ต่างหาก ไม่มีใครผิด ยกเว้นยัยนี่” เวดยืนขึ้น หน้าแดงก่ำ มือกำหมัดแน่น “เพราะเธอ เธอทำลายชีวิตพวกเราทุกคน!”
อเล็กซิสและออสโล่ช่วยกันห้ามเเวดไม่ให้ทำร้ายอีกฝ่าย เบลินดาร้องไห้โฮ เธอคลานหนีไปยังมุมห้อง ท่าทางน่าสมเพช ครั้งนี้เธอยอมแพ้คู่กรณี ไม่กล้าเถียงกลับหรือเชิดหน้าหยิ่งเหมือนเก่าอีกแล้ว
“เธอเป็นผู้หญิงนะ!”ออสโล่เตือนเด็กหนุ่มที่ตัวโตกว่า
“ไม่สนแล้วโว้ย” เพราะร่างของเขาสูงใหญ่กว่าคนอื่น คนสองคนจึงแทบหยุดเขาไม่อยู่ “ทั้งเธอ คาร์เตอร์ ทั้งยัยสตีเว่น และยัยโดบี้ส์ เธอและพวกเขาต้องชดใช้พวกเรา”
“ครูขอโทษนะ มิลเลอร์”
เสียงครูสาวดังขึ้นนอกห้องขัง ทั้งหมดกำลังจะมีเพื่อนร่วมขังคนใหม่ ไม่สิ มีถึงสองคน นางพยาบาลสตีเว่นกับครูโดบี้ส์ยืนอยู่บนทางเดินด้านนอก ทั้งสองสวมกุญแจมือด้วยกันทั้งคู่ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือสภาพของพวกเธอที่ไม่ต่างจากคนเสียสติ ผมสีบลอนด์หลุดลุ่ยไม่เป็นทรง ผิวหนังบางแห่งมีรอยไหม้เป็นประปราย พวกวัยรุ่นคุ้นเคยกับครูโดบี้ส์มากกว่าพยาบาลสตีเว่น ก่อนหน้านี้ ครูโดบี้ส์เป็นผู้หญิงสวยเปรี้ยวและมีเสน่ห์มาก เธอชอบมัดผมสีบลอนด์เป็นมวยสูงไว้ข้างหลัง ทั้งยังชอบทาลิปสติกสีแดงสดเป็นประจำ ตอนนี้สภาพของเธอตรงข้ามกับเมื่อก่อนลิบลับ ริมฝีปากสีแดงคล้ำมาจากคราบเลือดที่เกาะติดกรัง สีหน้าหมองคล้ำปราศจากเลือด ส่วนนางพยาบาลไม่ได้มีสภาพดูดีไปกว่าพี่สาวเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเธอถูกทารุณกรรมอย่างรุนแรง ทั้งจากการช็อกด้วยไฟฟ้าและทำร้ายร่างกาย
“พวกเราขอโทษจริง ๆ นะ” เธอกล่าวกับลูกศิษย์ทั้งสี่
เบลินดาคลานไปยังซี่ลูกกรง ดูจากลักษณะท่าทาง เธอคนนี้กำลังเสียใจ เด็กสาวถามคุณครูด้วยความห่วงใย เป็นอากัปกิริยาแรกที่อเล็กซิสเพิ่งเห็นว่าคนคนนี้ห่วงใยคนอื่นเป็นเหมือนกัน “พวกเขาทำอะไรพวกครูคะ หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ”
คุณครูโดบี้ส์ยังคงใจดีมีเมตตากับนักเรียนของเธอเสมอ เธอมองเบลินดาด้วยสายตาราวกับเป็นแม่พระมาโปรดสัตว์ ครูสาวไม่ติดใจอะไรเลย อเล็กซิสเหมือนหมดแรงขึ้นมาดื้อ ๆ เหมือนกับตอนที่เธออยู่ในห้องนั้น สภาพของพวกเธอแย่มาก พยาบาลสาวในเวลานี้แทบจะยืนพิงพี่สาว ทั้งสองต่างยืนพยุงกันและกันเหมือนไม่สามารถทรงตัวได้หากยืนอยู่ตามลำพัง
พวกเด็ก ๆ ควรกล่าวโทษหญิงสาวทั้งสอง ควรสาปแช่งพวกเธอให้ตกนรกหมกไหม้ ตรงกันข้าม พวกเขากลับร้องไห้ เช่นอเล็กซิสที่ร้องเงียบ ๆ ส่วนเบลินดาปล่อยโฮลั่น นางโดบี้ส์เป็นคุณครูที่นักเรียนส่วนใหญ่ชื่นชอบมากที่สุด เพราะเธอเป็นคนตลก ใจดี และทุ่มเทกับการสอน แม้เวดจะโทษเธอในทีแรกเพราะอารมณ์ แต่เมื่อเห็นสภาพครูสาวเป็นแบบนี้ จิตใจคนเราจะไม่เกิดความรู้สึกสงสารและสังเวชได้อย่างไร แล้วดูสภาพของเธอตอนนี้สิ อเล็กซิสกลัวว่าพ่อแม่ของเธอจะมีชะตากรรมแบบเดียวกับหญิงทั้งสอง พวกเขาทำร้ายพ่อและแม่หรือเปล่า แล้วพี่น้องเธอล่ะ ทั้งเอโลดี้ จูน และเดวี่ พวกเขาจะเป็นอย่างไร
“เข้าไปข้างในเถอะครับ” นายตำรวจร่างเล็ก ศีรษะบางจนเกือบล้านกล่าวกับทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้ว เรียกได้ว่าอ่อนโยน เขาไม่ใช่นายตำรวจหน้าเป็นแบบโจเซฟ ชื่อของเขาคือ บรูซ นายตำรวจคนนี้เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่บุกไปยังคฤหาสน์ของเวดและจับกุมตัวเหล่าเยาวชนที่อยู่ในงานปาร์ตี้ทั้งหมด เมื่อนางพยาบาลทำท่าเหมือนจะล้ม เขามีน้ำใจช่วยประคองเธอเข้าไปข้างใน
“คนนี้ใจดีกว่าคนอื่นเยอะเลยนะ” ออสโล่กระซิบบอก อเล็กซิสเห็นด้วย ถ้าหากเจ้าหน้าที่อีกสองคนที่พวกเขาเห็นหน้าอยู่บ่อย ๆ สองคนนั้นคงปล่อยให้หญิงทั้งสองล้มลงไปกับพื้น แล้วเร่งพวกเธอด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก
คุณครูโดบี้ส์และน้องสาวถูกขังอยู่ตรงข้ามกับพวกเขา เจ้าหน้าที่บรูซยิ้มให้เด็ก ๆ คล้ายเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะเดินออกไป
พอมองดูคนที่อยู่ในห้องขังฝั่งตรงข้าม พวกเขายิ่งรู้สึกแย่ ออสโล่ทรุดตัวลงกับพื้น อเล็กซิสเข้าใจดีว่าเพื่อนของเธอกำลังอับจนหนทาง ไม่มีความหวังเหลืออยู่แล้ว ทั้งหมดต้องยอมรับความจริงที่ว่า ชีวิตของพวกเขามาถึงทางตัน อเล็กซิสปาดน้ำตาออกไป ร้องไห้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
“แล้วครอบครัวของหนูล่ะคะ” อเล็กซิสถามครูสาว
“พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ อย่าห่วงไปเลย ทั้งหมดเป็นฝีมือของแมรี่คนเดียว ไม่เกี่ยวกับคุณพ่อของเธอหรอกนะ มีแต่พวกเราที่ถูกสอบสวนเท่านั้น ครูเสียใจ ครูเสียใจมากเหลือเกินที่ทำให้พวกเธอลำบาก เพราะครูกับน้องพยายามจะปกป้องพวกเธอจากการล่าแม่มดแท้ ๆ แต่...” เธอถอนหายใจ
หญิงสาวอ่อนล้ามาก แต่พยายามบังคับตัวเองเพื่อคุยกับพวกเด็ก ๆ ดูเหมือนเธออยากอธิบายว่าเหตุใดเธอจึงทำแบบนี้ เธอเล่าว่าทางการพยายามไล่ล่ากลุ่มคนที่พวกเขามองว่าเป็นตัวอันตรายต่อระบบ เหตุผลหลักก็คือ ไม่มีใครหาคำตอบได้ว่าเหตุใดคนบางกลุ่มจึงมีศักยภาพเหนือมนุษย์ การปล่อยให้คนกลุ่มนี้มีอิสระเหมือนคนปกติอันตรายเกินไป แต่น่าเสียดายที่นางโดบี้ส์เองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าโปรแกรมบำบัดจะทำอะไรกับพวกเด็ก ๆ บ้าง เธอไม่ทราบเลย
“แต่คุณบอกว่ามันจะใช้คุณเป็นตัวประกัน” ไมเคิลเถียง“ใช่ ตัวฉัน เพียงแค่ร่างกายที่ยังมีลมหายใจ”อเล็กซิสเข่าอ่อนจนทรุดตัวลง ก้มหน้าซ่อนสะอื้นลงกับตักหญิงสาว นาฮีมานาอาจไม่ใช่แม่ของกลุ่มเสี่ยง แต่เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่หรือไม่ก็พี่สาวที่พวกเขารู้สึกสบายใจเวลาเห็นเธอ เปรียบดั่งต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทางจิตใจ“แต่ว่า...ก่อนจะออกไป ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”เมื่อนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น นาฮีมานาจับมืออเล็กซิสกับไมเคิล“เผาทุกอย่างในนี้”ทั้งสองพยักหน้า“ถ้าเห็นอะไร ทำใจไว้นะ แต่ฉันคิดว่าอย่าปล่อยไปเลย พวกเขายังไม่รับรู้อะไรหรอก”ทว่าประโยคหลังนั้น ทั้งสองไม่เข้าใจ นาฮีมานาคะยั้นคะยอให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบปืนที่พวกนั้นทิ้งไว้ เธอพยักหน้าให้ทั้งสองเห็นว่าไม่เป็นไร“พวกเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ไปเถิด”“เหลืออีกห้านาที”นาฮีมานาไม่ต้องการให้พวกเขามอง หรือรับรู้ ทั้งสองจึงเดินออกไปหน้าลิฟต์ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นจึงได้ยิน
“พาตัวเธอมา” เธอหันไปสั่งเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง อเล็กซิสไม่มีวันรู้ไม่ถึงหนึ่งนาทีได้ คนของอาร์คาเดียจึงประคองนาฮีมานาออกมา เธออยู่ในสภาพอิดโรย ผมสีดำยุ่งเหยิง แก้มที่ตอบอยู่แล้วลึกลงไปราวกับผิวหนังปกคลุมเพียงโครงกระดูก เธอออกจากกลุ่มไปก่อน อเล็กซิสไม่รู้เลยว่าหญิงสาวโดนจับไปเมื่อไร“ได้โปรด เราพาเธอมาแล้ว”“เหลืออีกสิบนาที” พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกเพราะกลัวหนีไม่ทัน“ทำไม ที่นี่จะระเบิดหรือ”พวกเขาส่ายหน้า ทั้งสองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นนาฮีมานาพยักหน้าให้มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง อเล็กซิสจึงหันไปพยักหน้ากับไมเคิล เขาจึงบอกให้คนที่เหลือออกไป ทั้งหมดทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งหนี บางคนแย่งกันออกไปจนมีเสียงโวยวายล้มลุกคลุกคลาน ส่วนพวกเขารีบไปประคองนาฮีมานาที่ถูกทิ้งลงกับพื้น“มานา...”หญิงสาวสบตากับทั้งสองแล้วยกมือจับแก้มคนทั้งคู่ เพียงสัมผัสอเล็กซิสกลับรู้สึกสบายตัว อากาศปวดตามตัวและที่หน่วงอยู่ในท้องก็อันตรธานหายไปทันใด เมื่อเธอมองไมเคิลจึงเห็นว่าบาดแผลบนใบหน้
“เหลืออีกยี่สิบนาที”สิ่งที่อเล็กซิสเกลียดที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แม้เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ลักพาตัว แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวการเป็นใคร ทั้งสองยืนมองนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนีออกจากตึกจากบานหน้ากระจกขนาดใหญ่บนชั้นลอยเปิดสู่โถงด้านล่าง ประตูทางออกนั้นไม่ได้เปิดออกไปแล้วเห็นด้านนอก แต่ไปยังลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบน โถงด้านล่างกินพื้นที่ถึงห้าชั้น มันกว้างใหญ่ พวกเขาวิ่งหนีขึ้นลิฟต์ บ้างแย่งกัน แต่เพราะจำนวนมีจำกัดจึงไม่อาจขนส่งคนออกไปได้ทันทีแต่ก็ทำให้เธอรู้ว่าทั้งหมดอยู่ใต้ดินขณะนั้นไมเคิลปรายตามองทีมรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาไม่ได้สวมชุดทหารสีเทาแต่เป็นสีน้ำตาล ในมือถือปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่เล็งมาแต่ยังไม่ได้ยิง หรือพูดไม่ถูกคือไม่กล้ายิงเพราะกลัวผลโต้ตอบที่รุนแรงกว่า อีกกลุ่มคอยอพยพและจัดระเบียบ พวกเขามองขึ้นมาอย่างหวาดผวา ส่วนเธอกับไมเคิลมองลงไปด้วยสายตาว่างเปล่า“ปล่อยไปเถอะ เราต้องการเพียงมานา”อเล็กซิสไม่ได้ใจดี เธอแค่ไม่อยากเสียเวลาไมเคิลพยักหน้าแต่สายตายังจับจ้อง
แม้สายตาจะคอยชำเลืองมองแฝดที่ยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าประตูรอให้พวกมันเข้ามา อเล็กซิสใช้เวลานี้เรียกข้อมูลขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากจะเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพวกเขาแล้ว พวกมันต้องการเซลล์ไข่ของเธอและสเปิร์มของแฝดเพื่อผสมเทียม สมมติฐานของคนพวกนี้นั่นคือ เธอและไมเคิลเป็นกลุ่มเสี่ยงคู่เดียวที่สามารถให้กำเนิดทายาทที่มีลักษณะพิเศษได้ เหมือนอย่างที่ลูก้าและเจมม่าเคยให้กำเนิดคนทั้งสอง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงคนอื่นล้วนมีภาวะมีบุตรยากหรืออาจจะถึงขนาดไร้ประสิทธิภาพที่จะมีทายาทเลยก็ว่าได้เพื่ออะไร ผลิต...ผลิตกองทัพผู้มีพลังพิเศษด้วยตัวเองหรือปัญหาคือ เธออยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เอไลโตทั้งหมด หรือบางคน? ที่แน่ ๆ พวกมันใช้คาเรลที่สมควรถูกประหารชีวิตไปแล้วปลอมตัวเป็นไมเคิลมากหลอกเธอเสียงฝีเท้ามากมายมาเป็นโขยงโดยที่แฝดชายยืนรออยู่ อเล็กซิสถอยห่างจากโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน“อยู่เฉย ๆ” คนข้างนอกตะโกนเข้ามา “อย่าขยับไม่อย่างนั้นพวกเราจำเป็นต้องยิง!”ชายหนุ่มผมเงินหัวเราะดูแคลนคนข้างนอก พริบตาเดียวเปลวเพลิงลุกโถมเข้าใส่ประตูด้านหน้า ทีมรักษาความป
ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้งพร้อมกับสภาพเครื่องมือล้มระเนระนาด รวมทั้งจานที่บรรจุเซลล์ไข่แตกละเอียด เพียงเธอมอง ของเหลวในนั้นแห้งเหือดตรงมุมขวาของห้องมีกล้องวงจรปิดอยู่ อเล็กซิสยกมือขึ้นทำท่าบิด มันแตกแล้วตกลงมา เพียงเท่านั้นเธอรีบลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาไมเคิล แต่เพียงขยับก็เจ็บหน่วงที่ท้อง สุดท้ายกลั้นใจหยิบผ้าคลุมมาพันตัวแล้วเดินไปหาน้องชาย มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่แปลบ ๆ หน่วง ๆ เหมือนเวลาที่เธอเคยมีประจำเดือน“ไมเคิล” เธอจับแก้มที่มีแผลไหม้แล้วสงสารจับใจ ใบหน้าของเขาคือของขวัญล้ำค่าที่ไม่ว่าใครก็อยากจะถนอมดูแล แล้วดูตอนนี้สิ อเล็กซิสดึงเครื่องรัดออกแล้วสวมกอดคนที่นอนอยู่แน่นเพื่อให้เขาฟื้นตัว “ไมเคิล ตื่นสิ ไมเคิล”ชายหนุ่มส่งเสียงครางอือ ๆ เบา ๆ เธอถอนตัวขึ้นมาเพื่อรอให้เขาฟื้น เขาเริ่มขยับริมฝีปาก “รอ...”“ไม่ต้องรอ” เธอบอกพลางกุมมือเขาแน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาเมื่อมองแฝดชายราวกับเห็นร่างของซีโน่ที่กำลังจะตาย “ตื่นขึ้นมา ฉันจะปกป้องนายเอง”เขากะพริบตาก่อนจะลืมตามอง ดวงตาสีฟ้าเข้มสบกับของเ
มีกี่เรื่องที่ทำให้คนเราฝันร้าย แต่เมื่อตื่นเหมือนกับโผล่ขึ้นผิวน้ำปีศาจในความทรงจำล้วนมีมากหน้าหลายตา และกลุ่มแรกมีชื่อว่าคาเมรอนกับบรูซ ยังดีที่โชคยังเข้าข้าง ต่างกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมมือปีศาจใต้หน้ากาก หมดสิ้นอิสรภาพโดยสิ้นเชิงสติไปไหน เหตุใดจึงรู้สึกล่องลอย บางครั้งตื่นตัว บางครั้งไม่รู้สึกมันมากันเป็นกลุ่ม จับร่างของอเล็กซิสขึงเพื่อเอาบางสิ่งจากกาย หากขัดขืนดิ้นรนก็จะได้รับความเจ็บปวดสาหัสจนไม่อาจขยับได้ไปหลายนาที คงเป็นเพราะกายหยาบนี้ทนทานต่อยาสลบจึงตื่นเร็วเกินไป แต่ต่อให้ทนได้เพียงใดก็ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมรุกล้ำเข้ามาเสียงกรีดร้องอ้อนวอนขอให้พวกมันหยุดไม่เป็นผล แม้เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการก็ยังไม่ปล่อยอเล็กซิสกับไมเคิลไป พวกมันเอาขาหยั่งออกแล้วปล่อยให้ขาเธอนอนเหยียดยาวโดยมีเครื่องล็อกตรึงไว้ไม่ให้ขยับ“พวกแกต้องชดใช้” เสียงที่ตะโกนออกไปกลั่นออกมาจากความแค้นที่อยู่ลึกสุด แต่กลับฟังดูอ่อนแอเกินกว่าจะขู่ให้ผู้ใดกลัว ตรงกันข้ามกลับเรียกเสียงหัวเราะขำขันแทนเธอหันไปมอง







