Masuk"จะรีบไปไหน นั่งคุยกันก่อนสิพ่อหนุ่ม"เสียงของพูดดังมาจากหน้าประตู เป็นน้ำเสียงของคนมีอายุ ฟังดูสภาพ แต่มีพลังอำนาจผสมด้วย ราวกับว่านั้นไม่ใช่คำขอ หากเป็นคำสั่งของเขาหากเป็นคำสั่งของเขาหากเป็นคำสั่งของเขาหากเป็นคำสั่งของเขาประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับชายวัยเจ็ดสิบกว่าเดินเข้ามา ข้าง ๆ คือผู้กำกับของสำนักงานตำรวจ ดูท่าทางนอบน้อมต่อชายชราคนนั้น"เชิญนั่งครับท่าน"อัยการทั้งสองคนลุกขึ้น พร้อมกับเตรียมที่นั่งให้เขา ชายชราดูใจเย็นท่าทางสบาย ใบหน้าเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม สายตาของเขามองมาที่เอส"ไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วแบบนี้นะครับ รู้สึกประทับใจจริง ๆ"เอสพูดด้วยรอยยิ้ม เขาจำชายคนนี้ได้ดี คนที่เป็นประธานบริษัท FP และ เคยประกาศสงครามกับเขามาก่อน เอสยังเดาไม่ออกว่า เขามีจุดประสงค์อะไร ถึงมาหาเขาที่นี่"นั้นสิ คงเป็นเพราะฉันยังใจดีอยู่"เขาพูดออกมาเสียงเรียบ ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไป ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"ถอยออกไปจาก F&M ก่อนที่จะสายไป ถ้ายังดึงดันทำต่อ บริษัทของเธอต้องขาดทุนเยอะ และล้มละลายในที่สุด ลองไปปรึกษาบริษัทดูสิ"นี่คือการข่มขู่ของเขาเหรอ ราวกับบอกว่าอำนาจของกฎหมายอยู่ในมือของเขา
ข่าวของบริษัท F&M ทำให้ผู้คนสนใจมากกว่าเดิม เพราะเป็นบริษัทที่เคยประกาศล้มละลาย และ กลับมาได้เป็นบริษัทแรก แถมยังปรับโครงสร้างจนกลายเป็น ที่จับตามอง ว่าบริษัทจะกลายเป็นสากลมากขึ้นและความหวังที่จะได้รับการจ้างงานเพิ่ม ก็ทำให้หลายคนมีความหวังแต่ทว่าเอสไม่สามารถควบคุมข่าวได้เลย พวกเขาสามารถดึงสื่อทั้งหมดเอาไว้ในกำมือ จนกลายเป็นกระแสจนถูกโจมตีหนักขึ้นจนกลายเป็นกระแสจนถูกโจมตีหนักขึ้นในห้องถ่ายทอดสดของรายการข่าวชื่อดัง พิธีกรหนุ่มเอ่ยถามแขกรับเชิญพิเศษสองท่าน นั้นคืออนันต์ อดีตรองประธานที่ถูกไล่ออก เพราะถูกบีบ และ ภัทร กรรมการผู้บริหารของ FP กับหัวข้อที่ไม่มีใครสามารถเลื่อนผ่านได้"เงินสีเทาจากมาเฟียต่างชาติ กับแผ่นการยึดบริษัท ด้วยการตัดแขนขาของ F&M""คุณอนันต์ผมอยากถามอย่างตรงไปตรงมา ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนระดับคุณถึงกลายเป็นสภาพแบบนี้ได้"อนันต์ทำหน้าเศร้า แววตาหมองลง ก่อนจะหันมาพูดกับกล้อง"ผมเสียใจมาก ที่ประธานคนใหม่ทำ เขาเข้ามายื่นมือเข้าช่วยเหลือ เหมือนจะดี แต่แล้วก็ถูกเขาบีบบังคับให้เราขายหุ้นให้ 51% เพื่อยึดบริษัทเอาไว้ จากนั้นจึงไล่คนที่ขัดขวางเขาออกไปหมด โดยเฉพาะพวกเราตระกูลสุ
ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา นั่งจิบไวน์อย่างสบายใจ ก่อนจะหันไม่มองชายชราใบหน้าเหี่ยวย่นที่ยิ้มมุมปากบนหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ ตรงผนังห้อง"ผมเห็นรูปแบบของธุรกิจนี้แล้ว รับรองว่าแผนนี้ได้ผล ไม่มีผิดพลาด ไม่คิดว่าคุณจะได้ข้อมูลลับมาได้ด้วย ข้อมูลนี้สามารถทำลายบริษัทนั้นได้เลยนะ"เขาหยิบข้อมูลในจอไอแพดมาดู ก่อนจะยกยิ้มพอใจอย่างมาก (แน่นอนว่ามีคนในระดับปนะธานให้มา พวกเขาก็เหมือนหมากตัวหนึ่งของผม ส่วนเรื่องอื่นผมเชื่อใจคุณ เพราะไม่เคยทำให้ผิดหวัง คงต้องฝากเรื่องงานวิจัยเอาไว้ด้วยนะ)"ได้สิ เกมนี้ยังไม่จบหรอก จนกว่าผมจะเป็นคนรับผิดชอบโครงการนั้นกับมือ"ภาพหน้าจอตัดไป พร้อมกับรอยยิ้มของเขาที่เย็นเฉียบ ราวกับน้ำแข็ง..เอสงัวเงียลุกขึ้นมาเพราะเสียงมือถือดังไม่หยุด เขายังง่วงนอนเพราะเมื่อคืนเล่นเกมดึกไปหน่อย ไม่ให้ดึกได้ไงเพราะของแรร์ทั้งตัว ไล่ตบคนที่เคยทำไว้ครั้งก่อนอย่างเมามันเขาคว้าเอามือถือขึ้นมาแนบหู พลางกลับตาอยู่ เพราะไม่อยากตื่นในตอนนี้"ฮัลโหล...มีไร"(แย่แล้วค่ะ บริษัทเราถูกตรวจสอบ และระงับการทำงานชั่วคราว พวกเขากล่าวหาว่าเราทำผิด)"ว่าไวนะ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แล้วใครเป็นคนตรวจสอบเรา"เอส
"เฮอะ....เข้าเรื่องดีกว่า เอาไปก่อนค่ะ"เอสรับเอกสารมาจากมือเธอ ทั้งหมดมีอยู่สองสามใบ เป็นข้อตกลงก่อนการมอบงานวิจัยให้ แน่นอนว่ารัดกุมมาก ไม่มีช่องโหว่หากมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ถ้าหากเขาคิดจะขโมยงานวิจัยมาเป็นของตน คงทำไม่ได้แต่ในเอกสารยังมีมากกว่านั้น เป็นข้อตกลงที่เอาเปรียบเขามากเกินไป ถ้ายังทำต่อก็ต้องขาดทุน เธออยากจะให้คนของกองทัพทำงานวิจัยต่อ ห้ามให้เขาควบคุม เมื่อถึงขั้นตอนการผลิต เอสต้องมีหน้าที่จัดตั้งโรงงานและเงินทุน แต่ต้องขายให้กองทัพในราคามากกว่าต้นทุน 10%เอสยิ้มมุมปาก เอนตัวพิงเก้าอี้ก่อนจะมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขามองดูท่าทางของยาหยี เธอไม่อยากให้เขาตกลง เพราะอะไร'เธอมีตัวเลือกที่ดีกว่าเหรอ จะเป็นไปได้ไง'เขาไม่เข้าใจ ทั้งที่เธอควรขอร้องเขา แต่ข้อตกลงสุดท้ายเหมือนอยากจะไล่เขาไปให้พ้นทาง"ถ้าไม่ตกลงตามที่เขียนไว้ เราคงร่วมมือกันไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันไม่ไว้ใจคุณ""ถ้าไม่ร่วมมือกับผม พวกคุณก็ไม่มีเงินทุนไม่ใช่เหรอ ยังจะมีตัวเลือกอะไรอีก" เขาแสร้งพูดแบบนั้น ด้วยสีหน้าเห็นแก่ตัวสุด ๆ"อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย ฉันรู้จักคุณ อีเดน จากต่างประเทศ เขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จที่สุด
พนิดายิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปาก ก่อนจะเดินไปนั่งตรงข้ามกับเอส เธอไม่ได้เจอหน้าเขาเกือบหนึ่งสัปดาห์ เพราะหลังจากได้ที่อยู่แล้ว และจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยคอยคุ้มกัน เธอก็ไม่มีข้ออ้างที่จะเจอเขา'เขาคิดถึงฉันหรือเปล่าน่ะถึงมาหา'"แล้วนายมาหาฉัน...มีเรื่องอะไรหรือเปล่า"เอสหยุดดูยอดกดซื้อเกมบนแพลตฟอร์ม ในมือถือแล้วหันมาตอบเธอ"มาเพราะเรื่องบริษัทซัพพลายเออร์ ตอนนี้จัดการเป็นไงบ้าง"พนิดาหน้าหมองลง ก่อนจะตอบตามความจริง"พวกเขาไม่รับข้อเสนอท่าเดียวเลย ต่อให้เพิ่มเท่าไหร่ก็ตาม เราคงถูกแบนถาวรแล้วล่ะ เพราะบริษัท FP ที่สั่งการอยู่"เธอถอนหายใจแรง ก่อนจะยกน้ำขึ้นมาจิบให้ชุ่มคอ เพราะตอนประชุมมีแต่เรื่องปวดหัว โดยเฉพาะคนของสุขเจริญ อดีตครอบครัวของเธอ"ทำไมตอนนั้นไม่ยอมเขาไป จะได้ทำงานสะดวกขึ้น"พนิดาปรายตามองเอส ก่อนจะบ่นอุบอิบให้เขาได้ยิน"ทำไม...กลัวแล้วเหรอ""เปล่า...แค่ไม่อยากล่าช้าในการดำเนินงาน ถ้าช้าบริษัทคงฟื้นตัวยาก" เธอตอบเสียงใส"ถ้ายอมตอนนั้น เราก็ต้องยอมทุกครั้ง เหมือนเธอที่ยอมฉันไง"พนิดาหันมามองเขาทันควัน จนรู้สึกว่าหน้าจะแดงขึ้นแล้ว คนอะไรพูดไม่อายเลยสักนิด"ฉัน...ยอมนายเมื่อไหร่ ไม่
"อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยเหลือประเทศ หรือเห็นแค่กำไรเหมือนบางคนพูด เพราะมีแค่ทางนี้ที่พอเป็นไปได้"เอสพูดน้ำเสียงหนักแน่น ตรงไปตรงมาที่สุด พร้อมกับหันมาส่งสายตามองยาหยีเธอกำลังจะตอบกลับ แต่ถูกบิดาห้ามเอาไว้ก่อน คราวนี้เธอยอมเชื่อฟัง แล้วส่งสายตาไม่พอใจใส่เอส'ก็แค่พวกเห็นแก่ตัว จะหวังดีอะไร'เอสนั่งรอคำตอบจากทั้งสองคนที่กำลังปรึกษากัน แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ง่าย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เขากู้เงินไปทำการวิจัย แต่เพราะระบบห้ามณัทพงศ์ครุ่นคิดเงียบ ๆ เขาจะสามารถไว้ใจคนอื่นได้เหรอ เพราะแม้แต่ในหน่วยงานรัฐยังมีคนของพวกนั้นแฝงตัวอยู่ ถ้าหากสิ่งที่กำลังจะผลิตหลุดออกไป พวกนั้นคงรู้ตัว และลงมือจัดการเสียก่อน'จะทำไงดี...ไม่มีทางอื่นอีกเหรอ'"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันคงต้องปรึกษากันก่อน แล้วจึงให้คำตอบนะ"เข้าดูลังเลจริง ๆ เพราะยังไม่ไว้ใจเอส จึงอยากขอเวลาคิดอีกหน่อย"ได้ครับ...ผมยินดีช่วย""ขอบคุณมาก มีคนแบบนะเธอประเทศชาติคงพัฒนาไปอีกระดับแน่"เอสยิ้มตอบก่อนจะขอตัวกลับ พร้อมอเล็กซ์ที่เดินออกมา ทว่าก่อนจะออกจากบ้าน ทั้งสองต้องหยุดเท้าที่จะเดินไปข้างหน้า เพราะสาวสวยเดินมาขวา







