บทที่ 4
โดย : meowmao “ไม่อยากให้เปิดเทอมเลยอ่ะ ชา…” ขมิ้นพูดเสียงออดอ้อน ขณะเดินเข้ารั้วมหา’ลัยด้วยท่าทางห่อเหี่ยวผิดกับเมื่อวานลิบลับ เมื่อวานยังยิ้มร่า วิ่งวุ่นอยู่แทบทั้งวันอย่างกับมีพลังเหลือล้น แต่พอต้องเริ่มเรียนจริงจังกลับกลายเป็นบ่นไม่หยุดตลอดทางเสียอย่างนั้น… น่าหมั่นไส้ชะมัด “ไม่ต้องมาเลย ขมิ้นน…” ใบชาว่าพลางหัวเราะเบา ๆ “เมื่อวานรีบแทบตาย สุดท้ายก็หาเพื่อนไม่ได้สักคน” เธอส่ายหน้ายิ้ม ๆ เมื่อนึกย้อนถึงความวุ่นวายของเมื่อวาน ทั้งที่เดินวนไปทั่วซุ้ม เจอเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครได้คุยกันนานพอจะเรียกว่า “รู้จัก” ได้เลย ทั้งเธอทั้งขมิ้นก็เลยยังคงวนเวียนอยู่ในโลกของกันและกันเหมือนเดิม คนละชมรมก็จริง แต่ก็ยังไม่มีใครใหม่มาแย่งตำแหน่ง “เพื่อนสนิท” ไปได้อยู่ดี “โธ่… ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าการเข้าหาคนอื่นมันจะยากขนาดนี้” ขมิ้นบ่นพลางทำหน้าบูด เซ็งจนเห็นได้ชัด แม้ภายนอกจะดูร่าเริง เข้าถึงง่าย พูดเก่ง และดูไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ในความเป็นจริง… ขมิ้นกลับกลัวการเริ่มต้นบทสนทนาใหม่ ๆ อยู่เสมอ เธออาจจะเดินเข้าไปหาใครก่อน เป็นคนเริ่มทักทาย หรือหัวเราะนำในวงสนทนา แต่ลึก ๆ แล้ว เธอมักจะรู้สึกไม่แน่ใจอยู่ตลอด ว่าควรพูดอะไร หรือควรเป็นตัวเองแค่ไหน นั่นแหละ… ขมิ้นของใบชา คนที่ถ้าได้สนิทแล้ว ก็จะเป็นตัวเองแบบเต็มร้อย พูดมาก ขี้แซว ขี้อ้อน และอยู่ด้วยแล้วไม่มีวันเบื่อ “แกนั่นแหละ… แล้วไหนล่ะ เพื่อนในชมรม?” ขมิ้นหันมาหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงกึ่งแซวกึ่งจริงจัง “อย่าบอกนะว่าได้เพื่อนแล้วไม่ยอมบอกฉัน?” ฟังดูเหมือนล้อเล่น แต่ฉันรู้ดีว่าขมิ้นกำลังพยายามอ่านสีหน้าฉันอยู่นิด ๆ เธอเป็นแบบนั้นเสมอ ฉันหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้า “จะมีได้ยังไงล่ะ… คนในชมรมมีแค่สิบกว่าคนเองนะ แต่ละคนก็ดูติสท์ ๆ กันทั้งนั้น ต่างคนต่างมานั่งเขียนเงียบ ๆ แทบไม่มีใครเริ่มคุยกับใครเลยด้วยซ้ำ” บรรยากาศในห้องชมรมน่ะ เงียบจนได้ยินเสียงปากกาขูดกระดาษเลยล่ะ ไม่ใช่ที่ที่บทสนทนาเกิดขึ้นง่าย ๆ เหมือนในกลุ่มชมรมที่มีเสียงหัวเราะหรือดนตรีคลอเบา ๆ “นอกจากพี่ในชมรมที่มาทักว่าชอบลายมือฉัน… ก็ไม่มีใครพูดกับฉันเลย” “แน่เหรอ?” ขมิ้นยังคงจ้องหน้าใบชาด้วยท่าทางไม่ไว้ใจนัก ดวงตาหรี่ลงอย่างกับกำลังจับผิด “แน่สิ…” ใบชาตอบพร้อมถอนหายใจเบา ๆ “รู้จักก็แค่พี่ฟ้า ประธานชมรม กับพี่ต๋องที่เป็นรองประธานเท่านั้นแหละ เห็นว่าพี่ ๆ คนอื่นยังไม่ว่าง เลยยังไม่มีโอกาสได้มาทำความรู้จักกันเลย” พูดพลาง ใบชาก็นึกย้อนกลับไปถึงบรรยากาศในห้องชมรมเมื่อวาน ตอนที่สมาชิกใหม่ยังน้อย และพี่ ๆ ที่มาแนะนำตัวก็มีแค่สองคนเท่านั้น พี่ฟ้าดูเรียบร้อย สุภาพ และพูดจานุ่มนวล เหมือนบทกวีที่ไหลเอื่อยอย่างใจเย็น ส่วนพี่ต๋อง… ตรงกันข้ามสิ้นเชิง ทั้งร่าเริง อารมณ์ดี พูดไม่หยุด แต่กลับมีมุมละเอียดเวลาแนะนำหนังสือหรือคอยช่วยเหลือน้อง ๆ ใบชายังจำได้ดี ตอนที่พี่ฟ้าพูดต้อนรับพวกคนเข้าใหม่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องเป็นนักเขียน… แค่ชอบเขียน ก็เพียงพอที่จะอยู่ที่นี่ได้แล้ว” คำนั้นทำให้ใบชารู้สึกว่า ที่ตรงนั้น…อาจจะกลายเป็นบ้านหลังหนึ่งได้ในสักวันหนึ่งก็ได้ “โถ่… จบกัน! ไอ้เราก็หวังว่าจะได้มีเพื่อนเยอะ ๆ หน่อย ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ยยย~” ขมิ้นร้องโอดครวญพลางทึ้งศีรษะตัวเองอย่างคนหมดหวังกับชีวิตมหา’ลัยตั้งแต่วันแรก ท่าทางเหมือนนางเอกละครน้ำเน่าไม่มีผิด เรียกได้ว่าแค่ขาดเสียงฟ้าร้องกับดนตรีเศร้าก็แทบจะครบองค์ประกอบ “ขมิ้น!” ใบชาเรียกชื่อเพื่อนเสียงดัง เมื่อหันไปเห็นใครบางคนที่กำลังจะเดินมาทางพวกเธอ ยังไม่ทันให้เพื่อนตอบ เธอก็คว้าแขนขมิ้นแล้วรีบดึงหลบเข้ามุมเสาของตึกเรียนทันที “อะไรเนี่ยชา!? คนยิ่งเครียด ๆ อยู่…” ขมิ้นโวยเบา ๆ ด้วยสีหน้างุนงง ยังไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “ชู่ว!” ใบชารีบยกนิ้วขึ้นทาบริมฝีปากตัวเอง พลางส่งสายตาขอร้องให้ขมิ้นเงียบก่อน แววตาของเธอจริงจังอย่างผิดปกติ จนขมิ้นต้องยอมสงบปากสงบคำ แม้ในใจจะยังเต็มไปด้วยคำถามก็ตาม “อะไรอะคีย์! ทำแบบนี้มันไม่โอเคเลยนะ!” เสียงหวานใสดังขึ้นจากอีกฟากของลานหน้าอาคารเรียน ทำเอาขมิ้นชะงักไปเล็กน้อยก่อนหันไปมองใบชาอย่างงง ๆ ด้วยความอยากรู้เกินห้ามใจ ทั้งคู่จึงค่อย ๆ ชะโงกหน้าออกจากมุมเสาที่แอบอยู่ แม้จะไม่แน่ใจว่ากำลังจะเห็นอะไร แต่สายตาและน้ำเสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ดึงความสนใจได้ทั้งหมดในทันที “เสียงใครน่ะชา…” ขมิ้นกระซิบเบา ๆ พลางขยับตัวให้พ้นจากเงาเล็กน้อย สายตาทั้งสองจ้องมองไปยังต้นเสียงอย่างตั้งใจ พร้อมใจกันกลั้นหายใจ เหมือนกลัวว่าแม้แต่เสียงลมหายใจจะทำให้ถูกจับได้ บรรยากาศตรงนั้นเริ่มตึงเครียดเล็กน้อย และสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ดูจะไม่ใช่แค่การพูดคุยธรรมดาทั่วไปเสียแล้ว… “อะไรอีก…” เสียงเรียบนิ่งแฝงความเย็นชาดังขึ้นสวนกลับมา แม้จะไม่ได้ตะคอกหรือแข็งกระด้าง แต่กลับทำให้บรรยากาศโดยรอบเย็นวูบลงอย่างบอกไม่ถูก ขมิ้นเบิกตากว้าง หันมามองหน้าเพื่อนด้วยความตกใจ “พะ…พี่คีย์เหรอ?!” เธอถามเสียงเบาเกือบจะเป็นกระซิบ ใบชาไม่พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าหงึก ๆ ตอบรับอย่างรวดเร็ว แววตายังจับจ้องไปยังคนทั้งสองที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ในใจของเธอเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ…ว่าภาพที่กำลังเห็นอยู่นี้คือเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งหรือคือบางอย่างที่ควรจับตามองไว้ให้ดีตั้งแต่ต้น… “คีย์… สรุปแล้ว เราเป็นอะไรกันแน่?” เสียงหวานที่เคยมั่นใจเอ่ยขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สั่นเล็กน้อยอย่างคนที่พยายามกลั้นความรู้สึกเอาไว้ ชายหนุ่มปรายตามอง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ก็แค่คู่นอน” คำพูดนั้นฟังดูธรรมดา…แต่กลับทิ้งรอยช้ำลึกลงกลางใจของคนฟังได้ในชั่วพริบตา “คีย์!!” เสียงเธอสั่นเครือขึ้นมาทันที “ตอนที่คีย์เข้าหา…คีย์ไม่ได้พูดแบบนี้นี่ ถ้าคีย์บอกตั้งแต่แรก นิจะได้ไม่รู้สึกมากไปแบบนี้ คีย์ใจร้ายมากนะ…” ดวงตาของเธอแดงก่ำ ราวกับคนที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้สุดกำลัง คำตอบของเขาเหมือนฝ่ามือที่ฟาดเข้าหน้าเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ผ่านมา… สิ่งที่เขาทำให้ ความใส่ใจ ความอบอุ่น หรือแม้แต่รอยยิ้ม มันไม่มีความหมายอะไรเลยงั้นเหรอ? คีย์ถอนหายใจยาวอย่างเริ่มรำคาญ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ก็แค่เรื่องบนเตียง จะซีเรียสอะไรนักหนา เธอเป็นคนเสนอมาเองไม่ใช่เหรอ จะมาเรียกร้องอะไรตอนนี้?” คำพูดของเขาเย็นชา ยิ่งกว่าสายลมฤดูหนาว และตรงนั้นเอง… ใบชากับขมิ้นที่แอบมองอยู่ก็ถึงกับกลั้นหายใจ ไม่แน่ใจว่าเพราะช็อก หรือตกใจกับความโหดร้ายที่ได้ยิน เพี๊ยะ!! เสียงฝ่ามือตบลงบนใบหน้าของคีย์ดังสนั่นในความเงียบ ทำเอาคนที่แอบฟังอยู่ข้างหลังสะดุ้งโหยง หัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ขมิ้นสบตากับใบชาด้วยความเป็นห่วงอย่างลึกซึ้ง เธอรู้ดีว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้นั้น รู้สึกยังไงกับคีย์และการได้ยินแบบนี้… คงเจ็บปวดราวกับถูกแทงกลางใจ “คนเลว…” เจ้าของรอยมือที่เพิ่งทิ้งร่องรอยบนแก้มชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดปนโกรธจัด “ต่อจากนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” หญิงสาวผละเดินจากไปด้วยก้าวที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ทิ้งให้คีย์ยืนเงียบ ๆ อยู่กับร่องรอยบนแก้ม มือหนาลูบไปมาอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหาที่ระบายความหงุดหงิดและว่างเปล่า แล้วเขาก็เดินเลี่ยงออกไปจากจุดนั้น ทิ้งความเงียบและบาดแผลที่ไม่มีวันลบเลือนไว้เบื้องหลัง “แกโอเคมั้ยชา…?” ขมิ้นถามเสียงเบาอย่างเป็นห่วง หลังจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป สายตาของเธอเต็มไปด้วยความหวังและความเป็นห่วง พร้อมจับมือเพื่อนรักแน่นขึ้นเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันหนัก แต่ฉันจะอยู่ข้างแกเองนะ”ขมิ้นพูดอย่างจริงใจ พร้อมจับมือใบชาแน่นขึ้นเพื่อส่งความอบอุ่น ใบชาพยักหน้าเบา ๆ “อื้อ… ไม่เกี่ยวอะไรกันแล้วนี่นา…” คำตอบที่ออกมาดูเหมือนไม่มีน้ำหนัก แต่ภายในใจของเธอกลับเจ็บปวดราวกับถูกแทงด้วยมีดพันเล่ม เธอรู้ดี… ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น คีย์กลายเป็นคนแบบนี้ได้ก็เพราะเธอเอง เพราะเธอที่หักหลังเขา… ทิ้งรอยร้าวลึกในใจเขาจนไม่เหลือความรู้สึกใด ๆ ให้กันอีกเลย “ปะ ไปเรียนกันเถอะ” ขมิ้นพูดพลางจับมือใบชาไว้แน่น ก่อนจะชักชวนให้เดินไปยังห้องเรียนทันที ใบชาไม่ได้ปฏิเสธ เดินตามเพื่อนรักไปอย่างว่าง่าย แม้ใจจะยังเจ็บลึกอยู่ข้างใน แต่เพื่อนก็เหมือนแรงผลักดันให้ก้าวต่อไปได้ ในห้องเรียน “แก ๆ… เราขอนั่งด้วยได้ปะ?” เสียงสดใสของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น หลังจากใบชาและขมิ้นเพิ่งนั่งลงได้ไม่นาน ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ก็เห็นคู่ชายหญิงที่ดูอัธยาศัยดีพากันยิ้มแหย ๆ อย่างเกรงใจ ท่าทางดูเป็นมิตร และน่าจะเป็นนิสิตใหม่เหมือนกัน ขมิ้นกับใบชามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่ขมิ้นจะพยักหน้า “ได้สิ ๆ” เป็นขมิ้นที่รีบเอ่ยอนุญาตด้วยน้ำเสียงร่าเริง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ใบชาเองก็หันมายิ้มให้เล็กน้อย แม้จะยังไม่เปิดเผยความรู้สึกมากนัก แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้น คู่ชายหญิงตรงหน้าจึงยิ้มตอบอย่างโล่งใจ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างกัน บรรยากาศในห้องค่อย ๆ คลี่คลายจากความเกร็งของวันแรก ราวกับมิตรภาพบางอย่างเพิ่งเริ่มต้นขึ้น… อย่างเงียบ ๆ “เห็นมั้ย~ บอกแล้วว่าสองคนนี้ดูใจดีจริง ๆ” หญิงสาวพูดขึ้นทันทีที่นั่งลงเรียบร้อย น้ำเสียงของเธอสดใสและเป็นกันเองจนทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายขึ้น เธอหันมายิ้มกว้างให้ใบชากับขมิ้นอย่างจริงใจ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นมิตร ขมิ้นอมยิ้มตอบเล็กน้อย ส่วนใบชาก็พยักหน้าเบา ๆ คล้ายจะเปิดรับบทสนทนาอย่างไม่ขัดเขินนัก “เราชื่อพราวนะ~” หญิงสาวแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงสดใส พลางส่งยิ้มให้ทั้งใบชาและขมิ้น ก่อนจะเอียงตัวเล็กน้อยแล้วชี้ไปยังเพื่อนชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “ส่วนนี่ชื่อเสือ” ขมิ้นกับใบชามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ เป็นการทักทาย แม้จะยังไม่มีคำพูดใด ๆ มากไปกว่านั้น แต่บรรยากาศระหว่างคนแปลกหน้า ก็เริ่มอบอุ่นขึ้นทีละนิด “เราขมิ้นนะ~ ส่วนที่นั่งยิ้มแป้นแล้นอยู่ตรงนี้ชื่อใบชา” ขมิ้นพูดแนะนำตัวอย่างอารมณ์ดี พลางชี้นิ้วไปทางเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ใบชาที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน ก่อนจะยกมือขึ้นตีแขนเพื่อนเบา ๆ อย่างหมั่นไส้ “พูดอะไรของแกเนี่ย…” เธอบ่นเสียงเบา แต่ในแววตายังเต็มไปด้วยความเอ็นดู พราวกับเสือหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางพยักหน้าให้กันและกันอย่างขำขัน บรรยากาศรอบโต๊ะเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ราวกับว่าทั้งสี่คนรู้จักกันมานานกว่าวันแรกของการเรียนเสียอีก “น่ารักอ่ะ~ พวกเธอสองคนเป็นเพื่อนกันมาก่อนเหรอ?” พราวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส แววตาเป็นประกายอย่างสนใจ พร้อมรอยยิ้มที่ดูจริงใจ “ใช่แล้ว~ เรากับใบชารู้จักกันมาตั้งแต่ประถมแน่ะ เบื่อหน้าจะตายอยู่แล้ว” ขมิ้นพูดติดตลก พลางแกล้งกลอกตาใส่เพื่อนรักอย่างไม่จริงจังนัก คำพูดของเธอเรียกเสียงหัวเราะจากพราวได้ทันที “โห นานขนาดนั้นเลยเหรอ น่ารักมากเลยอะ” พราวหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ขณะที่เสือที่นั่งเงียบมาสักพักก็แอบยิ้มมุมปากเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ ใบชาทำหน้าเอือมใส่เพื่อนนิด ๆ แต่ในแววตาก็ยังแฝงไปด้วยความเอ็นดู “ถ้าเบื่อจริง ๆ คงไม่ตามมาถึงมหา’ลัยหรอกมั้ง” เธอพูดกลั้วหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะระลอกใหม่ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเรียบง่ายในห้องเรียน เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของมิตรภาพที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น “ว่าแต่… พราวกับเสือก็เป็นเพื่อนกันมาก่อนเหรอ?” ขมิ้นเอียงคอถามอย่างอยากรู้ ดวงตาเป็นประกายสนใจจริงจัง “หึ เปล่าเลย~ พวกเราเพิ่งรู้จักกันวันปฐมนิเทศเองแหละ” พราวตอบพลางหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงยังคงสดใสเป็นกันเองตามแบบฉบับของเธอ “ตอนแรกนึกว่าเสือจะเข้าถึงยาก ที่ไหนได้… เงียบแต่ไม่ดุเลยน้า~” เสือเหลือบตามองพราวนิดหนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ คล้ายเอือม ๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร “ดีอ่ะ~ ได้เพื่อนใหม่ด้วย” พราวพูดอย่างอารมณ์ดี “ฉันกับชานะ ไม่ได้เพื่อนเพิ่มเลยสักคน” ขมิ้นเสริมพลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปสบตากับเพื่อนรักอย่างรู้ใจ บทสนทนาระหว่างสองสาวเป็นไปอย่างคึกคักและถูกคอ จนแทบไม่ทันสังเกตว่าอาจารย์เดินเข้าห้องมาแล้ว ส่วนอีกสองคนอย่างใบชาและเสือกลับนั่งเงียบมาตลอด ไม่ได้พูดอะไรเลย นอกจากนั่งฟังอยู่นิ่ง ๆ ราวกับหลุดออกจากวงสนทนา ใบชาเงียบเพราะใจยังคงวุ่นวายกับเหตุการณ์ก่อนเข้าเรียนที่ฝังลึกอยู่ในความคิด จนแทบไม่ทันได้สังเกตเลยว่า…เสือที่นั่งข้าง ๆ พราวนั้น แอบเหลือบมองเธออยู่เกือบตลอดเวลา ดวงตานิ่งขรึมของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยบางอย่างที่แม้แต่เจ้าตัวก็อาจไม่เข้าใจดีนัก “เสือ~ แกเป็นอะไรเนี่ย? จู่ ๆ ก็เงียบไปเลย ก่อนหน้านี้ยังพอคุยตอบฉันอยู่บ้างนี่นา” พราวเอ่ยท้วงขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งบ่นกึ่งเป็นห่วง พลางขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ เสือหันมามองเธอนิ่ง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ “ก็เธอนั่นแหละ พูดเผื่อคนทั้งมหา’ลัยไปแล้ว จะให้ฉันพูดอะไรอีกล่ะ?” เสือพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงไว้ด้วยแววขำบาง ๆ ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ อย่างเอือมระคนขี้เล่น “ปากดี!” พราวว่าพลางทำหน้าหมุ่ยใส่อย่างแกล้ง ๆ เสือยิ้มมุมปากก่อนจะมองไปทางอื่นเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ “ว่าแต่ชาเองก็เป็นคนเงียบ ๆ ใช่ไหม?” พราวเปลี่ยนเป้าหมายมาถามใบชาอย่างตั้งใจ แต่ใบชายังคงจ้องออกไปข้างหน้า เหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนไม่ได้ยินคำถามนั้น พราวต้องทักใหม่อีกครั้งด้วยเสียงที่เบาลงเล็กน้อย “ใบชา… ได้ยินฉันไหม?” ใบชาหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “อือ… ขอโทษนะ ไม่ทันได้ยินเลย ว่าไงนะ?” ใบชาถามกลับด้วยน้ำเสียงเบา ๆ “พราวถามว่า แกเป็นคนเงียบ ๆ ใช่ไหม?” ขมิ้นทวนคำถามให้ฟังอีกครั้ง “ก็…เปล่านะ แค่เรากำลังคิดเรื่องเรียนน่ะ มันยากเหมือนกันเนอะ” ใบชายิ้มแห้ง ๆ ส่งให้เพื่อน ๆ พร้อมกับหาข้ออ้างเล็ก ๆ มาเบี่ยงเบนความสนใจ “ยากเหรอ? แต่ตอนนี้อาจารย์ก็ยังไม่เริ่มสอนเลยนะ” ใบชาหันไปมองทางอาจารย์ที่กำลังวุ่นวายกับการเปิดโปรเจคเตอร์ ที่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาอะไรบางอย่างอยู่ “เอ่อ…เราหมายถึงการเรียนในอนาคตน่ะ” ใบชารีบแก้ตัว พลางยิ้มแหย่ไปทางเพื่อน แต่ขมิ้นกลับจับได้ทันว่าใบชากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ “เป็นงี้แหละ ชามันพูดไม่เก่งอะ ตามอะไรไม่ค่อยทันหรอก” ขมิ้นรีบพูดขึ้นทันที เพื่อช่วยเพื่อนให้หลุดจากสายตาของเพื่อนใหม่ทั้งสอง พราวพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปเม้ามอยกับขมิ้นอย่างสนุกสนาน ส่วนเสือกลับยังคงเหลือบมองใบชาอยู่บ่อยครั้ง ราวกับกำลังจับผิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ End partบทที่ 7โดย : meowmaoไม่รู้ว่าใบชาทำเวรทำกรรมอะไรถึงต้องมาลงเอ่ยอยู่ที่อยู่ที่แคมป์ต้อนรับนิสิตเข้าใหม่ที่ถูกจัดขึ้นโดยรุ่นพี่หลากหลายคณะเป็นคนจัดขึ้น“โถ่ ชา… แกจะงอแงงทำไมมม เนี่ยยไอ้เสือยังไม่บ่นซักกกคำเลยนะ” ขมิ้นพูดก่อนจะโอบกอดเพื่อนรักอย่างง้องอน“ใครว่า มันบ่นฉันนี่ นู่นหน้าบูดเป็นตูดไก่อยู่นั่น” พราวว่าก่อนจะนั่งลงตรงข้าม และเสือเองที่ทำหน้าหงิกก็นั่งลงข้าง ๆ พราวอย่างเซ็ง ๆ“เอาน่าพวกแกก ถือซะว่ามาเที่ยวพักผ่อนไง เนอะๆ ” ขมิ้นว่าก่อนจะทำท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู แต่สำหรับใบชา และเสือนั้นคงน่าเอือมระอามากกว่า“แกรู้ใช่มั้ย ใครจัดงานนี้” ใบชาพูดก่อนจะที่ขมิ้นจะหันมายิ้มแหย่ ๆ ให้ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ“โน่นเลยคนอยากมา” ขมิ้นพูดก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางพราว ทั้งใบชาและเสือต่างก็หันมามองพราวเป็นตาเดียวพราวเองก็ได้แต่ยิ้มเยาะ ๆ“เก๊าเองง แงง คือแบบเราอยากมาอะ พวกแกจะทิ้งฉันมาคนเดียวจริงหรอออ?” ราวว่าก่อนจะทตาปริบ ๆ อย่างต้องการให้คนมองเห็นอกเห็นใจ“ฉันรู้แต่แบบ ฉันไม่อยากเจอพี่คีย์…” เมื่อพูดถึงบุคคลที่เป็นประเด็นเมื่อหลายวันก่อนทั้งโต๊ะก็เริ่มกลับมาเงียบอีกครั้ง ตอนนี้ทั้งเสือ
บทที่ 6โดย : meowmaoด้าน คีย์เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอบนพื้นทางเดินหินอ่อนของอาคารเรียน กลุ่มชายหนุ่มห้าคนในชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดตากำลังเดินเข้ามา พวกเขาคือ “กลุ่มดาวเด่น” ประจำคณะบริหาร ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม ทั้งหน้าตา ฐานะ และเสน่ห์ที่สะกดทุกสายตารอบข้างให้หันมามองแต่ในกลุ่มนั้น คนที่เดินนำหน้าอย่างเยือกเย็นที่สุด…คือเขา คีย์ หรือ อัครเดช นันทวัฒน์ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ดวงตาคมกริบเย็นชาที่เคยอ่อนโยนเมื่อในอดีต ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือน “กระจกที่ไร้แววสะท้อน” ไม่หลงเหลือแม้เศษเสี้ยวของผู้ชายอบอุ่นที่เคยเป็นและในไม่กี่วินาทีต่อมาปึก!เขาสะดุดเล็กน้อยเมื่อใครบางคนชนเข้าที่ตัวเขาโดยไม่ได้ตั้งใจหญิงสาวร่างเล็กเซไป ล้มลงกับพื้นทันทีพร้อมเสียงหอบเบา ๆ ที่หลุดออกมาคีย์หยุดเดิน…แววตาเย็นเฉียบก้มลงมองเธออย่างนิ่งงัน ไม่ได้รีบช่วย ไม่ได้ถามไถ่…เพียงแค่มองเธอเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนในพริบตา’ใบชา‘ชื่อของเธอผุดขึ้นในหัวแบบอัตโนมัติ แม้เขาจะพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาหญิงสาวที่เขาเคยไว้ใจที่สุด คนที่เขาเคยฝากความรู้สึกทุกอย่างไว้ โดยไม่คิดจะปิดบังเธอดูตกใจ ตกใจ
บทที่ 5โดย : meowmaoหนึ่งอาทิตย์ต่อมาเวลาผ่านไปไวราวกับโกหก นี่ก็ครบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ใบชาเริ่มต้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย หลังจากวันแรกจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่เคยเจอคีย์อีกเลย แม้บางครั้งจะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขาผ่านหูมาบ้างก็ตาม“ชา” เสียงเรียบนิ่งตามสไตล์ของเสือ หนุ่มพูดน้อยผู้กลายมาเป็นเพื่อนใหม่ของใบชา ดังขึ้นข้างหลังขณะเธอกำลังนั่งรอเพื่อนอยู่ที่โต๊ะใต้อาคารเรียน“มาแล้วเหรอเสือ? คนอื่นยังไม่มาเลยนะ” ใบชาหันไปทัก พลางยิ้มบาง ๆ ให้เขา“อื้อ เห็นแล้ว” เสือตอบสั้น ๆ ตามแบบฉบับของเขา ทั้งคู่ต่างคุ้นชินกับการมาสายของขมิ้นและพราวจนไม่รู้สึกแปลกใจอะไรอีกแล้ว“พักนี้ขมิ้นเริ่มจะหนักข้อขึ้นทุกที” ใบชาว่าพลางถอนหายใจเล็กน้อย เธอเองก็อดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ หลังจากที่ขมิ้นเริ่มติดใจการเที่ยวผับบาร์กับพราวมากขึ้น จนส่งผลให้มาสายแทบทุกวัน“อย่าคิดมากเลย ปล่อยให้เขาได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาชอบบ้าง” เสือพูดเรียบ ๆ พร้อมกับหยิบขนมจากในกระเป๋ายื่นให้เธอครึ่งหนึ่งตามเคยใบชารับขนมมาทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยปากขอบคุณ เสือเป็นแบบนี้มาตั้งแต่วันที่สองที่รู้จักกัน—เขามักแบ่งขนมให้เธอเสมอ และเธอ
บทที่ 4 โดย : meowmao “ไม่อยากให้เปิดเทอมเลยอ่ะ ชา…” ขมิ้นพูดเสียงออดอ้อน ขณะเดินเข้ารั้วมหา’ลัยด้วยท่าทางห่อเหี่ยวผิดกับเมื่อวานลิบลับ เมื่อวานยังยิ้มร่า วิ่งวุ่นอยู่แทบทั้งวันอย่างกับมีพลังเหลือล้น แต่พอต้องเริ่มเรียนจริงจังกลับกลายเป็นบ่นไม่หยุดตลอดทางเสียอย่างนั้น… น่าหมั่นไส้ชะมัด “ไม่ต้องมาเลย ขมิ้นน…” ใบชาว่าพลางหัวเราะเบา ๆ “เมื่อวานรีบแทบตาย สุดท้ายก็หาเพื่อนไม่ได้สักคน” เธอส่ายหน้ายิ้ม ๆ เมื่อนึกย้อนถึงความวุ่นวายของเมื่อวาน ทั้งที่เดินวนไปทั่วซุ้ม เจอเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครได้คุยกันนานพอจะเรียกว่า “รู้จัก” ได้เลย ทั้งเธอทั้งขมิ้นก็เลยยังคงวนเวียนอยู่ในโลกของกันและกันเหมือนเดิม คนละชมรมก็จริง แต่ก็ยังไม่มีใครใหม่มาแย่งตำแหน่ง “เพื่อนสนิท” ไปได้อยู่ดี “โธ่… ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าการเข้าหาคนอื่นมันจะยากขนาดนี้” ขมิ้นบ่นพลางทำหน้าบูด เซ็งจนเห็นได้ชัด แม้ภายนอกจะดูร่าเริง เข้าถึงง่าย พูดเก่ง และดูไม่มีอะไรต้องกลัว แต่ในความเป็นจริง… ขมิ้นกลับกลัวการเริ่มต้นบทสนทนาใหม่ ๆ อยู่เสมอ เธออาจจะเดินเข้าไปหาใครก่อน เป็นคนเริ่มทักทาย หรื
บทที่ 3 โดย : meowmao สองอาทิตย์ต่อมา “กรี๊ดดด!!! เราสอบติดจริง ๆ ด้วย!!” เสียงร้องดังลั่นจนแทบทำแก้วหูแตก ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน นอกจากขมิ้นที่ตอนนี้แทบจะกระโดดออกนอกหน้าต่างห้องของใบชาเพราะความดีใจจนล้นปรี่ “เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น!?” ใบไม้รีบวิ่งพรวดเข้ามาในห้องน้องสาวด้วยความตกใจ หลังได้ยินเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ “พี่ไม้!!! ขมิ้นกับชาสอบติดนิติมอพี่แล้วนะ!!” ขมิ้นที่ตื่นเต้นจนแทบระงับความรู้สึกไว้ไม่อยู่ รีบบอกข่าวดีกับพี่ชายของเพื่อนทันที “จริงเหรอ?!” ใบไม้ถึงกับอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น เมื่อได้ยินข่าวน่ายินดีนั้น “จริงสิพี่! ขมิ้นเพิ่งเช็กจากเว็บมหา’ลัยมาเมื่อกี้เลย!” ขมิ้นยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่กลางห้อง ใบชานั่งยิ้มกว้างอยู่ที่ปลายเตียง แม้จะไม่ได้แสดงออกมากเท่าเพื่อน แต่แววตาของเธอก็เปล่งประกายไม่แพ้กัน “สุดยอดเลยว่ะ! เก่งมากทั้งคู่!” ใบไม้เดินเข้าไปตบไหล่ขมิ้นเบา ๆ แล้วหันมายิ้มให้ใบชา “ยินดีด้วยนะชา ภูมิใจในตัวพวกเธอจริง ๆ” “ขอบคุณค่ะพี่ไม้” ใบชาเอ่ยตอบเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยความตื้นตัน “แล้วนี่จะฉลองกันยังไงดีล่ะ?” เขาหันไปถามด้วยสีหน้าระริกระรี้ “ข้าว
บทที่ 2 โดย : meowmao @ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง “โห… ที่นี่ใหญ่มาก! มีร้านดังแทบจะครบทุกแบรนด์เลยอะ ใหญ่กว่าห้างแถวโรงเรียนอีกแน่ะ!” ขมิ้นพูดตื่นเต้น ดวงตาเปล่งประกายขณะหันซ้ายหันขวาสำรวจทุกมุมของห้างใหม่ “คอยดูนะ ฉันจะมาทุกวันเลย!” ใบชาเพียงเดินเคียงข้างเงียบ ๆ พลางฟังเพื่อนสาวบ่นเจื้อยแจ้วโดยไม่ได้พูดตอบกลับอะไร… แววตาเธอทอดมองไปไกล ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ “นี่ชา แกไม่คิดจะตื่นเต้นกับฉันเลยเหรอ?” ขมิ้นหันมาทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อนสนิททันทีเมื่อเห็นอีกคนเงียบกริบไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ใบชาเหลือบตามองเพื่อนอย่างเหนื่อยใจ ‘‘อะไรอีกล่ะเนี่ย…’ เธอได้แต่คิดในใจอย่างเอือมระอา กับนิสัยขี้น้อยใจของขมิ้นที่แค่เธอไม่กรี๊ดกร๊าดด้วยก็ทำท่าเหมือนโลกจะถล่ม “ก็ตื่นเต้นแหละ…มั้ง” ใบชาพูดพลางยักไหล่เบา ๆ ก่อนจะปรายตามองเพื่อนสนิทที่ทำหน้าบูดอยู่ข้าง ๆ แล้วส่งยิ้มจาง ๆ ไปให้แบบคนเอือมแต่ก็ยังรักอยู่ดี “จะให้กรี๊ดบ้านแตกเหมือนแก ฉันก็ทำไม่ได้นะเว้ย” ใบชาพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “เชอะ! เอ้ะ!” ขมิ้นกำลังจะงอนเดินหนี แต่กลับหยุดชะงักทันทีเมื่อสายตาไปสะดุดกับร่างสูงของใครบางคนที่เดินผ่