LOGIN"คุณแม่คะ" ซัมเมอร์ที่ยืนรออยู่หน้างานเห็นหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาก็จำได้ในทันที ถึงแม้ท่านจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศแต่ก่อนหน้าเธอก็เคยไปมาหาสู่
"หนูซัม"
"ดีใจจังเลยค่ะที่คุณแม่กลับมาสักที ถ้าไม่กลับมาซัมจะบินไปหาแล้วนะคะเนี่ย" ขณะที่ควงแขนของท่านอยู่ซัมเมอร์ก็มองไปดูผู้หญิงที่เดินเข้ามากับท่าน "ผู้หญิงคนนี้เป็นใครคะคุณแม่"
"แม่ครับ"
แต่นางยังไม่ทันได้ตอบซัมเมอร์ลูกชายก็เดินเข้ามาหาก่อน "ตาเพลิง"
แม่? ..ทำไมคนพวกนี้ถึงเรียกท่านว่าแม่ ข้าวปุ้นจำผู้ชายคนนี้ได้ตอนนั้นที่เจออยู่ล็อบบี้ แล้วผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่หวงก้าง อย่าบอกนะว่าท่านเป็นแม่ของสองคนนี้ แต่ท่านบอกว่ามีลูกชายสองคนไม่ใช่เหรอ
"นี่แม่?" เพลิงมองไปดูผู้หญิงที่มากับท่าน รู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้มากแต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน
"หนูข้าวมานี่สิลูก"
"ค่ะ" ข้าวปุ้นเดินเข้าไปใกล้ตอนที่ท่านเรียก
"คนนี้ไงที่แม่บอกว่าจะพามางานเลี้ยงด้วย"
"สวัสดีค่ะ" ข้าวปุ้นไหว้ลูกชายของท่านเพราะมองดูแล้วเขาคงอายุเยอะกว่าเธอ
"แล้วน้องชายของเราล่ะ"
"แม่เข้ามาไม่เจอน้องเหรอครับ" ตอนที่พูดกับแม่เพลิงยังอดมองดูผู้หญิงคนนี้ไม่ได้
"น้องไปรับแม่เหรอ"
"บอกจะออกไปดูด้านหน้าครับ"
"คุณแม่ยังไม่บอกซัมเลยนะคะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร" ไม่ใช่แค่เพลิงหรอกที่คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้ซัมเมอร์ก็คุ้นหน้าเช่นกัน
"เธอเป็นคนที่ช่วยแม่ตอนจะไปขึ้นเรือ"
"ตอนขึ้นเรือมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก เพราะหนูข้าวปุ้นมาช่วยแม่ได้ทัน"
"ข้าวปุ้น?" เสียงนี้ดังมาจากทางด้านหลัง คนที่ยืนคุยกันอยู่เลยหันกลับไปมอง
"ตอนเข้ามาแม่ไม่เห็นเรา" มองไปก็เห็นว่าเป็นลูกชายคนเล็ก
อัคคีเดินเข้ามาหาแม่ยังไม่ได้ละสายตาจากผู้หญิงอีกคนเลย ตอนที่เดินเข้ามากับแม่เขาเห็นแล้วล่ะว่าคงเป็นผู้หญิงคนนี้ที่แม่พูดถึง ..ยอมรับว่าเขาจำเธอไม่ได้ ใครจะรู้ว่าผู้หญิงที่ใส่ชุดนอนเข้าโรงแรมในวันนั้นพอแต่งตัวขึ้นมาหน่อยก็จะดูดีขนาดนี้
"แม่?" ข้าวปุ้นเริ่มจะเข้าใจเรื่องราวแล้วว่าตกลงท่านเป็นแม่ของใครกันแน่
"แม่คงไม่ต้องแนะนำนะเพราะแม่คิดว่าเราสองคนคงจะรู้จักกันแล้ว"
"รู้จักงั้นหรือคะทำไมคุณอัคคีต้องไปรู้จักผู้หญิงคนนี้ด้วย" จากที่ควงแขนแม่ของอัคคีอยู่ซัมเมอร์ก็ปล่อยแล้วเดินไปควงแขนอัคคีเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
ทันใดนั้นพิธีกรก็ได้ประกาศชื่อเจ้าของงานในคืนนี้ เพราะเห็นว่าท่านเข้ามาแล้ว
"ขอเรียนเชิญคุณตะวันฉายขึ้นบนเวทีด้วยครับ" จริงๆ เวทีก็ไม่ได้ทำสูงหรอกเผื่อท่านจะเดินไม่สะดวก
"แม่ฝากหนูข้าวหน่อยนะ" ตะวันฉายก็คือแม่ของเพลิงและอัคคี ตอนนางจะไปกล่าวอะไรกับแขก นางได้หันไปฝากข้าวปุ้นไว้กับเพลิง เพราะว่าลูกชายคนเล็กคงไม่ว่างดูแล
"เราตามคุณแม่เข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ" ซัมเมอร์คล้องแขนของอัคคีให้เดินตามเข้าไป
แต่จังหวะที่อัคคีกำลังจะเดินผ่านหน้าข้าวปุ้น เขาก็แกะมือของซัมเมอร์ออกแล้วเอื้อมไปจูงแขนข้าวปุ้นให้เดินตามเข้ามา
"โอ๊ยคุณเบาหน่อยสิเดี๋ยวฉันก็ล้มหรอก" เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวไม่คิดว่าเขาจะจูงเธอเข้ามาด้วย ก็เมื่อสักครู่ยังเห็นคลอเคลียอยู่กับผู้หญิงอีกคน
"อย่าอยู่ห่างฉัน"
"?" เขาหมายความว่ายังไงเนี่ย ในเมื่อเขาอยากได้คนใกล้ชิด แม่นั่นก็ใกล้แทบจะสิงกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
"ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานเลี้ยงของดิฉันในวันนี้ กลับมาประเทศครั้งนี้ฉันอาจจะอยู่นานหน่อย" นางก็แก่มากแล้วเรื่องไหนที่ควรวางก็น่าจะวางได้แล้ว อยากมาอยู่ใกล้ลูกและอยากอุ้มหลานเต็มทีแล้ว
ทุกคนที่มาร่วมงานต่างก็ปรบมือ และแสดงความยินดีกับท่านที่ท่านจะกลับมาอยู่บ้านสักที
"เดี๋ยวนะ??" ข้าวปุ้นเพิ่งนึกได้ว่าเขาบอกแม่เสียแล้วไม่ใช่เหรอ ฉับพลันนั้นหญิงสาวก็หันขวับไปมองดูผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่เขาไม่ได้สนใจเธอหรอกเขายังคงมองดูแม่ที่กำลังกล่าวอยู่บนเวที "ไหนคุณบอกแม่คุณไม่อยู่แล้วไง" แต่เธอไม่อาจทิ้งความสงสัยนี้ไปได้ เพราะเรื่องนี้แหละเธอถึงได้ติดวังวนของเขาอยู่
ชายหนุ่มที่กำลังให้ความสนใจกับคนที่อยู่บนเวทีค่อยๆ หันมองมาดูคนที่ถาม
"ก็แม่ผมไม่อยู่ไง ท่านเพิ่งกลับมา"
"ไม่อยู่ในที่นี้คือท่านไม่ได้อยู่ในประเทศเหรอ?" เธอก็ได้ยินอยู่หรอกว่าเขาบอกแม่ไม่อยู่แล้ว แต่ทำไมถึงไม่บอกให้เคลียร์ว่าท่านไม่ได้ตายท่านแค่ไปอยู่ต่างประเทศ
"เรื่องนี้คุณอย่าพูดให้แม่ฟังนะ" เขาหมายถึงเรื่องแจกันที่แตกไป
"ฉันจะพูด"
"ท่านเพิ่งจะ Move on จากเรื่องของพ่อได้ คุณก็จะไปกระตุ้นอารมณ์ของท่านอีกงั้นเหรอ"
"คุณหมายความว่ายังไง?"
"แจกันนั้นเป็นแจกันที่ท่านกับพ่อลงมือปั้นด้วยกัน"
"......." เธอรู้ว่าท่านมีความรักให้กับสามีมากมาย ถ้าพูดเรื่องแจกันขึ้นมาท่านต้องไม่สบายใจแน่เลย อะไรกันเนี่ยทำไมต้องเป็นเราอีกแล้ว
ตอนที่ข้าวปุ้นกำลังใช้ความคิดอยู่อัคคีก็แอบกรอกหางตามองมาดู..คิดว่าเธอคงจะเชื่อนะ
ผ่านไปไม่นานตะวันฉายก็ลงมาจากเวทีแล้วเดินตรงเข้ามาหาข้าวปุ้น
"หนูคงไม่รู้สึกเบื่อใช่ไหม"
"ไม่ค่ะ"
"ถ้างั้นคุยกับตาอัคคีไปก่อนนะเดี๋ยวแม่ไปทักเพื่อนก่อน"
"...ค่ะ" เมื่อกี้ท่านใช้คำว่าแม่กับเราเหรอ ก่อนหน้าท่านใช้คำว่าป้าไม่ใช่เหรอ ลูกชายสองคนที่ท่านบอกว่าให้เราเลือก ท่านจะรู้ไหมว่าพวกเขาคงไม่เหลียวแลเราหรอก
"อัคคีคะ" ได้ยินเสียงนี้ทีไรอัคคีถึงกับสะดุ้ง "เข้าไปหาคุณแม่กันเถอะค่ะ" ซัมเมอร์อยากทำให้ทุกคนในงานคืนนี้เห็นว่าตัวเองสนิทสนมกับลูกชายคนเล็กของหุ้นส่วนใหญ่แค่ไหน
"คุณก็เข้าไปหาท่านเองสิ" อัคคีที่นั่งอยู่แกะมือของซัมเมอร์ออก ท่าทีของเขาเหมือนเกรงใจสายตาคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ และสิ่งที่เขาทำซัมเมอร์ก็สังเกตเห็น ตกลงผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับเขากันแน่
ไม่ใช่แค่ซัมเมอร์หรอกที่สังเกต ข้าวปุ้นก็สังเกตเหมือนกัน เขาเป็นบ้าอะไรเหมือนกับว่ากลัวเราจะหึงอย่างนั้นแหละ
"คุณทานอะไรหรือยัง" อัคคีหันไปถามข้าวปุ้นทั้งๆ ที่ซัมเมอร์ยังคงยืนอยู่เบื้องหน้า
"ยังค่ะ"
"ถ้างั้นก็ตามผมมาสิ"
"เดี๋ยวฉันไปหาทานเองก็ได้ค่ะ"
"งอนผมเหรอ ผมกับซัมเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ซัมคือลูกสาวหุ้นส่วน"
"คะ?" ผีโรงแรมเข้าหรือเปล่าวะเนี่ย ทำไมต้องมาอธิบายให้เราฟังด้วย
"ตามมาเถอะครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะอธิบายให้ละเอียดเลย"
"คุณๆๆ" ข้าวปุ้นตกใจอยู่ดีๆ เขาก็ดึงตัวของเธอให้เดินตาม "คุณใจเย็นก่อนสิฉันขนลุกนะ"
"คุณอัคคี!" ซัมเมอร์ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่ยอมเสียผู้ชายคนนี้ไปง่ายๆ แน่
"ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณชอบทานอะไร" อาหารในงานนี้มีให้บริการตัวเอง พอเดินมามุมที่มีอาหารตั้งเรียงรายอยู่เขาเลยหยิบจานมาเพื่อจะบริการอาหารให้เธอ แต่สายตานั้นยังคงชำเลืองมองไปดูผู้หญิงอีกคนว่าจะเดินตามมาไหม
"ฉันทำเองก็ได้ค่ะ" ข้าวปุ้นกำลังจะเอื้อมไปตักอาหารเอง แต่ถูกอัคคียืนประกบจากทางด้านหลังก่อนจะจับมือของเธอที่เอื้อมไปแล้วช่วยตักอาหารนั้น"??????" ฉากนี้ไม่ใช่แค่ข้าวปุ้นหรอกที่ตกใจ พนักงานที่รอให้บริการอยู่แถวนั้นรวมถึงลูกสาวหุ้นส่วนที่ยังคงจับตามองอยู่ก็ตกใจไม่ต่างกัน
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 140 ตอนจบ"ได้ยินแม่บอกว่าคุณยังไม่ทานข้าวเที่ยงเหรอ"แพรไหมพยักหน้าตอบไม่ใช่แค่ข้าวเที่ยงหรอกข้าวเช้ายังทานไม่ค่อยลงเลยด้วยความเป็นหมอเขาเลยสอบถามอาการของเธอให้แน่ใจ ว่าเธอมีอาการแพ้ท้องแบบไหนเพราะการแพ้ท้องมีหลายแบบ พอรู้ถึงอาการของเธอแล้วรังสิมันต์เลยเข้าไปในตัวเมืองเพื่อจัดยามาให้เธอทานก่อน และหาอาหารบำรุงครรภ์มาเตรียมไว้ให้เธอในระหว่างที่เขาทำเรื่องวันต่อมา.."แม่เก็บของทำไมคะ" แพรไหมเปลี่ยนเสื้อผ้านักศึกษาออกมาเตรียมจะไปเรียนแล้วก็เห็นว่าแม่กำลังเก็บของ"เราจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯไงลูก""ย้าย?""คุณหมอยังไม่บอกเราเหรอ""ยังไม่บอกค่ะ" เมื่อคืนนี้กินยาที่เขาให้ไปง่วงนอนมากเลยหลับ ตอนที่เธอหลับรังสิมันต์ออกมาปรึกษาแม่เรื่องนี้ ทั้งสองเลยตกลงว่าจะไปอยู่ที่นั่น แต่ก่อนนางอาจจะยังลังเลอยู่แต่ตอนนี้มีหลานเล็กๆ แถมหลานอีกคนก็กำลังจะเกิด นางจะเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่ได้แล้ว"แล้วพี่หมอล่ะลูก""ตอนนี้เข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ"ไม่นานรังสิมันต์ก็ออกมาจากห้องเห็นแม่ของเธอกำลังเก็บของอยู่พอดี"ตอนเช้าผมจะพาแพรไปคุยเรื่องเรียนก่อนนะครับ ช่วงสายๆ เดี๋ยวผมมาช่วยเก
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 139 >>{"สวัสดีครับคุณแม่ ผมนึกว่าแพร"} {"เมื่อกี้ยัยแพรก็อยู่ตรงนี้แหละ แต่ตอนนี้เข้าไปอ้วก"}>>{"แพรเป็นอะไรครับ?"} {"ตาหมอมีธุระด่วนจะคุยกับน้องไหมล่ะ"}>>{"พอดีว่าพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปสัมมนาที่ต่างประเทศครับเลยอยากจะคุยกับแพรก่อน ว่าแต่วันนี้แพรทานอะไรบ้างครับ"} เขาวินิจฉัยเธอผ่านทางโทรศัพท์ เพราะคนที่จะอาเจียนได้มีหลายปัจจัย แต่ก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายทั้งนั้นเลย ร่างกายถึงได้ขับของพวกนั้นออกมา {"วันนี้น้องไปเรียนแม่ไม่รู้ว่าที่มหาวิทยาลัยทานอะไรบ้างเดี๋ยวรอน้องออกมาก่อนนะลูก"}ไม่นานแพรไหมก็ออกมาแม่เลยบอกว่าคุณหมอรอสายอยู่ {"ค่ะคุณหมอ"}>>{"แพรมีอาการเป็นยังไงบ้าง"} {"เวียนหัวคลื่นไส้ค่ะ"}>>{"มีอาการเวียนหัวร่วมด้วยเหรอ? เป็นมากี่วันแล้ว"} {"หลายวันแล้วค่ะ แต่เป็นๆ หายๆ"}>>{"ไปหาหมอหรือยัง"} {"ทีแรกแพรนึกว่าอาการนี้มันจะหายไปแล้วเลยไม่ได้ไปหาหมอค่ะ"}>>{"ประจำเดือนเดือนนี้มาหรือยัง"} ประโยคต่อมาของคำถามทำให้แพรไหมถึงกับชะงัก {"เกี่ยวอะไรกับประจำเดือนคะ"}>>{"ตอบผมมาก่อน"} {"ยังไม่มาเลยค่ะ"}>>{"เดือนสุดท้ายมาวันที่เ
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 138เช้าวันต่อมา.."สายแล้ว" มือหนาเอื้อมไปบีบจมูกเธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลุกให้ตื่น"อืม" นอกจากจะไม่ตื่นแล้วเธอยังคงฝังใบหน้าลงกับแผ่นอกของเขาแนบแน่นขึ้น"วันนี้วันศุกร์ต้องไปเรียนไม่ใช่เหรอ""ไม่ไป" เสียงงัวเงียเปล่งออกมาเบาๆ โดยที่ไม่ได้ขยับเขยื้อน"ไม่ไปไม่ได้""ถ้ากลับมากลัวไม่เจอคุณหมอ""ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่าแม่จะกลับมา""จริงหรือคะ" จากที่งัวเงียอยู่เมื่อครู่ดูสดใสขึ้นมาทันทีทันใด"จริงสิ""ถ้าแพรไปเรียนคุณหมอก็เหงาสิคะ""ไม่เป็นไรหรอก"เขาไม่เป็นไรแต่เรานี่สิจะไม่ใจขาดก่อนเหรอ ยิ่งรู้ว่าเขารออยู่ที่บ้านเธอรู้ว่าตัวเองต้องคิดถึงเขามากแน่เลยแต่แพรไหมก็ต้องไปเรียนเดี๋ยวเขาหาว่าเกเรรังสิมันต์ขับรถของแม่มาส่งเธอที่มหาวิทยาลัย เพราะเขาไม่ได้เอารถมาด้วย ตอนมาที่นี่ก็ให้รถที่สนามบินมาส่ง"คุณหมอลงไปด้วยกันไหมคะ""ไปได้เหรอ" เขากลัวว่าเธอจะอายเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่มีแฟนอายุเยอะกว่า"ไปได้สิคะ" อยากจะอวดแฟนใจจะขาดอยู่แล้ว พอลงจากรถแพรไหมก็ควงแขนของคุณหมอเดินเข้ามาที่คณะ"แพร?" มีเพื่อนหลายคนที่รู้จักคุณหมอ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก "คนนี้เหรอคุณหมอสุดหล
ตุ๊บ! อยู่ดีๆ ร่างของจิรายุก็กระเด็นออกจากประตู"กรี๊ดด" สาวๆ สองคนที่ยืนรอลุ้นอยู่ด้านหลังตกใจกรีดร้องเสียงดัง เพราะคิดว่าขโมยขึ้นบ้านจริงๆ ส่วนจิรายุที่เป็นทัพหน้าตอนนี้กองอยู่กับพื้นหน้าประตูบ้านชั้นบน"โอ๊ยย" มีไม้ในมือแท้ๆ แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้"ใคร! ออกมานะ" แพรไหมที่เข้าไปพยุงจิรายุตะโกนเข้าไปในบ้าน บอกให้คนที่ทำร้ายเพื่อนออกมาจากที่ซ่อนจังหวะเดียวกันนั้นเจ้าของเท้าที่ถีบจิรายุก็เผยโฉม"คุณหมอ?" แพรไหมแทบขยี้ตาดูอีกรอบว่าเธอมองถูกหรือเปล่า หรือคิดถึงเขามากจนมองโจรเป็นเขา"ผมเอง" ตอนที่พูดสายตาเขามองมือเธอที่กำลังพยุงไอ้ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นอยู่"คุณหมอจริงๆ ด้วย" แพรไหมรีบปล่อยมือแล้วตรงเข้าไปหาเขา "คุณหมอมาได้ยังไงคะ""นั่งเครื่องมา""แล้วคุณหมอรู้จักบ้านของแพรได้ยังไงคะ" นอกจากรู้จักบ้านแล้วเขาต้องมีกุญแจบ้านเธอด้วยถึงจะเข้ามาได้แบบนี้"เจอแม่ที่โรงพยาบาล" ตอนที่พูดเขายังคงมีท่าทีไม่สบอารมณ์สายตายังคงมองไปดูไอ้คนที่มันสำออยอยู่ที่จริงจิรายุไม่ได้สำออยหรอกใครเจอเข้าไปก็ต้องจุกกันบ้างแหละ"จิเธอเป็นอะไรไหม" พอนึกได้ว่าลืมเพื่อนแพรไหมกำลังจะหันกลับไปถามแต่ถูกมือหนาโอบเข้ามาก่อนจะ
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 136เพราะแบบนี้แหละเขาถึงยังไม่บอกเรื่องการประเมิน กลัวว่าเธอจะไม่สบายใจ เพราะผลการประเมินคะแนนของเธอได้มากที่สุดและเรื่องนี้อาจารย์ก็ปล่อยไปไม่ได้ เพราะนักศึกษาข้องใจกับการให้คะแนน แถมคนที่ให้คะแนนก็เป็นคนรักของคนที่ได้คะแนนสูงสุดด้วยทางอาจารย์เลยต้องโทรติดต่อกลับไปที่โรงพยาบาล ว่าพอจะให้เหตุผลเรื่องการให้คะแนนได้ไหม หรือถ้าให้เหตุผลไม่ได้ก็จะขอให้ทางโรงพยาบาลแก้คะแนนตามความเหมาะสม ไม่อยากให้มีผลกระทบต่อการฝึกงานของนักศึกษาเลยแต่พออาจารย์ได้รับรู้ถึงเหตุผลนั้นแล้ว รวมถึงคลิปที่ทางคุณหมอรังสิมันต์เตรียมไว้ให้ ก็ได้นำหลักฐานนั้นเข้ามาแจ้งกับนักศึกษาที่รังสิมันต์ไม่บอกเหตุผลตั้งแต่แรกเพราะเขาอยากกลั่นกรองคนในชีวิตของเธอด้วย ถ้าทุกคนยอมรับโดยไม่มีข้อกังขานั่นหมายถึงเพื่อนแท้เพื่อนแท้จะไม่แอบแทงข้างหลังกัน และเพื่อนแท้ก็ต้องมองเห็นว่าเธอช่วยเพื่อนมากแค่ไหน แต่คนที่กล้ามีข้อสงสัยนั่นหมายถึงเห็นแก่ตัวมากหวังแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวหลังจากที่อาจารย์นำหลักฐานการให้คะแนนเข้ามาบอกนักศึกษาที่สงสัยเสร็จแล้วทุกคนก็เงียบ เพราะมันก็เป็นจริง แบบที่คุณหมอให้เหตุผลมาว่า
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 135เช้าของวันต่อมา.. รังสิมันต์ไม่ได้บอกเธอหรอกว่าผลการประเมินของเธอได้เท่าไร แต่เขาก็ได้จนเสร็จเพราะถึงแม้เธอจะไม่ทำต่อเขาก็ทำเองได้ ..ที่ไม่บอกกลัวเธอจะคิดมากและแพรไหมก็เข้าใจ ในเมื่อเขาบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะถึงยังไงเดี๋ยวก็คงไปรู้ที่มหาวิทยาลัยเองมาถึงโรงพยาบาลนักศึกษาฝึกงานก็ถูกเรียกตัวให้มาพูดคุยกัน เพราะพรุ่งนี้แล้วที่ทุกคนต้องเดินทางกลับ"สวัสดีครับ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการฝึกงานนี้จะช่วยให้นักศึกษาทุกท่านได้เรียนรู้การใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย""นอกจากจะหล่อแล้วแถมคำพูดคำจายังกินใจอีก""อย่าปลื้มมากนั่นผัวเพื่อน""เราก็มาฝึกงานที่นี่เป็นเดือนๆ ทำไมไม่เจอเหมือนยัยแพรเลย""แกได้ยินสุภาษิตไหมที่ว่าแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่มาแข่งบุญวาสนามันแข่งกันไม่ได้หรอกนะ""ถ้านักศึกษาเรียนจบแล้วใครต้องการอยากมาสายอาชีพนี้ โรงพยาบาลแห่งนี้ยินดีต้อนรับนะครับ""จริงหรือคะคุณหมอ ดีจังเลยค่ะ""ผลการประเมินผมได้ส่งอีเมลไปทางมหาวิทยาลัยให้แล้วนะครับ"นักศึกษาทุกคนต่างก็กล่าวคำขอบคุณก่อนจะแยกย้ายไปแผนกที่รับผิดชอบ ส่วนมากวันนี้เป็นวันร่ำลาพี่ๆ ที่ช่วยกันฝึกสอน







