LOGIN"คุณทำอะไร!" หญิงสาวที่กำลังจะเอื้อมไปตักอาหารถึงกับทำที่ตักหลุดมือ
"ก็จะช่วยคุณไง"
อึก! จังหวะนั้นข้าวปุ้นไม่รีรอแล้ว เธอแทงศอกกลับหลังจนกระแทกเข้ากับลำตัวของคนที่ยืนเบียดอยู่
ถึงแม้ว่าจะจุกแต่อัคคีก็กัดฟันทำสีหน้าให้เป็นปกติแล้วขยับออกมา
"มีอะไรกันหรือเปล่า" หลังจากที่ทักทายเพื่อนฝูงเสร็จแล้วตะวันฉายก็เดินตรงมาทางลูกชายคนเล็ก
"อัคคีเป็นอะไรไปคะ" เห็นว่าคุณแม่ของอัคคีเดินมาทางนี้ซัมเมอร์ที่รอโอกาสอยู่รีบเดินตามมา
"ไม่มีอะไร"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ" ทั้งสองตอบไปแทบจะพร้อมกัน ข้าวปุ้นเลยหยิบเอาสิ่งที่ทำตกเมื่อครู่ขึ้นมาจากโต๊ะแล้วก็ตักอาหารต่อ
ขณะที่กำลังตักอาหารอยู่ก็นึกถึงตอนที่เธอแอบนินทาโรงแรมว่าอาหารแพง ทำไมเราจุดใต้ตำตอขนาดนี้วะ ดันไปนินทากับเจ้าของโรงแรมโดยตรงเลย
"หนูลองชิมอันนี้ดูสิ อร่อยมากเลยนะ" ตะวันฉายตักอาหารแล้วจ่อไปที่ปากของข้าวปุ้นในท่าป้อน
"ขอบคุณค่ะเดี๋ยวข้าวทานเองค่ะ"
"ฉันตักให้"
"ผู้หญิงคนนี้ต้องทำเสน่ห์ใส่คุณแม่แน่เลยค่ะ" ซัมเมอร์รู้สึกเกลียดขี้หน้าข้าวปุ้นทุกทีแล้ว
อัคคีก็แปลกใจเหมือนกันแม่เพิ่งจะกลับมาทำไมถึงสนิทสนมได้ถึงเพียงนี้ จะว่าเพราะช่วยตอนที่หกล้มมันก็ดูเกินไปไหม
"คุณตะวันฉายจะไม่แนะนำเด็กผู้หญิงคนนี้ให้เรารู้จักหน่อยหรือคะ" เพื่อนคุณหญิงคุณนายเห็นว่าตะวันฉายดูสนิทสนมกับเด็กผู้หญิงคนนี้มาก ถ้าไม่ใช่ญาติก็คงเป็นว่าที่ลูกสะใภ้แน่เลย และถ้าเป็นแบบนั้นก็เป็นข่าวใหญ่ของวงการข่าวหนึ่งเลยล่ะ
"หนูคนนี้น่ะหรือชื่อหนูข้าวปุ้น เป็นเพื่อนฉันเองแหละ"
"ห๊ะ?!" คนที่ฟังอยู่ตกใจแทบจะทุกคน
"เพื่อนต่างวัยน่ะ"
"สวัสดีค่ะ" ข้าวปุ้นยกมือไหว้เพื่อนของท่าน
"ฉันตกใจหมดเลยคิดว่าหนูอายุเท่ากับพวกเรา" เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนใครจะไม่ตกใจล่ะ หลังจากที่คุยเรื่องนี้จบเพื่อนๆ ก็อยากจะทัวร์โรงแรม ตะวันฉายเลยนัดเพื่อนมาเจอกันพรุ่งนี้
งานเลี้ยงผ่านไปหลายชั่วโมงบางคนก็ทยอยกลับไปแล้ว
"เธอดูจะสนิทกับแม่ฉันจังเลยนะ" มีโอกาสอัคคีเลยเดินเข้ามาคุยกับข้าวปุ้น
"ฉันหรือคะ"
"เธอรู้ก่อนหน้าไหมว่าท่านเป็นแม่ฉัน"
"ถ้าฉันรู้ก่อนหน้าก็ดีน่ะสิ จะได้ขอให้ท่านปั้นแจกันนั้นขึ้นมาใหม่" เธอเข้าใจว่าที่เขาถามคงคิดว่าเธออยากเข้าหาคนรวย
พูดกับเขาแค่นั้นข้าวปุ้นก็ลุกขึ้นกำลังจะไปลาท่านกลับ แต่พอมองไปก็เห็นว่ากำลังคุยอยู่กับลูกสะใภ้คนเล็กของท่าน เธอเลยไม่เข้าไปหา
"ซัมไม่อยากให้คุณแม่สนิทสนมกับผู้หญิงคนนั้นเลยค่ะ"
"คนไหนเหรอ" นางมองไปก็ไม่เห็นแล้ว
"ก็คนที่คุณแม่พาเข้างานไงคะ"
"หนูข้าวปุ้นน่ะหรือ"
"ซัมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเข้าหาคุณแม่ต้องมีจุดประสงค์แน่เลยค่ะ"
"ฉันชอบนะคนที่เข้าหาแบบมีจุดประสงค์มันดูน่าค้นหาดี"
"คุณแม่ก็เป็นซะแบบนี้"
"หึ.." ตะวันฉายแค่ยกยิ้มเล็กน้อย เพราะนางก็รู้อยู่ว่าลูกสาวหุ้นส่วนคนนี้เข้าหานางก็มีจุดประสงค์ไม่ต่างกัน
"คุณพ่อบอกอยากให้ซัมเข้ามาทำงานค่ะ"
"หนูก็เข้ามาสิ"
"ซัมอยากเป็นผู้ช่วยของคุณอัคคี"
"เรื่องนี้หนูต้องคุยกับตาอัคคีเองแล้วล่ะ"
"คุณแม่ช่วยพูดให้หน่อยสิคะ"
"ฉันจะลองถามให้แล้วกัน"
"ขอบคุณมากค่ะ"
เช้าวันต่อมา..
ข้าวปุ้นก็ลงมาทำงานตามปกติ แรกๆ ก็ดูตื่นเต้นดีอยู่หรอก แต่หลังๆ มามันเหมือนอะไรไม่รู้ ตกลงผู้ชายคนนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ อยากให้เธอเข้ามาทำงานใกล้ๆ คงไม่ใช่แบบที่เราคิดนะ แว๊บหนึ่งในหัวคิดว่าเขาสนใจตัวเอง แต่มันจะเป็นไปได้หรือ ผู้หญิงรอบกายของเขามีแต่สวยๆ Perfect ทั้งนั้น
"จะย้ายโต๊ะไปทำไมคะ" เดินเข้ามาก็เห็นพนักงานกำลังขยับของที่เธอให้จัดไว้เมื่อวาน
"คุณซัมลูกสาวของหุ้นส่วนบอกว่าตั้งแบบนี้มันดูรกหูรกตาค่ะ"
"เอาไปไว้ที่เดิม"
"แต่ว่า.."
"จุดนี้เป็นงานของฉัน"
"เห็นคำสั่งฉันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม" ซัมเมอร์กลับมาก็เห็นว่าพนักงานไม่ได้ทำตาม
"คือว่าคุณข้าวให้เอาไปไว้ที่เดิมค่ะ"
"คำพูดของฉันกับของผู้หญิงคนนั้นใครมีน้ำหนักมากกว่ากัน"
"ขอโทษนะคะที่นี่มันคือที่ทำงานของฉัน เชิญคุณออกไปค่ะ" ข้าวปุ้นได้ยินเสียงเลยเดินออกมาดู
"เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร"
"แล้วคุณไม่รู้หรือคะว่าตัวเองเป็นใคร น่าสงสารจังเลย"
"หึหึ" คนที่เดินเข้ามาได้ยินก็ถึงกับกลั้นขำไม่อยู่
"อัคคีคะ คุณดูผู้หญิงคนนี้สิ นิสัยเสีย" ใช่แล้วคนที่เดินเข้ามาใหม่ก็คืออัคคี พอเห็นว่าเขาเดินมาซัมเมอร์ก็รีบเดินเข้าไปคล้องแขน
"แม่เหล็กชั้นเยี่ยม"
"เธอหมายความว่ายังไง" ซัมเมอร์หันไปถามเพราะไม่เข้าใจความหมาย
"คุณไม่รู้จักแม่เหล็กเหรอคะ มันคงมีฝังอยู่ในตัวของเขา พอมาใกล้ทีไรก็สามารถดูด.."
ที่จริงอัคคีก็ไม่เข้าใจที่เธอพูดเหมือนกันแต่ก็เพิ่งจะมาเข้าใจนี่แหละ เธอคงหมายถึงเขาเป็นแม่เหล็กดูดซัมเมอร์ให้เข้ามา
"คุณไม่ต้องหึงหรอกผมคิดกับซัมเมอร์เป็นแค่เพื่อน" ครั้งนี้อัคคีไม่ได้แกะมือของซัมเมอร์ออก แต่คำพูดนั้นมันกระแทกจิตใจคนฟังมาก
"อัคคี!!" ได้ยินว่าอีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองเป็นเพื่อนก็ไม่พอใจ
อีกแล้วนะที่เขาพูดแบบนี้ ทำไมเราต้องหึงด้วย ในเมื่อเราไม่ได้รักเขาสักหน่อย แต่เดี๋ยวนะ หรือว่าเขาจะให้เราเป็นไม้กันหมา??
"ฉันขอคุยอะไรกับคุณหน่อย"
"เธอจะคุยอะไรกับคุณอัคคี"
"คุณเอาเวลานี้ไปคิดดูไม่ดีกว่าเหรอคะว่าคุณเป็นลูกของใคร"
"หมายความว่ายังไง??" ซัมเมอร์ได้แต่ยืนงงว่าแม่นั่นหมายถึงอะไร แต่พอนึกได้คงหมายถึงเรื่องที่ถามว่ารู้ไหมว่าเธอเป็นลูกของใคร เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น "กรี๊ดดดด"
"โชคดีนะออกมาก่อน ไม่งั้นหูแตกแน่เลย" ขนาดออกมาข้างนอกยังได้ยินเสียงกรี๊ดนั้น
อัคคีที่เดินตามออกมาก็พึงพอใจมาก เขาคิดไม่ผิดเลยที่เลือกเธอ
"ยิ้มอะไร" พอมองกลับไปก็เห็นว่าเขาแอบยิ้มอยู่ "คุณบอกความจริงมา"
"ความจริงอะไร"
"คุณไม่ได้ต้องการอยากให้ฉันมาช่วยดูงานใช่ไหม"
"ทำไมถามแบบนั้น"
"ฉันจะถามตรงๆ เลยแล้วกัน คุณจะให้ฉันมาเป็นไม้กันผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม"
"ยังไงนะ?"
"ก็เป็นไม้กันหมาไง"
"คุณฉลาดจังเลย"
"ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ" ว่าแล้วข้าวปุ้นกำลังจะเดินหนีแต่ถูกอัคคีเอื้อมไปคว้าแขนแล้วดึงตัวเข้ามาหา จนร่างของเธอกระเด็นตามแรงเข้ามากระแทกตัวเขา
"ด้านหลังเป็นโซนบาร์ที่เปิดใหม่ ตอนนี้กำลังตกแต่งภายในอยู่ค่ะ" เวลาเดียวกันนั้นตะวันฉายก็พาเพื่อนทัวร์โรงแรม
"มีบาร์ด้วยเหรอคะ"
"เห็นว่าจะยกระดับจากบาร์ให้เป็นสถานบันเทิงค่ะ"
"อยากเห็นจังเลยค่ะเราเข้าไปดูกันไหมคะ"
"ตามมาสิคะ"
"อุ้ยนั่น?" เดินเข้ามาใกล้ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งดูเหมือนว่ากำลังพลอดรักกันอยู่ "ใครคะนั่น"
"อัคคี?"
ทั้งสองที่กำลังสบตากันอยู่หันไปมองด้านหลังแทบจะพร้อมกัน
"แม่?"
"คุณป้า??" ข้าวปุ้นรีบผลักเขาให้ออกห่าง
"ต่อได้เลยจ้ะ เดี๋ยวแม่จะพาเพื่อนไปชมทางอื่นก่อนแล้วกัน"
"คุณป้าคะมันไม่ได้เป็นแบบที่คุณป้าคิดนะคะ" ข้าวปุ้นกำลังจะเดินตามไปอธิบาย แต่อัคคีหันไปเห็นว่าซัมเมอร์เดินตรงมาทางนี้ "อืมมม?" จังหวะที่กำลังจะเดินตามหลังคุณป้าไป ร่างของเธอก็ถูกผู้ชายที่ยืนอยู่ใกล้เมื่อครู่กระชากเข้ามาโน้มจูบ
"อุ๊ย.. หนุ่มสาวสมัยนี้ทำไมไม่เลือกสถานที่บ้างเลยคะ" กลุ่มคนที่กำลังทัวร์โรงแรมอยู่ยังไปไม่ถึงไหน หันกลับมาก็เห็นจังหวะนั้นพอดี
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 140 ตอนจบ"ได้ยินแม่บอกว่าคุณยังไม่ทานข้าวเที่ยงเหรอ"แพรไหมพยักหน้าตอบไม่ใช่แค่ข้าวเที่ยงหรอกข้าวเช้ายังทานไม่ค่อยลงเลยด้วยความเป็นหมอเขาเลยสอบถามอาการของเธอให้แน่ใจ ว่าเธอมีอาการแพ้ท้องแบบไหนเพราะการแพ้ท้องมีหลายแบบ พอรู้ถึงอาการของเธอแล้วรังสิมันต์เลยเข้าไปในตัวเมืองเพื่อจัดยามาให้เธอทานก่อน และหาอาหารบำรุงครรภ์มาเตรียมไว้ให้เธอในระหว่างที่เขาทำเรื่องวันต่อมา.."แม่เก็บของทำไมคะ" แพรไหมเปลี่ยนเสื้อผ้านักศึกษาออกมาเตรียมจะไปเรียนแล้วก็เห็นว่าแม่กำลังเก็บของ"เราจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯไงลูก""ย้าย?""คุณหมอยังไม่บอกเราเหรอ""ยังไม่บอกค่ะ" เมื่อคืนนี้กินยาที่เขาให้ไปง่วงนอนมากเลยหลับ ตอนที่เธอหลับรังสิมันต์ออกมาปรึกษาแม่เรื่องนี้ ทั้งสองเลยตกลงว่าจะไปอยู่ที่นั่น แต่ก่อนนางอาจจะยังลังเลอยู่แต่ตอนนี้มีหลานเล็กๆ แถมหลานอีกคนก็กำลังจะเกิด นางจะเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่ได้แล้ว"แล้วพี่หมอล่ะลูก""ตอนนี้เข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ"ไม่นานรังสิมันต์ก็ออกมาจากห้องเห็นแม่ของเธอกำลังเก็บของอยู่พอดี"ตอนเช้าผมจะพาแพรไปคุยเรื่องเรียนก่อนนะครับ ช่วงสายๆ เดี๋ยวผมมาช่วยเก
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 139 >>{"สวัสดีครับคุณแม่ ผมนึกว่าแพร"} {"เมื่อกี้ยัยแพรก็อยู่ตรงนี้แหละ แต่ตอนนี้เข้าไปอ้วก"}>>{"แพรเป็นอะไรครับ?"} {"ตาหมอมีธุระด่วนจะคุยกับน้องไหมล่ะ"}>>{"พอดีว่าพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปสัมมนาที่ต่างประเทศครับเลยอยากจะคุยกับแพรก่อน ว่าแต่วันนี้แพรทานอะไรบ้างครับ"} เขาวินิจฉัยเธอผ่านทางโทรศัพท์ เพราะคนที่จะอาเจียนได้มีหลายปัจจัย แต่ก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายทั้งนั้นเลย ร่างกายถึงได้ขับของพวกนั้นออกมา {"วันนี้น้องไปเรียนแม่ไม่รู้ว่าที่มหาวิทยาลัยทานอะไรบ้างเดี๋ยวรอน้องออกมาก่อนนะลูก"}ไม่นานแพรไหมก็ออกมาแม่เลยบอกว่าคุณหมอรอสายอยู่ {"ค่ะคุณหมอ"}>>{"แพรมีอาการเป็นยังไงบ้าง"} {"เวียนหัวคลื่นไส้ค่ะ"}>>{"มีอาการเวียนหัวร่วมด้วยเหรอ? เป็นมากี่วันแล้ว"} {"หลายวันแล้วค่ะ แต่เป็นๆ หายๆ"}>>{"ไปหาหมอหรือยัง"} {"ทีแรกแพรนึกว่าอาการนี้มันจะหายไปแล้วเลยไม่ได้ไปหาหมอค่ะ"}>>{"ประจำเดือนเดือนนี้มาหรือยัง"} ประโยคต่อมาของคำถามทำให้แพรไหมถึงกับชะงัก {"เกี่ยวอะไรกับประจำเดือนคะ"}>>{"ตอบผมมาก่อน"} {"ยังไม่มาเลยค่ะ"}>>{"เดือนสุดท้ายมาวันที่เ
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 138เช้าวันต่อมา.."สายแล้ว" มือหนาเอื้อมไปบีบจมูกเธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลุกให้ตื่น"อืม" นอกจากจะไม่ตื่นแล้วเธอยังคงฝังใบหน้าลงกับแผ่นอกของเขาแนบแน่นขึ้น"วันนี้วันศุกร์ต้องไปเรียนไม่ใช่เหรอ""ไม่ไป" เสียงงัวเงียเปล่งออกมาเบาๆ โดยที่ไม่ได้ขยับเขยื้อน"ไม่ไปไม่ได้""ถ้ากลับมากลัวไม่เจอคุณหมอ""ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่าแม่จะกลับมา""จริงหรือคะ" จากที่งัวเงียอยู่เมื่อครู่ดูสดใสขึ้นมาทันทีทันใด"จริงสิ""ถ้าแพรไปเรียนคุณหมอก็เหงาสิคะ""ไม่เป็นไรหรอก"เขาไม่เป็นไรแต่เรานี่สิจะไม่ใจขาดก่อนเหรอ ยิ่งรู้ว่าเขารออยู่ที่บ้านเธอรู้ว่าตัวเองต้องคิดถึงเขามากแน่เลยแต่แพรไหมก็ต้องไปเรียนเดี๋ยวเขาหาว่าเกเรรังสิมันต์ขับรถของแม่มาส่งเธอที่มหาวิทยาลัย เพราะเขาไม่ได้เอารถมาด้วย ตอนมาที่นี่ก็ให้รถที่สนามบินมาส่ง"คุณหมอลงไปด้วยกันไหมคะ""ไปได้เหรอ" เขากลัวว่าเธอจะอายเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่มีแฟนอายุเยอะกว่า"ไปได้สิคะ" อยากจะอวดแฟนใจจะขาดอยู่แล้ว พอลงจากรถแพรไหมก็ควงแขนของคุณหมอเดินเข้ามาที่คณะ"แพร?" มีเพื่อนหลายคนที่รู้จักคุณหมอ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก "คนนี้เหรอคุณหมอสุดหล
ตุ๊บ! อยู่ดีๆ ร่างของจิรายุก็กระเด็นออกจากประตู"กรี๊ดด" สาวๆ สองคนที่ยืนรอลุ้นอยู่ด้านหลังตกใจกรีดร้องเสียงดัง เพราะคิดว่าขโมยขึ้นบ้านจริงๆ ส่วนจิรายุที่เป็นทัพหน้าตอนนี้กองอยู่กับพื้นหน้าประตูบ้านชั้นบน"โอ๊ยย" มีไม้ในมือแท้ๆ แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้"ใคร! ออกมานะ" แพรไหมที่เข้าไปพยุงจิรายุตะโกนเข้าไปในบ้าน บอกให้คนที่ทำร้ายเพื่อนออกมาจากที่ซ่อนจังหวะเดียวกันนั้นเจ้าของเท้าที่ถีบจิรายุก็เผยโฉม"คุณหมอ?" แพรไหมแทบขยี้ตาดูอีกรอบว่าเธอมองถูกหรือเปล่า หรือคิดถึงเขามากจนมองโจรเป็นเขา"ผมเอง" ตอนที่พูดสายตาเขามองมือเธอที่กำลังพยุงไอ้ผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นอยู่"คุณหมอจริงๆ ด้วย" แพรไหมรีบปล่อยมือแล้วตรงเข้าไปหาเขา "คุณหมอมาได้ยังไงคะ""นั่งเครื่องมา""แล้วคุณหมอรู้จักบ้านของแพรได้ยังไงคะ" นอกจากรู้จักบ้านแล้วเขาต้องมีกุญแจบ้านเธอด้วยถึงจะเข้ามาได้แบบนี้"เจอแม่ที่โรงพยาบาล" ตอนที่พูดเขายังคงมีท่าทีไม่สบอารมณ์สายตายังคงมองไปดูไอ้คนที่มันสำออยอยู่ที่จริงจิรายุไม่ได้สำออยหรอกใครเจอเข้าไปก็ต้องจุกกันบ้างแหละ"จิเธอเป็นอะไรไหม" พอนึกได้ว่าลืมเพื่อนแพรไหมกำลังจะหันกลับไปถามแต่ถูกมือหนาโอบเข้ามาก่อนจะ
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 136เพราะแบบนี้แหละเขาถึงยังไม่บอกเรื่องการประเมิน กลัวว่าเธอจะไม่สบายใจ เพราะผลการประเมินคะแนนของเธอได้มากที่สุดและเรื่องนี้อาจารย์ก็ปล่อยไปไม่ได้ เพราะนักศึกษาข้องใจกับการให้คะแนน แถมคนที่ให้คะแนนก็เป็นคนรักของคนที่ได้คะแนนสูงสุดด้วยทางอาจารย์เลยต้องโทรติดต่อกลับไปที่โรงพยาบาล ว่าพอจะให้เหตุผลเรื่องการให้คะแนนได้ไหม หรือถ้าให้เหตุผลไม่ได้ก็จะขอให้ทางโรงพยาบาลแก้คะแนนตามความเหมาะสม ไม่อยากให้มีผลกระทบต่อการฝึกงานของนักศึกษาเลยแต่พออาจารย์ได้รับรู้ถึงเหตุผลนั้นแล้ว รวมถึงคลิปที่ทางคุณหมอรังสิมันต์เตรียมไว้ให้ ก็ได้นำหลักฐานนั้นเข้ามาแจ้งกับนักศึกษาที่รังสิมันต์ไม่บอกเหตุผลตั้งแต่แรกเพราะเขาอยากกลั่นกรองคนในชีวิตของเธอด้วย ถ้าทุกคนยอมรับโดยไม่มีข้อกังขานั่นหมายถึงเพื่อนแท้เพื่อนแท้จะไม่แอบแทงข้างหลังกัน และเพื่อนแท้ก็ต้องมองเห็นว่าเธอช่วยเพื่อนมากแค่ไหน แต่คนที่กล้ามีข้อสงสัยนั่นหมายถึงเห็นแก่ตัวมากหวังแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวหลังจากที่อาจารย์นำหลักฐานการให้คะแนนเข้ามาบอกนักศึกษาที่สงสัยเสร็จแล้วทุกคนก็เงียบ เพราะมันก็เป็นจริง แบบที่คุณหมอให้เหตุผลมาว่า
Hot love พิษรักรังสิมันต์ บทที่ 135เช้าของวันต่อมา.. รังสิมันต์ไม่ได้บอกเธอหรอกว่าผลการประเมินของเธอได้เท่าไร แต่เขาก็ได้จนเสร็จเพราะถึงแม้เธอจะไม่ทำต่อเขาก็ทำเองได้ ..ที่ไม่บอกกลัวเธอจะคิดมากและแพรไหมก็เข้าใจ ในเมื่อเขาบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะถึงยังไงเดี๋ยวก็คงไปรู้ที่มหาวิทยาลัยเองมาถึงโรงพยาบาลนักศึกษาฝึกงานก็ถูกเรียกตัวให้มาพูดคุยกัน เพราะพรุ่งนี้แล้วที่ทุกคนต้องเดินทางกลับ"สวัสดีครับ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการฝึกงานนี้จะช่วยให้นักศึกษาทุกท่านได้เรียนรู้การใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย""นอกจากจะหล่อแล้วแถมคำพูดคำจายังกินใจอีก""อย่าปลื้มมากนั่นผัวเพื่อน""เราก็มาฝึกงานที่นี่เป็นเดือนๆ ทำไมไม่เจอเหมือนยัยแพรเลย""แกได้ยินสุภาษิตไหมที่ว่าแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่มาแข่งบุญวาสนามันแข่งกันไม่ได้หรอกนะ""ถ้านักศึกษาเรียนจบแล้วใครต้องการอยากมาสายอาชีพนี้ โรงพยาบาลแห่งนี้ยินดีต้อนรับนะครับ""จริงหรือคะคุณหมอ ดีจังเลยค่ะ""ผลการประเมินผมได้ส่งอีเมลไปทางมหาวิทยาลัยให้แล้วนะครับ"นักศึกษาทุกคนต่างก็กล่าวคำขอบคุณก่อนจะแยกย้ายไปแผนกที่รับผิดชอบ ส่วนมากวันนี้เป็นวันร่ำลาพี่ๆ ที่ช่วยกันฝึกสอน







