"หนูยังไม่ตอบตอนนี้ก็ได้ ฉันแค่พอใจในตัวหนู เดี๋ยวมีโอกาสฉันจะแนะนำลูกชายให้รู้จัก"
"เอ่อ..ค่ะ" ตกใจหมดเลยอยู่ดีๆ ก็แนะนำลูกชายให้เรา
มัวแต่คุยกับท่านพอหันออกไปมองดูวิวแม่น้ำเจ้าพระยาก็ทำให้ข้าวปุ้นถึงกับตกตะลึงในความงาม
"สวยใช่ไหมล่ะ ฉันไม่ได้มาล่องเรือแบบนี้นานแล้วล่ะ ก่อนสามีจะป่วยเลยมั้ง"
ท่านคงรักและซื่อสัตย์กับสามีมาก ผู้ชายแบบนี้ไม่น่าเอามาทำพันธุ์เลย
"พอสามีฉันเสีย ฉันก็ไปอยู่ต่างประเทศเพิ่งกลับวันนี้แหละ"
"อ้าวหรือคะ"
"ลูกๆ ยังไม่รู้นะเนี่ย" ท่านหมายถึงลูกชายทั้งสองคนของท่านยังไม่รู้ว่ากลับมาแล้ว
ลูกของท่านโชคดีจังเลยที่มีแม่อบอุ่นแบบนี้
"ฉันได้ยินเราบอกว่าทำงานโซนบาร์หรือ"
"ใช่ค่ะ"
"โรงแรมนี้มีบาร์แล้วเหรอ"
"เจ้าของโรงแรมบอกว่าอยากยกระดับบาร์ให้เป็นสถานบันเทิงค่ะ" เธอเล่าเรื่องที่คุยกับอัคคีให้ท่านฟัง และท่านก็ถามมาประโยคหนึ่ง ท่านถามว่าเจ้าของโรงแรมคนพี่หรือคนน้องเหรอที่ขอให้เธอมาช่วยงาน ข้าวปุ้นไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ทำแจกันแตก แต่เธอก็บอกว่าเคยทำงานสถานบันเทิงมาก่อน เจ้าของที่นี่เป็นเพื่อนกับเจ้านายเลยขอตัวเธอให้มาช่วยงาน
"ข้าวไม่แน่ใจว่าพี่หรือน้องแต่ชื่อคุณอัคคีค่ะ"
"อ้อ"
"คุณป้ารู้จักหรือคะ"
"ก็พอรู้จักบ้าง ฉันว่าหนูชมบรรยากาศก่อนดีกว่าเวลานี้กำลังสวยเลย"
"ข้าวไม่เคยมานั่งล่องเรือแบบนี้สักทีค่ะครั้งแรกเลยนะคะเนี่ย"
"ถ้าหนูชอบก็มากับฉันสิ"
"ได้หรือคะ"
"ไหนๆ ฉันก็ไม่มีใครอยู่แล้วมีหนูมาเป็นเพื่อนก็ดี" เพราะลูกชายมัวแต่ยุ่งกับการทำงานคงไม่มีเวลามานั่งเรือเป็นเพื่อนแม่หรอก
จนเวลาผ่านไปทั้งสองก็แยกย้าย ก่อนจากลานางก็ได้ขอเบอร์โทรของข้าวปุ้นไว้
ข้าวปุ้นกลับมาห้องพักก็เห็นว่าในห้องไม่มีใคร เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ในห้องนอนหรือออกไปข้างนอกแต่ก็ไม่ได้สนใจ พอเข้ามาในห้องนอนก็หลับเป็นตายแถมห้องนี้สะดวกสบายทุกอย่างเลย
ช่วงดึกๆ ของคืนนั้น อัคคีได้รับข้อความไลน์จากพี่ชายเลยรีบกลับไปที่บ้าน
"แม่กลับมาทำไมถึงไม่บอกล่ะครับ"
"แม่เห็นพวกเรายุ่งงาน เลยจัดการอะไรเองทุกอย่าง"
"คิดถึงแม่จังเลยครับ" อัคคีเดินเข้าไปกอดแม่ไว้แน่น ท่านขอไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเพื่อไม่อยากจำเรื่องที่ทำร้ายจิตใจ
"เราไม่กลับมาพักบ้านเลยเหรอ"
"งานที่โรงแรมยุ่งมากครับผมเลยพักที่นั่น"
"พักกับสาวหรือเปล่า"
"คุยกันไปนะครับเดี๋ยวผมจะขึ้นนอนแล้ว" เพลิงนั่งคุยกับแม่ได้ครู่ใหญ่แล้วพอน้องชายมาเขาก็เลยจะขึ้นไปนอน เพลิงไม่ได้ไปค้างที่โรงแรมกับน้องชายหรอกเพราะไม่อยากทิ้งบ้านไว้
"พรุ่งนี้ผมจะให้คนจัดงานเลี้ยงต้อนรับแม่กลับบ้านนะครับ" เขาไม่ได้ตอบเรื่องที่แม่ถามว่าพักกับสาวหรือเปล่า
"ตามใจเราสิ" นางไม่ใช่ตาสีตาสาเป็นถึงผู้ร่วมหุ้นรายใหญ่ของโรงแรม กลับมาเลยต้องจัดงานจะได้พูดคุยกับผู้ร่วมหุ้นและผู้บริหาร "แม่มีผู้หญิงคนหนึ่งอยากให้มาร่วมงานด้วย"
"ผู้หญิงที่ไหนครับ เดินทางมากับแม่เหรอครับ"
"เปล่าหรอกเธออยู่ที่ประเทศเรานี่แหละ"
"แม่รู้จักที่ไหน"
"ที่โรงแรมนั่นแหละ"
"แม่ไปโรงแรมมาแล้วหรือครับ"
"แม่ไปล่องเรือ" เพลิงที่บอกว่าจะขึ้นบ้านได้ยินน้องพูดถึงเรื่องงานเลี้ยงเลยรอฟังดูก่อน
อัคคีกลัวว่าแม่จะเจอ 18 มงกุฎเลยต้องถามหน่อย แต่ไม่เป็นไรถ้าท่านจะให้มาร่วมงานด้วยพรุ่งนี้เดี๋ยวเขาก็คงเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเอง
คืนนี้อัคคีค้างที่บ้านเพราะแม่กลับมา จนถึงเช้าของวันต่อมาเขาถึงได้รีบออกไปที่โรงแรม เพราะต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับแม่อีก
หุ้นส่วนและผู้บริหารทุกคนได้รับเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยง รวมถึงเพื่อนๆ ของแม่ที่อยู่ในประเทศ
วันนี้ช่วงเช้าข้าวปุ้นยุ่งกับงานที่เธอมารับผิดชอบ จนถึงตอนเที่ยงเธอเลยคิดว่าจะออกไปหาอะไรทานนอกโรงแรมสักหน่อย เพราะคงไม่มีปัญญาทานข้าวในโรงแรมหรอก
"หนูจะไปไหนเหรอ" ตอนที่เธอเดินออกไปป้าคนเมื่อคืนมองเห็นพอดีเลยเดินตามมา
ข้าวปุ้นไม่แปลกใจหรอกที่เจอท่าน เพราะคิดว่าท่านก็คงพักอยู่โรงแรมนี้เหมือนกัน "ข้าวกำลังจะออกไปทานข้าวค่ะ"
"หนูไปทานข้างนอกเหรอ"
"ใช่ค่ะ"
"ในนี้ก็มีห้องอาหารไม่ใช่เหรอ"
ก่อนจะตอบท่านข้าวปุ้นมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าใครจะมาได้ยิน
"มีอะไรเหรอจ๊ะ"
"รู้แล้วป้าอย่าไปบอกใครนะคะ โรงแรมนี้อาหารแพงมาก"
"หึหึ.. ฉันไม่บอกใครหรอก แล้วนี่หนูจะไปทานอะไร"
"ข้าวชอบทานส้มตำค่ะว่าจะไปลองทานหน้าโรงแรมดู"
"ส้มตำเหรอจ๊ะ?"
"ป้าเคยทานไหมคะ"
"เคย"
"งั้นดีเลยเราไปเซอร์เวย์ร้านแถวนี้ด้วยกันดีกว่าค่ะ" ข้าวปุ้นเอื้อมไปจูงแขนของคุณป้าแล้วเดินตามออกมาจนถึงร้านไก่ย่างส้มตำ
"......" นางมองดูอาหารที่ข้าวปุ้นสั่งมาที่บอกว่าเคยทานคือเคยทานตำไทยไม่ใช่ตำปูปลาร้าแบบนี้
"ป้าทานได้ไหมคะ"
"คงได้" นางไม่ค่อยทานส้มตำหรอกเลือกทานแค่ไก่ย่างกับข้าวเหนียว และในระหว่างที่นั่งทานข้าวด้วยกันนางเลยชวนเธอไปร่วมงานเลี้ยง
"งานเลี้ยงเหรอคะ ข้าวไม่กล้าไปหรอกค่ะ"
"งานนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับฉันกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อนคนแรกที่ฉันรู้จักก็คือหนูจะไม่ไปร่วมได้ยังไง"
"เพื่อน?" ท่านให้เกียรติเธอเป็นเพื่อนเลยเหรอ
"หนูคงไม่คิดว่าฉันแก่เกินไปที่จะเรียกว่าเพื่อนได้นะ"
"ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยค่ะ..ตกลงค่ะข้าวจะไปร่วมงานเลี้ยงด้วย"
"อีกไม่กี่ชั่วโมงงานเลี้ยงก็จะเริ่มแล้วงั้นเราไปช้อปปิ้งดูเสื้อผ้ากันหน่อยไหม"
"แต่ข้าวต้องกลับไปทำงานค่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกน่าไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย"
"....ค่ะ" เธอมีนิสัยอย่างหนึ่ง ปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น และครั้งนี้ก็เช่นกัน
[ห้างสรรพสินค้า]
เข้ามาในห้างนางก็พาเธอเดินตรงไปที่ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม
ข้าวปุ้นก็เดินตามเข้าไป ระดับท่านก็คงจะไม่ไปซื้อร้านโนเนมหรอก
"หนูไปลองชุดนี้ดูสิ"
"ข้าวไม่ซื้อหรอกค่ะ"
"ฉันจะซื้อให้"
"ข้าวไม่กล้ารบกวนท่านหรอกค่ะ"
"เราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่เหรอ"
"แต่นี่มันราคาแพงเกินไปค่ะ" ข้าวปุ้นเห็นสีหน้าท่านแล้วเลยใจอ่อนยอมลองชุดที่ท่านส่งมาให้
เกิดมาไม่เคยใส่ชุดแบบนี้สักที แล้วเธอจะกล้าใส่ไปออกงานเหรอ
"เสร็จหรือยังหนูข้าวปุ้น"
"เสร็จแล้วค่ะ"
"ออกมาให้ฉันดูหน่อยเร็ว"
"เอ่อคือ"
"ออกมาเถอะน่า" นางมองผู้หญิงคนนี้ไม่ผิดจริงๆ ถ้าแต่งหน้าทำผมขึ้นอีกหน่อยส่งประกวดได้เลยนะเนี่ย "ฉันเอาทั้งหมดนี้เลย" นางไม่ได้เอาแค่ชุดที่ข้าวปุ้นลอง ยังเอากระเป๋ารองเท้าที่เข้าชุดกัน แถมมีเครื่องประดับเพิ่มมาอีก
ข้าวปุ้นพยายามปฏิเสธ เธอคงไม่มีเงินมาคืนท่านหรอก
"ผู้ใหญ่ให้ของก็ต้องรับไว้สิ"
"ขอบคุณท่านมากนะคะ" หลังจากที่ไหว้ขอบคุณท่านแล้วเธอก็หิ้วของที่ได้เดินตามท่านออกมาจากร้านแบรนด์เนมหรู และมาหยุดอยู่ที่ร้านเสริมสวยไม่ไกลกันนัก
"เอาให้สวยจนจำไม่ได้เลยนะ"
"คะ?" ทีแรกคิดว่าท่านจะเข้ามาเสริมสวยแต่ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ
ทั้งสองเสริมความงามไปได้พักหนึ่งก็มีโทรศัพท์เข้ามา
>>{"แม่อยู่ไหนครับงานใกล้จะเริ่มแล้ว"}
{"เริ่มงานไปก่อนเลยเดี๋ยวแม่เข้าไป"} นางพูดแค่นี้ก็วางสายไป ตอนที่กำลังวางสายมองไปดูผู้หญิงที่มาด้วยกัน ถ้าไม่ได้นั่งเสริมสวยด้วยกันคงจำไม่ได้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน
"หนูสวยมากเลยนะ"
"ต้องขอบคุณช่างค่ะ" ข้าวปุ้นมองตัวเองในกระจกแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเหมือนกัน
ในเวลาต่อมาที่โรงแรม..
"พร้อมหรือยัง"
"ค่ะ" เธอคิดว่าท่านจัดเลี้ยงกับพวกเพื่อนฝูงของท่าน คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เลยเดินเข้ามาในงานกับท่านด้วยความมั่นใจ..
"หนูยังไม่หายปวดท้องอีกเหรอ""ยังเลยค่ะ""ไปหาหมอดีไหม""สงสัยว่าจะปวดประจำเดือนค่ะ""อ้าวเหรอ แล้วมีผ้าอนามัยไหมล่ะ""ตอนเย็นซื้อเตรียมไว้แล้วค่ะ" หลังจากมีอาการปวดหน่วงที่ท้องน้อยเธอก็เดินไปที่ร้านค้าใกล้วัดซื้อเก็บไว้แล้ว"ถ้าอาการไม่ดีปลุกแม่ได้นะ"หลังจากที่นอนหลับไปความเจ็บก็ผ่อนคลายลงบ้าง แต่ตื่นมาดึกๆ ก็รู้สึกเจ็บอีก"คุณป้าคะ ฉันไม่ไหวแล้ว" ถ้าไม่ถึงที่สุดเธอก็ไม่อยากรบกวนท่านหรอก แต่ตอนนี้มันเริ่มจะไม่ปกติแล้ว เพราะไม่เคยปวดประจำเดือนขนาดนี้มาก่อน แถมถ้าปวดประจำเดือนป่านนี้คงมาแล้วแต่นี่ยังเงียบอยู่เลย"เดี๋ยวฉันไปตามรถของวัดให้นะ" ผ่านไปสักพักแม่ชีก็กลับมาแจ้งว่าคนขับรถไม่อยู่ แต่นางได้เรียกรถกู้ภัยของทางอบต.มารับแล้วหลังจากรถกู้ภัยมาถึงก็ช่วยกันพาขึ้นรถแต่ลำบากหน่อยเพราะพวกเขาเป็นผู้ชายส่วนเธอเป็นแม่ชีจะถูกเนื้อตัวกันก็ไม่ได้"คนไข้เป็นอะไรมาคะ""เมื่อตอนเย็นยกของหนักแล้วรู้สึกเจ็บท้องน้อยค่ะ""ประมาณกี่ชั่วโมงแล้วคะ" แม่ชีที่ตามมาด้วยก็แจ้งรายละเอียดกับทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไป จนคุณหมอต้องตรวจสิ่งที่สงสัยอยู่ก่อน และผลออกมาก็เป็นไปตามนั้น"????" เธอยังคงได้สติตลอดเวลา แ
หลังจากประชุมเสร็จซันเดย์ก็กลับมาที่ห้อง"น้ำ" เปิดประตูเข้ามาเห็นผู้หญิงตัวเป็นๆ ยืนอยู่เลยคิดว่าเป็นเธอ"พี่ซัน! เมื่อกี้พี่เรียกฉันว่าอะไรนะ!!""ซัม.." พอเห็นว่าเป็นน้องเขาก็มีสีหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเอาเอกสารไปวางไว้โต๊ะทำงาน"ฉันโทรหาพี่ทำไมพี่ไม่รับสาย เรื่องเปิดพินัยกรรมทำไมทนายถึงไม่แจ้งมาที่ฉันด้วย" ถ้าไม่โทรไปถามทนายก็คงไม่รู้ว่าเลื่อนไปก่อน เพราะผู้มีชื่อในพินัยกรรมติดต่อไม่ได้ ที่ทนายไม่แจ้งไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวพี่ชายคงบอกน้องสาวเอง"ช่วงนี้ถ้าเราว่างก็หางานทำบ้างนะ""เรื่องหุ้นของเราเป็นยังไงบ้างพี่""ก็ต้องทำตามพินัยกรรมของพ่อ""พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ อยู่ดีๆ จะยกหุ้นให้มันตั้งครึ่งหนึ่งพี่รู้ไหมว่านั่นเงินมหาศาลเลยนะ""วันนี้พี่ขี้เกียจอธิบายไว้วันหลังแล้วกัน ออกไป""พี่ไล่ฉันเหรอ?""พี่จะทำงานต่อ""แล้วแม่นั่นมันตายห่าตายโหงแล้วหรือไงทำไมมันถึงไม่มาฟังพินัยกรรม" พูดโดยที่ไม่คิดอะไรแต่พอพูดจบมองไปที่พี่ชายสายตาอีกฝ่ายจ้องมาจนคนเป็นน้องสาวขนลุกขนชัน "ออกไปก็ได้ ถ้ามีความคืบหน้ายังไงติดต่อหาฉันด้วย"หลังจากที่น้องสาวออกไปแล้วจากคนที่บอกว่าจะทำงานก็กลับนั่งพิงพนักเก้าอี้แล้วมองไปทาง
ก๊อกๆ"ได้ยินว่ามาทำงานแล้ว ทำไมไม่เข้าห้องประชุม" อัคคีมาตามซันเดย์ด้วยตัวเอง และอยากมาดูสภาพจิตใจของเพื่อนด้วย"มีประชุมเหรอ""เลขาบอกว่าแจ้งมึงแล้วไม่ใช่เหรอ""กูคงลืม เดี๋ยวกูตามไป"เห็นเพื่อนกำลังนั่งซึมอยู่อัคคีเลยเข้าห้องประชุมก่อน แต่การประชุมดำเนินไปจนถึงครึ่งแล้วยังไม่เห็นซันเดย์เข้ามาเลยให้คนไปตามอีกรอบ เพราะต้องคุยกันให้ลงตัว"บอสซันออกไปข้างนอกครับ" โกสินทร์ที่ไปตามก็กลับมารายงาน"มันออกไปทำไม ไหนมันบอกจะตามมาห้องประชุมไง"ออกจากโรงแรมซันเดย์ก็ตรงมาที่บ้านของเธอ พอมาถึงเขาก็เดินเลาะดูรอบๆ บ้าน เธอล็อกไว้อย่างดีทุกด้าน"คุณมาทำอะไร" คนข้างบ้านเห็นมีคนมาทำลับๆ ล่อๆ เลยตะโกนเข้าไปถาม"สวัสดีครับพี่สาว.. เจ้าของบ้านหลังนี้ได้บอกอะไรไว้ไหมครับ""หนูน้ำนะเหรอ""ใช่ครับ""แล้วคุณเป็นอะไรกับหนูน้ำ""ผมเป็นสามีของเธอครับ""ฉันไม่เคยได้ยินว่าหนูน้ำแต่งงาน คุณมั่วหรือเปล่าเนี่ย""เราสองคนเพิ่งแต่งงานไม่นานเธองอนให้ผม ตอนนี้ผมติดต่อเธอไม่ได้ครับ""ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าน้ำไปไหน แต่น้ำบอกว่าฝากดูแลบ้านหน่อย""เธอฝากคุณพี่ดูแลหรือครับ แล้วเธอทิ้งช่องทางติดต่อไว้ไหมครับ""ไม่""ลองนึกดูดีๆ
จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่เก็บอัฐิ คิดว่าวันนี้จะเห็นเธอมาแต่ก็ไม่เห็น ตอนวันเผาเขาก็พยายามมองหาอยู่แต่ก็ไม่เห็นไม่รู้ว่าเธอมาหรือเปล่า วันนี้ก็พยายามมองหาอีกครั้ง แต่ถึงไม่มาวันนี้วันเปิดพินัยกรรมก็ต้องมาเพราะเธอรอเวลานี้อยู่แล้วหลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นลุล่วงไปญาติผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานก็ทยอยกันกลับ ส่วนอัฐิของพ่อเขาฝากไว้ที่วัดนี้โดยตั้งเจดีย์ไว้ให้ท่าน เวลาคิดถึงก็จะได้มาหาสะดวกหน่อย"ฝากคุณทนายแจ้งไปทางผู้ที่มีสิทธิ์เรื่องพินัยกรรมด้วยนะครับ" หลังจากที่ทนายบอกวันเปิดพินัยกรรมอีกรอบเขาก็บอกทนายให้ติดต่อเธอไป ทีแรกก็จะบอกกับเธอเองถ้าเห็นเธอกลับมาที่คอนโดแต่ก็ไม่เห็น"ผมติดต่อไปแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ เดี๋ยวผมจะลองไปหาที่บ้านของหนูน้ำแข็งดู""คุณทนายรู้จักบ้านเธอหรือครับ""รู้จักครับ"ตอนที่ทั้งสองคุยกันซัมเมอร์ก็ไม่ได้อยู่แถวนี้ ถ้าอยู่คงมีเรื่องให้พูดอีกแน่เลยหลังจากส่งคุณทนายแล้วเขาก็เดินเข้าไปหาแม่เพราะท่านยังคงอยู่เป็นกำลังใจให้ลูกๆ"พรุ่งนี้แม่ก็จะกลับแล้ว""แม่ไม่รอเปิดพินัยกรรมก่อนเหรอครับ""มันเป็นพินัยกรรมของพวกลูกๆ แม่ไม่มีสิทธิ์อยู่หรอก" นางมีสามีใหม่แล้วก็จริงสามีใหม่ก็ไม่ต่
"แม่" ซัมเมอร์มองเห็นแม่เดินมาแต่ไกลเลยรีบเดินเข้ามาหา"แล้วพี่ชายเราล่ะ""พี่ซันเหรอคะ" ได้ยินแม่ถามหาพี่ชายซัมเมอร์เลยมองไปดูว่าพี่ชายอยู่ตรงไหน พอมองไปก็เห็นว่าพี่ชายกำลังชะเง้อมองหาใครอยู่ไม่รู้ "พี่คะ"ซันเดย์ได้ยินน้องเรียกเลยหันมาทางนี้ก็เห็นว่าน้องยืนอยู่กับแม่ตอนที่ซันเดย์เดินเข้ามาหาแม่ เพลิงก็เดินตามเข้ามาด้วย"สวัสดีครับคุณป้า""สวัสดีจ้ะ ได้ยินว่าเราแต่งงานแล้วเหรอ""จัดงานกะทันหันมากครับเลยไม่ได้ส่งการ์ดเชิญไปให้""ไม่เป็นไรหรอกแสดงความยินดีด้วยนะ""ขอบคุณมากครับ""ผมว่าแม่ไปนั่งกับคุณน้าทางนั้นดีกว่าครับ" ซันเดย์บอกให้น้องสาวพาแม่ไปนั่งกับคุณน้าตะวันฉาย ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่จะแยกทางกัน แต่ลูกๆ ก็ยังติดต่อกับแม่ไม่ห่างหาย และเรื่องที่เพลิงกับอัคคีแต่งงานแล้วก็รู้มาจากลูกๆเพลิงเลยถือโอกาสเดินตามท่านไปเพื่อจะแนะนำภรรยาให้ท่านรู้จัก ส่วนซันเดย์ยังคงมองหา...ทำไมวันเผาถึงยังไม่เห็นเธอมาเลยหลังจากพระสวดเสร็จก็ถึงเวลานำร่างของท่านขึ้นเมรุ ซันเดย์กอดรูปของพ่อเดินนำหน้าออกไป ส่วนคนอื่นๆ ก็ถือของของท่านตามกันออกไปเช่นกันจนถึงเวลาที่พิธีกรพูดถึงคุณงามความดีของท่าน น้ำแข็งที่นั่งฟั
เขาพูดมาแบบนี้เธอจะทำอะไรได้ล่ะ หญิงสาวได้แต่พยักหน้าก่อนจะมองต่ำลง เพราะไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายแล้ว"จะไปไหน" เห็นว่าเธอกำลังจะหันหนีไปทางอื่น"ถ้างั้นก็ฝากคุณทิ้งของพวกนั้นด้วยนะคะ" เธอก็ไม่ได้เสียดายเสื้อผ้าพวกนั้นหรอกแต่ไม่อยากทิ้งของตัวเองไว้ห้องของคนอื่น เลยคิดว่าจะไปเก็บออกจากห้องให้เขาแต่พอน้ำแข็งจะเดินกลับไปที่รถก็ถูกเขากระชากตัวให้หันกลับมา..ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกดันให้เข้าไปนั่งด้านหลัง ตามด้วยร่างของเขาที่ขึ้นไปนั่งข้างๆ"ฉันจะขับรถไปเอง""ไม่ต้องมาเสแสร้งหรอกถึงขั้นนี้แล้ว..ออกรถ" เห็นคนขับมองผ่านกระจกหลังเขาเลยสั่งให้ออกรถ"พี่คะหยุดรถก่อนค่ะ" คนขับเหยียบเบรกเพราะเธอกำลังจะเปิดประตูกลัวว่าถ้าเปิดออกไปเดี๋ยวก็กลิ้งตกรถ แต่น้ำแข็งยังไม่ทันได้เปิดคนที่อยู่ด้านนอกก็เปิดประตูออกก่อน"พี่จะกลับแล้วเหรอ..แก!?" ซัมเมอร์ไม่รู้หรอกว่าใครนั่งอยู่บนรถกับพี่ชาย ทีแรกว่าจะมาขอติดรถกลับด้วย แต่พอเปิดประตูก็เห็นว่าเป็นคนที่เธอกำลังเกลียดเข้าไส้ "ลงมาจากรถพี่ชายฉันนะ!" ซัมเมอร์ไม่พูดเปล่าเอื้อมมือไปจิกผมของน้ำแข็งหวังจะลากลงมาจากรถ"ซัมอย่านะ!" ซันเดย์นั่งอยู่ฝั่งนี้ทำอะไรไม่ถนัดเขาเลยรีบ