Z - Group
หลังจากการประชุมช่วงเช้าเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน วันนี้ออสตินเข้ามาร่วมประชุมด้วย และเขาก็ได้ชวนเธอไปทานมื้อกลางวันด้วยกันแต่เธอเอ่ยปฏิเสธไปเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อินหลงรู้สึกไม่ดี
เพราะเวลาที่เธออยู่กับออสตินทีไรอินหลงก็มักจะอารมณ์เสียเสมอ เธอจึงจำเป็นต้องเลี่ยงเขาให้ได้มากที่สุด ถึงแม้ว่าหนุ่มลูกครึ่งผู้แสนสุภาพคนนี้จะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็เถอะ
"พิมดาว ฉันฝากเธอไปตรวจความเรียบร้อยที่ท่าเรือทีนะ ให้ออสตินพาไปก็ได้"
"เอ่อ..." เพิ่งปฏิเสธการทานข้าวเที่ยวไปไม่กี่นาทีหลี่หมิงก็ไหว้วานเธอเสียแล้ว...เธอน่ะพร้อมไปเสมอ แต่คนที่พาไปคือออสตินนี่สิ ถ้าสามีรู้เธอจะไม่โดนด่าจนสติแตกเหรอ
ใครจะกล้าปฏิเสธมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่อย่างจาง หลี่หมิงล่ะ...
"ได้ค่ะคุณหลี่" เธอตอบตกลงพร้อมทั้งก้มหัวอย่างสุภาพให้หลี่หมิงและเกศมณีเล็กน้อย พอพวกท่านเดินออกไปก็เหลือเธอกับออสตินและบอดีการ์ดที่ตามประกบ
"...รบกวนด้วยนะคะคุณออสติน"
"ไม่เป็นไรเลยครับ ยังไงเราก็ร่วมงานกันอยู่แล้ว" ออสตินเอ่ยอย่างสุภาพ เพราะทางตระกูลของเขาเองก็มีหุ้นอยู่ในบริษัทนี้จำนวนยี่สิบเปอร์เซ็นต์
จากนั้นเขาและเธอก็พากันเดินไปยังรถ Maserati MC20 สีดำสนิทที่สง่างามราวกับเสือดำ ออสตินเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปนั่งอย่างสุภาพ และถึงเดินอ้อมมาฝั่งคนขับและออกตัวจากลานจอดรถทันที
แม้จะเป็นรถระดับซูเปอร์คาร์แต่เขาก็ไม่ได้ขับเร็วขนาดนั้น ตอนแรกหญิงสาวจับเข็มขัดแน่นเพราะคิดว่าเขาคงจะออกตัวแรง ๆ ตามประสาคนขับรถหรู แต่เปล่าเลย เพราะทุกอย่างมันปกติมาก
ในชีวิตก็ไม่เคยนั่งรถแบบนี้เหมือนกัน ถึงเธอเองก็พอจะร่ำรวย แต่ส่วนมากก็จะเป็นการนั่งรถหรูสี่ประตูทั่วไปอย่าง Bentley หรือรถตู้เท่านั้น
"ได้ออกมาข้างนอกแบบนี้ต้องแวะหาอะไรทานกันแล้วนะครับ"
"..." ออสตินพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบภายในห้องโดยสาร...เขาพูดมาขนาดนี้จะปฏิเสธรอบที่สองก็เสียมารยาทสุด ๆ เลย
"ไม่ให้ปฏิเสธนะครับ...คุณพิมต้องทานข้าวเยอะ ๆ นะรู้ไหม" เจ้าของใบหน้าลูกครึ่งกล่าวอย่างเอ็นดู เพราะถ้าเทียบกับตัวเขาพิมดาวก็ถือว่าเล็กจิ๋วสุด ๆ ราวกับตุ๊กตา
"ค่ะ..." หญิงสาวจำเป็นต้องตอบอย่างยิ้ม ๆ เธอก็อยากจะเป็นเพื่อนกับเขาอยู่นะ แต่มันติดที่สามีของเธอดันไม่ชอบขี้หน้าเขานี่สิ อึดอัดเป็นบ้าเลย...
หญิงสาวทำได้เพียงนั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงท่าเรือส่งสินค้าอันยิ่งใหญ่ และจังหวะที่เธอลงจากรถออสตินก็รีบเอาร่มมากางให้เธอ เพราะแดดตอนนี้แรงมาก แถมไม่มีที่หลบอีกด้วย
"ขอบคุณนะคะ" พิมดาวรับร่มสีดำคันใหญ่มาจากออสติน เขาเป็นคนใส่ใจคนรอบข้างจริง ๆ นะ เสียดายที่แม้แต่เพื่อนเธอก็ไม่สามารถให้เขาได้
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินตรวจดูเครื่องจักรและขั้นตอนต่าง ๆ ในการขนย้ายสินค้า เรือของ ZJ Shipping นั้นจอดเด่นเป็นสง่าจนเธออดรู้สึกภูมิใจไม่ได้
ถ้าพ่อของเธอยังอยู่ท่านคงจะดีใจมากที่บริษัทเติบโตไปอีกขั้นแล้ว...
"เอ่อ คุณออสตินคะ รบกวนถ่ายรูปให้พิมหน่อยได้ไหมคะ" หญิงสาวอยากเก็บความทรงจำกับเรือลำใหญ่นี้ไว้ และจะเอาไปอวดอินหลงด้วยว่าเรือของพวกเรานั้นสวยงามแค่ไหน
"อ้อ ได้เลยครับ ๆ " ออสตินรับโทรศัพท์จากพิมดาวและถอยออกไปเตรียมเป็นตากล้องจำเป็น
"..." พิมดาวหุบร่มไปวางไว้ข้าง ๆ และยืนมอบยิ้มหวานให้แก่กล้อง เขากดถ่ายอยู่สองสามทีก็ได้ภาพที่แสงสวยงาม และพิมดาวจึงเดินมาดูโทรศัพท์ ก่อนจะพบว่าเธอยืนอยู่ใกล้เขามากขึ้น พอรู้ตัวพิมดาวก็รีบหยิบโทรศัพท์คืนและถอยออกห่างทันที แม้จะไม่ได้ใกล้จนน่าเกลียด แต่ยังไงก็ต้องรักษาระยะห่างไว้ให้ได้
"ขอบคุณนะคะ" หญิงสาวเอ่ยขอบคุณและหยิบร่มมากางพร้อมทั้งเดินกลับไปที่รถ เพราะทุกอย่างที่ท่าเรือนั้นดูเรียบร้อยดีแล้ว
ระหว่างทางออสตินก็หมั่นถามเธอเสมอว่าอยากจะทานอะไรเป็นพิเศษ แต่หญิงสาวก็คิดไม่ออก เขาเลยเลือกร้านอาหารไทยที่อยู่แถว ๆ นี้ให้เธอ เขาดูแลเธอดีทุกอย่างจนหญิงสาวก็อดเกรงใจไม่ได้เลย
เพียงไม่นานทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงร้านอาหารไทยเล็ก ๆ ใกล้ท่าเรือ เธอและเขาสั่งอาหารมามากมายและร่วมรับประทานด้วยกันจนอิ่ม แถมวันนี้ยังได้ทานขนมไทยอย่างข้าวเหนียวสังขยาอีกด้วย เห็นทีว่ากลับไปถึงบ้านจะต้องฝึกทำให้อินหลงทานบ้างเสียแล้ว...
โดยระหว่างที่นั่งทานอาหารอยู่นั้นเกศมณีก็ได้ส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ให้เธอกลับบ้านได้เลย ไม่มีงานอะไรต้องตรวจแล้ว ออสตินจึงอาสาไปส่งเธอเพราะไหน ๆ ก็อยู่ด้วยกันพอดี
คฤหาสน์จาง อินหลง และพิมดาว
ร่างสูงนั่งหมุนปากกาอยู่ในห้องทำงานของตัวเองซ้ำไปซ้ำมา เขารู้ว่าพิมดาวต้องได้ร่วมงานกับออสตินอยู่ตลอด และความรู้สึก 'หวง' ที่แอบแฝงอยู่ในใจยังคงก่อกวนไม่เลิก แต่เขาพยายามจะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ไม่อยากแสดงออกมากเกินไป และกลัวจะเผลอไปพูดจาไม่ดีใส่เธอด้วย
ถึงเขาจะเป็นคนเอาแต่ใจและปากหมา แต่ก็ใช่ว่าจะงี่เง่าไปเสียทุกเรื่อง เขาพอจะเข้าใจอยู่ที่ออสตินต้องมามีบทบาทในบริษัท เพราะสองตระกูลลงทุนร่วมกัน แถมเพื่อนคนนี้ของเขายังเป็นคนตั้งใจทำงานมากไม่ใช่สักแต่ว่าสั่งลูกน้องอย่างเดียว
"ก็แค่ทำงาน..." อินหลงพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แม้ในใจลึก ๆ จะไม่สามารถสลัดความคิดที่ว่าพิมดาวและออสตินอาจจะสนิทและใกล้ชิดกันมากขึ้นจนเกิดเป็นความรู้สึกดี ๆ ได้
เพราะออสตินก็สามารถปกป้องเธอจากไอ้พวกเศรษฐีใหม่ได้เหมือนกัน ตระกูลหยางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลจางเลย และถ้าเกิดมันมีวันนั้นขึ้นมาจริง ๆ เขาก็คงทำอะไรไม่ได้
-beep-
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กแจ้งเตือน และพบว่าเป็นหนึ่งในบอดีการ์ดที่คอยรายงานเรื่องของพิมดาวนั่นเอง แต่เขาไม่ได้จ้องจะจับผิดเธอนะ เขาก็แค่เป็นห่วงเธอเฉย ๆ
Photo
อินหลงเปิดภาพของพิมดาวกับออสตินดูเรื่อย ๆ ตั้งแต่เริ่มกางร่มไปจนถึงที่เขาถ่ายรูปให้เธอ ถึงแม้จะเป็นภาพแอบถ่ายแต่ออร่าความสุขของเธอก็แผ่กระจายออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ช็อตที่เธอไปยืนใกล้ ๆ ออสตินซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นการเช็กรูปภาพมันใกล้กันเกินไปไหม...แถมใบหน้ายังยิ้มแย้มกันทั้งคู่อีก ทำราวกับเป็นคู่รักถ่ายรูปให้กันอย่างนั้นแหละ
"หึ!"
ไม่เป็นไร ท่องเอาไว้ 'เชื่อใจ เชื่อใจ และเชื่อใจ' ก็แค่เพื่อนร่วมงานกัน ยังไงพิมดาวก็ซื่อสัตย์กับเขาแค่คนเดียว เธอคงจะไม่มีวันทรยศเขาหรอก
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ระหว่างที่อินหลงพยายามเคลียร์สมองให้โล่ง เสียงรถมาจอดเทียบท่าหน้าบ้านก็ดังขึ้นพอดี...เสียงกระหึ่มแสนไพเราะแบบนี้ต้องเป็นซูเปอร์คาร์แน่นอน เขาจึงรีบเปิดหน้าต่างออกไปดูว่าใครมา
และก็พบว่าคือออสตินนั่นเองเขาน่าจะมาส่งพิมดาว แต่ดูเหมือนจะเกินหน้าเกินตาไปหน่อยนะ ในรูปก็ทั้งกางร่ม ทั้งถ่ายรูปให้ ตอนนี้ยังมาเปิดประตูรถยนต์ให้ภรรยาเขาอีก
ทำตัวอย่างกับเป็นสามีพิมดาวไปได้...ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นสามีที่แท้จริงแต่ยังไม่เคยปฏิบัติกับเธอแบบนั้นเลย เห็นทีคงต้องลงไป 'ตักเตือน' เป็นการส่วนตัวเสียหน่อยแล้ว
"คุณพ่อลองอุ้มเลยค่ะ" เมื่อผ่านขั้นตอนการคลอดลูกจนมาพักอยู่ในห้อง VVIP แล้ว พยาบาลก็นำลูกน้อยของเขาและเธอมาให้คุณพ่อมาเฟียลองอุ้มแม้จะมือสั่นน้ำตาซึมไปบ้าง แต่ท่าทางของเขานั้นแสนจะแข็งแรงและดูมืออาชีพสมกับไปเข้าคอร์สติวการเลี้ยงลูกมาอย่างเข้มข้นตลอดหลายเดือนจริง ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างอมยิ้มให้กับภาพที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น...บุคคลที่เคยเอาแต่ใจและฝีปากเจ็บ ๆ จนทุกคนร้องไห้เพราะเขามามากกำลังอยู่ในโหมดคุณพ่อที่เห่อลูกเห่อเมียที่หนึ่งเขาอุ้มลูกน้อยอ้วนกลมโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดู และจึงวางเหมยอิงไว้ที่เตียงเด็กแรกเกิดข้าง ๆ ภรรยา"น่ารักจังเลยหลานอาม่า โตมาสวยเหมือนหม่าม้าหนูแน่ ๆ " เกศมณีเดินเข้าไปมองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของหลานสาวด้วยความรักตอนนี้ครอบครัวจางอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อตอนรับหลานสาวคนแรกของตระกูล...พวกเขาทั้งเอ็นดูและหมั่นแวะเวียนมาพูดคุยกับเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับพริ้มอย่างรักใคร่ นั่นทำให้พิมดาวตื้นตันใจเป็นอย่างมากที่ทุกคนรักและเอ็นดูลูกสาวของเธอแม้เธอจะเติบโตมาด้วยการเป็นลูกสาวที่พ่อไม่ค่อยจะรักสักเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจได้ว่าเหมยอิงจะไม่ได้รับประสบการณ์แบบเธอแน่นอน เพราะดวงใจ
"เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน!""..." หญิงสาวหยิบที่ตรวจครรภ์มาจากสามี ขีดทั้งสองนั้นชัดเจนจนมือไม้ของเธอสั่น แม้ว่าใจลึก ๆ จะพอรู้ว่าตัวเองน่าจะท้อง แต่เมื่อผลตรวจออกมาตอกย้ำความเป็นจริงแบบนี้ก็ทำให้พิมดาวดีใจจนน้ำตารื้นได้ ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่หญิงสาวก็รู้สึกกลัวและไม่มั่นใจ"พิมไม่ดีใจเหรอ" อินหลงรีบเดินมาโอบภรรยาด้วยความเป็นห่วง"ดีใจค่ะ แต่ก็กลัว...""กลัวอะไรครับ""พิมไม่มั่นใจ พิมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้ดีไหม" หญิงสาวพูดตรง ๆ ถึงความกังวลในอนาคต"โถที่รัก พิมต้องเป็นหม่าม้าที่ดีที่สุดในโลกอยู่แล้ว น่ารัก ใจดี ทำกับข้าวก็เก่ง มีอะไรที่ต้องกังวลครับ" ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูภรรยาตัวน้อย เขาเข้าใจที่เธออาจมีความกลัวและกังวล เพราะว่ากันตามตรงเธอก็อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ เอง แถมยังผ่านเรื่องราวมามากมาย และสามีก็ยังใจร้ายกับเธอมาตั้งนาน"ฮือ...พิมดีใจ" คนตัวเล็กโผเข้ากอดสามีที่เพิ่งจะดีกันได้ไม่กี่ชั่วโมงด้วยความรักใคร่ ไม่อาจปฏิเสธเลยว่าทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา เธอมักจะรู้สึกปลอดภัยราวกับถูกโอบกอดด้วยภูเขาแสนอบอุ่นอยู่เสมอ"ฮ่า ๆ โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับ" อินหลงหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กน้อยข
แสงพระจันทร์ยามค่ำคืนสาดส่องเข้ามาในห้องนอนที่เพิ่งเป็นสถานที่เปิดศึกรักไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมา ภาพแรกที่เธอมองเห็นคือใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นสลักที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากจบบทรักแสนเร่าร้อนบนเตียง เขาก็อุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำและสูบพลังเธอไปอีกหลายครั้งจนหญิงสาวต้องบอกให้เขาพอก่อน เพราะเธอเขาสั่นจนแทบยืนไม่ไหวแล้ว แม้คนตัวสูงจะแอบบ่นอุบอิบเพราะยังกินไม่หนำใจ แต่ก็ยอมใส่อาบน้ำใส่ชุดและมานอนให้เรียบร้อยตามคำสั่งภรรยาหญิงสาวกวาดสายตาไปมองนาฬิกาและพบว่าตอนนี้เวลาที่เธอสะดุ้งตื่นมานั้นประมาณตีสองเอง อีกนานกว่าจะเช้า หญิงสาวเลยพยายามหลับตาเพื่อจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของสามีต่อแต่อาการปั่นป่วนก็เข้าเล่นงานเธอเวียนหัวมาก รู้สึกคลื่นไส้หนักจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำและนั่นทำให้สามีของเธอตื่นขึ้นมาทันที"พิม เป็นอะไรครับ!""อ้วก..." พิมดาวอาเจียนออกมาเต็มอ่างล้างหน้าโดยมีอินหลงเดินเข้ามาลูบหลังภรรยาที่กำลังอาเจียนอย่างหนัก น้ำตาใส ๆ เอ่อคลอเพราะความทรมานในการออกแรงอาเจียนใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเธอก็ปลดปล่อยของเสียออกมาจนหมด พิมดาวรีบล้างปากและกำลังจะทำความสะอาดซากอ้วกของต
"อ่า...เสียว" อินหลงสูดปากร้องครางเมื่อถูกการสุขสมของภรรยาบีบรัดตัวตนของเขาจนแทบจะเสียการควบคุม ชายหนุ่มดันเรียวขาขาวให้ขึ้นไปชิดกับทรวงอกนุ่ม จนตอนนี้สะโพกของเธอลอยเด่นขึ้นเหนือเตียงนอน พาให้ร่างกายนุ่มนิ่มรองรับการตะบี้ตะบันกระแทกของเขาอย่างลึกขึ้นไปอีกมือหนากดขาภรรยาจนแนบแน่นติดไปกับเต้าตูมและตะบี้ตะบันตอกกระแทกท่อนเอ็นใส่โพรงเนื้ออุ่นอย่างหนักหน่วงเสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานกับเสียงครางของเขาและเธอดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เขาไม่แคร์ว่าใครจะได้ยิน เพราะการได้เอากับเมียแบบดุเดือดแบบนี้แหละที่เขาโหยหามานานแสนนาน และเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดความเสน่หาที่มีต่อร่างกายเธออีกต่อไปแล้วต่อจากนี้และตลอดไป เขาจะแสดงออกในทุก ๆ วันว่ารักและหลงใหลในตัวเธอมากแค่ไหน อินหลงอยากให้ภรรยาภูมิใจว่ามีสามีที่รักและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ"อ่า...เมียจ๋า รักนะครับ""รัก รักที่สุด" ระหว่างที่กำลังโจนจ้วงเข้าใส่ร่างบางอยู่นั้น เขาก็บอกความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมากับภรรยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะตอนนี้เขารักเธอจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว..."อ๊า...พิมก็รักเฮียค่ะ" แม้จะถูกสามีบดเบียดมาไม่ได้พัก แต่คำว่ารักของเขานั้นชัดเจนในหัวใจ เ
"บ้า! ไปปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" พิมดาวฟาดไปที่ไหล่แกร่งแรง ๆ อย่างเขินอาย จะให้แม่บ้านมาได้ยินตอนเธอกำลังทำอะไรต่อมิอะไรกับสามีได้ยังไง เธอก็เขินเป็นนะ"ก็ได้ครับ" เขาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยเรือนร่างพิมดาวให้เท้าติดพื้น เขายังคงอุ้มเธอเกี่ยวเอวไว้อย่างนั้น และเวลาที่ก้าวเดินส่วนตรงนั้นก็จะเสียดสีกันอย่างน่าหวาดเสียวฟุ่บ...เมื่อปิดประตูเสร็จเรียบร้อย คนตัวสูงก็พาร่างเล็กลงมานอนบนเตียงและรีบทาบทับกายแกร่งลงมาคร่อมตัวเธอไว้ เขาประกบริมฝีปากลงมาและเริ่มจุมพิตอันดุดันอีกครั้งริมฝีปากของทั้งคู่ต่างบดขยี้กันและกัน ลิ้นร้อนแลกเปลี่ยนเป็นพัวพันเกี่ยวกระหวัดจนเสียงดังชัดเจน...เขาจูบเธอหนักแน่นราวกับต้องการกลืนกินลมหายใจที่โหยหามานานแสนนาน"อื้อ..." พิมดาวร้องครางอู้อี้ในลำคอเมื่อฝ่ามือร้อนของสามีปัดป่ายไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มและจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอให้หมดไป อินหลงผละริมฝีปากออกและหันไปจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองจนตอนนี้ทั้งสองเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงประจักษ์แก่สายตาของกันและกันริมฝีปากร้อนของเขาไล่จูบที่แก้มใสทั้งสองข้างและเลื่อนไล้ลงมาซุกไซ้กับซอกคอขาวเนียนที่มีกลิ่น
"เฮีย...อย่าร้องไห้ค่ะ" พิมดาวทั้งตกใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่จริงใจของเขาจนน้ำตาไหลตามกัน ยิ่งเขาสะอื้นดังขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของพิมดาวก็เหมือนจะขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ "เฮียรักพิม..." คำบอกรักเจือเสียงหอบหายใจทำเอาหยาดธาราไหลรินออกมาเป็นสาย"เฮียจะไม่ยอมหย่ากับพิมเด็ดขาด ไม่…เฮียทำไม่ได้จริง ๆ เฮียขอร้องนะ ขอโอกาสให้ผู้ชายแย่ ๆ ที่รู้ตัวช้าได้ไหมครับ""เฮียรักพิม…เฮียขาดพิมไม่ได้ ฮึก" เขายังคงสะอื้นไห้อย่างต่อเนื่อง หยดน้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาจนเปรอเปื้อนบริเวณเอวเธอไปหมดเขากำลังเสียใจอยู่จริง ๆ … ไม่ใช่อาการผีออกผีเข้า แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยอมทุกอย่าง หมดสิ้นอีโก้ทุกทางตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว…และเธอยอมรับทั้งหัวใจอย่างซื่อสัตย์เลยว่า...โคตรรักเขาเลย รักจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจนะที่เลือกจะมอบใบหย่าให้สามีพิมดาวเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเลย แต่เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน...ในวันแรกที่เธอคุยกับพ่อแม่ของเขาว่าจะหย่า พวกท่านก็ช็อกพอสมควรที่เธอตัดสินใจแบบนั้นแต่ที่เธอเลือกจะหย่า นั่นก็เพราะยึดมั่นในสัญญาที่เคยเซ็นไว้กับเขา คือเรื่องจบเมื่อไหร่