ภาคินหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง เมื่อรถคันที่สวนมา พุ่งตรงมาที่เขา
โครม!!!
รถของชายหนุ่มหมุนไปตามแรงเหวี่ยง ในขณะที่รถของหญิงสาว พุ่งลงข้างทางแล้วชนเข้ากับต้นไม้ ร่างของเขมจิราอัดเข้ากับพวงมาลัย ถึงแม้ราคารถจะแพงมหาศาล แต่ถ้าคนขับประมาท รถหรูก็กลายเป็นแค่เศษเหล็ก น้ำมันไหลลงมาท่วมพื้น ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ภาคิน ตั้งสติแล้วเปิดประตูออกมาจากรถ สะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ความมึน เขาเองก็เจ็บ ศีรษะแตกและเจ็บบริเวณหน้าอกจากแรงกระแทก แต่เมื่อเห็นประกายไฟลุกไหม้มาจากด้านหน้าของรถคู่กรณี ร่างสูงก็พุ่งเข้าหา รถหรู เขาเห็นผู้หญิงนั่งตาค้างคาพวงมาลัย โชคดีที่เธอไม่สลบ ถึงจะ รู้ว่าอันตราย แต่เขาก็ปล่อยให้เธอตายไม่ได้ ไฟกำลังจะลามไปทั่ว ทั้งคัน เขาต้องช่วยคนออกมาก่อน
“คุณ!!”
ร่างสูงพุ่งไปที่รถ มือแกร่งพยายามดึงบานประตู เมื่อมันเปิด ไม่ออก ชายหนุ่มจึงร้องเรียกเพื่อให้คนข้างในได้สติ จะบ้าหรือไง ไฟกำลังจะลุกท่วมรถยังนั่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่ได้ ภาคินก่นด่าเจ้าของรถในใจ ที่ตอนนี้ยังนั่งนิ่งอยู่ในตัวรถ
เขมจิราตาค้าง สมองมึนงง โชคดีที่เธอเหยียบเบรกไว้ แรงปะทะจึงไม่มากเท่าไร แต่ก็จุกและมึนงงจากแรงกระแทก โชคดีที่รถของเธอเป็นรถยุโรปราคาหลายล้านจึงช่วยเธอไว้ได้ ตากลมโตมองภาพตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย รู้ตัวว่าเกิดอุบัติเหตุ แต่เธอยังคงนั่งนิ่ง เมื่อรู้สึกว่ากลิ่นของความตายช่างหอมหวานเย้ายวน แค่เธอหลับตา นับรอไปเรื่อย ๆ ไม่น่าจะถึงร้อย ยมบาลก็คงลงมารับเธอ เจ็บกายไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ
‘บอยรักขิมนะครับ แต่งงานกับบอยนะ’
คำพูดของคนรักลอยเข้ามาในหู เจ็ดปีที่ตัดสินใจคบกัน เจ็ดปี ที่เธอเอาอีกครึ่งชีวิตไปฝากไว้กับเขา เจ็ดปีที่เธอมีเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ
‘ก็แค่มีอะไรกัน เหมือนคนอื่น ๆ ทำไมขิมถึงให้บอยไม่ได้’
หลายครั้งที่มีปากเสียงกันเพราะชายคนรักอยากมีอะไรกับเธอเหมือนคู่รักคนอื่น ๆ แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงเสมอมา
‘ขิมอยากให้บอยรออีกหน่อย รอให้ถึงวันนั้นของเรานะคะ’
เป็นอีกครั้งที่เธอปฏิเสธ และผลที่ตามมาก็คือการทะเลาะกัน และมันก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลายครั้งที่เธอรู้ว่าเขามีคนอื่น แต่เพราะรักจึงให้อภัย แต่ครั้งนี้มันหนักเกินไปเพราะเธอเห็นคาตา ใบหน้าสวย ยิ้มหยันให้ตัวเอง
‘ภูเขาน้ำแข็ง’ คือชื่อที่เพื่อน ๆ และคนใกล้ชิดเรียกเธอ ใช่... เธอทำตัวไม่ต่างจากภูเขาน้ำแข็งที่เยือกเย็นและไร้ความรู้สึก แต่น้ำแข็งอย่างเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเปลวเพลิง
“แค่หลับตาขิม แล้วแกจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวด”
หญิงสาวบอกตัวเอง ก่อนที่ตากลมโตจะปิดลง ภาพสุดท้ายที่ เธอเห็นก็คือชายร่างสูงใหญ่ร้องเรียกมาจากด้านนอก พญามัจจุราช... เขาน่าจะเป็นคนที่มารับวิญญาณเธอ
“คุณ!! ได้ยินผมไหม โธ่โว้ย!”
ภาคินตะโกนลั่น เมื่อไฟลามใกล้เข้ามาทุกที ตาคมเข้มมองเข้าไปในรถ หัวใจแกร่งกระตุกเมื่อเห็นหญิงสาวที่เขาเห็นยังมีสติแน่นิ่งไป เธอคงสลบ เขาจะช้าไม่ได้ ชายหนุ่มรวบรวมกำลังที่มีทั้งหมดกระชากประตูรถสุดแรงแต่ก็เปิดไม่ออก จึงฉวยก้อนหินที่อยู่ใกล้มือมาทุบกระจก มือแกร่งช้อนเข้าใต้รักแร้ แล้วอุ้มคนสลบออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟลามทั่วทั้งรถ
ร่างสูงวางคนเจ็บไว้ด้านหลังกระบะรถ เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน อย่างแรกที่ต้องทำคือพาเธอส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ไม่รู้ว่ามีตรงไหนแตกหักอีกหรือเปล่า ตอนนี้เขาเมา ถ้าถูกตรวจแอลกอฮอล์เขาก็ไม่รอด ภาคินไม่ได้กลัวความผิด เพราะเขาไม่ผิด เรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นอุบัติเหตุ และก่อนที่คนอื่นจะมาเห็น เขาต้องพาเธอไปจากที่นี่ ที่บริเวณนี้เป็นภูเขา ไม่มีกล้องวงจรปิดเหมือนในเมือง พาเธอไปส่งโรงพยาบาลก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที
จังหวะที่ชายหนุ่มจะเปิดประตูรถ คนที่เขาคิดว่าสลบก็ดีดตัว ลุกขึ้น
“นี่ฉันตายแล้วใช่ไหม”
เขมจิราถามตัวเอง เมื่อมองกองเพลิงเบื้องหน้า ไฟกำลังไหม้รถยนต์ของเธอ รถยนต์ที่เธอซื้อมาด้วยเงินจำนวนไม่น้อย ใบหน้าสวยยิ้มให้ตัวเอง ความตายก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ก็แค่เจ็บหน้าอกและเคล็ดขัดยอกไปทั้งตัว ตากลมโตมองหน้าผู้ชายตรงหน้าแล้วยื่นแขนให้เขา เธอต้องถูกเขามัด แล้วเขาจะลากเธอให้ลอยตามไป
“อ้าว! นึกว่าสลบ คุณ เอ่อ... นั่งยิ้มเฉยเลย”
ภาคินมองหน้าหญิงสาวที่เอาแต่นั่งยิ้มหวาน หรือว่าหัวเธอกระแทกจึงทำให้เสียสติ ชายหนุ่มคิดไปต่าง ๆ นานา
“คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ทนอีกนิดนะ... ผมจะพาไปโรงพยาบาล”
คำว่าโรงพยาบาลที่ได้ยินทำให้ตากลมโตเปิดขึ้น หญิงสาวทวนคำของเขาในใจ โรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ... แสดงว่าเธอยังไม่ตาย แล้วเกิดอะไรขึ้น เขามาช่วยเธอไว้เหรอ เขาช่วยเธอ... ช่วยทำไม
“กรี๊ดดดด!” หญิงสาวกรีดร้องจนคนที่ยืนมองต้องยกมือปิดหู ชายหนุ่มงงที่อยู่ ๆ เธอก็ร้อง น่าจะดีใจที่รอดตาย... ภาคินคิด ในขณะที่เขาเองก็เริ่มปวดแผลที่หัว
“ช่วยฉันทำไม! ช่วยทำไม! ฉันอยากตาย! ได้ยินไหมว่าฉันอยากตาย!!!”
“อ้าว!”
ภาคินร้องออกมาอย่างงุนงง เมื่อเห็นคนบนกระบะตีอกชกหัวตัวเองแล้วร้องว่าอยากตาย เขายิ่งงงไปกันใหญ่ สรุปแล้วเธออยากตายอย่างนั้นเหรอ
“คุณ... ตั้งสติก่อน เป็นบ้าหรือไง!”
ภาคินร้องห้าม เมื่อหญิงสาวยังร้องว่าอยากตายไม่หยุด แบบนี้ ก็ได้เหรอวะ ชายหนุ่มคิด
“ช่วยทำไม! ช่วยทำไม!”
“เออ! ขอโทษที่ช่วย งั้นก็ลงมา! ผมจะไปหาหมอ โน่น... ไฟยังลุกอยู่ โดดเข้าไปเลย!” ภาคินตะโกนลั่น นิ้วแกร่งชี้หน้าหญิงสาวที่ยัง เอาแต่ร้อง
สิ้นเสียงตะโกนร่างที่ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนสาดก็หยุดดิ้น หญิงสาวยืนขึ้น ความเจ็บที่ได้รับส่งผลให้เธอต้องงอตัวเอาไว้ แล้วปีนลงมาจากท้ายกระบะ ภาคินมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เชื่อสายตา แต่เมื่อความเจ็บเริ่มทวีขึ้นเขาก็ปล่อยเธอไป
“เสียเวลาจริง ๆ”
ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปมา ตาคมเข้มมองคนที่เดินเข้าไปใกล้กองไฟอีกครั้ง ก่อนจะกระชากประตูรถแล้วขับหนีไป เธอจะทำบ้าอะไรก็ช่าง เขาช่วยเธอแล้วถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกัน ถ้าเธออยากตาย เขาก็ต้องปล่อยให้เธอตาย
เท้าหนากระทืบลงไปบนเบรกเต็มแรง เมื่อภาพตากลมโตบวมช้ำตามมาหลอกหลอน หรือว่าสมองจะกระทบกระเทือนจนเสียสติ ชายหนุ่มคิดหาเหตุผลให้กับการกระทำของเธอ เพราะไม่มีใคร อยากตาย
รถกระบะโฟวิลสีดำถอยกลับ แล้วหันหัวรถขึ้นไปตามทางที่เพิ่งขับลงมา เขาจะทิ้งเธอไว้อย่างนั้นจริง ๆ หรือ ถ้าเธอโดดเข้าไปในกองไฟแล้วตาย ๆ ไปซะทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าเธอไม่ตายแล้วเดินกระเซอะ กระเซิงไปเรื่อย ๆ พรุ่งนี้คงมีข่าวฆ่าข่มขืนขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก แถมการแต่งกายก็ผิดไปจากคนที่นี่ เธอคงมาจากต่างถิ่น ที่นี่เชียงราย... มีทุกอย่างที่คนทั่วไปคาดไม่ถึง ทั้งเสือสิงห์กระทิงแรด และที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นพวกตัวเงินตัวทอง ที่มันทำเลว จนไม่เกรงใจเจ้าของชื่อ
ตาคมเข้มมองภาพเบื้องหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมา เฮือกใหญ่ น่าจะเสียสติจริง ๆ เพราะคงไม่มีคนสติดีที่ไหนนั่งเหม่อ อยู่กลางถนนแบบนี้ โชคดีที่ไม่มีรถสวนมา ไม่งั้นคนบ้าคงกลายเป็นกล้วยทับอยู่ใต้ท้องรถไปแล้ว
“เวรกรรมอะไรของมึงวะไอ้เข้ม!”
พูดกับตัวเอง เมื่อเปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าไปยังคนที่นั่งอยู่ กลางถนน
ปากร้อนบดจูบปากเล็กอย่างเรียกร้องและเอาแต่ใจ ชายหนุ่มไม่สนใจกำปั้นน้อย ๆ ที่ฟาดลงมาบนอกเขา ยิ่งเธอทำร้ายเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักบดขยี้ปากเธอแรง ๆ ดูซิจะเก่งได้สักกี่น้ำ ภาคินคิดอย่างสะใจและต้องการเอาชนะเธอเขมจิราดิ้นหนักเมื่อกำลังจะขาดอากาศหายใจ เขาจะฆ่าเธอ ให้ตายใช่ไหม ภาคินถอนปากออกเพื่อให้เธอได้หายใจ ก่อนจะซ้ำลงมาอีกครั้ง และอีกครั้ง จูบจนพอใจจึงถอนปากออก ใบหน้าหล่อเหลายัง ไม่ถอยไปไหน หน้าผากกว้างยังแตะอยู่กับหน้าผากมน ตาคู่คมมองลงในตาคู่สวย ที่ก้มลงมองกระดุมเสื้อของเขา “ปล่อย!” หญิงสาวดิ้นหนี มือบางผลักลงที่อก ภาคินยังเฉย มือที่ประคองใบหน้าสวยลูบลงบนแก้มใสเบา ๆ แล้วใช้หัวแม่มือเกลี่ยลงบนกลีบปากที่บวมช้ำอย่างนึกเอ็นดู“อย่าค่ะ!” เขมจิราใช้มือปิดปากเขาเอาไว้ เมื่อภาคินทำท่าจะซ้ำลงมาอีก“นึกว่าลืมปากไว้ที่ตลาดนัด” ภาคินเอ่ยล้อเลียน เมื่อดึงมือเธอออกจากปากแล้วจูบลงบนนิ้วเรียว เขมจิราเผลอค้อนให้เขาวงโต หน้าร้อนผ่าว ไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ใบหน้าสวยงอง้ำด้วยความโกรธ เขาไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับเธอ“ปล่อย!” หญิงสาวดึงมือออกจากมือของเขา แล้วนั่งตัวตรง ภาคินยอม
หลังจากเลิกงานกระถินก็แวะซื้อกับข้าวที่ตลาดนัด เช่นเคย หญิงสาวซื้อไข่ ของสด และผลไม้ไปตุนไว้ในตู้เย็น จะได้ไม่ต้องแวะบ่อย ๆ จังหวะที่เธอรับถุงผลไม้จากแม่ค้า ตากลมโตก็เหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินจูงมือผ่านหน้าเธอไป ผู้ชายคนนั้นเธอคุ้นหน้าเขาเป็นอย่างดี เพราะเธอยังโทร. หาเขาทุกวัน“ลุง!” หญิงสาวรับถุงจากแม่ค้า ก่อนจะเดินตามคนคู่นั้นไปเร็ว ๆ“นี่ปล่อยนะ ฉันกลับเองได้” เขมจิรายังคงขัดขืน มือข้างที่ว่างแกะมือเขาออก เมื่อเขาลากเธอมาถึงรถกระบะของเขา “เงียบเถอะน่า ขึ้นรถ” ภาคินดุพร้อมกับออกคำสั่ง เมื่อพาเธอมายืนข้างรถ จังหวะที่ทั้งสองคนยังยื้อกันอยู่นั้นกระถินก็ตามมาถึงพอดี“ลุง! ลุงจ๊ะ”เสียงเรียกของหญิงสาว ทำให้คนทั้งสองหันมามอง ร่างสูงชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตู ในขณะที่เขมจิรายิ้มหวาน เธอจำกระถินได้“น้องกระถิน” เขมจิราพูดกับเธอแล้วก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อสายตา ของคนมาใหม่ไม่ได้มองมาที่เธอเลยสักนิด เพราะตาของเธอจับจ้อง อยู่ที่ใบหน้าของผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ เธอภาคินถอนหายใจ ร่างสูงหันกลับมามองกระถิน หัวใจแกร่งกระตุกเมื่อเห็นสายตาของหญิงสาวที่มองมาที่เขา มันมีทั้งความตัดพ้อ น้อยใจ และเ
ภาคินยืนมองหญิงสาวมาสักพักหนึ่งแล้ว เขาเห็นตั้งแต่เธอซื้อ น้ำปั่น ตอนแรกก็ไม่รู้สึกอะไร จนกระทั่งได้ยินคนพูดถึงการแต่งตัว ของเธอ ก็แม่คุณเล่นใส่เสื้อเอวลอยกับกางเกงยีนขาสั้นเสมอหู ไม่รู้ว่าคนที่ไร่แสงตะวันปล่อยออกมาได้อย่างไร รู้หรอกว่าเป็นนางแบบ แต่ช่วยทำตัวให้มันถูกกาลเทศะหน่อยจะได้ไหม มาเดินตลาดนัด ไม่ใช่มาเดินแฟชั่น จะได้จัดเต็มมาขนาดนี้ ภาคินขัดใจกับการแต่งตัวของเธอ พอมาได้ยินคนนินทาจึงพาให้โมโหไปกันใหญ่“ไก่ย่างขายยังไงคะ” หญิงสาวเดินมาจนถึงร้านไก่ย่างที่เป็นสาเหตุให้เธอปั่นจักรยานมาถึงที่นี่“ไม้ละห้าบาทค่ะ ข้าวเหนียวก็ห้าบาท” แม่ค้าตอบเป็นภาษากลาง เพราะเห็นเธอแต่งตัวแตกต่างจากคนแถวนี้“เอาไก่สามไม้ ข้าวเหนียวหนึ่งห่อค่ะ” เขมจิราสั่งแล้วล้วงกระเป๋าหยิบเงินยี่สิบบาทจังหวะที่จะรับถุงไก่ย่างจากแม่ค้า มือของใครบางคนก็ยื่นมารับถุงไปก่อนเธอ“ของฉันค่ะ” หญิงสาวร้องบอก เพราะกลัวเขาหรือเธอคนนั้น จะรับผิดถุง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นหน้าคนที่ถือถุงไก่ย่างของเธอเต็มตา“คุณ!” ร่างบางยืนค้างอยู่กับที่ จนคนมาใหม่ต้องลากเธอออกมาจากหน้าร้าน เพราะเธอยืนบังลูกค้าคนอื่น“ไง สบายด
เขมจิรายังอยู่ที่ไร่แสงตะวันต่อ เพราะเธอไม่มีอารมณ์กลับไปทำงาน อดีตคนรักของเธอเล่นใหญ่บอกกับนักข่าวทุกสำนักว่าสาเหตุที่เลิกกันเพราะจับได้ว่าเธอคบซ้อน “คบซ้อนบ้านมึงดิ ไม่จบใช่ไหม ได้!” หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันให้กับข่าวตามสื่อต่าง ๆ เธอเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ เพราะคิดว่าไม่นาน ข่าวก็จะเงียบไปเอง แต่เหมือนกับว่าพอเธอไม่ตอบโต้ ทางฝ่ายนั้นก็ ยิ่งได้ใจ เขมจิราตัดสินใจส่งข้อความหาทนายความส่วนตัว ต้องจัดการให้เด็ดขาดจะได้จบสิ้นกันเสียที ชีวิตเธอจะได้อยู่อย่างสงบสุขหญิงสาวหยิบเงินใส่กระเป๋ากางเกง ยัดมือถือตามลงไป ก่อนจะเดินออกมาจากห้องพัก เธอยิ้มหวานให้เผ่าเพชรที่นั่งอยู่หน้าบ้าน แล้วแจกยิ้มให้ลูกน้องของเขาที่หันมามองหน้าเธอ เพื่อเป็นการ กลบเกลื่อน คนพวกนี้น่าจะเห็นเธอโป๊ในถ้ำ อายก็อาย แต่ต้องทำเป็นไม่สนใจ เพราะตอนนี้เรื่องของเธอกับผู้ชายคนนั้นก็เงียบไปแล้ว หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย“พี่เผ่า ขิมไปขี่จักรยานเล่นนะ” หญิงสาวเอ่ยบอกเจ้าของบ้าน “จะไปไหนเหรอ ปอสั่งไว้ว่า...”“พี่เผ่า อย่าไปฟังปอมันมาก มันเป็นห่วงขิมเลยสั่งนี่สั่งนั่น ขิมโอเคค่ะ”“อ้อ... ก็เอาสิ”
กระถินขับรถลัดเลาะมาตามคันคลองที่เป็นบ้านพัก คนงานของไร่ลุงสิงห์ ตั้งแต่ที่พ่อแม่โดนไล่ออกมาจากไร่สายธาร ภาคินก็พาท่านมาฝากเข้าทำงานที่นี่ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าสวยก็ยิ้มกว้าง ชีวิตของเธอมีเรื่องไหนบ้างที่ภาคินจะไม่เข้ามามีส่วนร่วม คำว่าพ่อทูนหัวที่พูลศักดิ์ใช้เรียกภาคินช่างเหมาะกับเขาจริง ๆคิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อเห็นรถกระบะจอดอยู่ที่หน้าบ้านถึงสองคัน ที่ข้างรถมีโลโก้ไร่พ่อเลี้ยงธงชัยติดอยู่ ความสงสัยยังไม่จางหาย ความตกใจก็เข้ามาแทนที่ เมื่อเห็นพ่อนอนอยู่กับพื้น แม่นั่งยกมือไหว้คนกลุ่มนั้นอยู่ข้าง ๆ ปากก็ร้องขออะไรบางอย่าง ในขณะที่คนกลุ่มนั้นยังรุมทำร้ายพ่อเธอไม่หยุด จนหน้าตาแตกยับไม่มีชิ้นดี“หยุดนะ!!!” ทันทีที่จอดรถได้ร่างบางก็วิ่งฝ่าวงล้อมเข้าไปหาพ่อกับแม่ แล้วกอดลงบนร่างที่เกือบหมดสติของพ่อ ใช้ตัวบังท่านเอาไว้“ถิน...” พ่อเอ่ยเรียกชื่อเธอแสนเบา เลือดสีข้นทะลักออกมาจากปากยามเมื่อเอ่ยชื่อเธอ ในขณะที่แม่เรียกเธอเสียงดัง ในตาของแม่มีแววบางอย่าง ยามเมื่อเห็นหน้าเธอ“กระถิน มาแล้วหรือลูก” น้ำเสียงที่ใช้เรียกดีใจจนออกนอกหน้า“พ่อ แม่ เกิดอะไรขึ้น พวกแกเป็นใคร มาทำร้ายพ่อฉั
เขมจิราตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายของวัน อาการปวดหัวเข้าเล่นงาน เพราะนอนตากน้ำค้างมาทั้งคืนจึงทำให้เป็นไข้ หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มองสำรวจตัวเอง เนื้อตัวเธอมีแต่รอยขีดข่วน บางจุด ก็เขียวคล้ำ โดยเฉพาะหัวเข่าที่เขียวจนแทบจะกลายเป็นสีม่วง เมื่อคืนเขาพาเธอวิ่งเข้าไปในป่า เธอล้มลุกคลุกคลาน วิ่งชนนั่นชนนี่ บางครั้งก็โดนกิ่งไม้บาดจนได้เลือด โชคดีที่รอดมาได้ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมีของดีอะไร เธอได้ยินเสียงปืนดังเป็นห่าฝน แต่กระสุนกลับ ไม่ถูกเขาสักนัด“เฮ้อ!”หญิงสาวถอนหายใจ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อเช้า คนนับสิบยืนมองเธอกับเขานอนกอดกัน และที่สำคัญเธออยู่ในสภาพที่เกือบเปลือย“แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ความอายก็ เข้ามาเล่นงาน เธอคงอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว ความคิดในหัวต้องสะดุด เมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามา“เป็นไงบ้าง”ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาลลนาก็ถามด้วยความห่วงใย มือบางวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ แต่ตายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเพื่อน“ยังปวดหัวนิดหน่อย แต่ปวดเมื่อยตามตัวนี่แหละหนักเลย”เขมจิราตอบแล้วรับแก้วน้ำจากเพื่อนมาดื่ม“ขิม ตกลงแกกับพี่เข้มไปด้วยกันได