LOGIN“ต่อไปเราก็จะเขียน ‘ขาย’ ตัวแกไง”
“โอ๊ย...” หลินซีทำหน้าแหยอีกครั้ง “แล้วฉันจะเขียนอะไรเกี่ยวกับตัวเองได้บ้างที่ไม่ทำให้ฉันดูเหมือนยัยเพ้อเจ้อน่าเบื่อคนหนึ่งน่ะ”
“มาดูกันหน่อยซิ” เจิ้งลี่ซาพูดพลางใช้นิ้วเคาะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ อย่างใช้ความคิด ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับขณะที่จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ “เราจะโปรโมทเพื่อนรักสุดสวยของฉันคนนี้ยังไงดีนะ อืม...เอาแบบนี้ไหม ‘สวัสดีค่ะ! กำลังมองหาคนรู้ใจอยู่รึเปล่าคะ? สาวโสด (หน้าตาดีแถมอารมณ์ดีด้วยนะ!) รักสนุก ชอบออกไปเจอโลกกว้าง ชอบผจญภัย แต่ก็มีความสุขกับการได้ขลุกอยู่กับหนังสือดี ๆ สักเล่ม หรือดูหนังสนุก ๆ อยู่บ้านเหมือนกัน กำลังตามหาหนุ่มหล่อ คุยเก่ง มีอารมณ์ขัน ที่พร้อมจะเปิดโลกใหม่ ๆ ไปด้วยกัน ชอบดูหนัง ฟังเพลง รักเสียงดนตรีเหมือนกันยิ่งดีเลยค่ อ้อ...แล้วก็...ถ้าชอบดูกีฬาบ้างก็อาจจะเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษ!’”
&nbs
เสียงของเขาขาดหายไป เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่นราวกับไม่อยากให้เธอเห็นความผิดหวังบนใบหน้า หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้น แต่เป็นความรู้สึกผิดและอึดอัดที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง “คุณเจฟ...ฉัน...ฉันไม่รู้จะพูดยังไงเลยค่ะ” เธอเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว รู้สึกทั้งซาบซึ้งในความหวังดีและละอายใจในเวลาเดียวกัน “คือ...ขอบคุณนะคะสำหรับความรู้สึกดี ๆ แต่เรื่องมัน...เฮ้อ...ค่ะ ฉันจะลองโทรหาเขาดู” เธอส่งยิ้มบาง ๆ ที่ดูฝืดเฝื่อนให้ชายหนุ่มก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋าถืออย่างเชื่องช้า ปลายนิ้วเย็นเฉียบไล้ไปตามหน้าจอ ลังเล หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ บวกกับความรู้สึกผิดต่อผู้ชายแสนดีที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่สุดท้ายเธอก็กดโทรออกไปยังเบอร์ของกู้เทียนอี้จนได้&nb
“คุณสนุกจริง ๆ เหรอครับ” แววตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม “คุณมาที่นี่กับผมเพราะว่าคุณอยากจะอยู่กับผมจริง ๆ หรือเพราะเหตุผลอื่น” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง “ขอโทษครับ ผมรู้ว่าผมอาจจะรุกเร็วเกินไป” “ฉัน...ไม่รู้จะพูดยังไงดี” “ผมว่าคุณเป็นคนน่ารักมากนะคุณรู้ไหม” เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่กลับฉายแววเศร้าสร้อยอย่างประหลาด “แต่ผมก็รู้ว่าใจของคุณไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนที่อยู่ในใจคุณ และคงจะไม่มีวันเป็นได้” เขาหัวเราะเบา ๆ กลบเกลื่อน “ฟังดูเหมือนพวกพระรองในนิยายเลยใช่ไหมล่ะ” “ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ” เธอถามกลับไปเสียงเบา รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ทั้งเจ็บ ทั้งชา ทั้งรู้สึกผิด “เพราะว่าผมเห็น” เขามองเธอด้วยแววตาที่เข้าใจ “ผมเห็นความเศร้าที่ซ่อนอยู่ในแววตาของคุณ ผมสัมผัสได้ถึงมันได้ ผม
หลินซีใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเตรียมตัวสำหรับเดตกับเจียสือ มันไม่ใช่แค่การแต่งตัว แต่มันคือการสร้างตัวตนใหม่ ซึ่งเป็นตัวตนของผู้หญิงที่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ ผู้หญิงที่ไม่ได้จมอยู่กับอดีต ผู้หญิงที่ไม่ได้รอคอยใคร เธอเลือกชุดเดรสสีฟ้าอ่อนที่ดูสดใสและเป็นกันเอง แต่งหน้าบาง ๆ ให้ดูเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญที่สุดคือการพยายามสลัดความคิดถึงผู้ชายอีกคนออกไปให้หมดสิ้นแม้ว่ามันจะยากเย็นแสนเข็ญก็ตาม คืนนี้ฉันจะสนุก ฉันจะเปิดใจ ฉันจะให้โอกาสตัวเอง และให้โอกาสเจฟ เธอบอกกับตัวเองในกระจก แม้ว่าลึก ๆ แล้วจะยังคงรู้สึกเหมือนกำลังทรยศความรู้สึกที่แท้จริงก็ตาม ที่บาร์ในค่ำคืนนี้คึกคักและเต็มไปด้วยสีสัน แสงไฟสลัว ๆ จากโคมไฟดีไซน์เก๋ส่องกระทบผนังอิฐเปลือย เสียงเพลงอิเล็กทรอนิกส์จังหวะเนิบนาบดังคลอเบา ๆ สร้างบรรยากาศที่ทันสมัยและผ่อนคลาย มันช่างแตกต่างจากร้านอาหารฝ
ความผิดหวังระลอกใหญ่ซัดเข้ามาจนรู้สึกจุก แต่เธอก็รีบปรับสีหน้า แล้วกดรับสายอยู่ดี อย่างน้อยก็เป็นการตอกย้ำให้ตัวเองเห็นว่ายังมีผู้ชายคนอื่นบนโลกใบนี้นอกเหนือจากกู้เทียนอี้ “ฮัลโหลค่ะ” เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะปั้นเสียงให้ร่าเริงกลบเกลื่อนความผิดหวังที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจ “คุณหลินซี? นี่ผมเจฟพูดนะ” “อ้อ...คุณเจฟ” เธอตอบกลับไป พยายามจะฟังดูสดใส “เป็นยังไงบ้างคะ” “ก็ดีครับ” เสียงชายหนุ่มฟังดูอบอุ่นและจริงใจ “คือผม...เอ่อ...ไม่ทราบว่าคืนนี้คุณพอจะว่างไปหาอะไรดื่มหรือทานข้าวเย็นด้วยกันไหมครับ” “เอ๋...คืนนี้เหรอคะ” เธอพูดพลางเหลือบมองเจิ้งลี่ซาที่กำลังทำหน้าอยากรู้อยากเห็นสุดขีดอยู่ข้าง ๆ “ฉันยังไม่แน่ใจเลยค่ะว่า...” เธอจงใจลากเสียง แต่เมื่อเห็นเพื่อนรักส่งสายตาดุ ๆ มาให้เธอก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที “เอ่อ...ได้สิคะ ฉันว่าเราอาจจะไปหาอะไรดื่มกันก็ได้” “จริงเหรอครับ เยี่ยมไปเลย” เธอได้ยินความดีใจที่ไม่ได้เสแสร้งในน้ำเสียงจากคนปลายสาย และความรู้สึกผิดเล็ก ๆ ก็แล่นเข้ามาในใจ แต่ก็ตามมาด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด นี่
“ต่อไปเราก็จะเขียน ‘ขาย’ ตัวแกไง” “โอ๊ย...” หลินซีทำหน้าแหยอีกครั้ง “แล้วฉันจะเขียนอะไรเกี่ยวกับตัวเองได้บ้างที่ไม่ทำให้ฉันดูเหมือนยัยเพ้อเจ้อน่าเบื่อคนหนึ่งน่ะ” “มาดูกันหน่อยซิ” เจิ้งลี่ซาพูดพลางใช้นิ้วเคาะริมฝีปากตัวเองเบา ๆ อย่างใช้ความคิด ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับขณะที่จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ “เราจะโปรโมทเพื่อนรักสุดสวยของฉันคนนี้ยังไงดีนะ อืม...เอาแบบนี้ไหม ‘สวัสดีค่ะ! กำลังมองหาคนรู้ใจอยู่รึเปล่าคะ? สาวโสด (หน้าตาดีแถมอารมณ์ดีด้วยนะ!) รักสนุก ชอบออกไปเจอโลกกว้าง ชอบผจญภัย แต่ก็มีความสุขกับการได้ขลุกอยู่กับหนังสือดี ๆ สักเล่ม หรือดูหนังสนุก ๆ อยู่บ้านเหมือนกัน กำลังตามหาหนุ่มหล่อ คุยเก่ง มีอารมณ์ขัน ที่พร้อมจะเปิดโลกใหม่ ๆ ไปด้วยกัน ชอบดูหนัง ฟังเพลง รักเสียงดนตรีเหมือนกันยิ่งดีเลยค่ อ้อ...แล้วก็...ถ้าชอบดูกีฬาบ้างก็อาจจะเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษ!’”&nbs
รุ่งเช้าเริ่มต้นขึ้นด้วยความเงียบเหงาที่ผิดปกติ หลินซีนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ถ้วยกาแฟในมือเย็นชืดไปนานแล้ว สายตาจับจ้องออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย ความตื่นเต้นเร้าใจจากข้อเสนอทริปเมืองไทยของกู้เทียนอี้ค่อย ๆ จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและความไม่แน่นอนที่กัดกินใจ เขาเงียบไป หลังจากที่เธอตอบตกลงเขาก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย ไม่มีข้อความ ไม่มีการโทรหา ไม่มีการยืนยันแผนการเดินทาง ความเงียบงันนี้มันช่างน่าทรมาน มันตอกย้ำความจริงที่ว่าสำหรับเขาแล้ว เธออาจจะเป็นเพียงแค่ตัวเลือก แค่ใครสักคนที่เขาคิดจะพาไปสนุกด้วยแก้เหงา แล้วถ้าเขาเปลี่ยนใจล่ะ ถ้าเขาเจอตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า เธอก็คงจะถูกโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง...ฉันจะมานั่งรอเขาอยู่แบบนี้ไม่ได้ ฉันต้องพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่าฉันไม่ได้สิ้นหวังขนาดนั้น...ความคิดนั้นดังชัดขึ้นมาในหัว 







