LOGINบรรยากาศในงาน
บรรยากาศในงานศพยังคงอบอวลไปด้วยความโศกเศร้า เสียงร้องไห้ระงมของคนที่มาร่วมงานดังขึ้นเป็นระยะ ลุงทิน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่พ่อของฝนพลัดตกเรือ ก็มาร่วมงานด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เขาเดินเข้ามาพร้อมกับ ป้าดวง ภรรยา และ หมอฤษณ์ ลูกชาย เขาโค้งคำนับขอโทษแววและฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เขาช่วยชีวิตนพคุณไว้ไม่ได้ ทุกคนไม่ได้โทษลุงทินเลยแม้แต่น้อย เพราะต่างรู้ดีว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ป้าดวงโผเข้ากอดฝนร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความสงสาร ในขณะที่หมอฤษณ์ พี่ชายคนสนิทของฝน เข้ามากอดน้องสาวด้วยความห่วงใยและเจ็บปวดกับการจากไปของอาที่เขารักมากที่สุด หมอกฤษณ์ยืนอยู่หน้าโลงศพของอาแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "อานพครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ ต่อจากนี้ผมจะดูแลฝนเอง จะไม่ทอดทิ้งน้อง จะมอบทั้งชีวิตให้ฝนตามที่เคยสัญญาไว้" คำพูดของหมอกฤษณ์ทำให้อีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลอย่าง เอก รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกที่แทบไม่มีสิทธิ์อะไรในชีวิตของฝนเลย ยิ่งทำให้เขาปวดใจและสับสนมากขึ้นไปอีก ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมใสขึ้นมา "ฝน ฝนเป็นยังไงบ้าง!?" ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็น พลอยใส ว่าที่คุณหมอที่เป็นเพื่อนรักของฝน ทั้งสองวิ่งเข้าหากันแล้วกอดกันร้องไห้ พลอยใสเช็ดน้ำตาให้เพื่อนพลางปลอบใจ "ไม่เป็นไรนะแก...ฉันขอโทษที่มาช้า" ทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมแต่ต้องแยกย้ายกันไปเรียนคนละที่เลยไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แววที่เห็นภาพสองสาวกำลังกอดกันร้องไห้ ก็เดินเข้ามากอดทั้งคู่ไว้พร้อมกับปลอบใจ เอกได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบๆ และรู้สึกปวดใจที่ทำอะไรไม่ได้ เพราะดูเหมือนเขาจะกลายเป็นคนนอกสำหรับทุกคนที่นี่ จู่ๆ ก็มีมืออบอุ่นคู่หนึ่งแตะลงบนไหล่ของฝน เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็น ฟ้า พี่สาวที่อยู่กับแม่ "พี่ฟ้า...ฝนทรมานเหลือเกิน" ฝนพร่ำบอกเสียงสะอื้น "เหมือนใจจะขาด...ฝนคิดถึงพ่อ แล้วต่อจากนี้ฝนจะอยู่ยังไง" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวอย่างแน่นหนา น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาไม่ต่างกัน สองพี่น้องกอดกันร้องไห้ระงมข้างโลงศพ ทิวา หรือ ทิว แฟนหนุ่มของฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่ยืนปลอบใจสองพี่น้องด้วยความสงสาร ท่ามกลางความโศกเศร้า เอก ชายหนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่พ่อของฝนเสียชีวิต เขายืนอยู่ไม่ไกลนัก สายตาเขาจ้องไปที่ฝนด้วยความห่วงใย ผู้หญิงที่เคยเข้มแข็งและร่าเริง ตอนนี้กลับอ่อนแอจนน่าใจหายใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาและดวงตาที่บวมแดงทำให้เอกรู้สึกปวดใจเหลือเกิน
ฟ้าเงยหน้าขึ้นเห็นเอกพอดี จึงเอ่ยทักด้วยความแปลกใจ "สวัสดีค่ะพี่เอก มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?" เอกยิ้มเศร้าๆ "อ๋อ พี่ย้ายมาทำงานที่นี่ได้สักพักแล้ว" ทิวเองก็เอ่ยทักทาย "เป็นไงบ้าง สบายดีนะครับ" การทักทายดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีบทสนทนาที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น ทุกคนต่างรับรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจะถามไถ่อะไรมากไปกว่านี้ แต่สายตาของเอกที่มองฝนมันชัดเจนพอที่จะทำให้ฟ้าและทิวรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เขาเก็บไว้การกลับมาของทิพย์ จนถึงคืนสุดท้ายของงานศพ หญิงสาวสวยสง่าคนหนึ่งในชุดดำเดินเข้ามา เธอคือ ทิพย์ ลูกสาวคนโตของแวว ผู้เป็นแม่เลี้ยงของฝนและฟ้า "แม่คะ...ทิพย์กลับมาแล้ว" ทิพย์โผเข้ากอดผู้เป็นแม่ที่รอคอย ทั้งสองกอดกันร้องไห้ด้วยความคิดถึง เอกที่กำลังเดินสวนทางกับทิพย์ถึงกับชะงัก เมื่อทิพย์ถอดแว่นดำออก ทั้งคู่สบตากันเพียงชั่วครู่เหมือนมีเรื่องราวมากมายที่ค้างคาแต่ไม่ได้ถูกเอ่ยถึง เอกมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ทิพย์จะเดินไปหาน้องสาวทั้งสองคนที่กำลังกอดกันอยู่ เป็นครั้งแรกที่สามพี่น้องได้กอดกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทิพย์กอดปลอบน้องสาวคนเล็กอย่างฝนที่กำลังนั่งร้องไห้ ส่วนฝนก็โผเข้ากอดพี่สาวคนโต ทิพย์พยายามกลั้นน้ำตาไว้ในฐานะพี่คนโต แล้วเดินไปที่หน้าโลงศพของพ่อ "พ่อคะ ทิพย์กลับมาแล้ว ทิพย์ขอโทษ...ที่มาช้าไป พ่อหลับให้สบายนะคะ ทิพย์จะดูแลแม่และน้องเอง พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ" น้ำตาของทิพย์ไหลออกมาอย่างเงียบๆ เธอใช้มือปาดน้ำตาอย่างเข้มแข็ง แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ในขณะนั้น คนที่อ่อนแอที่สุดคงหนีไม่พ้นฝน เพราะเธอคือลูกสาวที่ติดพ่อมากที่สุดและเป็นคนที่อยู่เคียงข้างท่านในช่วงสุดท้ายของชีวิต ความสับสนในใจของเอก เมื่อกลับถึงบ้านพัก เอกยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น "มันจะเป็นไปได้ยังไง?" เขาพึมพำกับตัวเอง "ทิพย์คือลูกสาวคนโตของอานพ...แล้วทำไมถึงเป็นพี่สาวของฟ้ากับฝนได้?" ความสับสนตีกันอยู่ในหัว เอกพยายามนึกทบทวนเรื่องราวในอดีตกับทิพย์ ผู้หญิงที่เขาเคยรักมากแต่ทิ้งเขาไปหลายปีก่อน และก่อนที่จะได้คบกับฟ้า จนต้องย้ายไปทำงานต่างประเทศจนความสัมพันธ์ที่ยังไม่คืบหน้าได้จบลง แล้วทำไมตอนนี้ทิพย์ถึงได้กลับมาในฐานะพี่สาวของฟ้าและฝน? หรือการที่เอกได้คบกับอดีตคนรักอย่างทิพย์ แล้วความสัมพันธ์ของเขากับฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ? การกลับมาของทิพย์ในเวลาที่ไม่คาดคิดทำให้ความรู้สึกในอดีตถาโถมเข้ามาอีกครั้ง เอกรู้สึกสับสนและเป็นกังวลใจอย่างมาก เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องราวในอดีตที่ยังค้างคานั้นอาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ในปัจจุบันของเขาและฝนได้บรรยากาศหลังงานฌาปนกิจศพคุณนพพล (พ่อของฝน) ผ่านไปได้ไม่นาน ทุกคนยังคงอยู่ในบรรยากาศเศร้าสลด แต่สำหรับฝน ความเศร้าเสียใจยังคงหนักหน่วงจนทนอยู่บ้านไม่ไหว เธอเดินออกมานั่งอยู่คนเดียวที่กระท่อมริมบึง ซึ่งเป็นที่ที่คุณพ่อเคยสร้างไว้ให้ ที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำเก่าๆ ระหว่างเธอกับพ่อ และเมื่อความจริงที่ว่าพ่อไม่อยู่แล้วเข้ามากระแทกใจ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
(ฟ้าเดินเข้ามาหาฝนที่นั่งอยู่ลำพัง) ฟ้า: ฝน… พี่ว่า ฝนไปอยู่กับแม่สักพักเถอะนะ พี่เป็นห่วง ไม่อยากปล่อยให้ฝนนั่งคนเดียวแบบนี้ ฝน: พี่ฟ้า... ฝนยังไม่อยากไป ฝนยังไม่อยากทิ้งพ่อไปไหน กลัวว่าถ้าไปแล้วพ่อจะเหงา ฟ้า: (พยายามปลอบใจ) แต่ฝนอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ พี่ขออยู่เป็นเพื่อนนะ จนกว่าฝนจะรู้สึกดีขึ้น ฝน: (ส่ายหน้าปฏิเสธ) ไม่เป็นไรหรอก ฝนอยู่ได้ ฝนขออยู่คนเดียวเถอะนะ พี่กลับไปเถอะ (ฝนไม่อยากพูดคุยกับใคร ทำให้ฟ้าจนใจ ได้แต่เดินไปหาแวว (แม่เลี้ยง) ฟ้า: แม่แวว… ฝากดูแลฝนด้วยนะ ถ้ามีอะไรให้โทรหาฟ้าทันทีเลยนะ ฟ้าเป็นห่วงน้องมาก (ฟ้ากลับไปแล้ว ฝนจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาคุณนวล ผู้เป็นแม่) (ปลายสาย: เสียงคุณนวล) นวล: ฝนลูก… แม่คิดถึงฝนแทบขาดใจเลย ฝน: แม่... หนูขออยู่คนเดียวที่บ้านพ่อก่อนได้ไหมคะ ตอนนี้หนูยังไม่อยากไปไหนเลย นวล: (เข้าใจความรู้สึกของลูก) ได้สิลูก... แม่เข้าใจนะ ขอแค่ลูกสบายใจ แม่ก็โอเค ฝน: ค่ะแม่ หนูขอเวลาอยู่กับตัวเองสักพักนะคะ หนูอยากอยู่ตรงนี้ที่ใกล้ๆ พ่อ ให้รู้สึกอุ่นใจก่อน นวล: (เสียงเศร้าแต่ก็เต็มไปด้วยความรัก) ได้เลยลูก... ถ้าฝนพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาหาแม่นะ แม่รออยู่เสมอ เมื่อฝนยืนยันว่าจะขออยู่คที่บ้านพ่อก่อน ทุกคนก็เข้าใจและยอมรับการตัดสินใจของเธอ นวล (แม่แท้ๆ) แม้จะคิดถึงลูกมากและเป็นห่วงแทบขาดใจ แต่ก็ไม่สามารถมาอยู่ดูแลได้ เพราะเข้าใจสถานการณ์ดีว่าบ้านหลังนี้มีคุณแวว (ภรรยาของคุณนพพล) อาศัยอยู่แล้ว หลังจากงานศพผ่านไป 3 วัน ทุกอย่างก็ถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อย แต่ความรู้สึกของฝนยังคงต้องใช้เวลาในการเยียวยาต่อไปนพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง





![เจ้าสาวจัดดอก [PWP] + [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

