LOGINฝนยอมตกลงด้วยความอ่อนล้าและเจ็บปวด
ความเงียบที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ฝนเดินไปขึ้นรถด้วยร่างกายที่เหมือนไร้วิญญาณ เธอได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเงียบ ๆ ตลอดทางที่รถเคลื่อนไป เอกไม่ได้พูดอะไร เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอดีกว่าใคร เขาทำเพียงแค่เหลือบมองเธอเป็นครั้งคราวเพื่อแสดงให้รู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ และปล่อยให้ความเงียบที่หนักอึ้งนั้นปลอบประโลมเธออย่างช้า ๆ เมื่อรถใกล้ถึงบ้าน ฝนเอ่ยปากขอให้ไปที่กระท่อมน้อยริมบึงของเธอแทน เอกทำตามที่เธอขออย่างไม่ลังเล เพราะกระท่อมของฝนกับบ้านเช่าของเขาอยู่ติดกันอยู่แล้ว เมื่อจอดรถเสร็จ ฝนก็เดินลงไปอย่างคนไร้เรี่ยวแรง เธอเดินไปร้องไห้ไปจนทรุดตัวลงหน้ากระท่อมพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ดังกว่าเดิม ความทรงจำทั้งหมดระหว่างเธอกับพ่อไหลบ่าเข้ามาในห้วงความคิด และฉีกกระชากหัวใจเธอจนแทบขาดใจ เอกมองภาพนั้นด้วยความสงสารอย่างสุดซึ้ง เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปหาและนั่งลงตรงหน้าเธอ ฝนโผเข้ากอดเขาแน่น ฝนซบหน้าลงกับอกและปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นจนน้ำตาเปียกชุ่มเสื้อของเขาไปทั้งตัว เอกยกมือขึ้นลูบหัวและลูบหลังของเธออย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบโยนในสิ่งที่เธอต้องเผชิญในตอนนี้ “ไม่เป็นไรนะพี่อยู่ตรงนี้แล้ว ฝนอยากร้องก็ร้องออกมาให้หมดเลยนะ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของเขาทำให้ฝนปล่อยโฮออกมาดังกว่าเดิม “ฝนไม่เหลือใครแล้ว ฝนไม่มีพ่อแล้ว ฝนกลายเป็นลูกกำพร้าแล้ว ฝนจะอยู่ยังไง” “ยังมีพี่อยู่ตรงนี้ไง พี่จะไม่ทิ้งฝนไปไหน พี่จะดูแลฝนเอง” ฝนสะอื้นแล้วเงยหน้ามองเอก เขายื่นมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของเธออย่างแผ่วเบา คำพูดและการกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอพูดออกมาด้วยเสียงสะอื้นว่า “พี่จะอยู่ข้าง ๆ ฝน ไม่ทิ้งฝนไปไหนใช่ไหม” เอกพยักหน้าพร้อมกับน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตา “พี่ไม่ทิ้งไปไหน พี่จะดูแลฝนเอง” เอกมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปอย่างไม่รู้ตัว จากความสงสารกลายเป็นความห่วงใยที่อยากจะปกป้องผู้หญิงคนนี้สุดหัวใจ ในขณะที่ทั้งคู่สบตากัน เอกค่อย ๆ ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบาและอบอุ่น ฝนหลับตาลงรับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้นโดยที่ทั้งคู่ก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เอกถอนจูบจากหน้าผากและสบตากับเธอที่แดงก่ำของฝนด้วยความสงสารและห่วงใย ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อที่สั่นระริกจากการสะอื้นของเธอ หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาค่อยๆ โน้มตัวลงไปช้าๆ ริมฝีปากอุ่นของเขาค่อยๆ แตะลงบนริมฝีปากที่เย็นเฉียบของฝนอย่างแผ่วเบา เป็นจูบแรกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาทำให้ฝนหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว เอกถอนจูบออกแล้วสบตาเธออีกครั้ง ทั้งคู่ต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฝนที่กำลังสะอื้นอย่างหนักรีบเม้มปากเข้าหากันด้วยความประหม่า ส่วนแก้มของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนลูกตำลึงสุก ฝนรีบบอกเอกว่าอยากกลับบ้านแล้ว ทั้งคู่ทำตัวไม่ถูก เอกได้แต่พยักหน้าและรีบพาเธอไปส่งที่บ้านความรู้สึกที่ชัดเจนขึ้น เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ทั้งคู่ยังคงเขินอายอย่างชัดเจน ฝนกำลังจะเปิดประตูรถออกไป เอกรีบคว้ามือเธอไว้พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พักผ่อนนะ เดี๋ยวถึงบ้านพี่ไลน์หา” ฝนหน้าแดง ไม่พูดอะไร ได้แต่เดินเข้าบ้านไปด้วยความประหม่าและสับสนในหัวใจ เอกมองตามหลังเธอไปจนสุดสายตา เขายังคงสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาทำแบบนั้นลงไป หรือว่าเขาได้ตกหลุมรักผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เข้าแล้วจริงๆ ...นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







