LOGINเช้าวันต่อมา
แสงแดดอ่อนโยนยามเช้าเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน ร่างเล็กค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากภวังค์แห่งฝัน ก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่งเมื่อภาพเมื่อคืนมันแวบเข้ามาในหัวสมอง
“โอ๊ย!”
เธอรู้สึกเจ็บหน่วงตรงกลางหว่างขาขึ้นมาเพียงเพราะขยับร่างกายอย่างฉับพลัน
“ตื่นแล้วเหรอ”
ชายหนุ่มยืนอยู่มุมห้องที่เป็นกระจกใสซึ่งตรงนั้นสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล นัยน์ตาคมไล่สำรวจร่างเล็กแล้วลอบยิ้ม ก่อนจะนั่งลงตรงโซฟาทรงโมเดิร์นซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน เรียวขายาวขยับเป็นท่านั่งไขว่ห้าง จากนั้นเขาก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ
ทั้งสบายใจแล้วก็สบายตัวเลยล่ะ เพราะเมื่อคืนเขาได้ปลดปล่อยไปหลายน้ำ
ดาริณช้อนตามองคนร้ายกาจที่กระทำรุนแรงกับเธอทั้งคืนราวกับสัตว์ป่าหิวโหย เธอตั้งท่าจะลุกจากเตียงนอนแต่ต้องหยุดชะงักกลางคันเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองยังเปลือยกายล่อนจ้อน
หญิงสาวกระชับผ้าห่มคลุมตัวจากนั้นก็เอ่ยเสียงแข็ง
“ฉันจะกลับบ้าน”
“ใครห้าม”
ไม่มีใครห้ามแต่จะให้เธอเดินแก้ผ้าไปรึไงกัน หญิงสาวทำท่าทางฮึดฮัดใส่เจ้าของห้อง ก่อนจะพูดโวยวายตามนิสัยของเธอ
“ตาไม่มีดูเหรอ นายจะให้ฉันเดินแก้ผ้าไปรึไง”
แล้วชุดที่ใส่เมื่อคืนก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน จำได้แค่ว่าล่าสุดถูกถอดกองไว้ในห้องน้ำชั้นล่าง
“หึ!”
เจ้าขุนแค่นหัวเราะแล้ววางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่ตรงนั้นเดินไปหาเธอ
เขาโยนถุงกระดาษลงตรงหน้าคนที่นั่งเอาผ้าห่มคลุมตัวอยู่บนเตียง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“เสื้อผ้าแล้วก็ชุดชั้นใน ฉันให้คนไปซื้อมาให้เมื่อเช้า แล้วนั่นยาคุมฉุกเฉิน กินซะ!”
หญิงสาวรีบหยิบถุงกระดาษขึ้นมาเปิดดู เธอค่อนข้างแปลกใจที่เขารู้ขนาดเสื้อชั้นในของเธอเป็นอย่างดี จากนั้นก็หยิบแผงยาคุมฉุกเฉินแบบสองเม็ดขึ้นมาแล้วช้อนตามองร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“ดูนายจะช่ำชองเรื่องผู้หญิงจังเลยนะ”
“ใช่ฉันช่ำชอง”
ตอบกลับทันควันแล้วนั่งลงบนเตียงเดียวกันกับเธอ จับใบหน้าสวยให้หันมาทางเขาแล้วพูดต่ออีกว่า
“ช่ำชองรึเปล่าเมื่อคืนเธอก็น่าจะรู้ดีนะ”
หญิงสาวปัดมือของเขาออกอย่างแรงแล้วถลึงตาใส่ ทั้งโกรธทั้งโมโหแต่ก็พูดมากไม่ได้ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นสาเหตุเกิดจากตัวเธอเองทั้งนั้น ถือซะว่าเมื่อคืนทำทานให้ไอ้บ้าเจ้าขุนละกัน
“เอาผ้าเช็ดตัวมาให้ฉันด้วย” เธอแว้ดเสียงออกคำสั่ง
เจ้าขุนแค่นยิ้ม จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวก่อนจะกลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวสะอาดสะอ้าน
เขาโยนผ้าเช็ดตัวให้เธอ
คนเปลือยกายเงยหน้ามองเขาตาเขียวปั้ด ไอ้บ้าเจ้าขุนมันไม่อ่อนโยนกับเธอเลยสักนิด
หลังนุ่งผ้าเช็ดตัวเรียบร้อยดาริณก็เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในห้องน้ำ เธอใช้เวลาเป็นชั่วโมงกับการทำอะไรอยู่ในนั้น คนนั่งรอรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน
ให้ตายเถอะยัยดาริณอาบน้ำนานเป็นบ้า
เจ้าขุนลุกจากโซฟาแล้วเดินไปยืนอยู่หน้าห้องน้ำจากนั้นเขาก็เคาะประตูเรียกเธอ
“เธอจะอาบน้ำเอาโล่รึไง”
“...” ไร้เสียงตอบกลับจากคนด้านใน
“ดาริณ!!!”
“เออ! เสร็จแล้วกำลังจะออกไปแล้ว”
ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ปกติเธอก็ใช้เวลาประมาณนี้ในการอาบน้ำไม่รู้เขาจะโวยวายอะไรนักหนา
ไม่นานนักหญิงสาวก็เปิดประตูออกมาก่อนจะปั้นหน้าบูดบึ้งเดินผ่านเขาไป
“เสร็จแล้วก็ตามออกมานะ ฉันจะรออยู่ที่โต๊ะอาหารข้างล่าง”
พูดจบร่างสูงก็เดินออกไปจากห้อง
ดาริณเบ้ปากใส่เขาจากทางด้านหลังก่อนจะทำปากขมุบขมิบล้อเลียน
ไอ้คนกวนประสาท นอกจากจะไม่อ่อนโยนยังชอบตะคอกใส่เธออีก
เจ้าของเพ้นท์เฮ้าส์ลงมานั่งรอหญิงสาวตรงโต๊ะอาหาร ตรงหน้าของเขามีอาหารมากมายซึ่งจัดวางไว้บนจานที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา
คนมาทีหลังเดินตึงตังลงบันไดก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“กินข้าวซะ เสร็จแล้วฉันจะไปส่งที่บ้าน”
“ฉันกลับเองได้ย่ะ”
“ก็ดี รู้จักพึ่งพาตัวเองก็ดี”
เธอมุ่ยหน้าใส่ไอ้คนปากร้าย
แววตาดุดันจ้องเขม็งมาทางเธอ ดาริณจึงเชิดหน้าใส่เขาแล้วหันมาสนใจอาหารบนโต๊ะ เธอเพิ่งสังเกตว่าอาหารทุกอย่างล้วนเป็นของที่เธอชอบทานทั้งนั้น ครั้นจะคิดว่าทั้งหมดนี้คือเมนูที่คนตรงหน้าตระเตรียมไว้ให้ก็คงเป็นไปได้ยาก
บังเอิญแหละ
คนอีกฝั่งละสายตาจากหญิงสาวแล้วหันมาสนใจอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากหยักยกยิ้มเล็กน้อย
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงเสียงกระทบกันเบา ๆ ของช้อนกับจานข้าวเท่านั้น
หลังทานอิ่มใบหน้าเง้างอก็หันไปทางร่างสูง เธอแบมือต่อหน้าเขาทำให้เจ้าขุนรู้สึกงวยงง
“อะไร?”
“กุญแจรถของฉันล่ะ”
ลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อคืนเขาเป็นคนขับรถเธอมาที่นี่
ชายหนุ่มเดินไปหยิบกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ทีวีแล้วเดินกลับมา เขาเพ่งพิศร่างเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จากนั้นก็จูงแขนเธอออกจากห้องโดยไม่พูดไม่กล่าว
“อะไรของนายอีกเนี่ย นายจะพาฉันไปไหนอีก”
“ไปส่งเธอที่บ้านไง”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะกลับเอง”
พูดพลางสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม
เจ้าขุนหันขวับกลับมาดวงตาไล่สำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้งก่อนจะพูดว่า
“ขับไหว? โดนจัดหนักทั้งคืนขนาดนั้นแค่เดินก็ยังจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ปากนายนี่นะ”
ดวงตากลมโตทอประกายความโมโห เขาพูดคำหยาบคายออกมาได้ไม่รู้สึกกระดากอายบ้างรึไงกัน
รู้สึกเหนื่อยหน่ายใจขี้เกียจต่อปากต่อคำกับยัยดาริณชะมัด
ชายหนุ่มถอนหายใจพรืด จากนั้นก็จูงแขนเธอออกจากห้องโดยไม่สนใจเสียงบ่นแว้ด ๆ ที่ดังอยู่ข้างหู ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่หน้าประตูเพ้นท์เฮ้าส์แล้วออกคำสั่ง
“ให้คนขับรถตามไปรับกูด้วย”
“ครับนายน้อย”
ชายชุดดำโค้งศีรษะรับคำสั่งเจ้าขุนจึงจูงมือหญิงสาวไปที่ลิฟต์ ดาริณเดินตามเขาด้วยความจำยอม
ขณะอยู่ในลิฟต์หญิงสาวก็คอยสำรวจคนข้างกายพร้อมกับคิดสงสัย เธอรู้จักกับเจ้าขุนเมื่อตอนเข้าเรียนปีหนึ่งซึ่งรู้จักผ่านทิวเขาอีกที
ทิวเขาเป็นเพื่อนสนิทกับเธอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย นอกจากทิวเขาแล้วก็ยังมี ‘วายุ' อีกคน
หลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งสามคนได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ทิวเขาและวายุเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่วนเธอเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ถึงแม้จะอยู่คนละคณะแต่ทั้งสามคนก็ยังสนิทสนมกันเหมือนเดิม
ทิวเขาแนะนำให้เธอรู้จักกับเจ้าขุนและ 'ออสติน' ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในตอนนั้นเจ้าขุนดูเป็นคนนิ่ง ๆ ค่อนไปทางเย็นชา ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาสักเท่าไหร่เวลาอยู่ต่อหน้าเธอ
เธอไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าขุนเป็นลูกเต้าเหล่าใคร รู้แต่ว่าฐานะทางบ้านของเขาไม่ธรรมดาไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างนี้
แต่สิ่งที่เธอเห็นวันนี้มันยิ่งทำให้เธอสงสัยในตัวชายหนุ่ม นอกจากเจ้าขุนจะร่ำรวยเขายังดูลึกลับอีกต่างหาก
หลังเสร็จงานจากบ่อนเจ้าขุนก็ขับรถกลับเพ้นท์เฮ้าส์ ร่างสูงเหยียดกายนอนราบบนโซฟาตัวยาว แขนแกร่งข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาวางพาดบนหน้าผาก ดวงตาเพ่งมองเพดานอย่างเลื่อนลอย จู่ ๆ ภาพเมื่อคืนก็ฉายขึ้นมาในหัว พอมีเวลาได้คิดทบทวนเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าความจริงแล้วเมื่อคืนมันคือครั้งแรกของดาริณ ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะผ่านผู้ชายมาอย่างโชกโชนเสียอีก ขณะกำลังนอนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนหัวสมองก็พลันคิดเลยเถิดไปถึงความเร่าร้อนที่เกิดขึ้น เรือนร่างอรชรที่ไม่ว่าจะมองส่วนไหนก็ดูสวยไปหมดมันตราตรึงหัวใจชะมัด จู่ ๆ คนหน้านิ่งก็คลี่ยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ครืด! ครืด! เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบมากดรับสาย “ครับน้าอร” [ฮัลโหลหลานรัก เป็นไงบ้างจ๊ะไม่ได้เจอกันตั้งนานคิดถึงจังเลย] “ผมก็คิดถึงน้าอรเหมือนกันครับ” [ไม่ต้องมาทำเป็นปากหวาน คิดถึงน้าแต่ไม่เห็นโทรมาหาน้าบ้างเลย ดูซิมีแต่น้าโทรหาอยู่ฝ่ายเดียว] “โธ่! ก็ช่วงนี้เรียนหนักนี่นา ไหนจะต้องดูแลงานที่บ่อนแทนแดเนียลอีก” [อย่าทำเป็นเอาชื
“เรื่องอะไร” “เรื่องคุณดาวิทย์ ลูกชายคนโตของท่านรัฐมนตรีนพดลครับ” “ติดปัญหาอะไร” “ตอนนี้คุณดาวิทย์อยากกู้เงินเพิ่มครับ” “ก็ให้กู้ไป” “แต่หนี้เก่ายังค้างอยู่เลยนะครับ แม้แต่ดอกเบี้ยก็ยังไม่คืนสักบาท จนตอนนี้ดอกเบี้ยที่ค้างอยู่จะเท่าเงินต้นที่ยืมไปแล้วครับ” “ของเก่ายังเหลืออยู่เท่าไหร่” “รวมดอกเบี้ยตอนนี้ก็สิบห้าล้านแล้วครับ” คิ้วเข้มขมวดมุ่นเป็นกังวล คนที่พวกเขากำลังพูดถึงเป็นลูกชายคนโตของท่านรัฐมนตรีนพดล หรือก็คือพี่ชายแท้ ๆ ของดาริณ ‘ดาวิทย์’ เพิ่งมาเป็นลูกค้าของบ่อนเมื่อประมาณหกเดือนก่อน ตอนแรกเจ้าขุนก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคือพี่ชายของดาริณ เพราะปกติไม่ค่อยได้ลงไปสุงสิงกับลูกค้าด้านล่าง มาทีไรก็นั่งอยู่แต่ที่โต๊ะทำงานแล้วดูกิจกรรมทุกอย่างของบ่อนผ่านกล้องวงจรปิด เขาเพิ่งรู้ว่าดาวิทย์เข้ามาใช้บริการที่บ่อนเมื่อเดือนที่แล้วตอนที่เจ้าตัวเอาชื่อผู้เป็นพ่อมาอวดอ้างเพื่อขอกู้ยืมเงินห้าล้านไปต่อทุน ผ่านมายังไม่ถึงเดือน จากหนี้ห้าล้านบาทตอนนี้กลายเป็นสิบห้าล้านบาทไปแล้ว เจ้าขุนพ
รถคันหรูจอดนิ่งที่หน้ารั้วสูงของคฤหาสน์หลังใหญ่ ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าเจ้าของคฤหาสน์หรูหราในย่านที่ดินราคาแพงหลังนี้คือท่านรัฐมนตรี ‘นพดล อนันต์เดโช’ บุคคลผู้ซึ่งมีอำนาจและทรงอิทธิพลคนหนึ่งของประเทศ “จอดตรงนี้แหละ แล้วนายก็ลงไปได้แล้ว” พอถึงหน้าบ้านหญิงสาวก็แผดเสียงออกคำสั่งให้ชายหนุ่มลงจากรถ เจ้าขุนนั่งนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะยอมทำตามที่เธอสั่ง ดวงตาคมกริบไล่สำรวจคนข้าง ๆ ก่อนจะโน้มตัวเข้าใกล้หญิงสาว เพ่งตามองเธอราวกับมีเรื่องอยากจะพูด “อะไรอีก” ดาริณแว้ดเสียงใส่พลางโยกหน้าถอยหนี แผ่นหลังบอบบางชนกับประตูรถอย่างจนมุม “ที่เธอวางยาไอ้ทิวเขาเมื่อคืน เพราะเธอรักมันมากจนอยากได้มันเป็นผัว หรือเป็นเพราะพ่อของเธอบังคับให้จับมันให้ได้กันแน่” “นายอย่ามาใส่ร้ายคุณพ่อฉันนะ” “ฉันรู้นะว่าตอนนี้ครอบครัวเธอกำลังมีปัญหา แล้วบริษัทที่พี่ชายเธอบริหารอยู่ก็กำลังขาดทุนมหาศาล ที่ท่านรัฐมนตรีอยากได้ไอ้ทิวเขามาเป็นลูกเขยเพราะหวังฮั้วโครงการก่อสร้าง...ใช่ไหม” นัยน์ตาของคนถูกเค้นสั่นระริก เธอรู้สึกโกรธเคืองคนถามเป็นอย่างมาก แม้จ
เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนโยนยามเช้าเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน ร่างเล็กค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากภวังค์แห่งฝัน ก่อนจะลุกพรวดขึ้นนั่งเมื่อภาพเมื่อคืนมันแวบเข้ามาในหัวสมอง “โอ๊ย!” เธอรู้สึกเจ็บหน่วงตรงกลางหว่างขาขึ้นมาเพียงเพราะขยับร่างกายอย่างฉับพลัน “ตื่นแล้วเหรอ” ชายหนุ่มยืนอยู่มุมห้องที่เป็นกระจกใสซึ่งตรงนั้นสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล นัยน์ตาคมไล่สำรวจร่างเล็กแล้วลอบยิ้ม ก่อนจะนั่งลงตรงโซฟาทรงโมเดิร์นซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน เรียวขายาวขยับเป็นท่านั่งไขว่ห้าง จากนั้นเขาก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ ทั้งสบายใจแล้วก็สบายตัวเลยล่ะ เพราะเมื่อคืนเขาได้ปลดปล่อยไปหลายน้ำ ดาริณช้อนตามองคนร้ายกาจที่กระทำรุนแรงกับเธอทั้งคืนราวกับสัตว์ป่าหิวโหย เธอตั้งท่าจะลุกจากเตียงนอนแต่ต้องหยุดชะงักกลางคันเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองยังเปลือยกายล่อนจ้อน หญิงสาวกระชับผ้าห่มคลุมตัวจากนั้นก็เอ่ยเสียงแข็ง “ฉันจะกลับบ้าน” “ใครห้าม” ไม่มีใครห้ามแต่จะให้เธอเดินแก้ผ้าไปรึไงกัน หญิงสาวทำท่าทางฮึ
มือหนาประคองตัวตนที่ตั้งผงาดด้วยฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กส์แล้วชักรูดสองสามครั้ง ดวงตาคมกริบเพ่งพิศเรือนร่างสวยด้วยความลุ่มหลง ดาริณสวยไปหมดทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นสองเต้าอวบนูนขนาดเต็มไม้เต็มมือ หรือผิวกายขาวผุดผ่องและร่องรูเนียนกริบสีชมพู ชายหนุ่มรู้สึกคอแห้งผากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เห็นแล้วอยากดูดเลียร่องรักของดาริณให้สาแก่ใจเอาให้เธอร้องครวญครางเสียงหลงไม่เป็นภาษา แต่ก็ติดตรงที่ตอนนี้อารมณ์มันพลุ่งพล่านเกินกว่าจะมัวมาเสียเวลาทำอย่างอื่น ตอนนี้ขอเอาก่อนละกัน เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยหาโอกาสทำทีหลัง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงบ้วนน้ำลายลงบนฝ่ามือของตัวเอง จากนั้นก็เอาไปถูชโลมบนเอ็นแท่งใหญ่ จ่อปลายเอ็นไว้ตรงปากทางร่องกลีบที่ยังปิดสนิทแล้วถูไถเพิ่มความกระสันเสียวให้เธอ “นายช่วยอ่อนโยนกับฉันหน่อยนะ” ทำเป็นมาร้องขอความอ่อนโยนทั้งที่เธอมันกร้านโลกซะขนาดนี้ เจ้าขุนแค่นหัวเราะอย่างนึกดูถูกในตัวหญิงสาว อ่อนโยนบ้าบออะไรเขาไม่เคยอ่อนโยนกับใคร นอกจากไม่ตอบเจ้าขุนยังส่งลำเอ็นเข้าไปในร่องรักทันที เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเขาประนีประนอมกันหรอก ไม่อย่างนั้
‘ข่าววงในเขาลือกันว่าลูกสาวคนสวยของท่านรัฐมนตรีคนดังตอนนี้กำลังกุ๊กกิ๊กอยู่กับหนุ่มนักศึกษาคณะที่มีเกียร์ห้อยคอ บอกเลยว่าหนุ่มหล่อคนนี้ดีกรีไม่ธรรมดา เป็นถึงลูกชายของเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของประเทศ เห็นโปรไฟล์แล้วรับรองว่าท่านรัฐมนตรียอมไฟเขียวให้แน่นอน แถมแหล่งข่าวยังบอกอีกด้วยว่าหลังเรียนจบทั้งคู่เตรียมบินลัดฟ้าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศด้วยกัน เห็นแล้วมันหนึบหนับหัวใจเสียจริง นี่แหละนะที่เขาเรียกว่าคู่สร้างคู่สมของแท้’ จู่ ๆ ก็มีข่าวการคบหาดูใจกันระหว่างคนสองคนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ด้านหนึ่งคือ ‘ดาริกา อนันต์เดโช’ หรือ ‘ดาริณ’ ลูกสาวคนสวยของท่านรัฐมนตรีคนดังผู้ซึ่งกุมอำนาจหลายฝ่ายในรัฐบาล อีกด้านคือ ‘อนาวัฒน์ เตมรไพศาล’ หรือ ‘ทิวเขา’ ทายาทเพียงคนเดียวของอาณาจักรธาดากรุปกลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งคู่เหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยกทั้งที่แท้จริงแล้ว ทั้งคู่เป็นเพียงเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเท่านั้น อีกอย่างทางฝ่ายชายก็มีคนรักอยู่แล้วด้วย แต่ไม่รู้ทำไมข่าวโค







