แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: ซุปเม็ดบัวน้ำตาลกรวด
ค่ำคืนมืดมิดราวกับถูกราดด้วยน้ำหมึกโบราณนับหมื่นปี ไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างเพียงน้อยนิด ในป่าทึบ อาชาวิเศษพันลี้สีดำสนิทกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดกำลังควบไปอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า แต่กีบเท้าทั้งสี่ที่ห้อตะบึงลงบนพื้นกลับไม่มีเสียงแม้แต่น้อย

บนหลังอาชาวิเศษ ชายผู้หนึ่งอุ้มเด็กหนุ่มร่างบอบบางที่หันหลังให้เส้นทางด้านหน้าไว้ในอ้อมแขน กำลังตั้งใจเร่งเดินทางอย่างสุดความสามารถ

อาชาวิเศษวิ่งด้วยฝีเท้ามั่นคงยิ่ง แต่เพราะใช้ความเร็วมากเกินไป สุดท้ายก็ยังคงมีความรู้สึกโคลงเคลงอยู่บ้าง

เยว่เจี้ยนเวยลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย รู้สึกมึนงงในศีรษะปะปนกับความเจ็บแปลบ ทั้งร่างอ่อนแรง ภาพเหตุการณ์มากมายแวบผ่านไป ชั่วขณะนั้นเขาถึงกับแยกไม่ออกว่าเวลานี้คือเมื่อใด

ภาพสุดท้ายในความทรงจำของเขา ยังคงเป็นเหตุการณ์ที่ถูกสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ฟาดจนวิญญาณแตกสลาย คงไม่อาจไปเกิดใหม่ชั่วนิรันดร์ แต่ในใจเขากลับไม่เสียใจแม้แต่น้อย ซ้ำยังสะใจอย่างยิ่ง รู้สึกแม้กระทั่งภาคภูมิใจ—

ในที่สุดเขาก็แก้แค้นให้โม่ชางหลานได้สำเร็จ

“นายน้อยตื่นแล้วสินะ หลับไปตั้งสองวัน หากยังไม่ตื่นอีก ข้าคงต้องเรียกท่านว่าหมูน้อยแล้ว” เสียงอ่อนโยนแฝงแววหยอกล้อดังมาจากเหนือศีรษะ

เยว่เจี้ยนเวยได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ก็พลันสะดุ้งตาสว่าง จึงเงยหน้าขึ้น

เขาถึงกับเห็นใบหน้าที่ไม่ได้พบมาตลอดสองพันปี

เยว่เจี้ยนเวย “...”

นี่นับเป็นการพบกันของดวงวิญญาณหรือ?

เยว่สือเห็นดวงตาที่สับสนแต่งดงามของเยว่เจี้ยนเวย ก็ยกมือขึ้นอย่างอ่อนโยน กดที่ท้ายทอยของเยว่เจี้ยนเวย ให้ใบหน้าเขากลับลงมาซบอกตนเองอีกครั้ง

เยว่สือกล่าวว่า “ที่นี่ลมแรง ร่างกายนายน้อยไม่แข็งแรง อย่าให้ลมปะทะศีรษะเลย”

เยว่เจี้ยนเวยรู้สึกถึงความอบอุ่นและเสียงหัวใจเต้นจากอกของเยว่สือ เขาพลันขบกรามแน่น—

นี่เขากำลังฝันอยู่หรือ?

เมื่อคนเราตายไปแล้ว จะบังเกิดฝันดีให้ทุกอย่างกลับไปเริ่มต้นใหม่งั้นหรือ?

ชายผู้นี้ที่เรียกเขาว่า “นายน้อย” แล้วยังเรียกเขาว่า “หมูน้อย” ก็คือองครักษ์ลับที่พาเขาหนีภัย แต่เยว่เจี้ยนเวยจำได้อย่างชัดเจนว่า ก่อนจะออกจากป่าแห่งนี้ เยว่สือได้ตายไปเพื่อปกป้องเขา ก่อนตาย เยว่สือยังกลืนผงสลายศพ ระเบิดแกนพลังวิญญาณ ลากสองมือสังหารนั้นตกตายไปพร้อมกัน พลางตะโกนให้เขารีบหนีไป...

“เยว่สือ?” เยว่เจี้ยนเวยเอ่ยปากเรียกหนึ่งครั้ง ได้ยินเสียงของตนเองที่ยังคงแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง นี่ชัดเจนว่าเป็นเสียงของเด็กหนุ่ม เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อยขณะสอบถาม “ข้าเป็นอะไรไป?”

“สองวันก่อนตอนเราเข้าไปในหุบเขากงจักร นายน้อยได้รับพิษจากม่านหมอกในนั้น จึงหมดสติไปสองวันเต็มกว่าจะฟื้นขอรับ” เยว่สือใช้มือข้างหนึ่งกอดเยว่เจี้ยนเวยที่ซบอยู่ในอ้อมอกให้แน่นขึ้นและกล่าว “ความจริงควรหาที่ให้นายน้อยได้พักผ่อน แต่เส้นทางไม่ปลอดภัย ข้าจึงต้องเร่งเดินทางต่อไป”

ทั้งร่างของเยว่เจี้ยนเวยสั่นเทิ้มไม่หยุด ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความตื่นเต้นดีใจ

หุบเขากงจักร ป่าม่านหมอก พิษร้าย เยว่สือ

ทั้งหมดตรงกัน

เขาหนีภัยภายใต้การคุ้มกันของเยว่สือมาตลอดทาง สถานที่สุดท้ายที่เจอการไล่ล่าสังหาร ก็คือในผืนป่าชายขอบหุบเขากงจักรแห่งนี้เอง

บัดนี้ เขาย้อนเวลากลับมาตอนที่ตนเองอายุสิบสี่ปี!

นี่นับเป็นฟ้าเมตตา เห็นว่าชาติก่อนเขาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานเกินไป หลังเสียชีวิตจึงให้โอกาสเกิดใหม่กระนั้นหรือ?!

เยว่สือรู้สึกว่าคนในอ้อมอกกำลังตัวสั่น จึงลดความเร็วของอาชาวิเศษพันลี้ลง ถามว่า “นายน้อยรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือ? ข้าป้อนยาถอนพิษไปแล้วหนึ่งเม็ด ไม่ทราบว่าได้ผลหรือไม่...”

“ข้าไม่เป็นไร” เยว่เจี้ยนเวยกอดเอวของเยว่สือแน่น ขอบตาร้อนผ่าวอย่างสุดจะกลั้น สูดหายใจลึกแล้วพูดต่อ “ท่านคงกำลังจะตาย”

เยว่สือ “....”

เยว่สือตกตะลึง จากนั้นจึงหัวเราะกล่าวว่า “ข้ายังมีชีวิตอยู่ดี ๆ นายน้อยอย่าได้สาปแช่งข้าเลย”

“ไม่ใช่ ท่านอย่าคิดหลอกข้า”

นิ้วของเยว่เจี้ยนเวยพลันกดลงที่เอวด้านซ้ายของเยว่สือทีหนึ่ง ได้ยินเพียงเยว่สือสูดลมหายใจเฮือก เยว่เจี้ยนเวยเงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่แฝงความเจ็บปวดนั้น แล้วกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ในป่าม่านหมอก หลังข้าหมดสติ ผู้ไล่ล่าก็พบร่องรอยของเรา ท่านต่อสู้กับพวกเขา แม้จะหนีรอดมาได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส”

เยว่เจี้ยนเวยขบริมฝีปากล่างสีแดงเรื่อของตน กล่าวเสียงสะอื้น “ท่านไม่บอก ตั้งใจรอให้ข้าค้นพบเองหรือ?”

เยว่สือพูดด้วยความตกตะลึงว่า “นายน้อยรู้ได้อย่างไร?”

คงไม่ใช่แกล้งหมดสติมาตลอดหรอกนะ?

เยว่เจี้ยนเวยมีสีหน้าหม่นหมองลง ค้นหาในกำไลสรรพภพที่อยู่บนข้อมือ หยิบขวดสีหยกเขียวออกมา แล้วเทยาลูกกลอนที่ใสแจ๋วทั้งเม็ดราวกับผลึกแก้วออกมาเม็ดหนึ่ง

“ใช้ไม่ได้” เยว่สือเข้าใจความหมายของเยว่เจี้ยนเวย จึงรีบปฏิเสธ พลางควบขี่อาชาวิเศษพันลี้ให้วิ่งเร็วขึ้น พร้อมกล่าวว่า “โอสถดวงใจน้ำแข็งนี่เป็นยาสำหรับช่วยชีวิต เหตุใดนายน้อยถึงได้สุรุ่ยสุร่ายนัก ข้าแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น”

เยว่เจี้ยนเวยคิดในใจว่า หากท่านไม่กินยาวิเศษสำหรับรักษาและช่วยชีวิตนี้ เกรงว่าอีกไม่นานเมื่อพบเจอมือสังหารสองคนนั้น ท่านคงต้องตายแน่

“ไม่ว่าจะบาดเจ็บเล็กหรือใหญ่ ท่านก็เป็นองครักษ์คนเดียวที่ข้ามียามนี้” เยว่เจี้ยนเวยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อีกฝ่ายไม่อาจโต้แย้ง เขาพยายามยัดเม็ดยาที่หายากยิ่งนี้เข้าปากเยว่สือพลางกล่าว “หากท่านตายไป ต่อไปข้าก็ต้องระหกระเหิน เป็นคนน่าสงสารที่ถูกรังแกสารพัด ยังต้องแย่งอาหารสุนัข คุกเข่าขอทาน—ไม่ได้ ท่านต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”

เยว่สือคิดในใจว่า ไม่รู้นายน้อยไปรับฟังนิทานหลอกเด็กเกี่ยวกับขอทานน้อยน่าสงสารมาจากที่ใด ถึงกับเริ่มจินตนาการไปไกลแล้ว

เขาเพิ่งจะอ้าปาก สายฟ้าก็พลันฟาดเปรี้ยงลงมาจากท้องฟ้า ทำลายต้นไม้ใหญ่ขนาดหลายคนโอบที่อยู่ข้างกายให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

แสงเย็นเยียบวาบขึ้น กลิ่นอายอันตรายถาโถมเข้าใส่

ม่านตาของเยว่สือหดเล็กลงทันที เขากัดฟัน งับยาที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วเรียวสองนิ้วตรงริมฝีปากเข้าไปในคำเดียว พร้อมกับอุ้มเยว่เจี้ยนเวยกระโดดลงจากหลังอาชาวิเศษราวกับหุ่นกระบอกที่ถูกชักให้ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็ถอยออกไปได้ห้าลี้

เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่ว อาชาวิเศษไม่ทันได้ร้อง ก็ถูกลำแสงกระบี่ฟันกลางลำตัวแยกออกเป็นสองซีก

สายฟ้าอีกสายฟาดลงมาเสียงดังสนั่น พื้นดินถูกระเบิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่

ซ้ายหนึ่งขวาหนึ่ง ชายชุดดำคลุมหน้าร่างสูงใหญ่สองคน ปรากฏตัวต่อหน้าเยว่เจี้ยนเวยและเยว่สือราวกับเป็นภูตผี

ในสองคนนั้น คนหนึ่งถือดาบโค้งกว้างเปื้อนหยดเลือดในมือ อีกมือหนึ่งกลับเป็นตะขอเหล็กที่เปล่งประกายเย็นวาบ อีกคนหนึ่งอุ้มเครื่องดนตรีรูปร่างคล้ายพิณในอ้อมอก ดีดเพียงสองครั้ง ก็ส่งเสียงแสบหูราวกับเป็นเสียงร่ำไห้ของวิญญาณคนตาย

เยว่เจี้ยนเวยกอดคอเยว่สือ เหลือบมองมือสังหารสองคนที่จะทำให้เยว่สือเสียชีวิตลงในสถานที่แห่งนี้ ดวงตาพลันทอประกายเย็นยะเยือกชัดเจน

ชายสองคนนี้เขาย่อมเคยได้ยินชื่อ คนหนึ่งมีนามว่าปีศาจเฒ่าดาบมังกร อีกคนชื่อพิณยมทูต ทั้งคู่มีชื่อติดอยู่ในร้อยอันดับมือสังหารของทวีปเซียนจื่อเจ๋อมาหลายปี ระดับพลังของเยว่สือรับมือได้เพียงคนเดียว หากต้องเผชิญหน้าทั้งสองคนในคราวเดียวกัน ย่อมต้องตายแน่นอน

แต่นั่นคือชาติก่อน

ชาตินี้ เขาเยว่เจี้ยนเวยจะต้องปกป้องเยว่สือให้ปลอดภัย อีกทั้งจะให้สองคนนี้ชดใช้ด้วยเลือด

เยว่เจี้ยนเวยกำมือที่พาดอยู่บนไหล่ของเยว่สือแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารวาวโรจน์ ในใจกำลังคำนวณว่าจะเอาชีวิตสองคนนี้อย่างไรดี

“ท่านทั้งสองจำเป็นต้องรังแกเด็กคนหนึ่งด้วยหรือ?” เยว่สือถอนหายใจ หาทางถ่วงเวลา พร้อมกับแตะหลังของเยว่เจี้ยนเวยหลายครั้ง สัญญาณลับนี้มีความหมายให้เขารีบหนีไปขณะกล่าว “อย่างไรเขาก็เป็นบุตรแห่งตระกูลสายเลือดกิเลน วันนี้หากพวกท่านทำร้ายเขา วันหน้าหากตระกูลสายเลือดกิเลนเปลี่ยนใจ ท่านทั้งสองคงหนีความรับผิดชอบไม่ได้”

ยมทูตที่อุ้มพิณตนนั้นราวกับได้ยินเรื่องตลก หัวเราะฮ่า ๆ กล่าวว่า “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเหตุใดตระกูลสายเลือดกิเลนถึงไล่ล่าเขา แต่เมื่อรับเงินมาแล้วก็ต้องทำงานตามคำสั่ง ทางเบื้องบนมีคำสั่งให้คุมตัวเด็กคนนี้ไปส่งให้ตระกูลสายเลือดกิเลน ถ้าสำเร็จก็จะได้รับเมืองหนึ่งเมืองกับผลึกวิญญาณหนึ่งแสนก้อน แล้วผู้ใดจะสนกันว่าวันหน้าเป็นอย่างไร?”

มีเงินย่อมจ้างผีโม่แป้งได้ ยิ่งเป็นผลึกวิญญาณหนึ่งแสนก้อน นี่เป็นจำนวนที่เพียงพอให้คนหนึ่งคนบรรลุขอบเขตจักรพรรดิได้ทันที หากสองคนนี้ใจเต้นแรง ก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา

พูดจบ พิณยมทูตก็ใช้นิ้วทั้งห้ากรีดลงไปบนสายพิณด้วยความว่องไว เสียงโหยหวนของวิญญาณดังมาเป็นระลอก คลื่นพลังคมกริบที่พุ่งออกมาจากสายพิณราวกับปีศาจเต้นระบำ แม้เยว่สือจะหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่คลื่นเสียงนั้นก็ยังกรีดแทงให้เยว่เจี้ยนเวยแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมาคำใหญ่

ปีศาจเฒ่าดาบมังกรถือดาบโค้งพุ่งเข้ามาประชิดตัว การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียว ไม่ว่าไปถึงพื้นที่ใด ทรายจะฟุ้งหินจะกระเด็น ต้นไม้มากมายล้มระเนระนาด มือข้างหนึ่งถือดาบโค้งฟาดฟันไม่มีช่องโหว่ ชั่วพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าเยว่สือแล้ว

เยว่สือผลักเยว่เจี้ยนเวยไปไว้ด้านหลัง ร่างของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วดังสายลม บิดตัวเป็นเส้นโค้งหลบคมดาบคล้ายงูวิเศษ ก่อนพลิกมือกระแทกฝ่ามือไปที่หัวใจของคู่ต่อสู้

“ชิ้ง—”

เสียงพิณดังขึ้นอีกครั้ง ร่างของเยว่สือชะงักงันเพียงเล็กน้อย คนที่กำลังสู้อยู่ด้วยพลันหลบฝ่ามือเขาได้ ก่อนอีกฝ่ายจะพลิกมือใช้ตะขอสับไปที่ลำคอของเยว่สือ

ในมือของเยว่สือพลันมีพัดสีดำเพิ่มมาด้ามหนึ่ง ยกขึ้นป้องกันตรงหน้ารับการปะทะจากตะขอนั้น เสียงกังวานดังติงตัง ชั่วพริบตาก็ผ่านไปร้อยกระบวนท่า ภูเขาหินต้นไม้รอบข้างมีอันต้องกลายเป็นเถ้าถ่านภายในร้อยกระบวนท่านี้

“ท่านเซียนหลานกับพัดวายุของท่าน ช่างไร้ผู้เทียบทั่วหล้าจริง ๆ แต่ว่า—” ปีศาจเฒ่าดาบมังกรยกมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ ดาบโค้งในมือแยกออกจากกันกลายเป็นหลายร้อยเล่ม ถึงกับพุ่งไปยังเยว่เจี้ยนเวยที่เยว่สือกำลังปกป้องอยู่ด้านหลังเป็นจุดเดียวกัน

“เมื่อเทียบกับข้า เจ้ายังอ่อนด้อยนัก!”

“แย่แล้ว!”

ม่านตาของเยว่สือหดเล็กลง ส่งพัดลอยออกไป ก่อพายุรุนแรงขึ้นจากระยะไกล กวาดเอาดินและหินละเอียดบนพื้นขึ้นมา ผสานกับความเกรี้ยวกราดไร้ขีดจำกัด พุ่งเข้าใส่ดาบโค้งหลายร้อยเล่มนั้นอย่างรวดเร็ว พายุคำรามกึกก้องกลืนกินดาบโค้งเข้าไปทีละเล่ม บดขยี้ภาพลวงให้แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ดาบโค้งเล่มจริงพลันกลับคืนมาอยู่ในมือของปีศาจเฒ่าดาบมังกร

แต่เวลานี้เยว่สือมีเหงื่อเย็นเยียบผุดซึมขึ้นมาแล้ว

พิณยมทูตเมื่อครู่ยังยืนอยู่ตรงนั้น แต่ในชั่วขณะถัดมา กลับมายืนอยู่ด้านหลังเยว่เจี้ยนเวย ใช้มือบีบลำคอบอบบางของเด็กหนุ่ม เล็บแหลมคมได้ทิ้งรอยเลือดไว้บนผิวนุ่มเนียนของเยว่เจี้ยนเวย

“ช่างต่ำช้าไร้ยางอาย!” ใบหน้าของเยว่สือซีดขาว ในใจรู้สึกสิ้นหวัง

เห็นพิณยมทูตทำสำเร็จ ปีศาจเฒ่าดาบมังกรก็หัวเราะร่า ทะยานร่างมาข้างกายเยว่เจี้ยนเวย ก่อนคว้าตัวไว้ใช้ดาบโค้งพาดไปที่ลำคอของเขา ยังไม่ทันออกแรง ก็มีรอยเลือดไหลซึมเป็นทางแล้ว

ดวงตาดั่งแก้วใสของเยว่เจี้ยนเวยพลันวาบขึ้นด้วยประกายอำมหิต
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 84

    อย่างไรก็ตาม หลังถูกเยว่เจี้ยนเวยแทรกเช่นนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็มัวแต่โกรธจนไม่อยากร้องไห้ต่อแล้วเยว่เจี้ยนเวยและโม่อวิ๋นเจ๋อจึงอยู่ในศาลบรรพบุรุษอย่างเงียบงัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบเป็นเวลาหลายชั่วยามจากนั้น เยว่เจี้ยนเวยก็ทนไม่ไหว กล่าวว่า “ไหนเจ้าบอกมาสิ เหตุใดจึงต้องคอยหาเรื่องข้าด้วย มันก็แค่เตาปรุงยาเก่า ๆ ที่ไม่มีใครใช้แล้ว ขอยืมสักหน่อยจะเป็นไรไป? ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเจ้า ทำไมต้องมาทำให้ข้าตกใจด้วย เวลานี้ดีแล้ว พวกเราต่างถูกลงโทษด้วยกันทั้งคู่ เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?”โม่อวิ๋นเจ๋อถ่มน้ำลาย “ถุย” ทีหนึ่ง พลางกลอกตากล่าวว่า “ข้าย่อมยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นเจ้าสมความปรารถนา”เยว่เจี้ยนเวยจึงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์เขาหัวเราะจนโม่อวิ๋นเจ๋อขนลุกซู่ ซ้ำยังขยับเข้าไปใกล้โม่อวิ๋นเจ๋อมากขึ้นอีกหลังจากนั้น โม่อวิ๋นเจ๋อก็เห็นว่า เยว่เจี้ยนเวยค่อย ๆ หยิบเตาปรุงยาอีกใบหนึ่งออกมาจากกำไลสรรพภพของตนเอง“ข้าลืมบอกท่านไป ข้าขโมยเตาปรุงยามาสองใบ ถูกยึดไปหนึ่งใบ ก็ยังเหลืออีกหนึ่งใบ ฮ่าๆๆๆๆๆ!”โม่อวิ๋นเจ๋อ “...”ย๊ากกกกกก!โม่อวิ๋นเจ๋อแทบคลั่ง ตนเองเพิ่งหยุดร้องไห้ได้

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 83

    โม่ชางหลานเลิกคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “พลังวิญญาณของเขา แข็งแกร่งถึงระดับนั้นเชียวหรือ?”ผู้อาวุโสซางตอบ “เป็นไปได้สูง แต่ยังต้องสังเกตการณ์ต่อไปสักระยะ คุณชายใหญ่ หากพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้จริง อีกทั้งยังเป็นพลังวิญญาณสองธาตุทั้งไฟและไม้ นั่นก็หมายความว่าเขาคือยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งนัก”ต้องรู้ไว้ว่า แม้แต่ระดับตบะของผู้อาวุโสซางเซวียนปัจจุบัน ก็ไม่สามารถทำให้ศิลาทดสอบพลังระเบิดได้เลยโม่ชางหลานนึกถึงภาพที่เยว่เจี้ยนเวยถือยาวิเศษลงจากเขาไปขาย ก็รู้อยู่แล้วว่าเยว่เจี้ยนเวยต้องมีความลับบางอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขั้นน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้โม่ชางหลานครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เรื่องนี้รบกวนผู้อาวุโสซางอย่าเพิ่งเปิดเผยต่อผู้ใด”ผู้อาวุโสซางพยักหน้า กล่าวว่า “เข้าใจแล้วขอรับ”ยามนี้ ศาสตร์การหลอมโอสถทั่วทั้งทวีปชางหมางมีแต่เสื่อมถอย หากปรากฏอัจฉริยะผู้มีพลังวิญญาณด้านการปรุงยาขึ้นที่ใด ก็จะดึงดูดสายตาผู้คนให้แอบจับตามองนับไม่ถ้วนในอดีตเคยมีปรมาจารย์นักปรุงยาอัจฉริยะผู้โด่งดังเพียงชั่วครู่ ถูกผู้อื่นแอบขโมยพลังวิญญาณด้านก

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 82

    โม่อวิ๋นเจ๋อเบิกตากว้างทันที ร้องเสียงหลงว่า “ไม่ได้นะพี่ใหญ่ เตาปรุงยาพวกนั้น คงทำให้ข้าไม่มีเบี้ยเลี้ยงไปอีกเป็นสิบปีเลยนะ!”โม่ชางหลานกล่าว “สิบปีไหนเลยจะพอ ต้องร้อยปีถึงจะครบถ้วนต่างหาก”โม่อวิ๋นเจ๋อพลันชะงักกึกเยว่เจี้ยนเวยหัวเราะร่าอยู่ในใจ พลางคิดว่าเหตุใดไม่ทำตัวโอหังแล้วล่ะ? ให้ตายเถอะ คิดจะถอดเสื้อผ้าข้าใช่หรือไม่ คิดจะเปิดโปงข้าใช่หรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พี่ชางหลานของข้าช่างเด็ดขาดและยุติธรรมโดยแท้!ใบหน้าของโม่อวิ๋นเจ๋อแทบจะร้องไห้ออกมา แต่เขาคิดว่าถ้าตนเองร้องไห้ตอนนี้ นอกจากพี่ใหญ่จะไม่สนใจความรู้สึกแล้วคงต้องดุด่าเขาอีกชุดใหญ่เป็นแน่ จึงอดทนอดกลั้นเอาไว้ขณะที่เยว่เจี้ยนเวยกำลังแสร้งทำตัวน่าสงสารอย่างสุดความสามารถ ก็ได้ยินโม่ชางหลานกล่าวว่า “เยว่เจี้ยนเวย เหตุการณ์วันนี้ เจ้าก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน”เยว่เจี้ยนเวยเงยหน้าขึ้น ตอบรับอย่างว่าง่าย “พี่ชางหลาน ข้ารู้ตัวแล้วว่าทำผิด ข้าไม่ควรขโมยของ รอให้ข้าหาเงินได้ในภายหลัง ย่อมชดใช้ให้แก่ผู้อาวุโสซางแน่นอน และต่อไปก็จะไม่ทะเลาะกับพี่อวิ๋นเจ๋ออีกแล้วขอรับ”โม่อวิ๋นเจ๋อเกร็งคอตะเบ็งเสียงว่า “ผู้ใดเป็นพี่เจ้ากัน? เจ้าอย่

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 81

    เยว่เจี้ยนเวยรีบกระชับอาภรณ์ของตน พร้อมกับร้องตะโกนว่า “มีคนลวนลาม! ช่วยด้วย คุณชายรองตระกูลโม่รังแกเด็กหนุ่มบริสุทธิ์แล้ว!”“หุบปากเดี๋ยวนี้! อย่าส่งเสียงโวยวายไปทั่ว!”“ข้าไม่หุบปาก เจ้าช่างไร้ยางอาย กล้าคิดถอดเสื้อผ้าข้ากลางวันแสก ๆ !”“ถ้าเจ้าไม่หุบปาก ข้าจะต่อยเจ้าเดี๋ยวนี้!”“ต่อยเลยสิ ดูว่าผู้ใดต้องเป็นฝ่ายกลัวกันแน่!”“...”..................ครึ่งชั่วยามต่อมา ในเรือนชมธาราเมื่อโม่ชางหลานมองเด็กหนุ่มสองคนที่เสื้อผ้าและทรงผมยุ่งเหยิง กำลังนั่งคุกเข่าแผ่นหลังเหยียดตรงพร้อมเพียงกันอยู่บนพื้น ก็ให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีด้านข้าง ยังมีผู้อาวุโสซางเซวียนที่เพิ่งรับประทานโอสถบำรุงหัวใจไปหลายเม็ดยืนอยู่ด้วย“ข้าแค่ลงไปหยิบของครู่เดียว กลับขึ้นมา ทั้งห้องก็อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงไปหมด พวกเขาทั้งสองคนกอดกันกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น เฮ้อ หัวใจข้าแทบจะระเบิดเสียให้ได้”ผู้อาวุโสซางเซวียนถอนหายใจไม่หยุด รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก กล่าวว่า “เตาปรุงยาที่ข้าสะสมมาด้วยความยากลำบากหลายปี เสียหายไปสี่เตา หนึ่งในนั้นยังเป็นถึงวัตถุเวทมนตร์... ซึ่งก็คือเตาที่ดูสวยงามแต่ใช้งานจริงไม่ได้เตานั้นเอง”โ

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 80

    ผู้อาวุโสซางแปลกใจจนเคราแทบร่วง พร้อมกับกล่าวว่า “เหลวไหล หินก้อนนี้ใช้งานมาหลายร้อยปีไม่เคยมีปัญหาอะไร ข้าว่า เป็นเพราะพลังวิญญาณในร่างกายเจ้ามากไปต่างหากที่ทำให้มันรับไม่ไหวจนระเบิดเช่นนี้”เยว่เจี้ยนเวยรู้สึกว่าเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ ถึงแม้ในตอนที่เขาปรุงยาจะไม่ได้รู้สึกสัมผัสถึงว่าพลังวิญญาณจะมีความมหาศาลอะไร แต่นอกจากเหตุผลนี้ก็ไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้วเยว่เจี้ยนเห็นดังนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “ท่านอาวุโสซาง หรือเป็นไปได้ไหมว่าข้าคืออัจฉริยะด้านการปรุงยาเพียงหนึ่งเดียวในโลก? เอาตรง ๆ ช่วงนี้เวลาข้านอนหลับข้าก็รู้สึกอยู่ว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณอบอวลอยู่ในร่างกายข้าจนแทบจะระเบิด ณ เวลานั้นข้าอยากจะลุกขึ้นมาหยิบเตาปรุงยามาฝึกจนใจจะขาด วันนี้ในเมื่อไม่ใช่ความผิดของก้อนหิน งั้นก็คงเป็นข้าเองที่เก่งกล้าเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”ผู้อาวุโสซาง “…”เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองถึงแม้ว่าผู้อาวุโสซางจะพอเดาพรสวรรค์ของเยว่เจี้ยนเวยได้อยู่ แต่พอได้ยินเจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้ากล่าวโอ้อวดตนอย่างไม่เขินอาย ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกปากอย่างไม่เห็นด้วยก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า

  • การเกิดใหม่ของอสูรผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 79

    ผู้อาวุโสซางเซวียน “...”ไม่เป็นความจริงเลยสักนิด เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา โม่อวิ๋นเจ๋อยังมาหาเขาพร้อมกับสาบานอย่างคับแค้นใจด้วยความโกรธว่าจะหักเงินจากค่าขนมของเยว่เจี้ยนเวยในแต่ละเดือนเพื่อมาชดใช้ค่ายาที่แสนแพงชิ้นนี้และแน่นอน ในเมื่อเยว่เจี้ยนเวยเอ่ยชมเชยโม่อวิ๋นเจ๋อขนาดนี้ ผู้อาวุโสซางจึงเล็งเห็นว่าการปกป้องภาพลักษณ์อันเฉลียวฉลาดและเก่งกล้าสามารถของคุณชายรองนั้นสำคัญกว่า จึงพนักหน้าพร้อมกับกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว คุณชายรองเป็นคนเช่นนี้แหละ เจ้าโชคดีจริง ๆ ”เมื่อผู้อาวุโสซางสอนวิชาเสร็จ จึงเดินมาดูเยว่เจี้ยนเวยและกล่าวขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าตั้งใจจะศึกษาเคล็ดโอสถวิเศษ”เยว่เจี้ยนพยักหน้าพร้อมตอบกลับว่า “ใช่ขอรับ ข้าสนใจเคล็ดโอสถวิเศษอย่างมาก”ผู้อาวุโสซางกล่าวต่อว่า “เคล็ดโอสถวิเศษค่อนข้างน่าเบื่อ ในระหว่างการฝึกฝนต้องใช้ความอดทนอย่างสูง เจ้ายังเด็ก กำลังอยู่ในวัยชอบเล่นสนุก เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถนั่งอยู่เฉย ๆ เป็นเวลาสิบชั่วโมง หรือเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีได้สักเท่าไร?”เยว่เจี้ยนเวยฉีกยิ้มที่ดูนอบน้อมและน่ารัก รอยยิ้มที่กว้างจนเผยให้เห็นลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มของเขา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status