เสี่ยวเหอจับสาวใช้พลิกคว่ำ ใช้ก้อนหินทุบลงไปที่ต้นคออีกหลายครั้ง เลือดไหลนอง จนจื่อรั่วไม่ขยับ จากนั้นนางก็ออกวิ่งไปทิศเหนือสุดแรง วิ่งไปเรื่อยๆ ภาพสาวใช้ที่เลือดออกเต็มหัวก็ยังคงวนเวียนมาให้เห็น
หญิงสาวรู้สึกผิด รู้สึกหวาดกลัวเรื่องที่จะเกิดขึ้นหากนางไม่ตื่นมาเสียก่อน แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดกลับเป็นเรื่องที่ตัวเองใช้ก้อนหินทำร้ายคน นางวิ่งไปด้วยมองมือตัวเองที่เต็มไปด้วยคราบเลือดไปด้วยก็ยิ่งหวาดกลัว
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่กล้าหยุดวิ่ง เพราะรู้ดีว่าพวกคนเลวนั้นไล่ตามมาได้เร็วเพียงใด เสี่ยวเหอวิ่งไปเรื่อยๆ จนเข้าไปในป่า ฟ้าเริ่มมืดสนิท ถึงจะหวาดกลัวมาก แต่นางก็ยังไม่กล้าวิ่งออกนอกเส้นทางที่เป็นทางเดินเล็กๆ หญิงสาวกลัวตัวเองจะหลงทาง
ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ เสี่ยวเหอคล้ายได้ยินเสียงม้าวิ่งตามมา นางพยายามวิ่งให้เร็วขึ้นแต่เหมือนเสียงฝีเท้าม้าวิ่งจะวิ่งได้เร็วมาก ยิ่งเสียงใกล้เข้ามา เรื่องน่าหวาดกลัวก็ยิ่งมีมากขึ้น
ในที่สุดเสี่ยวเหอตัดสินใจว่าตัวเองคงวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว จึงพยายามจะหลบซ่อนข้างทาง สายตามองไปจนทั่ว นางเห็นพุ่มไม้ขึ้นอยู่มากพอสมควร จึงตัดสินใจวิ่งไปหลบอยู่ใต้พุ่มไม้
หลังจากเข้าไปหลบซ่อนแล้วก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งผ่านไป นางเห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนหลังม้าถือคบเพลิงด้วย แต่เพิ่งจะดีใจได้ชั่วอึดใจ ก็ต้องเสียใจอีกเพราะได้ยินเสียงม้าวิ่งวนกลับมา เสียงฝีเท้าม้ายังวิ่งช้าลงด้วย
เสี่ยวเหอเพียงคิดว่าอีกฝ่ายรู้ว่านางหลบซ่อนอยู่ก็รู้สึกกลัวจนหัวใจจะหยุดเต้นตรงนั้น แต่หลังจากที่ม้าวิ่งเข้ามาใกล้บริเวณที่นางซ่อนตัวอยู่ หญิงสาวได้ยินเสียงของชิงถิงเรียกชื่อตัวเอง
“เสี่ยวเหอ..เสี่ยวเหอ”
นางพยายามฟังให้ดี เผื่อว่าตัวเองจะหูฝาดไป
“เสี่ยวเหอ..เสี่ยวเหอ เจ้าอยู่ที่ใด นี่ข้าเอง ชิงถิง..ไม่ต้องกลัว” เสียงของชิงถิงชัดเจน
ในที่สุดเสี่ยวเหอก็มั่นใจว่าเป็นเขา พยายามยืนขึ้นให้ชิงถิงเห็น ทันทีที่ชายหนุ่มเห็นนาง เขาดีใจมาก พร้อมสายตาที่เป็นห่วงด้วยใจจริง เขารีบลงจากหลังม้า เดินมาหานางใกล้ๆ
“เจ้าไม่เป็นไรนะ”
เขายังไม่ทันเดินไปถึงตัวนาง เสี่ยวเหอก็วิ่งเข้าไปกอดเขาเสียก่อน หญิงสาวตัวสั่น น้ำตาคลอเบ้าด้วยความกลัว
‘ใช่..แน่นอนว่าข้าต้องได้พบเขา เมื่อตื่นขึ้นในวันใหม่’ ถึงนางจะแน่ใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงดีใจจนทำตัวไม่ถูก
ชิงถิงยกแขนค้างชะงักตกใจ เขานึกไม่ถึงว่านางจะวิ่งเข้ามากอดตัวเองเช่นนี้ ผ่านไปสักครู่กว่าชายหนุ่มจะรู้สึกตัวได้ว่าเสี่ยวเหอตัวสั่นกลัวอยู่ เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวนางเพื่อปลอบโยน ทั้งกอดและจูบหน้าผากแผ่วเบา[1]
“ข้าอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว”
ชายหนุ่มประคองใบหน้าหญิงสาวให้เงยขึ้น เขาเช็ดน้ำตาให้นางด้วยความอ่อนโยน ก้มลงไปจุมพิตอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบโยนเสี่ยวเหอที่กำลังกลัวจนตัวสั่นเทา
“มาเถิด ข้าจะพาเจ้ากลับ” เขาบอก
ชิงถิงใช้เสื้อของเขาเช็ดคราบเลือดที่มือของเสี่ยวเหอ ก่อนจะจับยกนางขึ้นม้า เขาขึ้นควบม้า โอบกอดนางไว้และวนกลับไปเส้นทางเดิม
“เจ้าจะไปที่ใด!” เสี่ยวเหอถามอย่างตระหนกตกใจ
“ข้าจะไปส่งเจ้าที่สำนักศึกษาหญิง”
“ข้าเรียนที่สำนักศึกษาหญิงหรือ!” เสี่ยวเหอทั้งตกใจและไม่เข้าใจ
“เจ้าถูกท่านแม่ของเจ้าส่งมาเรียนที่สำนักศึกษาหญิง เรียนรู้เรื่องมารยาทและศาสตร์ต่างๆ หลังจากอายุครบสิบเก้าปี เพื่อหวังจะให้แต่งงานกับพวกขุนนาง” ชิงถิงพูดเสียงแข็งกระด้าง เต็มไปด้วยความน้อยใจ
“เจ้าว่าอะไรนะ!!” เสี่ยวเหอตกใจ
“โชคดีที่วันนี้ข้าตั้งใจจะมาในตัวอำเภอ ระหว่างทางกลับข้าพบสาวใช้ของเจ้านอนหมดสติจมกองเลือดอยู่ ข้าจำได้ว่าสาวใช้คนนั้นเป็นคนที่ทางบ้านเจ้าส่งมารับใช้ระหว่างที่เจ้าเรียนในสำนักศึกษาหญิง
ข้าไม่สบายใจ เห็นว่ารอยเท้าวิ่งมาทางนี้ จึงคิดว่าเป็นเจ้าและตามมา เมื่อครู่ข้าเห็นว่ารอยเท้าหายไปตรงนี้ จึงคิดว่าเจ้าอาจซ่อนอยู่ก็ได้” เสียงที่แข็งกระด้างเมื่อครู่เริ่มอ่อนลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความกลัวและความเป็นห่วง
ที่จริงแล้วเขาสั่งคนให้เฝ้าดูนางอยู่ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ให้รีบไปแจ้งเขา พอดีคนเฝ้าเห็นว่ารถเทียมวัวของนางเสียหายเล็กน้อยที่ล้อข้างหนึ่ง ทั้งยังออกมานอกสำนักศึกษาตอนยามเซิน[2]
คนเฝ้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องก็เลยรีบส่งนกพิราบไปแจ้งกับเขา ชิงถิงรีบมาโดยไม่ได้ขอกองทัพ ทั้งยังแอบเอาม้าออกมาด้วย ตอนที่เขาพบจื่อรั่วนอนจมกองเลือด เขาหวาดกลัวมากว่านางจะเป็นอะไรไป แต่เขาจะไม่มีวันบอกเรื่องพวกนี้แก่นาง
“ข้า..ข้าอยากกลับบ้าน” เสี่ยวเหอพูดเสียงสั่น นางไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองในโลกนี้จะได้มาศึกษาไกลถึงตัวเมืองในอำเภอ
แม้ใจเขาจะยังโกรธนาง[3]อยู่ แต่ก็เป็นห่วงและสงสารหญิงสาวมากกว่า นางคงกลัวมาก เขาก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไร ได้แต่ลูบหลังมือนางเบาๆ ก่อนจะหันม้ากลับไปทางกลับบ้านของเสี่ยวเหอแทน
หญิงสาวรู้ดีว่าอาการลูบมือนี้ของเขาเป็นการปลอบโยน ถึงแม้จะยังหวาดกลัวอยู่แต่ก็วางใจลงมาก นางเริ่มเล่าเรื่องที่สาวใช้ขายตัวเองให้เขาฟัง ชิงถิงโกรธมาก
“ข้าจะกลับไปฆ่านาง!!”
“ไม่..ข้า..จะกลับบ้าน”
เสี่ยวเหอไม่อยากกลับไปที่นั่นแล้ว นางกลัวพวกพ่อค้าวาณิชมาตามหา กลัวว่าเขาจะสู้คนมากไม่ได้และถูกแทงอีกครั้ง
“หรือไปที่ใดก็ได้..กับเจ้า” นางเอ่ยปากขอร้องโดยไม่ได้คิด รู้เพียงไม่อยากกลับไปที่สำนักศึกษาหญิงแล้ว
“..!!” ท่าทางของเขาเห็นชัดว่าลำบากใจ
เสี่ยวเหอจึงคิดว่าเขาและนางในตอนนี้ ยังไม่ได้แต่งงานกัน และคล้ายว่าชิงถิงจะโกรธที่ท่านแม่ของนางตั้งใจจะส่งนางไปแต่งงานกับพวกขุนนางด้วย เขายังไม่ได้ขอนางแต่งงานแม้จะอายุสิบเก้าแล้ว เสี่ยวเหอเองก็เริ่มกังวลว่าอาจเกิดอะไรขึ้น เขาคล้ายจะลำบากใจที่ต้องอยู่กับนางลำพังสองคน
“เอ่อ..พาข้ากลับบ้านก็ได้” นางไม่ต้องการให้เขาลำบากใจจึงพูดไปเช่นนั้น ทั้งที่ในใจกำลังหวาดกลัวว่าที่โลกนี้ นางอาจไม่ได้ลงเอยกับเขา
ที่จริงแล้ว ในใจของชิงถิงกลัวว่าหากได้อยู่ลำพังสองคน ตัวเขาอาจจะควบคุมความต้องการของเขาไม่ได้ และเผลอจับนางกินทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน ทำให้นางเสียใจอีก แต่เสี่ยวเหอกลับไม่เข้าใจ
ชายหนุ่มหญิงสาวต่างมีเรื่องลำบากใจระหว่างทางกลับบ้าน
[1] อ่านไปเรื่อยๆ จะเริ่มเข้าใจว่าทำไมพระเอกถึงกล้ากอด จูบนางเอกตอนนี้ ทั้งที่ยังไม่แต่งงานนะคะ ส่วนนางเอกตกใจมากจนไม่ทันคิด เคยกระทั่งเข้าหอกับพระเอกมาแล้ว เรื่องพวกนี้จึงปกติมากค่ะ
[2] ยามเซิน คือ เวลา 15.00-16.59 นาฬิกา
[3] อ่านไปเรื่อยๆ จะเข้าใจว่าทำไมพระเอกถึงโกรธค่ะ
“เรื่องคืนนี้อย่าให้ท่านพ่อเจ้ารู้เลย เดี๋ยวแม่จะค่อยๆ เกลี้ยกล่อมเขาให้ เจ้าอย่าร้อนใจไป อย่างไรแม่ก็ไม่บังคับเจ้าให้แต่งกับคนที่เจ้าไม่พึงใจ” แม่เลี้ยงบอกเสียงอ่อนโยน“ท่านแม่..” เสี่ยวเหอรู้ดีว่าในใจแม่เลี้ยงไม่ได้รักตัวเองขนาดนั้น แต่แม่เลี้ยงก็เป็นแม่ที่มีเมตตาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นแม่เลี้ยงของคนอื่นๆ นางร้องไห้วิ่งไปกอดท่านแม่ที่กำลังจะออกจากห้อง“ขอบคุณท่านมาก..ท่านแม่ ขอบคุณที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ..ชิงชิง..คือ..ต้าจื่อจะหาทางออกเรื่องนี้เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้บ้านข้าต้องน้อยหน้าเสื่อมเสียศักดิ์ศรี ท่านไม่ต้องกังวล” เสี่ยวเหอพูดแม่เลี้ยงเองก็รู้ดีว่าต้าจื่อเป็นเด็กหนุ่มมีความสามารถ แม้บ้านจะยากจนไปสักหน่อย แต่จะต้องเป็นคนที่มีอนาคตไกล จึงปลอบใจเสี่ยวเหอ“ไม่ต้องคิดมาก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ไม่ได้รังเกียจคนยากจน เด็กดีเช่นต้าจื่อทั้งยังเข้ากองทัพตั้งแต่อายุน้อย ท่านพ่อจะต้องเห็นอนาคตที่ดีของเขาและยอมให้เจ้าแต่งงานแน่”แล้วแม่เลี้ยงก็กลับไป คืนนั้นกว่าเสี่ยวเหอจะนอนหลับได้ก็เกือบเช้า ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยกับการกระทำของชิงถิงมากแท้ๆ แต่นางก็มีเรื่องให้ต้องคิดมากเต็มไป
เขาต้องการหาเสื้อตัวที่ดีที่สุดให้เสี่ยวเหอใส่ จึงค้นดูเสื้อผ้าทั้งหมด และเขาก็พบจดหมายน้อยของนางในที่สุด เขาไล่สายตาผ่านตัวอักษรที่เขียนว่าคิดถึง ก่อนจะมองไปทางตัวคนเขียนที่ยังคงนอนสั่นระริก‘ข้ารักนางมาก รักมากเหลือเกิน เสี่ยวเหอของข้า’เขามองคนรักแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะวางจดหมายไว้ที่เดิม เตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวเหอใส่ ตัวเขาลงไปจุดกองไฟข้างล่างห้าง เพราะกลัวว่ายิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว หญิงสาวอาจจะไม่สบายได้เมื่อจุดกองไฟได้แล้ว ชิงถิงก็ไปช่วยเสี่ยวเหอใส่เสื้อผ้า อุ้มนางลงมานั่งผิงไฟด้วยกัน เพียงแต่..เขาไม่ยอมให้นางนั่งพื้น เขาเป็นคนอุ้มนางไว้บนตัก ราวกับนางเป็นเด็กน้อยเสี่ยวเหอไม่ทักท้วงเบียดซุกตัวเองกับอกกว้างของเขาอย่างสบายใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็นห่วงเกินไปของเขา“เจ้าหลับได้เลย ข้าจะดูแลเจ้าเอง หากใกล้เช้า ข้าจะปลุก..หรือเจ้าจะให้ข้าอุ้มไปส่งที่บ้านก็ได้” ชิงชิงของเสี่ยวเหอพูดเบาๆ คล้ายอยากจะเอาใจนาง หลังจากที่กระทำรุนแรงกับนางจนพอใจ น้ำเสียงผ่อนคลายและรักใคร่เสี่ยวเหอเงยหน้าขึ้น มองหน้าเขา เห็นว่าชิงถิงอารมณ์ดีมาก จึงตัดสินใจว่าตอนนี้เขาคงจะยอมรับฟังสิ่งที่นางพูดแล้ว“ข้ามี
แรงขยับของเสี่ยวเหอนั้นไม่อาจทำให้ถึงใจของเขา ชิงชิงจึงใช้มือดึงขา สองข้างของนางมากอดไว้ที่เอวตัวเอง กอดเอวบางอุ้มนางขึ้นไปนั่งบนหีบไม้ที่ใส่เสื้อผ้า“โอ๊ย..” นางรู้ว่าเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว จึงได้แกล้งร้องแผ่วเบาชายบ้าคลั่งรีบกอดนางขึ้นมา นึกว่ามีเสี้ยนตามหีบไม้ที่ยังเอาออกไม่หมด เขาอุ้มนางค้างคาไว้เช่นนั้นไม่ยอมให้แท่งหยกลำใหญ่หลุดออกจากถ้ำดอกไม้ เดินไปหยิบกางเกงที่อยู่ใกล้ที่สุดมาปูบนหีบไม้ เพื่อให้นางนั่งสบายขึ้น และตัวเขาเองจะได้ขยับแรงๆ ได้เท่าที่ใจต้องการเสี่ยวเหอได้แต่อมยิ้มมองความน่ารักของเขา หรือที่แท้แล้ว ชิงถิงรู้จักการรักหยกถนอมบุปผาเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาไม่ชอบเช่นนั้น เมื่อชิงถิงเริ่มขยับสะโพก นางจึงฉวยโอกาสรีบกัดริมฝีปากของเขาเอาไว้“อื้ออ” เขาส่งเสียงครางเสี่ยวเหอพึงพอใจ หากเขาไม่ชอบการรักหยกถนอมบุปผา เสี่ยวเหอก็จะทำตามที่เขาต้องการ นางจึงกัดไปอีกหลายครั้ง“โอ๊ย..ซี๊ด” เขาร้องเสียงสุขสม“ข้ารักเจ้า เจ้าช่วยพูดว่ารักข้าบ้างได้หรือไม่ พูดให้ดังๆ ข้าอยากจะฟัง” หญิงสาวออดอ้อนชิงถิงมองตานาง นัยน์ตาสั่นระริกดีใจ ต่อให้นางจะโกหกหรือไม่ เขาก็ยินดีตกนรกขุมน
ชายหนุ่มซุกหน้าลงไปที่หลังคอ พรมจูบไปทั่วบริเวณนั้น เลื่อนไปกัดที่ปลายหู เสี่ยวเหอรู้สึกยากจะควบคุมเขาได้แล้ว จึงเริ่มด่าเขา“เจ้าคนบ้าคลั่ง” นางด่าเสียงดัง ไม่กลัวใครได้ยิน“หยุดนะชิงชิง ข้า..ข้ากลัว โอ๊ย..ข้าเจ็บ สารเลว เจ้าหยุดสิ..อื้อออ”“เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียว ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป ทำ กับใครทั้งสิ้น” เขาพร่ำพูดแต่คำซ้ำๆเสื้อที่มัดอยู่รอบตัวเสี่ยวเหอ ทำให้นางขยับแขนไม่ได้ อยากจะทุบตีเขาก็ทำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็จับสะโพกของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย และเริ่มสอดใส่เอ็นมังกรเข้าไปในตัวนางทันที“อึก..โอ๊ย..อื้อ” เสี่ยวเหอร้อง เพราะความคับแน่น แม้ว่าจะเจ็บน้อยกว่าครั้งแรกแล้วก็ตามเมื่อชิงถิงผู้บ้าคลั่งได้เริ่มสอดใส่ก็ขยับสะโพกรัว กระแทกกระทั้นรุนแรง จากที่เสี่ยวเหอด่าเขาอยู่ก็เริ่มส่งเสียงไม่เป็นคำ ได้แต่พูดอื้อๆ อาๆชิงถิงหยุดพักหายใจสักครู่ เสี่ยวเหอยังไม่ทันหายใจทั่วท้องก็ถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็ก เขาตัวทั้งใหญ่ทั้งสูง อุ้มนางในท่าแปลกประหลาด ทั้งสองคนหันหน้าไปทางเดียวกันเขาจับสองขาของนางยกและแยกออก เขาไม่ยอมให้มังกรตัวเขื่องหลุดออกจากกลีบดอกไม้ของนาง กระแทกกระทุ้งทั้งที่อุ้มนางอยู
เขารักนางอย่างบ้าคลั่ง ตรรกะเหตุผลคล้ายไม่มีความหมาย ต้องยั่วยุให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ก่อน เมื่อเขาปลดปล่อยจนใจเย็นลง นางจะค่อยๆ พูดค่อยๆ กล่อมเขา แล้วค่อยเล่าความจริงให้เขาฟังจะดีกว่าเมื่อตัดสินใจเช่นนั้น เสี่ยวเหอจึงพยายามผลักเขา แสดงให้เขารับรู้ว่านางไม่ยินยอม แต่เขาก็ไม่ยินยอม ต่างฝ่ายผลักไปผลักมาจนเล็บของเสี่ยวเหอเผลอไปขูดใส่ต้นคอของชิงถิง มีเลือดซึมออกมาเสี่ยวเหอได้กลิ่นเลือดจางๆ นางก็ตกใจอย่างมาก รีบดึงมือกลับและมองนิ้วตัวเองซึ่งมีคราบเลือดของเขาติดมาด้วย หญิงสาวหน้าซีด“ข้า..ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางออดอ้อนแต่เขาไม่สนใจ ชิงถิงจับมือของนางมาเลียตรงรอยเลือด เสร็จแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตนางใหม่อีกครั้ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก เสี่ยวเหอได้แต่พยายามผลักเขาออก“ต้องรีบดูแผล ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางกลัวว่าเขาจะเจ็บแต่เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บที่แผล ในใจของเขาเจ็บปวดมากกว่ารอยข่วนร้อยเท่าพันเท่า ชิงถิงจับมือนางทั้งสองข้างชูขึ้นไปบนหัวและเริ่มกอดจูบนางอีกครั้ง มือหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ราวกับกรงขัง อีกมือคลึงบีบอกอิ่มของนางอย่างต้องการครอบครองชิงถิงจูบปากเสร็จก็เลื่อนลงมาจู
เสี่ยวเหอเองก็โมโหมาก ทันทีที่เขาปล่อยนางลง นางจึงวิ่งหนี แต่เขาก็รีบจับนางกลับมา ผลักนางติดกับต้นไม้กลางห้างและใช้สองแขนขังนางเอาไว้ เขากักนางเอาไว้เพียงหลวมๆ กลัวว่าเสี่ยวเหอจะเจ็บ แต่เสี่ยวเหอกลับตะโกนโวยวาย“ปล่อยข้า ข้าจะไปแต่งงานกับต้าหลี่ หรือไม่ก็จะเดินทางไปคืนนี้เลย ไปบอกตระกูลหยวนว่าจะแต่งงานด้วย” เสี่ยวเหอไม่ชอบใจเลย เวลาที่ชิงถิงไม่ฟังคำพูดของนางคำว่านางจะแต่งงานให้กับผู้อื่นคล้ายกับน้ำมันที่ราดบนกองไฟแห่งความหึงหวงของเขา ไหน้ำส้มแตกเต็มหัวใจล้นออกมาจนควบคุมไม่ได้ ไฟรักไฟแค้นก็ยิ่งโชติช่วง เขาจูบปิดปากเสี่ยวเหอเพื่อให้นางหยุดพูดเรื่องพวกนี้เสียทีเสี่ยวเหอรู้สึกโมโห ไม่ยินยอม เหตุใดเวลาเขาด่าทอว่านาง นางทำได้เพียงรับฟังและเสียใจ แต่เวลานางด่าทอว่าเขาบ้าง เขากลับทั้งจูบปิดปาก ทั้งยังมาโมโหใส่นางอยากจะพูดความจริงออกไปทั้งหมดแต่เขากลับไม่ยอมฟัง นางผลักเขาเต็มแรง พยายามหนีออกจากอ้อมกอดแกร่ง ชิงถิงที่เลือดขึ้นหน้าจะยอมได้อย่างไรเขากอดนางไว้ ซุกเข้าที่คอของนาง ขบเม้มอย่างจงใจ เบียดนางจนหลังของนางที่ติดกับต้นไม้เริ่มเจ็บ เขาใช้มือหนึ่งดึงเชือกผูกกางเกงของนาง ดึงถอดกางเกงของนาง