Share

ตอนที่2 สบตา

last update Last Updated: 2025-03-30 20:34:28

อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของนักรบ เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากมุมหนึ่ง เยี่ยนหยางจงพลันหันศีรษะไปยังทิศทางเป้าหมาย และทันทีที่สบนัยน์ตาสีน้ำหมึกที่ให้ความรู้สึกแน่วแน่ระคนดื้อดึง เขาก็เก็บประกายสังหารลงทันที แต่สิ่งที่ทำให้รองแม่ทัพหนุ่มรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งก็คือสตรีผู้นั้นมิได้หวั่นไหวหรือหวาดกลัว กลับมองตอบมาด้วยความสงบนิ่ง ไม่แม้จะตกใจที่ถูกเขาจับได้ว่านางลอบพิจารณาตนอยู่

ช่างใจเด็ดนัก!   

ความจริงแล้ว จ้าวกุ้ยอินรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งกาย ขนทุกเส้นลุกชัน กระแสสายตาราวคมมีดของเขานั้นบาดลึกถึงกระดูก นางแทบทรุดตัวลงกับพื้น แต่ยังทำใจดีสู้เสือ โดยฝืนมองอย่างสงบนิ่ง ยังโชคดีที่อีกฝ่ายเก็บแววอำมหิตกลับไปแทบจะทันที ทำให้ยามนี้นางยังสามารถปั้นท่าทางสูงส่งได้โดยที่หน้ายังไม่เปลี่ยนสี

ที่แท้ก็เสือร้าย อยู่ให้ห่างไกลเขาเอาไว้จะดีกว่า...

เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวกุ้ยอินก็คร้านจะสนใจเยี่ยนหยางจงอีก อีกฝ่ายจะเป็นพยัคฆ์ซ่อนลายหรืออะไรก็ช่าง ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับนาง

ในขณะที่จ้าวกุ้ยอินคิดจะเก็บสายตากลับมาแล้วไปช่วยบิดาตรวจตราความเรียบร้อย หางตาก็เหลือบเห็นดรุณีแรกแย้มในอาภรณ์สีเขียวที่ดูสดใสอิ่มเอิบ หากจะเปรียบผู้ที่กำลังก้าวเข้ามา ก็คงเหมือนดั่งดอกเหลียนฮวา[1] ที่กำลังเบ่งบานล่อหลอกหมู่ภมรอยู่กลางน้ำ ทั้งบอบบางและแสนบริสุทธิ์ แน่นอนว่าสตรีที่ให้ความรู้สึกเยี่ยงนี้จะเป็นผู้ใดมิได้นอกจากบุตรีเซวียนผิงโหว “ถางซือเซียน”

นัยน์ตาเรียวสวยหรี่ลง โทสะจาง ๆ แผ่ออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้น

หากความเกลียดชังสามารถเผาผลาญผู้ใดให้เป็นจุณได้ จ้าวกุ้ยอินก็คงอยากจะทำเช่นนั้นกับถางซือเซียนเป็นคนแรก ที่นางต้องถูกฉินอ๋องหมางเมินมาจนถึงทุกวันนี้ย่อมเป็นเพราะดรุณีท่าทางอ่อนแอ แต่ที่แท้เป็น ‘นางปีศาจตัวหอม’ ที่ใช้กลิ่นกายยั่วยวนบุรุษให้หลงหัวปักหัวปำผู้นี้นี่เอง

มีไม่กี่คนที่รู้ความลับนี้ กลิ่นกายของถางซือเซียนนั้นสามารถทำให้ผู้ที่ดอมดมเกิดความรู้สึกยินดีได้ ด้วยเหตุนี้มู่เลี่ยงหรงจึงโปรดปรานนางยิ่งนัก แต่สำหรับจ้าวกุ้ยอินกลับมองว่าความวิเศษนี้คือเภทภัย คงมีแต่ปีศาจเท่านั้นที่ร่ายมนตร์สะกดผู้คนให้ต่างหลงใหลได้ เพราะไม่ใช่แค่ฉินอ๋องเท่านั้น แม้แต่จ้าวเฟิงเหลยพี่ชายนางก็ถูกนังแพศยาน้อยนี่ล่อลวง จนเป็นเหตุให้บุรุษทั้งคู่ต้องผิดใจกัน

นี่ขนาดยามนั้นนางอายุยังไม่ถึงวัยปักปิ่น ยังก่อความวุ่นวายได้ถึงเพียงนี้ หากนางถึงวัยสาวสะพรั่งจะไม่สร้างความโกลาหลไปทั้งเมืองเลยหรือ...

จ้าวกุ้ยอินเชื่อมาตลอด ว่าอีกไม่นานกลิ่นจรุงจิตที่ติดกายถางซือเซียนจะต้องนำโชคร้ายมาสู่บุรุษที่เกี่ยวข้องกับนางแน่นอน แต่แทนที่จ้าวเฟิงเหลยจะตาสว่าง กลับทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อีกฝ่ายมาเป็นจวิ้นหวางเฟย[2] พี่ชายของตนเองช่างโง่เขลาเหลือเกิน ระหว่างเชื้อพระวงศ์สายตรงกับอี้ซิ่งอ๋อง[3]อย่างตระกูลจ้าว นางปีศาจจอมยั่วย่อมหมายตำแหน่งฉินหวางเฟยอยู่แล้ว

ใบหน้าประณีตละเมียดละไมแขวนรอยยิ้มหยัน เมื่อเห็นถางซือเซียนตรงเข้าไปหาเยี่ยนเยว่ฉีแล้วพูดคุยกันอย่างสนิทสนม นังปีศาจน้อยคงคิดประจบประแจงว่าที่พระชายาเพื่อจะได้แต่งเข้าจวนฉินอ๋องได้โดยง่าย

เอาเถอะ...เรื่องแบบนี้ก็มีให้เห็นจนชินตา ในเมื่อความพยายามเอาตัวเข้าแลกแบบที่ผ่านมาไร้ผล ถางซือเซียนเองก็พลาดตำแหน่งฉินหวางเฟย จึงมีแต่ต้องทำเช่นนี้เท่านั้น จะว่าไปก็น่าสมเพชยิ่งนัก

ระหว่างที่กำลังเยาะหยันคู่แข่งของตนเองอยู่ในใจ คนสนิทของบิดาก็เข้ามาแจ้งกับนางว่าฉินอ๋องขอให้ช่วยจัดที่นั่งของตระกูลเยี่ยนกับถางซือเซียนในส่วนของประธาน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในโรงละคร

แม้จะไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่อาจทำอันใดได้ ผู้แทนพระองค์เอ่ยปาก นางมีแต่ต้องทำตามเท่านั้น

จ้าวกุ้ยอินเชิดหน้า เก็บความขุ่นเคืองไว้ภายใน แล้วออกคำสั่งให้คนจัดที่นั่งใหม่ตามความประสงค์ของประธานในคืนนี้ แน่นอนว่านางจำต้องสวมหน้ากากสตรีสูงศักดิ์ที่แสนสง่างามเอาไว้ เพราะเมื่อตนเองเดินออกไปที่ตรงนั้น ย่อมมีสายตาสอดรู้สอดเห็นมองมาอย่างไม่ต้องสงสัย

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากได้รับคำยืนยันว่าจัดที่นั่งให้แขกกิตติมศักดิ์เรียบร้อยแล้ว ร่างอรชรในชุดสีแดงเพลิงจึงเคลื่อนไปยังกลุ่มบุรุษและสตรีที่โดดเด่นเบื้องหน้า

ชั่วขณะที่จ้าวกุ้ยอินก้าวสู่ห้องโถงใหญ่ ฉินอ๋องไม่ได้เหลือบแลผู้มา เพราะถูกดึงดูดความสนใจทั้งหมดเอาไว้โดยคู่หมั้นคนงามของตนเอง ทว่าในตาเหยี่ยวเฉียบคมคู่หนึ่งกลับเคลื่อนไปหยุดบนเงาร่างสวยสง่าราวนางพญาของจ้าวกุ้ยอินอย่างอดใจมิได้

แม้เยี่ยนหยางจงจะเฝ้าบอกตนเองว่าสตรีในใต้ล้าล้วนเหมือนกันหมด แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงไม่อาจละสายตาจากสตรีที่มีนัยน์ตาดุจนางม้าป่าผู้นี้ได้ลง

รองแม่ทัพหนุ่มพลันย้อนคิดถึงวันงานชมดอกเหมยในวังหลวงที่ผ่านมา ภาพเงาร่างงดงามเคลื่อนไหว สะบัดผ้าพลิ้วแผ่ว แต่ละท่วงท่าอ่อนช้อย ทว่าแข็งแรงมีพลัง ทำให้ดูทรงเสน่ห์ยามร่ายรำอย่างยิ่ง

นางพรายในชุดระบำสีขาวยังคงประทับในห้วงคำนึง ถึงวันนั้นนางไม่แม้แต่จะเหลือบแลเขา แต่แววตาเจือความเศร้าสร้อยที่เล็ดลอดออกมาเพียงชั่วขณะหนึ่ง กลับทำให้เขาอยากค้นหาสตรีว่าเย่อหยิ่งจองหองที่น้องชายให้เขาพึงระวังมีโฉมหน้าแท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่

จ้าวกุ้ยอินปรับอารมณ์ เก็บแววอาฆาตโกรธขึ้งไว้ภายใน แล้วแขวนรอยยิ้มงดงามบนใบหน้าสวยได้รูปแทน นางเยื้องกรายเข้าไปหามู่เลี่ยงหรง พร้อมแจ้งจุดประสงค์ว่าบิดาให้ตนมานำทางเขาและผู้ติดตามไปยังที่นั่ง มู่เลี่ยงหรงไม่ได้มากวาจา เพียงพยักหน้าแล้วเดินตามนางไปยังที่นั่งประธาน

ในที่สุดคนทั้งหมดก็นั่งลงในตำแหน่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้

เยี่ยนหยางจงยังคงลอบพิจารณาโฉมสะคราญในชุดสีแดงเพลิงอยู่เงียบ ๆ

จ้าวกุ้ยอินเปล่งปลั่ง ผิวนวลขาวผ่องดุจน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว อวบอิ่มงดงามราวหยางกุ้ยเฟยสมคำร่ำลือ ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนสตรีอ่อนแอทั่วไป แต่ดวงตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยแววดื้อรั้นดุจนางม้าป่า ช่างพยศดุดันยากจะกำราบ

ยิ่งมอง...เขายิ่งแทบไม่เชื่อว่าหญิงสูงศักดิ์จะให้ความรู้สึกเช่นนี้ได้

และแล้วความรู้สึกหนักอึ้งสายหนึ่งก็ผ่านเข้ามาในห้วงคิด ทำให้เยี่ยนหยางจงตัดสินใจดึงสายตากลับ พยายามบอกตนเองว่ารูปลักษณ์ตรงหน้านั้นก็เป็นแค่สิ่งลวงตา

สตรีงดงามมีแต่จะนำความโชคร้ายมาสู่ท่าน เสียงของเยี่ยนจิ้นหลิงในห้วงจำดังสะท้อนไปมาราวกับหลอกหลอน ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามอยู่ให้ไกลจากเหล่าหญิงงามทั้งหลายเสมอ ทว่าสำหรับธิดาจ้าวอ๋องผู้นี้...

“น่าเสียดาย...” เสียงถอนหายใจแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“พี่ใหญ่ นางไม่คู่ควรให้ท่านคิดถึงด้วยซ้ำ” เยี่ยนจิ้นหลิงเอ่ยเสียงเย็น “บางอย่างภายนอกดูดี ทว่าภายใน...เน่าเฟะ”

“ข้ารู้...” แม้จะตอบเช่นนั้น แต่นัยน์ตาคมปลาบกลับไหววูบชั่วขณะหนึ่ง เพราะรู้สึกค้านในใจ

เยี่ยนจิ้นหลิงไม่ได้สนใจนักว่าพี่ชายจะมีความคิดเช่นไร เพราะสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือสวัสดิภาพของเยี่ยนเยว่ฉีในอนาคต เขาโบกพัดหยกม่วงในมือไปมา นัยน์ตาที่ปกติจะฉายแววขี้เล่น บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกหิวโซที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่อ

“พี่ใหญ่...ท่านรู้หรือไม่ข้ามิได้ล้อเล่นกับท่านพ่อ” จู่ ๆ จิ้งจอกสีเงินก็พูดโพล่งขึ้นมา

“เจ้าประสงค์เช่นนั้นจริง ๆ หรือ” เยี่ยนหยางจงหรี่ตา คิดถึงสิ่งที่ของน้องชายเอ่ยกับบิดาก่อนออกจากจวนมา ว่าอยากให้วันนี้มีคน ‘ตาย’ จริง ๆ

เยี่ยนจิ้นหลิงยกยิ้ม แล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมายื่นให้เยี่ยนหยางจง รอจนกระทั่งผู้เป็นพี่ชายหน้าเปลี่ยนสี จึงหัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยถามเหมือนเป็นเรื่องสนุก “ท่านกล้าลงมือหรือไม่เล่า”

“ถ้าข้าไม่กล้า...” เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวั่นใจกับสิ่งที่น้องชายร้องขอให้ทำตาม

“จุ๊ ๆ พี่ใหญ่ ล้อจิ้นหลิงเล่นใช่หรือไม่ คำตอบนั้นท่านน่าจะรู้ดีกว่าผู้ใด”

“ร้ายแรงหรือไม่”

“ก็น่าจะร้ายพอ ๆ กับที่ท่านเคยลิ้มรส”

“...” เยี่ยนหยางจงนิ่งอึ้ง อดคิดถึงเรื่องในอดีตไม่ได้ ยามนั้นเขาเป็นเพียงชายหนุ่มเลือดร้อนที่เลือกทำตามหัวใจ โดยไม่สนคำทัดทานของน้องชาย เป็นเหตุให้ตนเองได้รับความเจ็บปวดอันแสนสาหัสมาแล้ว

หากครานี้เขาเลือกเชื่อความรู้สึกของตัวเองอีก ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นเช่นไร แล้วที่ว่า ‘ร้ายแรง’ จะร้ายแรงปานใด

เมื่อคู่สนทนานั่งนิ่ง ไม่เอ่ยอะไรอีก เยี่ยนจิ้นหลิงก็หันหน้ากลับไปยังเวที เผยรอยยิ้มที่มุมปาก

“งิ้วใกล้แสดงแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่104 จบ

    ก่อนจะถึงวันครบรอบแต่งงาน เยี่ยนหยางจงก็หว่านล้อมจ้าวกุ้ยอินให้ออกมามาล่องเรือเล่นกับเขาได้สำเร็จทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของเมืองหลวง รอบ ๆ เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานา ทำให้ทัศนียภาพแปลเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูเนื่องจากยามนี้เป็นปลายฤดูร้อนแล้ว อากาศจึงเย็นสบายกำลังดีจ้าวกุ้ยอินนั่งหันหน้าไปทางหัวเรือ สองสายตามองตรงไปยังท้องน้ำที่เปล่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์ แม้จะฉากหลังจะงดงามราวภาพวาด ทว่าดวงหน้างามปานล่มเมืองกลับหม่นเศร้า แววตาที่เคยเด็ดเดี่ยวดังนางม้าป่าดูซึมเซาจนเยี่ยนหยางจงสะท้อนใจโดยปกติ สำหรับผู้สูงศักดิ์ บ่าวไพร่มีค่าไม่ต่างจากมดปลวก เขาไม่คิดว่าการที่ตนเองพรากชิวสุยไปจากจ้าวกุ้ยอิน จะสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้นางขนาดนี้ตั้งแต่ออกจากจวนจนถึงตอนนี้ จ้าวกุ้ยอินพูดกับเขานับคำได้ หากตนเองยังไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงว่าหยางจงน้อยคงจะไม่ได้เกิดเป็นแน่ครั้นแล้วเยี่ยนหยางจงก็ออกแรงพายเรือให้เร็วขึ้นอีก จนกระทั่งพวกเขาออกมาไกลจากเรือลำอื่น ๆจ้าวกุ้ยอินเหม่อมองเบื้องหน้าอย่างคิดไม่ตก นางเองก็ไม่อยากเป็นเช่นนี้ แต่ส่วนลึกไม่อาจให้อภัยตนเองได้ เพราะถ้าชิวสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ ป่านนี

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่103 ตอนพิเศษ เรื่องค้างคาใจของจ้าวกุ้ยอิน

    หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านพ้น เยี่ยนจิ้นหลิงก็ไปบอกกับมารดาว่าจ้าวกุ้ยอินสุขภาพสมบูรณ์ดีแล้ว ขอเพียงเยี่ยนหยางจงขยันหว่านเมล็ดพันธุ์ นางจะต้องตั้งครรภ์อย่างแน่นอน ไป๋หลันได้ยินดังนั้นก็ยินดีอย่างยิ่ง ถึงกับยกเลิกการคารวะยามเช้า และส่งของบำรุงทั้งหลายแหล่มาให้ ยามนี้จ้าวกุ้ยอินจึงดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าที่เคยเนื่องจากสถานการณ์สงบแล้ว จ้าวกุ้ยอินจึงมีใจอยากออกไปพบปะผู้คนบ้าง เยี่ยนหยางจงมิได้มีปัญหา แต่ยังรู้สึกไม่วางใจ จึงสั่งให้ฟางหรู หนิงเหอ จิวซิน และอวิ้นเซียนติดตามไปด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงของจวนใด ภาพที่ผู้อื่นคุ้นชินคือขบวนของฮูหยินซื่อจื่อไคกั๋วกง ยิ่งเห็นจ้าวกุ้ยอินปฏิบัติกับเหล่าอนุอย่างดี อีกทั้งสายตาของพวกนางก็เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบยิ่ง ทำให้ชื่อเสียงเรื่องความใจกว้างของจ้าวกุ้ยอินระบือไกล โดยหารู้ไม่ว่าสตรีทั้งสี่เป็นเพียงอนุแค่ในนาม แท้จริงแล้วพวกนางสี่คนคือองครักษ์หญิงที่เยี่ยนหยางจงกับจ้าวอ๋องจัดหามาให้ และทุกครั้งที่เขาไปหาพวกนาง ก็เป็นเพียงฉากบังหน้า แต่แท้ที่จริงลอบออกไปทำภารกิจลับยามราตรีต่างหากสตรีผู้เดียวที่เยี่ยนหยางจงร่วมเรียงเคียงหมอนก็คือจ้า

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่102 อย่าทำหน้าแบบนั้น

    “นั่นเพราะสวรรค์สร้างให้พี่ชายข้าเกิดมาเป็นคนพิเศษอย่างไรเล่า” เยี่ยนหยางจงเคยได้รับบาดเจ็บบริเวณใกล้เคียงจุดนี้มาก่อน ทำให้รู้ว่าหัวใจของพี่ชายอยู่ทางอกด้านขวา ดังนั้นยามเห็นปิ่นปักอยู่ทางอกซ้ายจึงยังใจเย็นอยู่ได้“หากเจ้ารู้อาการดีก็ควรรีบบอก แกล้งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เช่นนี้ไม่ได้มีเพียงแต่กุ้ยอินที่ใจเสีย พวกข้าเองก็ไม่ต่างกัน” จ้าวเฟิงเหล่ยถอนใจเบา ๆ“จวิ้นอ๋อง อย่าทำหน้าแบบนั้น นางสิผิดที่ไม่ฟังอะไรเลย จู่ ๆ ก็มาตีโพยตีพายใส่พวกเราโดยไม่นึกถึงความผิดตัวเองสักนิด อย่างไรก็ปล่อยให้ข้าได้ล้างแค้นเสียหน่อยเถิด” เยี่ยนจิ้นหลิงหาเหตุผลให้การกระทำของตนเองได้สำเร็จภายในห้อง“อาจง อาจง” จ้าวกุ้ยอิงนั่งอยู่ข้างเตียงที่มีเยี่ยนหยางจงนอนเหยียดยาวอยู่ ชายหนุ่มเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นแผ่นอกกำยำที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ นางพึมพำเสียงเครือขณะที่ลูบใบหน้าคร้ามคมที่ดูเผือดเซียวเล็กน้อย “ท่านเจ็บมากหรือไม่ ขอโทษนะที่ข้า...”“อินเอ๋อร์... พอเถิด ร้องไห้จนตาแดงช้ำไปหมดแล้ว” เยี่ยนหยางจงว่าพลางใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้ “แต่ก็ เพราะเสียงด่าเสียงร้องไห้ของเจ้า ทำให้ยมทูตต่างยอมล่าถอย ไม่ยอมมารับดวงวิญญาณของข้าไป

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่101 น้ำเกลือราดรดลงบนแผล

    เยี่ยนจิ้นหลิงสูดลมหายใจลึก รู้ว่าประโยคต่อจากนี้ไม่ต่างจากเอาน้ำเกลือราดรดลงบนแผล แต่ก็ตัดสินใจพูดไป “ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าเป็นเพราะท่านที่รนหาที่ พี่ใหญ่จึงต้องบาดเจ็บเช่นนี้”จ้าวกุ้ยอินเมื่อได้ยินเช่นนั้นประหนึ่งถูกน้ำเย็นราดรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างกายเอนซวนซบเข้ากับเสาอย่างหาที่พึ่งพิง “รนหาที่หรือ? ข้าเพียงแค่อยากรู้เท่านั้นว่าภาพของอู๋หมิงกงจื่อที่นำมาประมูล เป็นภาพเดียวกันกับที่ข้าพบในห้องหนังสือของเขาหรือไม่เท่านั้น... เพียงเท่านั้น”“อู๋หมิงกงจื่อ... อู๋หมิงกงจื่อ ถ้าท่านพอใจในผลงาน ไฉนจึงไม่ขอกับพี่ใหญ่เล่า เขาใช้เวลาไม่นานก็วาดให้ท่านได้ จะเอากี่สิบกี่ร้อยภาพก็ตามแต่ใจท่าน... สวรรค์... ท่านกลับทำให้เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เองหรือนี่ ไม่น่าเชื่อเลย” เยี่ยนจิ้นหลิงได้ยินเช่นนั้นพลันส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เขาเดินมาใกล้กับจ้าวกุ้ยอิน มองใบหน้างดงามที่เผือดซีดราวกระดาษวาดภาพ“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน” จ้าวกุ้ยอินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้องเขยของตน ดวงตากลมโตวาววับดังเนื้อทรายนั้นระคนด้วยความสงสัยอย่างไม่ปิดบัง “พี่สะใภ้ ดูท่าพี่ใหญ่คงไม

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่100 ชั่วยามนี้

    “อะไรนะ จ้าวกุ้ยอิน เจ้า... เจ้ากล้าหลอกเปิ่นหวาง” เส้นเลือดตรงขมับของมู่เฟยหรงเต้นตุบ ๆ ยามนี้เขารู้สึกเหมือนมีคำว่าโง่ บรมโง่ ติดอยู่กลางหน้าผาก ถ้าไม่เพราะกลัวหนอนกู่จะกัดกินร่าง เขาคงหลบหนีได้ทัน“นี่พวกเจ้าจะยืนเฉยอีกนานไหม ถ้ายังมัวชักช้า อาจง... อาจงอาจจะตายก็ได้นะ” จ้าวกุ้ยอินไม่สนใจท่าทางกระฟัดกระเฟียดของมู่เฟยหรง แต่หันไปมองมู่เลี่ยงหรงกับเยี่ยนจิ้นหลิงแทน“ขออภัย เปิ่นหวางนึกว่าเขาตายแล้ว” ตอนมู่เลี่ยงหรงเข้ามา เห็นปิ่นเงินปักอยู่ตรงอกด้านซ้ายของเยี่ยนหยางจง ก็คิดว่าเขาไม่น่าจะรอดแล้ว จึงละเลยพี่ภรรยาไป แต่พอรู้ว่าเขายังไม่ตาย ก็บังเกิดความละอายใจเล็กน้อยบรรพบุรุษเจ้าสิตาย! จ้าวกุ้ยอินมองมู่เลี่ยงหรงด้วยดวงตาแดงก่ำ สาปแช่งบรรพบุรุษตระกูลมู่ในใจไม่หยุด “เขายังไม่ตายสักหน่อย”“เด็ก ๆ พาแม่ทัพไป๋หู่กลับจวนไคกั๋วกง” สิ้นคำสั่งของฉินอ๋อง เหล่าองครักษ์ก็จัดการนำร่างของเยี่ยนหยางจงออกไปจากที่นั่น โดยมีจ้าวกุ้ยอินร้องไห้วิ่งตามไปบทส่งท้าย ชั่วยามนี้ จวนไคกั๋วกงเต็มไปด้วยความร้อนรนอลหม่าน หลังจากซื่อจื่อของจวนกลับมาพร้อมกับฮูหยินน้อยที่หายตัวไปในสภาพที่มีแผลฉกรรจ์ตรงหน้าอก อาการเ

  • กำราบรักท่านหญิงจอมพยศ   ตอนที่99 เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร

    “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” มู่เฟยหรงไม่เข้าใจว่าเยี่ยนจิ้นหลิงตามมาถูกได้อย่างไร ความจริงพวกเขาควรจะตามไปจัดการกับเอี้ยนอ๋องที่อีกฝั่งหนึ่งของเมืองหลวงสิ ทำไมถึงมาที่นี่ หรือว่าแผนการทั้งหมดล้มเหลว“เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่สะใภ้ จิ้นหลิงเพิ่งรู้ว่าเครื่องประดับมากมายเหล่านั้นก็มีประโยชน์อย่างอื่นด้วย” ระหว่างตามรอยเยี่ยนหยางจง เยี่ยนจิ้นหลิงพบจิงจิงวิ่งอยู่บนพื้นหิมะ จึงได้รับสารขอความช่วยเหลือ“เจ้าพบจิงจิงสินะ” จ้าวกุ้ยอินเข้าใจในทันที“พี่สะใภ้เข้าใจเล่นคำ ‘ตามจิงจิง(อัญมณีแวววาว)มา’ หากเป็นผู้อื่นคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้กระรอกนำทาง แต่บังเอิญเป็นจิ้นหลิงที่ได้รับสารจึงเข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นอยู่” ภาพอัญมณีสะท้อนแสงคบไฟในความมืดเป็นระยะผุดขึ้นในความทรงจำ ยามนี้เขายอมรับแล้วว่าพี่สะใภ้มิใช่ที่มีดีแค่ความเป็นหญิงงาม สติปัญญาของนางยังอยู่ในระดับใช้ได้อีกด้วย“ไว้ชมกันทีหลัง รีบพาอาจงไปรักษาเร็วเข้า” จ้าวกุ้ยอินเร่งเร้า“ย่อมได้” เยี่ยนจิ้นหลิงรับคำ แล้วหันไปหามู่เฟยหรง กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง “หานอ๋อง ท่านหนีไม่รอดแล้วล่ะ ยอมกลับวังหลวงดี ๆ เถิด จะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บอีก จิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status