ด้วยความขยันขันแข็งและมุ่งมั่นในการทำงานของอาจารย์ธาวิน อิงดาวจึงไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เขาเป็นอาจารย์คนแรกที่ได้รับตำแหน่ง “รองศาสตราจารย์” ของคณะที่มีอายุน้อยที่สุด และเป็นผู้มีผลงานวิจัย โดดเด่นจนได้รับรางวัลระดับชาติ
อิงดาวยิ้มที่มุมปาก ดวงตาอิดโรยมองไปรอบ ๆ ตัวอาคารแล้วมาหยุดอยู่ที่แปลงบัวดินที่ปลูกเอาไว้รอบทางเดินของคณะ ดอกสีชมพูบานเย็นของมันแข่งกันเบ่งบานในช่วงหน้าฝน ผีเสื้อสีเขียวตองอ่อนตัวนิดบินวนจากดอกนั้นสู่ดอกนี้ด้วยความรื่นเริง อิงดาวนึกสงสัยในใจ ผู้ชายที่มุ่งมั่นในการทำงานอย่างอาจารย์ธาวิน จะมองเห็นความสวยงามที่อยู่ ใกล้ ๆ ตัวบ้างไหม เขาเคยมองท้องฟ้าสีส้มแดงยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดินบ้างไหม
อิงดาวย่อตัวลงนั่งใกล้ ๆ ต้นบัวดิน ผีเสื้อสีตองอ่อนตัวหนึ่งกำลังขยับปีกเบา ๆ ขณะที่ดูดกินน้ำหวานจากดอกบัวสีสด
“เจ้าผีเสื้อน้อย รู้จักอาจารย์ธาวินไหม เขาเป็นอาจารย์ที่ขยันและเก่งมาก ๆ เลยนะ จะมืดแล้วอาจารย์ยังไม่กลับบ้านเลย ไม่รู้อาจารย์จะ หิวข้าวไหม อาจารย์จะเหนื่อยไหม หากเจ้าเห็นอาจารย์ผ่านมาแถวนี้ ช่วยบอกอาจารย์ให้หน่อยนะว่า ฉันเป็นห่วง”
เธอระบายยิ้มกับผีเสื้อ มันขยับปีกสองสามครั้งแล้วค่อย ๆ บินขึ้น ดวงตาอิดโรยมีแววระยับขึ้นยามเมื่อนึกถึงชายผู้เป็นที่รัก เธอมองตามผีเสื้อตัวน้อยที่บินไปทางโรงรถด้านข้างตึก
“เอ๊ะ เงาอะไรนะ”
อิงดาวเห็นเงาร่างมนุษย์สองสามคนกำลังทำลับ ๆ ล่อ ๆ รอบ ๆ รถของอาจารย์ธาวิน จากจุดที่เธอยืนอยู่ทำให้มองเห็นไม่ชัดนัก เธอจึงเร่งสาวเท้าเข้าไปใกล้โรงจอดรถมากขึ้น
จนกระทั่งเห็นนักศึกษาชายสวมเสื้อช็อปสีแดงสองคนกำลังยืนล้อมรถอาจารย์ธาวินเอาไว้ ส่วนอีกคนอยู่ใต้ท้องรถ
“พวกเธอทำอะไรกันน่ะ”
เสียงเล็ก ๆ ของอิงดาวดังขึ้น นักศึกษาสองคนที่อยู่มองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วก็ทุบกำปั้นลงที่หน้ารถ
ปัง !
“เฮ้ย ! มีคนมาหนีเร็ว”
สองคนวิ่งหนีไปแล้ว ส่วนอีกคนกำลังมุดท้องรถออกมา จากนั้นมันก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
อิงดาวรู้สึกว่านักศึกษาพวกนั้นต้องทำอะไรไม่ดีแน่ ๆ จึงรีบวิ่งตามไปพร้อมกับตะโกนว่า
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! พวกเธอทำอะไรที่รถของอาจารย์ธาวิน !”
“อย่าตามมานะ ไม่งั้นเจอดีแน่ !”
นักศึกษาชายคนที่มุดออกมาจากใต้ท้องรถขว้างแท่งเหล็กประหลาดบางอย่างเข้าใส่อิงดาว
ตุบ !
“ว๊าย”
อิงดาวหยุดวิ่ง และหลบได้อย่างหวุดหวิด
“แฮ่ก แฮ่ก”
อิงดาวหอบหายใจแรง รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก มือหนึ่งกุมหน้าอก อีกมือยกขึ้นปาดเหงื่อ บางทีคงจะเป็นเพราะเธอกำลังไม่สบายจึงรู้สึกเหนื่อยง่ายมากกว่าปกติ ในขณะที่เธอกำลังอ้าปากหอบหายใจอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่นักศึกษาชายขว้างใส่เธอ มันคือคีมตัดเหล็ก ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้น เด็กพวกนั้นต้องตัดเบรกรถของอาจารย์ธาวินแน่ ๆ
ทันทีที่เธอคิดได้ดังนั้น หญิงสาวก็รีบวิ่งกลับมาที่โรงรถ และก็เห็นว่ารถอาจารย์ธาวินกำลังเคลื่อนออกไป
“อาจารย์คะ อาจารย์ธาวินหยุดก่อนค่ะ”
อิงดาวรีบวิ่งตามรถของอาจารย์ธาวินอย่างสุดกำลัง พร้อมกับตะโกนเรียกเขาไม่หยุด ต่อให้เธอพยายามวิ่งเต็มกำลังมากแค่ไหน ก็ไม่อาจวิ่งทันเครื่องยนต์ยุโรปราคาหลายล้านได้ จนในที่สุดรถอาจารย์ธาวินก็วิ่งหายไปลับตา
ตึก ตึก ตึก
ร่างผอมเปลี่ยนทิศทาง รีบวิ่งกลับไปยังตึก EN 6 ขาเล็ก ๆ ซอยลงบนพื้นอย่างไม่มีลดละ แม้จะรู้สึกปวดเท้าบ้าง แต่เธอก็พยายามฝืนความรู้สึกนั้นลงไป
“ลุง !”
อิงดาววิ่งหยุดที่โต๊ะของลุง รปภ. หน้าตึก
“โทรบอกอาจารย์ธาวินด่วน ! รถของอาจารย์ถูกตัดเบรก อาจารย์ขับรถออกไปแล้วต้องรีบบอกอาจารย์ให้รู้ตัว !”
เธอตะโกนบอกออกไปโดยที่ไม่หยุดพักหายใจ
“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูด ลุงฟังไม่ชัด หนูบอกว่าอะไรนะ”
ลุง รปภ. ฟังไม่ได้ศัพท์ จับใจความไม่ค่อยได้ เพราะหญิงสาวทั้งพูดทั้งหอบไปด้วย
อิงดาวจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เต็มปอดก่อนพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
“รถอาจารย์ถูกตัดเบรก ต้องรีบแจ้งอาจารย์ธาวินก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ !”
“โอ๊ย ! ต้องรีบบอกท่านรองฯ ธาวิน”
ลุง รปภ. หันรีหันขวางเหมือนทำอะไรไม่ถูก อิงดาวจึงเร่งขึ้นอีกว่า “โทรสิลุง โทรศัพท์บอกอาจารย์ ด่วนเลย”
“ลุงไม่มีเบอร์โทรของท่านรองฯ”
“แล้วจะทำยังไงถึงจะบอกอาจารย์ได้”
หญิงสาวแทบอยากจะร้องไห้ หัวใจสั่นรัว มือไม้เย็นเฉียบไปหมด กลัวเหลือเกินว่าอาจารย์หนุ่มจะเกิดอุบัติเหตุไปเสียก่อน หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาจนถึงแก่ชีวิตจะทำยังไง
“อาจารย์ประชา ที่ชอบไปไหนมาไหนกับท่านรองฯ ธาวินบ่อย ๆ น่าจะช่วยติดต่อท่านรองฯ ได้”
ลุง รปภ. รีบบอกออกมาทันทีที่นึกขึ้นได้ว่า อาจารย์คนเดียวที่สนิทกับอาจารย์ธาวิน คือ ดร.ประชา ชื่นจิต เพื่อนในภาควิชาเดียวกัน
“อาจารย์ประชาอยู่ที่ไหน”
อิงดาวถามขึ้นอย่างมีความหวัง
“ลุงยังไม่เห็นอาจารย์ประชาลงมาจากตึก ถ้าไม่อยู่ที่ห้องพักที่ชั้นสี่ก็คงจะสอนที่ชั้นหก”
“งั้นเราแยกกันไป ลุงไปที่ชั้นสี่ เดี๋ยวหนูจะไปที่ชั้นหก หากใครพบอาจารย์ประชาก่อนก็ช่วยบอกโทรติดต่ออาจารย์ธาวินด่วนนะคะ”
อิงดาวอาสาไปที่ชั้น 6 เพราะคิดว่าตนเองยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวน่าจะไปถึงได้เร็วกว่าลุง รปภ. และการแยกกันไปจะทำให้สามารถพบอาจารย์ประชาแน่ ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว
ลุง รปภ. พยักหน้ารับ จากนั้นทั้งคู่ก็วิ่งไปที่ลิฟต์ภายในอาคาร แต่ช่วงเวลาเร่งรีบเช่นนี้ สวรรค์เหมือนจะจงใจกลั่นแกล้ง ลิฟต์ค้างอยู่ที่ชั้น 6 ไม่ยอมเคลื่อนลงมาสักที อิงดาวจิ้มนิ้วกดปุ่มเรียกลิฟต์อยู่หลายครั้ง มันก็ไม่ยอมเคลื่อนตัวลงมา
“อ่าวทำไมลิฟต์มาเสียเอาตอนนี้ เมื่อครู่ยังดี ๆ อยู่นี่นา”
ลุง รปภ. หน้าเสีย ละล่ำละลักพูดออกมา
“จะไม่ทันแล้วลุง ขึ้นบันไดกันเถอะ”
อิงดาวตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดไปทันที
ตึก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
แฮ่ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
อิงดาววิ่งขึ้นบันได จนหายใจแทบไม่ทัน เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก และปวดที่กล้ามเนื้อขาอย่างรุนแรง เธอกัดฟันฟืนอาการเจ็บปวดทุกอย่าง เพื่อวิ่งต่อไปยังห้องเรียนรวม เธอจะหยุดพักไม่ได้ ยิ่งปล่อยเวลาให้ช้าไปมากเท่าไหร่ ชีวิตของอาจารย์ธาวินก็อันตรายมากขึ้นเท่านั้น
…..หยุดฝืนชะตาลิขิต หากเจ้าฝืนชะตาลิขิตอีกครั้ง เป็นเจ้าเองที่จะต้องทนทุกข์ทรมาน.....
เสียงเฉียบเย็นดังขึ้นเหมือนกับลอยมาจากที่ไกลแสนไกล แต่กลับได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ เสียงนั้นทำให้อิงดาวชะงักฝีเท้าที่บันไดขั้นสุดท้าย
“ใครพูดนะ”
ความจริงที่ซ่อนไว้ 8ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ Unlucky in love , Unlucky in gameเมื่อถึงรอบการประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานมหาวิทยาลัยระดับฝึกหัดเป็นระดับปฏิบัติการหากผ่านจะมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในสายงานอาชีพมากขึ้นปรากฏว่าฉันถูกประเมินว่า “ไม่ผ่าน” ซึ่งหัวหน้าสำนักงาน (พี่ณี) และท่านรองฯ ให้เหตุผลกับฉันว่า...เพราะเธอไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ (คงจะเป็นเมื่อครั้งที่ฉันรั้นจะจัดอบรมนอกมหาวิทยาลัย) มาสาย และบ่นลงเฟสบุ๊คเหตุผลแต่ละข้อที่กล่าวมา ทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตาการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนไม่ได้ดูที่ผลงานหรืองานที่พัฒนาขึ้น แต่วัดกันที่เหตุผลส่วนบุคคลของคนบางกลุ่ม จนบางครั้ง ฉันรู้สึกหมดแรงกับการทำงานตั้งใจทำงานเพื่ออะไร พัฒนางานไปเพื่ออะไรทำงานให้เสร็จเรียบร้อยเพื่ออะไรเพราะทำไปเงินเดือนก็ไม่ขึ้น ตำแหน่งก็ไม่ได้ สู้เอาแรงกายแรงใจไปนั่งเลียแข้งเลียขาเจ้านายดีกว่าไหมสุดท้าย....ฉันก็ต้องยอมรับกับผลการประเมินที่ไม่เป็นธรรมแต่จะให้เปลี่ยนตนเองเป็นคนเลียแข้งเลียขา หรือเช้าชามเย็นชามก็ไม่ไหวเพราะสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยูในใจเสมอมา คือค่าของคนอยู
ความบังเอิญครั้งที่ 4วันนั้น ฉันจัดประชุมคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์กว่าการประชุมจะสิ้นสุดลง ก็กินเวลาจวนเจียนจะบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะมันร่ำร้องให้ฉันพาตนเองไปทานข้าวที่โรงอาหารกลางเมื่อกินข้าวเสร็จก็ลุกขึ้นเพื่อเอาจานไปวางไว้ที่อ่างสำหรับเตรียมล้างนึกไม่ถึงเลยว่าจะเจออาจารย์ A กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ด้านหลังเขานั่งหันหลังให้ฉันแม้หัวใจมันร่ำร้องอยากจะเข้าไปทักแต่สถานะที่เป็นอยู่ทำให้ฉันต้องข่มใจ แล้วเดินผ่านอาจารย์ไปฉันเดินออกจากโรงอาหารไปด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวรู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะขึ้นสำนักงาน จึงแวะที่ร้านกาแฟก่อนระหว่างที่นั่งรอกาแฟนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ A จะมาที่ร้านกาแฟเหมือนกันอาจารย์ A เปิดประตูเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย มองฉันแค่แวบเดียวแล้วมองผ่านเลย เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอในเมื่อเขาไม่อยากรู้จัก เราก็จะไม่ทักเขาให้ต้องระคายเคืองใจเมื่อได้กาแฟแล้ว ฉันก็รีบเดินออกจากร้านทันทีและสิ่งที่ทำให้ฉันตัดใจไม่ได้สักที คือผลจากแผนการที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้นที่ฉันเที่ยวไปประกาศปาว ๆ ว่างานอะไรที่เกี่ยวข้องก
ความจริงที่ซ่อนไว้ 7ยิ่งคุยกัน.....ระยะห่างระหว่างเรายิ่งสั้นลงเรื่อย ๆไม่รู้ทำไม...ทุกครั้งที่จบการสนทนาในแชทบล็อกเราต้องนั่งอมยิ้มคนเดียวแล้วในหัวก็จะมีเรื่องของเขาวนเวียนอยู่ในหัวทันทีที่เริ่มรู้สึกรัก ฉันก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดอกหักทันทีที่รัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่า รักครั้งนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ฉันตั้งใจขุดหลุมล่อหลอกอาจารย์ให้ตกลงไปเพื่อใช้อาจารย์เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นหัวหน้ากลับกลายเป็นฉันที่ตกลงไปในหลุมเสียเองจนอยากที่จะปีนขึ้นไปในขณะที่ฉันเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักอาจารย์จนยากจะตัดใจอาจารย์ก็เริ่มรู้ตัวว่าถูกฉันตามจีบการสนทนากันในแชทจึงเริ่มน้อยลง อาจารย์ A ถามคำตอบคำจนฉันเริ่มรู้ถึงการรักษาระยะห่างของเขาฉันจึงพยายามตัดใจจากเขา เพราะเข้าใจดีว่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีทางมองผู้หญิงระดับต่ำกว่าแน่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะดังนั้น ฉันจึงห้ามใจไม่ทักแชทไปอีก และหักดิบโดยการเลิกเป็นเพื่อนกับเขาทาง F******k เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแต่ดูเหมือนฟ้าจะยังคงสนุกกับการทรมานหัวใจของฉันยิ่งอยากตัดใจ ก็ยิ่งให้ฉันต้องบังเอิญ
จนกระทั่งรถวิ่งผ่านสวนป่าข้างหนองน้ำ...“ ด้านซ้ายมือ... จะเห็นเครื่องออกกำลังกาย... สำหรับออกกำลังกายตอนเย็นๆ รอบหนองน้ำเป็นทางวิ่ง เขาเรียกกันว่า.... หนอง... หนอง....”อาจารย์ A หันมาสบตาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ...“หนองอิเจมค่ะ”ฉันตอบทันทีอย่างรู้งาน“ทำไมถึงชื่อ หนองอิเจมหรือครับ”วิทยากรสงสัย.......และแล้วอาจารย์ A ก็ได้รับอีก 1 หน้าที่ นั่นคือ นักเล่าประวัติศาสตร์หนองอิเจมของมหาวิทยาลัยจนกระทั่งในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าตึกสำนักงานอธิการบดีที่รถอาจารย์ A จอดไว้เครื่องมือแก้แค้นหัวหน้ากำลังจะลงจากรถแล้ว !ฉันเหลือบมองกระเป๋าอาจารย์ A ที่วางอยู่บนเบาะข้าง ๆสวรรค์ช่างเข้าข้างนัก !ฉันจึงถือกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อาจารย์ A กำลังไหว้ลาวิทยากร แล้วเปิดประตูลงจากรถ“อาจารย์คะ กระเป๋าค่ะ !”ฉันตะโกนเรียกอาจารย์ พร้อมกับชูกระเป๋าให้ดู“อ๋อ... ขอบคุณครับ”ฉันยื่นกระเป๋าให้.....มือหนึ่งจับด้านข้าง.... อีกมือสอดไว้ใต้กระเป๋าอย่างจงใจ...อาจารย์ A ยื่นมือมารับกระเป๋า...มือนุ่มๆ ยาวเรียวของเขาประกบกับมือเล็ก ๆ ที่ฉันจงใจสอดไว้ใต้กระเป๋าหนังใบโต...Yes !เป็นไปตามแผน !... ฉันลิงโลดในใจ
ความจริงที่ซ่อนไว้ 5และแล้ววันอบรมก็มาถึง !ฉันต้องดีดตัวเองลุกจากที่นอนตั้งแต่ไก่โห่ !แล้วแจ้นไปรับวิทยากรที่สนามบิน !….ส่วนอีกทีมหนึ่งฝากให้น้องนก กับพี่เกด คอยต้อนและรับเหล่าอาจารย์ ที่เข้าร่วมอบรมให้ขึ้นรถบัส แล้วไปสมทบกันที่ รีสอร์ต The best orchid….เริ่มต้นการอบรม เป็นไปอย่างสวยงาม ผู้เข้าร่วมอบรมต่างประทับใจวิทยากรกันยกใหญ่...ทึ่งกับความคิดที่ไม่เหมือนใครทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุยังน้อยและทึ่งกับฉันที่สามารถขุดค้นศาสตราจารย์ท่านนี้มาได้น้อง ๆ พี่ทีมงานที่มาช่วยจัดอบรมต่างรู้กันดีว่า ฉันกำลังวางแผนจีบอาจารย์ A เพื่อแก้แค้นหัวหน้า ดังนั้น ทุกคนต่างสนับสนุนช่วยเหลือฉันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น ช่วยถ่ายรูปอาจารย์ A เอาไว้แทบจะทุกช็อตในระหว่างที่นั่งอบรมกันในห้องประชุมนั้นอาจารย์ A ขอน้ำดื่มเพิ่ม พี่เกดก็มาสะกิดฉันให้ยกน้ำดื่มไปเสิร์ฟอาจารย์แม้กระทั่งตอนพักเที่ยง....ฉันแอบชำเลืองมองไปที่โต๊ะอาหารที่กลุ่มอาจารย์คณะวิศวะฯ นั่งอยู่ เมื่อเห็นว่า กลุ่มอาจารย์กำลังลุกออกจากโต๊ะฉันจึงรวบช้อน รีบกลืนข้าวที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดให้ลงคอ แล้วตามด้วยน้ำ“หนู
ความจริงที่ซ่อนไว้ 41 สัปดาห์ผ่านไป !อาจารย์ท่านอื่นๆ สมัครมาเกือบจะเต็มจำนวนที่เปิดรับแล้วอาจารย์ A ยังไม่ตอบรับมาเลย >เอาไงดี ๆ -ฉันกระวนกระวายในใจ“พี่เกด !” (นามสมมุติ)ฉันร้องเสียงหลง... ทันทีที่เห็นพี่เกดเดินเข้ามาในออฟฟิศ....ยังเช้าตรู่ ทั้งออฟฟิศมีแค่ฉันกับพี่เกด ดังนั้น ฉันจึงโหวกเหวกได้ตามใจ“แวะ ๆ แวะ โต๊ะหนูก่อน”ฉันลากพี่เกดมาที่โต๊ะ“พี่เกด หนูจะเชิญอาจารย์ A ไปอบรมกับหนูแบบเนียน ๆ”“หือ....”พี่เกดลากเสียง ตาวาว เพราะไม่มีใคร ไม่รู้จักความฮอต ของอาจารย์ผู้นั้น“หนูอยากจะทำความรู้จักกับอาจารย์ A ค่ะ”ฉันรีบบอกความต้องการของตนเองไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้ความอยากแก้แค้น และเอาคืน มันมีมากกว่าความรู้สึกกระดากอาย“เอาจริง”“จริงแท้ แน่นอน”“เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เถอะ ! เขาเป็นถึงตัวท๊อปของคณะวิศวะเลยนะ ! เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์เลยนะคะ”พี่เกดพูดพร้อมกับจะขยับตัวลุกขึ้น แต่คนมือไวคว้าหมับ รั้งไว้“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ! ให้หนูลองดูสักตั้งนะคะ”วินาทีนี้ ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนความตั้งใจของฉันได้ !สุดที่รักของหัวหน้าใช่ไหม ! คอยดู ! แล้วฉันจะสอยลงมาอยู่ในกำมือ