"ยินดีด้วยค่ะคุณตั้งครรภ์ได้8สัปดาห์แล้วจะฝากท้องเลยไหมค่ะ"
คุณหมอบอกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม มาณวิกาดีใจเธอแต่งงานมา2ปี ไม่คิดว่าวันนี้จะท้องแล้ว ที่ผ่านมาเธอกินยาคุมมาตลอดเลยไม่ท้อง แต่พักหลังๆงานยุ่งก็เลยลืมกินบ้างอะไรบ้าง เธอเองก็รู้สึกว่าตัวเองมีอาการผิดปกติแปลกๆ เวียนหัวบ่อย ง่วงนอนอยากจะนอนตลอดเวลา อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆ เดือนที่แล้วประจำเดือนของเธอก็ไม่มา แต่เธอคิดว่าคงเพราะเครียดและพักผ่อนน้อย พอเดือนนี้ไม่มาอีก ชักจะแปลกๆแล้วหล่ะ จึงได้ไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ผลปรากฎว่าขึ้น2ขีด แต่เพื่อความแน่ใจก็เลยมาตรวจที่โรงพยาบาลอีกรอบ
"ค่ะฝากเลย"
เมื่อหมอยืนยันว่าเธอท้องก็ฝากท้องทันที เสร็จเรื่องแล้วก็แวะซื้อของบำรุงลูกน้อย ทั้งขนม นม ของกินที่เธอชอบ และซื้อพวกของสดอีกหลายอย่าง ตั้งใจจะทำอาหารที่อัครพลชอบให้เขากิน ก่อนกลับบ้าน มาณวิกาส่งข้อความทางไลน์ไปบอกอัครพล
"เย็นนี้คุณกลับบ้านเร็วหน่อยได้ไหม ฉันจะทำอาหารไว้รอคุณ แล้วก็มีเรื่องจะบอกคุณด้วย"
ผ่านไปสักพักข้อความก็ขึ้นว่า อ่านแล้วเขาตอบกลับมาสั้นๆว่า
"อืม"
ช่วงเย็นอัครพลกลับมาบ้าน มาณวิกากำลังจัดอาหารอยู่บนโต๊ะ มีป้าแมวแม่บ้านคอยช่วยเมื่อจัดจานเสร็จ ก็ถอยออกไปอย่างรู้งาน มาณวิกาตักอาหารใส่จาน ให้อัครพลอย่างเอาใจ
"ผัดเปรี้ยวหวาน ของโปรดของคุณ กินเยอะๆนะคะ"
อัครพลตักเข้าเข้าปากกินไป1คำ แล้วหยิบน้ำมาดื่ม ก่อนจะพูดขึ้นมา
"ผมว่าเราหย่ากันเถอะ"
เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจของมาณวิกามันเจ็บจนชาไปหมด เธอรู้ว่าสักวันต้องมีวันนี้ทั้งที่เธอเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆกลับเจ็บจนพูดไม่ออก
"คุณก็รู้ว่าที่เราแต่งงานกันเพราะอะไร ผมไม่อยากไห้คุณต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้ จริงอยู่ที่เราต่างก็ให้สัญญากับคุณปู่ ว่าจะอยู่ด้วยกันจนครบ3ปีก่อน แล้วค่อยหย่า ถึงจะหย่าตอนนี้ หรือรออีกจนครบ3ปี ก็ต้องหย่าอยู่ดี ผม "
"เข้าใจแล้วเอาตามที่คุณว่านั่นแหละ คุณว่างวันไหนก็นัดวันมาเลย"
อัครพลสบตาของมาณวิกา ดวงตาของเธอคลอไปด้วยหยาดน้ำตาแลดูน่าสงสาร อกข้างซ้ายของเขาก็เกิดบีบรัดขึ้นมา เขาลังเลสับสน แต่เมื่อคิดอีกที ในเมื่อเราไม่ได้รักกัน อยู่ด้วยกันไป ก็มีแต่จะทำไห้เธอเสียเวลา เขาไม่อยากจะเห็นแก่ตัวรั้งเธอเอาไว้ เขาหวังว่าเธอ จะได้เจอคนดีๆที่รักเธอ สร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน
" อืม ผมจะนัดวันอีกที ผมจะไห้เงินคุณ50ล้าน กับพูลวิลลาที่หัวหิน "
เขารู้ว่าเธอชอบทะเล ตั้งแต่แต่งงานกันมา เธอเคยขอไห้เขาพาไปเที่ยวทะเล แต่เขาก็ยังไม่ว่าง ยังไม่มีโอกาสได้พาไปสักที พูลวิลลาหลังนั้น หวังว่าเธอคงจะชอบ
หลายเดือนก่อนเขาได้ไห้ลูกน้อง หาซื้อที่ติดทะเลและสร้างพูลวิลล่าหลังนั้น เพื่อไห้เป็นของขวัญกับเธอโดยเฉพาะ ทีแรกตั้งใจจะไห้เป็นของขวัญวันเกิด โดยเขาจะพาเธอไปพักสัก2-3คืน เพื่อฉลองวันเกิดไห้เธอด้วย แต่ต้องเปลี่ยนมาเป็นของขวัญวันหย่าแทน ไม่เป็นไรถือว่าเป็นของขวัญเหมือนกัน
"ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น"
ทั้งคู่เงียบอยู่นานไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
"ไหนคุณบอกว่า มีเรื่องจะบอกกับผม"
" ไม่มีอะไร มันไม่สำคัญหรอก "
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา อัครพลกดรับสาย
"ฮัลโหล อืม ผมรู้แล้ว กำลังจะไป"
"ผมมีธุระต้องรีบไป คุณกินต่อเถอะ ผมอาจจะกลับดึกๆหน่อย เรื่องข้อตกลงการหย่า คุณก็คิดดูอีกทีแล้วกัน ถ้าอยากจะได้อะไรเพิ่มคุณก็เขียนเอาไว้เลย เดียวผมจะไห้ทนายจัดการไห้"
พูดจบก็หันหลังเดินออกไป อัครพลไปนานแล้ว แต่มาณวิกายังคงนั่งอยู่ที่เดิม คิดทบทวนถึงเรื่องของเขากับเธอ
เธอแต่งงานกับเขามา2ปีกว่า ตามคำขอร้องของคุณปู่ ปู่ของเขากับปู่ของเธอเป็นเพื่อนรักกัน คุณปู่ธนาเป็นโรคหัวใจ ก่อนปู่ของเธอตายได้มอบหัวใจไห้กับปู่ธนา พร้อมทั้งฝากฝังเธอด้วย มาณวิกาไม่มีใครเหลือตัวคนเดียว อุบัติเหตุในครั้งนั้นนอกจากปู่ของเธอแล้ว พ่อของเธอที่อยู่ในรถคันเดียวกัน ก็เสียชีวิตพร้อมคุณปู่ด้วย ก่อนปู่จะตายได้เคยพูดกับปู่ธนาว่าถ้าท่านตาย จะมอบหัวใจไห้กับคุณปู่ธนาเพื่อนรัก ทั้งยังทำหนังสือมอบหัวใจ ไห้เป็นลายลักษณ์อักษรอีก
ปู่ธนาช่วยจัดการงานศพ และรับเธอมาอยู่ด้วย ตอนนั้นเธอเรียนอยู่มหาลัยปีสุดท้าย เธอปฏิเสธที่จะมาอยู่ด้วยที่คฤหาสถ์ของคุณปู่ ทรัพย์สมบัติที่ปู่กับพ่อของเธอทิ้งเอาไว้ ก็มากพอมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต แต่ปู่ธนาไม่เห็นด้วยอ้างว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอันตราย อีกทั้งรับปากปู่ของเธอเอาไว้ ว่าจะดูแลเธออย่างดี
ที่คฤหาสถ์เธอได้พบกับอัครพลครั้งแรก หัวใจก็เต้นผิดจังหวะ ยิ่งได้เห็นหน้าเขาทุกวันก็ยิ่งหวั่นไหว นานวันเข้าเธอก็รู้ตัวว่าหลงรักเขาเข้าไห้แล้ว อัครพลอายุมากกว่าเธอ3ปี เขาทำงานในบริษัทของตระกูล นั่งในตำแหน่งท่านประธาน หล่อ สูงโปร่ง สุขุม สีหน้ามีแต่ความเย็นชาราวกับเจ้าชายน้ำแข็ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำไห้ความหล่อของเขาลดลงแม้แต่น้อย
หลังจากที่คุณปู่ทำการผ่าตัดหัวใจเสร็จ คุณปู่ได้เรียกไห้เธอกับอัครพลเข้าไปคุยและขอไห้ทั้ง2แต่งงานกัน เพื่อที่อัครพลจะได้ดูแลมาณวิกา เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้รักเธอเป็นเธอที่รักเขาข้างเดียว และเธอก็รู้ว่าในใจของเขามีใคร ผู้หญิงคนนั้น รักเดียวในใจของเขา
เธอรู้มาว่าเขา2คนคบกันตอนเรียนมหาลัย พอเรียนจบอัครพลขอเธอแต่งงาน แต่ถูกปฏิเสธผู้หญิงไปเรียนต่อต่างประเทศและได้เป็นนางแบบ แถมยังมีข่าวว่าคบหากับผู้กำกับชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งผลักดันไห้เธอเข้าสู่วงการ เขาเสียใจมากเสียศูนย์ไปพักใหญ่
ด้วยเหตุนี้ด้วยแหละมั้ง คุณปู่ถึงได้ขอไห้เขาแต่งงานกับเธอ เพราะหวังว่าเขา จะกลับมาเป็นคนเดิม ตั้งใจทำงาน
"ปู่รู้ว่าหนูรักตาอัค ถึงตอนนี้มันยังไม่ได้รักหนู แต่ปู่เชื่อว่าความน่ารักของหนู จะทำไห้ตาอัครรักหนูได้ในสักวัน "
มาณวิกาคิดถึงคำพูดของคุณปู่แล้วเกิดขมขื่นในใจ ทีแรกเธอก็เข้าข้างตัวเองคิดอย่างนั้น แต่เธอต้องยอมรับความจริง ว่าเธอไม่มีความสามารถ เปลี่ยนใจให้เขามารักเธอได้ ในใจของเขาไม่มีที่ว่างให้เธอ เธอไม่มีวันเอาชนะคนในใจของเขาได้
" แล้ว พ่อของคุณหล่ะ "ปวรุจจูงมือเธอมานั่งลงหน้าหลุมศพ" นี่คือพ่อของผม และนั่นคือแม่ของผม "มาณวิกามองไปที่หลุมศพที่อยู่ข้างๆกัน มิน่าทำไมเขาถึงพาเธอมาที่นี่ เมื่อวานเขาไปหาเธอ และพาเธอบินตรงมาที่นี่มาถึงก็เกือบค่ำ ที่แท้ก็พาเธอมาไหว้หลุมศพพ่อกับแม่เขานี่เอง เธอกับเขาคำนับหลุมศพพ่อกับแม่เขาด้วยกัน" พ่อครับ แม่ครับ ขอโทษที่ผมมาช้าผมพึ่งรู้ว่าพวกท่านอยู่ที่นี่ "ปวรุจหันไปมองหน้ามาณวิกา จับมือไว้แน่น ก่อนจะหันกลับไปที่หลุมศพ" พ่อครับแม่ครับ ผมพาลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่มาไหว้ครับ "เธอกับเขาเคารพหลุมศพทั้ง2ด้วยกันเสร็จ ก็จูงมือกันลุกขึ้น เธอยังสงสัยไม่หาย ว่าถ้าพ่อแม่เขาอยู่ที่นี่ แล้วคนที่ชื่อวิศรุตหล่ะ เขาคงรู้ว่าเธอสงสัยจึงได้พูดขึ้นมา" ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่พ่อของผมหรอก " เขาเองก็พึ่งจะรู้ความจริงตอนอยู่ที่ร.พ ถ้านราวุธไม่เอาเอกสารมาให้ดู เขาก็คงถูกหลอกไปตลอด เอกสารและหลักฐานปลอมแปลงผลตรวจdna" ผมอยู่กับตายายมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ เวลาถามพวกท่านก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ ผมก็เลยไม่คิดจะถามอีก "" พอทั้ง2ตาย ผู้ชายคนนั้นมาหาผมที่บ้านพร้อมผลdna ระบุว่าผมเป็นลูก แล้วพาผมไปอยู่ด้วย "
" ฉันกับดารัณ จะมาช่วยฟื้นความจำให้แก"หลังจากนั้นนราวุธกับดารัณ ก็ได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ปวรุจฟัง เรื่องของเขากับมาณวิกา นราวุธกับดารัณกลับไปนานแล้ว เขาพยายามคิดทบทวนความจำของตัวเอง ว่าเป็นจริงอย่างที่ทั้ง2เล่าให้ฟังหรือเปล่า แม้จะยังคิดไม่ออก แต่ใจของเขาก็เชื่อไปแบบเต็มร้อยแล้ว เขาหยิบเอาเอกสารที่นราวุธให้ไว้มาเปิดดู ดวงตาก็ลุกวาวระยิบระยับไปด้วยเปลวเพลิง จากนั้นก็โทรหาเลขาส่วนตัว ให้มารับเขาออกจากร.พปวรุจขับรถไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ดารัณบอกว่าเขาเคยไปกับมาณวิกา ร้านบะหมี่ข้างทาง ห้าง และตอนนี้ เขาก็กำลังยืนทอดสายตาอยู่บนสะพานไม้ที่สังขละ ภาพที่มาณวิกากับเขาใส่ชุดมอญ ยืนพูดคุยกันที่สะพานแห่งนี้ ภาพที่เขากับเธอถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน ภาพที่เขาทำอาหารให้เธอ ภาพที่เธอป้อนเกี๊ยวให้เขา ภาพเขาและเธอจูบกันดูดดื่มที่โซฟา ภาพที่เขาเห็นเธอถูกฉุดแล้วตามไปช่วยเธอ ภาพที่เขาผลักเธอออกแล้วถูกรถชน ภาพที่เธอประคองเขาขึ้นมาร้องไห้ แล้วบอกเขาว่าอย่าเป็นอะไรนะ ทุกภาพฉายวนอยู่ในหัวของเขา มันแจ่มชัดทุกอย่าง เขาจำได้แล้ว เรื่องของเธอกับเขา เขาจำได้แล้วมาณวิกาทอดสายตา มองดูภาพบนท้องฟ้า แสงเหนือหลาก
ตั้งแต่มาณวิกากลับมาที่ฟินแลนด์ ก็ดูซึมจนผิดปกติ เหม่อลอยบ่อยๆ " ไม่สบายหรือเปล่าลูก หรือว่าเจ็บป่วยตรงไหน ให้แม่พาไปหาหมอดีไหม "" หนูไม่เป็นไรค่ะแม่ อย่าห่วงเลย "" ถ้ากายไม่เป็นอะไร อย่างงั้นคงเป็นที่ใจสินะ มีเรื่องอะไร จะเล่าให้แม่ฟังไหม "" ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ อาจเป็นเพราะใกล้จะเป็นเมนส์มั้งคะ อารมณ์ก็เลยแปรปรวน "" ok แม่จะเชื่ออย่างงั้นก็ได้ แต่ถ้าอยากจะเล่าอะไรให้แม่ฟังเมื่อไหร่ แม่พร้อมจะรับฟังลูกเสมอ" มาณวิกากอดแม่เอาไว้สักพัก ก่อนจะขอตัวออกไปเดินเล่นเมทินีรู้ว่าปวรรุจถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บหนักก็โมโห เธอสั่งให้ไปทำร้ายมาณวิกาไม่ใช่ปวรุจ พอชายคนนั้นโทรมาหาเธอ เพื่อทวงค่าจ้างที่เหลือ เธอก็ด่าไปชุดใหญ่ และยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เงินเป็นอันขาด แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจ นัดให้เขาออกมารับเงินที่ร้านกาแฟร้านเดิม ที่เคยนัดกันครั้งที่แล้ว ชายคนนั้นไปตามนัด เขาไปนั่งรอที่ร้านอยู่นานก็ไม่วี่แววว่าเธอจะมา โทรหาก็ไม่รับสาย สักพักก็จากไปด้วยความโกรธ ขับรถออกไปอย่างเร็ว แล้วเธอก็ได้รับสายจากลูกน้องคนสนิทพ่อเธอ " ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ คุณเม "จากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวอุบัติเหตุเกิดขึ้น รถพุ่งชนอย่
ช่วงสายปวรุจมารับมาณวิกา ออกไปกินข้าวที่ห้าง เสร็จแล้วก็ซื้อของสดมาเยอะแยะ เขาบอกว่าวันนี้จะทำแกงแพนง กับข้าวผัดสับปะรดให้เธอกิน เดี๋ยวนี้เขาทำอาหารเก่งขึ้นมากรสชาติก็ดีขึ้นด้วย ช่วยกันเอาของที่ซื้อมาเก็บหลังรถเสร็จมาณวิกาก็เดินจะไปขึ้นรถ จังหวะนั้นได้มีรถคันหนึ่งขับพุ่งมาอย่างเร็วเอี๊ยดดด โครม มาณวิกาถูกผลักกระเด็นไปอีกทาง เมื่อเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นร่างของปวรุจลอยกระเด็นไปกระแทกต้นเสา กรี๊ดดดดดดดมาณวิกากรีดร้องด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปประคองร่างปวรุจที่โชกเลือดขึ้นมา " รุจ คุณอย่าเป็นอะไรนะ ใครก็ได้ช่วยด้วย เรียกรถพยาบาลให้หน่อย มีคนบาดเจ็บอยู่ตรงนี้ "" คุณ ไม่ เป็น อะไร ใช่ไหม "" ฮือ ฮือ ฉันไม่เป็นอะไร คุณอย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ "" อย่า ร้องไห้ ผมไม่ เป็นไร "ปวรุจกระอักเลือดออกมา แผลที่หัวก็เลือดไหลไม่หยุด จนเขาหมดสติไปหน้าห้องฉุกเฉิน มาณวิการ้องไห้ไม่หยุดดารัณรู้ข่าวก็รีบมา โอบกอดปลอบใจมาณวิกา" ไม่เป็นไรนะ รุจเขาต้องปลอดภัย เชื่อฉันสิ แกหยุดร้องไห้ได้แล้ว ฉันจำได้ว่ารุจเขาเคยบอกว่า ไม่อยากเห็นน้ำตาของแก เขาอยากจะให้แกมีแต่รอยยิ้ม ถ้าเขารู้ว่าแกร้องไห้แบบนี้เขาต้องทุกข์ใจมากแน่
แสงแดดสาดส่อง ลอดผ่านกระจกเข้ามาในห้องนอน เมทินีงัวเงียลืมตาขึ้นมา ก้มมองดูแขนแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้ คิดถึงรสรักเมื่อคืนก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา " พี่รุจค่ะ พี่รุจ" เมทินีใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าออกให้เขา แล้วก็ตกใจสุดขีด กรีดร้องลั่น" กรี๊ดดดดดดดดดด "วิศรุตกระเด้งตัวขึ้นมา เห็นเมทินีอยู่บนเตียงเดียวกันกรีดร้องจนแสบหู เขาก้มมองดูตัวเองที่เปลือยเปล่า ก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนข้างนอก ที่พากันร้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้วิศรุตกับเมทินีได้สติ รีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยความรวดเร็วเมทินีกอดผการ้องไห้สะอึกสะอื้น คมสันต์ก็จ้องหน้าวิศรุตอย่างเอาเป็นเอาตาย" ผมไม่คิดเลยนะ ว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณก็อายุไมใช่น้อยๆแล้ว ทำไมถึงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ คุณย่ำยีหัวใจของผม คุณขืนใจลูกสาวผมในวันเกิดของเธอ "วิศรุตยอมรับว่าเขาผิดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขาไม่ยอมรับว่าเขาขืนใจเธอ เพราะเมื่อคืนเธอก็สมยอม แถมยังยั่วยวนเชื้อเชิญเขาอีกเขาเองก็งงว่าเขาไปอยู่บนเตียงกับเธอได้ยังไง จำได้ว่าหลังจากดื่มไวท์แก้วนั้น เขาก็คุยกับคนนั้นคนนี้อยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆร้อนว
บ้านพลานุรักษ์" เรียกผมมามีอะไร "" ทำไม ฉันต้องมีเรื่องอะไรด้วยเหรอ ถึงจะเจอแกได้"" รุจ นั่งลงก่อน พ่ออยากให้พวกเราได้กินข้าวพร้อมกัน นานๆจะว่างตรงกันซักที "ปวรุจยอมนั่งลงตามที่ฟ้าใสพี่สาวบอก วิศรุตเป็นพ่อหม้าย มีลูก3คน ลูกชายคนโต นราวุธมีคู่หมั้นแล้ว แยกออกไปอยู่คอนโด ฟ้าใสลูกคนรอง ก็มีคู่หมั้นเช่นกัน เป็นคนเดียวที่อยู่ที่บ้านหลังนี้กับวิศรุต และเขาลูกชายคนเล็ก ที่พึ่งจะรู้ว่ามีพ่อและพี่ๆอีก2คน ตอนเรียนจบม.3 ตั้งแต่เล็กจนโต เขาอยู่กับตาและยายที่ต่างจังหวัด รับรู้ว่าพ่อกับแม่ตายไปตั้งแต่จำความไม่ได้ พอเขาเรียนอยู่ม1ยายป่วยตาย พอยายไม่อยู่ ตาก็ไม่มีกระจิตกระใจจะอยู่บนโลกนี้อีก จนกระทั่งเขาอยู่ม3ตาก็ทรุดหนักและจากไป หลังเสร็จงานศพตา เขาก็จบม3พอดี วันนั้นมีคนแต่งตัวภูมิฐานนั่งรถหรูมาหาเขาที่บ้าน บอกว่าเขาเป็นลูก พร้อมเอาผลตรวจ Dna ระบุว่าเขาและผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อลูกกัน หลังจากวันนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยน จากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายมาเป็นลูกชายเศรษฐีนักธุรกิจพันล้าน ได้เรียนในมัธยมเอกชนชื่อดังราคาแพง แต่เขาก็ยังทำตัวเสเพลเหมือนเดิม และไม่เคยเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพ่อเลย เพราะเขาไม่เคยได้