LOGIN“ได้ยินฉันถามหรือเปล่า ช้องนาง” เขากดตะคอกถามซ้ำ
ช้องนางพยักหน้าตอบและนั่งก้มหน้างุดแบบเดิม ก่อนจะส่ายหน้าออกมาอีกครั้ง เมื่อเขาถามคำถามเก่า ทำให้รามันยิ่งโมโห เพราะคิดว่าเจ้าหล่อนไม่สนใจในสิ่งที่ตนถาม ที่สำคัญเขาไม่ชอบคนที่ถามแล้วไม่ตอบ มือร้อนกระชากแขนเล็กแล้วออกแรงบีบจนช้องนางร้องลั่นเพราะความเจ็บ
“ฉันไม่ชอบ คนถามแล้วไม่ตอบเข้าใจไหม แล้วเวลาฉันถามต้องตอบด้วยเสียงไม่ใช่ใช้ท่าทางแบบนี้”
“นางเจ็บค่ะ ปล่อยนางก่อน นางเข้าใจแล้ว” น้ำตาใสไหลคลอเบ้าตาอีกหน พลางนึกในใจอย่างเจ็บช้ำ
‘ทำไมเขาต้องใช้กำลังกับหล่อน ทำไมถึงไม่ยอมพูดจาดีๆ ทำเหมือนกับหล่อนไม่ใช่คน เป็นเพียงสัตว์หรือสิ่งของ’
“จำเอาไว้ ทีหลังฉันถามอะไรต้องตอบ”
เขาสะบัดข้อมือเล็กทิ้ง แล้วหันกลับมาสนใจกับท้องถนนข้างหน้าอย่างเดิม ปล่อยให้คนช้ำสะอื้นไห้อยู่ในใจ เพียงไม่นานนักรถคันโตก็แล่นเข้ามาสู่พื้นที่สุดกว้างของตระกูลอิศรเวช ทันทีที่รถจอดสนิท เสียงเหี้ยมก็เอ่ยสั่งการ
“ลงมาได้แล้ว จะนั่งนิ่งให้รากมันงอกหรือไงฮะ” เขาบอกเสียงเอ็ดตะโร ทำสีหน้าฉุนๆ ไม่พอใจ
‘ผู้หญิงอะไรยอมแต่งงานได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักกันมาก่อน ผู้หญิงแบบนี้มันก็คงแค่ผู้หญิงหิวเงิน’
ไม่ทันที่สองขาจะก้าวตามคำสั่ง รามันก็กดตะคอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมอีกหน ใจดวงเล็กแทบตกไปอยู่ที่พื้น ด้วยความกลัวและตกใจ ทำให้เจ้าหล่อนก้าวเท้าไม่ออก
เมื่อเห็นว่าช้องนางยังนั่งนิ่ง มุมปากหนาก็ยกขึ้นสูง พลันก้าวตรงไปหา
“ที่ไม่ลงมา นี่คือมารยา อยากให้ฉันอุ้มใช่ไหม ได้สิ! เดี๋ยวฉันจะอุ้ม” พูดจบก็กระชากร่างสวยให้หันมาเผชิญหน้า หลังจากนั้นก็รวบขึ้นพาดบ่า
“ว้าย!!” ช้องนางร้องลั่นเพราะความตกใจ
“ปล่อยนางลงเถอะค่ะ นางจะเดินเอง”
ชายหนุ่มไม่สนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายร้องขอ เท้าหนายังคงก้าวเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังห้องที่เขานั้นจัดเตรียมไว้สำหรับเจ้าสาวไร้ค่าคนนี้ พอถึงห้องก็จัดการโยนเจ้าหล่อนลงไปกลางเตียงไม้แสนแข็ง
“โอ๊ย!!” ช้องนางร้องลั่นด้วยความตกใจและนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“จำเอาไว้ ถ้าฉันสั่งให้ทำอะไรก็รีบทำ อย่าโอ้เอ้ ฉันไม่ชอบ ห้องนี้ฉันยกให้เธอ ห้ามเธอขึ้นไปก้าวก่ายที่ห้องของฉัน แล้วที่สำคัญ ถ้าฉันอยากเมื่อไร จะมาใช้บริการเธอเอง ไม่ต้องไปเสนอตัวให้ฉั…น” ไม่ทันที่รามันจะพูดจบประโยค ใบหน้าคมก็ชาวาบแล้วสะบัดไปตามแรงตวัดฝ่ามือเล็ก
“จำเอาไว้ ถ้าฉันสั่งให้ทำอะไรก็รีบทำ อย่าโอ้เอ้ ฉันไม่ชอบ ห้องนี้ฉันยกให้เธอ ห้ามเธอขึ้นไปก้าวก่ายที่ห้องของฉัน แล้วที่สำคัญ ถ้าฉันอยากเมื่อไร จะมาใช้บริการเธอเอง ไม่ต้องไปเสนอตัวให้ฉั…น” ไม่ทันที่รามันจะพูดจบประโยค ใบหน้าคมก็ชาวาบแล้วสะบัดไปตามแรงตวัดฝ่ามือเล็ก
“เลว!!” เธอด่าทออย่างเหลืออด
“ใช่! ฉันเลว ฉันเถื่อน และที่สำคัญ ฉันเกลียดผู้หญิงหิวเงินอย่างเธอ”
มือหนาคว้าคนอวดดีเข้ามาใกล้ แล้วบีบคางมนให้เงยขึ้น
“จำเอาไว้ ฉันจะให้เธอตบฟรีครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ามีครั้งหน้า เธอได้แหลกเป็นจุณแน่” แววตาคมนั้นวาววับราวกับต้องการขย้ำผู้หญิงตรงหน้าให้แหลกเป็นจุณ จนช้องนางรู้สึกสะท้าน ก่อนที่รามันจะผลักให้ช้องนางออกไปห่างกาย
คนเจ็บช้ำทั้งร่างกายและจิตใจก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน พลางตัดพ้อเขาด้วยสายตาหมองหม่น แต่ทว่ามันก็ไม่ได้แทรกซึมเข้าไปในก้อนเนื้อข้างซ้ายของรามันเลยสักนิด เพราะตอนนี้หัวใจดวงนี้ ไร้ความรู้สึก ไร้ความรัก มันได้กลายเป็นหิน ตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว
“เอ้า!! ร้องเข้าไป เธอจะร้องทำไม เธอเป็นคนเสนอตัวมาให้ฉันเองนะ จะมาร้องไห้ไปทำไม” เขาบอกพร้อมกับจัดการโยนเสื้อผ้าให้
“เอาไปเปลี่ยนได้แล้ว เดี๋ยวจะพาไปทำงานที่ฟาร์ม อยู่ที่นี่เธอก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนงานของฉัน เข้าใจไหม และขอร้องกรุณาอย่าไปหว่านเสน่ห์พวกลูกน้องของฉัน เพราะที่นี่ไม่ใช่ซ่อง” แต่ละคำพูดเหมือนมีดคมๆ ซึ่งกำลังกรีดลงที่หัวใจให้รู้สึกทรมาน พอพูดจบรามันก็ถอยห่างออกไปยืนรอหน้าห้อง
ช้องนางทำได้เพียงปล่อยน้ำตาให้รินไหล กัดริมฝีปากไว้แน่นข่มความรู้สึกชอกช้ำ ก่อนที่จะนึกถึงคำพูดของบิดาที่พร่ำสั่งสอนเสมอ
‘เกิดเป็นคนต้องอดทน เจอปัญหาใหญ่เล็กต้องตั้งสติ อย่าวู่วามผลีผลาม เจอใครอารมณ์ร้อนใส่ เราต้องใจเย็น อย่าไปร้อนกับเขา’
“พ่อขา หนูจะสู้เพื่อพ่อนะคะ พ่อให้กำลังใจหนูด้วยนะคะ” มือบางยกขึ้นมาปาดน้ำตาทิ้ง รีบคว้าเสื้อผ้าที่ซาตานใจร้ายโยนทิ้งไว้ให้ขึ้นมา เพื่อนำไปผลัดเปลี่ยน แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในห้องน้ำ
ดวงตากลมก็มองสำรวจรอบๆ ห้อง
ในห้องนี้ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรสักอย่าง มีเพียงเตียงนอนขนาดเล็ก กับตู้ไม้เก่าๆ เพียงหนึ่งตู้เท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับหล่อน หล่อนไม่ได้ต้องการความสะดวกสบาย แต่ขอเพียงให้เขาเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงบ้าง ไม่ใช่ทำกับเธอเช่นสิ่งของไร้ราคาเช่นนี้
ฝ่ายรามันก็เริ่มหงุดหงิดใจ ที่ยังไม่เห็นหญิงสาวออกมาจากในห้อง พาลหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อลูบไปที่ใบหน้าคมซึ่งมีรอยแดง ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขา แต่ดูสิ เจ้าหล่อนมาแค่วันเดียว กลับกล้ามาโอหัง แบบนี้เขาน่าจะบีบให้ตายคามือนัก ก่อนจะกัดฟันกรอดเมื่อเวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที แต่ประตูห้องก็ยังคงปิดสนิท คนที่รอคอยยังไม่ออกมา
เมื่อรอแล้วรออีกก็ไม่มีวี่แววว่าช้องนางจะออกมา รามันจึงเดินปึงปังเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองหา เมื่อไม่พบก็ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำพร้อมกับผลักประตูให้เปิดออกอย่างแรง ริมฝีปากหนากำลังจะอ้าออกเพื่อเอ่ยต่อว่า แต่ก็ต้องอ้าค้าง เพราะตอนนี้ร่างกายของช้องนางนั้นมีเพียงบราเซียร์สีสวยและซับในตัวจิ๋วเท่านั้น
“ฮือ พ่อขา นางเหนื่อยแล้วค่ะ นางไม่อยากจะสู้แล้ว เขาไม่เคยมองนางในแง่ดีเลย มีแต่กล่าวหานาง เขาคงเกลียดนางมาก เขาคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีนางเป็นเมีย ฮือ...นางผิดหรือคะ ที่ทำเพื่อช่วยครอบครัว” น้ำตายังคงไหลริน หัวใจดวงน้อยมีแต่รอยแผล และมันคงยากที่จะเยียวยารามันไม่ได้ใส่ใจคนที่วิ่งร้องไห้ไป เขาเดินตรงไปสะสางงานต่อ พอได้เวลาอาหารค่ำก็กลับมา ก่อนจะยกคิ้วขึ้นสูงเมื่อไม่เห็นเมียตีทะเบียน ไหล่หนายกขึ้นสูงอย่างไม่ใส่ใจ คิดว่าหญิงสาวคงเรียกร้องความสนใจ อยากให้ง้อ แต่คนอย่างเขาไม่คิดที่จะง้อใคร ยิ่งเป็นเมียคนนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางป้าน้อยอยากจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ช้องนางไม่ยอมมากินข้าว แถมพอหล่อนไปตามก็ต้องตกใจ เพราะดวงตาสวยบวมช้ำ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยถามเพราะมันเป็นเรื่องของเจ้านาย“มีอะไรหรือเปล่าครับป้าน้อย” เมื่อเห็นว่าป้าน้อยทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา เสียงเข้มจึงต้องเอ่ยถาม“ทะเลาะอะไรกันคะ ทำไมหนูนางร้องไห้ไม่ยอมมากินข้าว”“ป้าอย่าไปสนใจเลยครับ นิสัยเด็กแบบนั
“ฮือ พ่อขา นางเหนื่อยแล้วค่ะ นางไม่อยากจะสู้แล้ว เขาไม่เคยมองนางในแง่ดีเลย มีแต่กล่าวหานาง เขาคงเกลียดนางมาก เขาคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีนางเป็นเมีย ฮือ...นางผิดหรือคะ ที่ทำเพื่อช่วยครอบครัว” น้ำตายังคงไหลริน หัวใจดวงน้อยมีแต่รอยแผล และมันคงยากที่จะเยียวยารามันไม่ได้ใส่ใจคนที่วิ่งร้องไห้ไป เขาเดินตรงไปสะสางงานต่อ พอได้เวลาอาหารค่ำก็กลับมา ก่อนจะยกคิ้วขึ้นสูงเมื่อไม่เห็นเมียตีทะเบียน ไหล่หนายกขึ้นสูงอย่างไม่ใส่ใจ คิดว่าหญิงสาวคงเรียกร้องความสนใจ อยากให้ง้อ แต่คนอย่างเขาไม่คิดที่จะง้อใคร ยิ่งเป็นเมียคนนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางป้าน้อยอยากจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ช้องนางไม่ยอมมากินข้าว แถมพอหล่อนไปตามก็ต้องตกใจ เพราะดวงตาสวยบวมช้ำ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยถามเพราะมันเป็นเรื่องของเจ้านาย“มีอะไรหรือเปล่าครับป้าน้อย” เมื่อเห็นว่าป้าน้อยทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา เสียงเข้มจึงต้องเอ่ยถาม“ทะเลาะอะไรกันคะ ทำไมหนูนางร้องไห้ไม่ยอมมากินข้าว”“ป้าอย่าไปสนใจเลยครับ นิสัยเด็กแบบนั
ช้องนางสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิด เหล่ไปมองเล็กน้อย เมื่อเจอสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตานั้นช่างดูถูก เหยียดหยาม เจ้าหล่อนก็หันกลับมาทำกับข้าวต่อ ไม่อยากจะสบสายตาคู่คม ทำไมกันเขาถึงไม่ยอมมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนบ้าง ทำไมต้องมองด้วยสายตาเหยียดหยามตลอด“เฮ้อ”“มัวแต่ถอนหายใจกับข้าวมันจะเสร็จไหม”“นางจะรีบทำค่ะ” เธอรีบตอบไม่อยากจะมีปัญหากับอสูรตนนี้ เดี๋ยวตอบช้าก็จะพาลมาหาเรื่องกันอีกจัดการลงมือทำกับข้าวต่อ ไม่ถึงสิบนาทีกับข้าวทุกอย่างก็พร้อมเสิร์ฟ คนนั่งรอก็ตีหน้านิ่ง จนช้องนางแอบหมั่นไส้ บางวันก็นิ่ง บางวันก็ดุอย่างกับยักษ์ คนอะไรช่างมีหลายอารมณ์เสียจริง“แล้วจะยืนหาพระแสงอะไร นั่งลงมากินข้าวสิ พิรี้พิไรอยู่ได้”“ค่ะ” ตอบรับแล้วลอบถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเอาชนะใจอสูรไร้หัวใจได้สักที หรือว่าชาตินี้จะไม่มีหนทาง คิดแล้วก็กลุ้มใจ ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองหาวิธีเอาชนะใจชายคนนี้ได้เสียทีกาลเวลาค่อยๆ เปลี่ยนผัน จากชั่วโมงเป็นวัน วันเป็นเดือน ช้องนางมาอยู่ที่นี่ในสถานะเมียกึ
ตั้งแต่วันที่ปะทะคารมกับช้องนางอย่างดุเดือด กระชากเจ้าหล่อนเข้ามาจูบอย่างเร่าร้อน รามันก็พยายามเลี่ยงไม่เข้าใกล้ ทำใบหน้าเรียบตึงใส่ บางครั้งก็เสแสร้งทำเป็นไม่เห็น ทั้งๆ ที่เจ้าหล่อนยืนอยู่ตรงหน้า เหตุผลก็เพราะหัวใจแกร่งมันดันเต้นผิดจังหวะเวลาอยู่ใกล้ๆ รู้สึกอยากจะครอบครองริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง จนต้องข่มใจไม่ให้เข้าใกล้กระทั่งวันนี้วันที่โรสนั้นโทรมา อยากจะคุยกับลูกสะใภ้คนโปรด ทำให้เขาต้องเข้าใกล้ โดยเจ้าหล่อนกำลังวุ่นกับการทำครัว“แม่ฉันอยากจะคุยด้วย” ยื่นโทรศัพท์ไปให้ แต่เมื่อเห็นว่าช้องนางยื่นมือมารับ ก็ชักโทรศัพท์กลับแล้วก้มลงกระซิบบอกวาจาร้ายกาจข้างหูขาว“ตอบคำถามให้มันดีๆ ละ คงรู้นะที่ฉันพูดหมายความว่ายังไง รู้ใช่ไหมหากตอบไม่ดีจะเจออะไร” ขู่เสียงเหี้ยมช้องนางพยักหน้าหงึกหงักรับ ใครจะกล้าพูดขัดใจอสูรเช่นเขา ขืนทำมีหวังอสูรผู้โหดเหี้ยมได้กลับมาอีก ขอให้มันเงียบสงบแบบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่าน เพราะหล่อนจะได้ไม่ต้องเจ็บช้ำใจ ไม่ต้องฟังวาจาเหยียดหยาม“สวัสดีค่ะคุณหญิง”“เดี๋ยวจะตีให้ตายเลย ต้องเรียกว่า
“ผมไม่ห้ามคุณหรอกครับ ผมเองก็ต้องขอโทษคุณด้วยซ้ำ นี่ถ้าวันนั้นกล้องวงจรของผับผมไม่พัง ป่านนี้คุณคงรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ยังไงผมก็ขอให้คุณเจอเธอเร็วๆ นะครับ ผมเอาใจช่วย" เขาตบบ่าเบาๆ แล้วจากไปหัวใจแกร่งกระตุกวูบทุกครั้งเมื่อก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ภาพเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนแวบเข้ามาในหัว ยังคงจำเสียงร้องเจ็บปวดของผู้หญิงคนนั้นได้ดี เขารู้ดีว่าตัวเองเลวแค่ไหน พอเหล้าเข้าปากจนเมามาย ทำให้เขาพร่าพรหมจรรย์ของผู้หญิงคนหนึ่ง แถมพอตื่นขึ้นมาก็จำอะไรแทบไม่ได้ กระทั่งหน้าตาของเจ้าหล่อน เขาก็ยังคงจำไม่ได้“มาคนเดียวหรือคะ ให้หนิงนั่งเป็นเพื่อนไหม”หลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินเสียงหวาน ก่อนจะหันไปมอง แล้วพบว่าผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอยู่ในอาการเมามาย ส่งยิ้มหวานฉ่ำมาให้ แถมยังลูบไล้ไปตามร่างกาย“ไม่เป็นไรครับ ผมขอนั่งคนเดียวดีกว่า”“ทำไมล่ะคะ ก็หนิงอยากจะนั่งด้วยนี่คะ ยิ่งนั่งที่ตักด้วยยิ่งดี” พลันขยับมานั่งข้างๆ“งั้นก็ตามใจครับ” ในเมื่อปฏิเสธแล้ว อีกฝ่ายก็ยังคงตื๊อ เขาก็ไม่อยากจะปฏิเสธให้เสียหน้า ริมฝีปากหนาต้องเม้มแน่น ตั้งแต่มานั่งตรงนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังจับจ้อง จนรู้สึ
“แกไปหาหนูรีมาเหรอ”รามันพยักหน้าตอบและพ่นลมหายใจร้อนๆ ออกมา“แล้วหนูรีเป็นไงบ้าง?” เขาถามด้วยความเป็นห่วง รู้ดีว่าเด็กน้อยคนนี้มีความสำคัญกับเพื่อนรักมากแค่ไหน เรียกว่าตอนนี้ที่หัวใจดวงแกร่งยังเต้นอยู่บ้าง ไม่ได้ด้านตายไปซะหมด ก็เพราะเด็กผู้หญิงคนนี้“ยังเหมือนเดิม” รามันตอบเสียงเศร้า พลางนึกถึงความน่ารักของลูกสาวสุดรัก“พ่อรามันขา อุ้มหนูรีหน่อยนะคะ หนูรีคิดถึงพ่อรามัน พ่อรามันเหนื่อยไหมคะ เดี๋ยวหนูรีจะนวดให้”เมื่อนึกถึงเสียงออดอ้อน ใบหน้าเล็กที่ฉีกยิ้มทีไรก็เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าคมได้ทุกครั้ง แต่ก็ต้องกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้นเมื่อนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เสียงออดอ้อนนี้หายไป เหลือไว้แต่ความเศร้าและร่างที่เกือบไร้วิญญาณ สามปีเต็มแล้วสิที่ลูกสาวของเขาต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา สามปีแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงออดอ้อน ไม่ได้เห็นความน่ารักของเด็กคนนี้แววตาที่เศร้าลงถนัดตาของเพื่อนรัก ทำให้กิจเดินไปตบบ่าเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ“แกเชื่อฉันนะ อีกไม่นานหนูรีก็ฟื้นมา หนูรีเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี ฟ้าต้องเห็นใจ” พลางยกนาฬิกาขึ้นมาดู เพราะตนต้องไปเข้าเวรตรวจคนไข้“ฉันไปก่อนนะเพื่อน มีตรวจคนไข้ ส่วนแกไปรับเ







