LOGINเมื่อรอแล้วรออีกก็ไม่มีวี่แววว่าช้องนางจะออกมา รามันจึงเดินปึงปังเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองหา เมื่อไม่พบก็ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำพร้อมกับผลักประตูให้เปิดออกอย่างแรง ริมฝีปากหนากำลังจะอ้าออกเพื่อเอ่ยต่อว่า แต่ก็ต้องอ้าค้าง เพราะตอนนี้ร่างกายของช้องนางนั้นมีเพียงบราเซียร์สีสวยและซับในตัวจิ๋วเท่านั้น
ภาพตรงหน้ามันช่างสวยงาม ยั่วยวนใจ ไม่คิดว่าตัวเล็กๆ แบบนี้จะมีอะไรที่ใหญ่เกินตัว ดวงตาคมไล่มองตั้งแต่ศีรษะทุยเลื่อนลงมายังซอกคอขาว ทรวงอกที่ล้นทะลัก รามันกำลังตกอยู่ในภวังค์ แต่ไม่นานก็ละสายตาไปทางอื่น มุมปากยกสูงเมื่อคิดว่าเจ้าหล่อนคงจงใจยั่วตน
ฝ่ายช้องนางนั้นก็มัวแต่ตกใจ ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเขาจะทำการอุกอาจ กล้าบุกเข้ามาในนี้
“จะยืนแก้ผ้าให้ฉันดูอีกนานไหม รีบๆ เปลี่ยนเข้าสิ” เสียงเหี้ยมนั้นกดตะคอก พร้อมกับเบือนหน้าหนีอีกหน ไม่คิดเลยว่าแค่เห็นทรวดทรงองเอวของหญิงสาวเพียงแค่นี้ อารมณ์ดิบเถื่อนในตัวของเขาจะถูกปลุกขึ้นมา จนเลือดในกายมันวิ่งพลุ่งพล่านไปหมด
ช้องนางรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ทันที ใบหน้านั้นแดงก่ำราวกับเป็นไข้ ไม่คิดเลยว่าเพียงพบเขาแค่วันเดียว เขาจะทำให้เธอทั้งเจ็บและอายได้ถึงขนาดนี้
เมื่อเห็นว่าช้องนางสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว รามันก็สาดกระหน่ำความร้ายกาจให้อีกหน
“แต่งตัวอะไรนานขนาดนี้แม่คุณ ที่นี่มันไม่ใช่บ้านเธอนะ นี่มันไร่ของฉัน เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรอืดอาด” เขาต่อว่าพร้อมกับดึงข้อมือเล็กให้เดินตามไปยังรถจี๊ปคู่ใจ แล้วรถคันโตก็พุ่งทะยานตรงเข้าไปในฟาร์มโคนม
ไม่ถึงสิบนาทีล้อรถก็เลี้ยวเข้าในอาณาเขตฟาร์มโคนม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไร่ส้มและบ้านพักเท่าไรนัก พอมาถึงมือหนาก็ฉุดให้ช้องนางลงจากรถ จัดการพาไปยังโรงเรือนพักโค
“ลุงชอบครับ ผมพาคนงานใหม่มาเพิ่ม ช่วยสอนงานให้เธอด้วยครับ ให้ทำความสะอาดโรงเรือนหลังนี้ครับ ส่วนคนอื่นๆ ก็ให้ไปทำความสะอาดโรงรีดน้ำนม” เสียงเข้มข้นเอ่ยบอกลุงชราวัยหกสิบ
หัวหน้าคนงานอย่างลุงชอบต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ เพราะปกติแล้วหน้าที่หาคนงานใหม่มันเป็นหน้าที่ของตน แต่ทำไมวันนี้เจ้านายถึงต้องลงทุนไปหาเอง แถมตอนนี้ที่ฟาร์มก็ไม่ได้ต้องการคนเพิ่ม พอได้เห็นใบหน้าของคนงานใหม่ ชายชราก็ต้องร้องถาม
“ผู้หญิงคนนี้หรือครับ” พอเห็นรูปร่างและผิวพรรณแล้ว ชายชราก็มั่นใจว่าต้องไม่ใช่เพียงคนงานใหม่อย่างแน่นอน
“ใช่ครับ อ้าว! ยังยืนบื้ออยู่อีก ไปทำงานสิ ทำงานแลกข้าว ที่นี่ไม่ใช่โรงทาน ที่จะให้คนที่ไม่ทำงาน มาขอข้าวกินได้” เขาหันมาบอกเสียงหยาบกระด้าง
คิ้วเข้มของลุงชอบขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย ที่เห็นเจ้านายนั้นตะคอกหญิงสาวคนนี้ ปกติแล้วรามันไม่เคยดุหรือตะคอกลูกน้องแบบไม่มีเหตุผลแบบนี้เลยสักครั้ง แถมยังทำท่าทีราวกับไม่พอใจผู้หญิงตรงหน้า เหมือนว่ามีเรื่องโกรธเคืองกันมานับสิบปี
คนโดนตะคอกรีบรับอุปกรณ์จากลุงชรา เพราะรู้ดีว่าหากชักช้ามีหวังต้องโดนคนใจร้ายตะคอกอีกหน แล้วเดินเข้ามาในโรงเรือน จากนั้นก็เริ่มลงมือทำความสะอาด
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันครับ” ลุงชอบร้องถามอย่างสงสัย
“เป็นเมียตีทะเบียนของผมครับ”
“เป็นเมีย!! คุณรามันไปแต่งงานตอนไหนครับ ทำไมลุงไม่รู้ แล้วทำไมให้เธอมาทำงานแบบนี้ล่ะครับ” เขาร้องถามด้วยความแปลกใจ งงกับสิ่งที่ได้ยิน
เจ้านายตนไปมีเมียตอนไหน วันๆ ก็เห็นขลุกอยู่แต่ในไร่ในฟาร์ม ไม่เคยที่จะออกไปไหน แถมยังไล่ตะเพิดสาวๆ ที่มาเสนอตัวดามหัวใจที่สลายให้อย่างไม่ไยดี จนสาวๆ ต่างเผ่นหนีกันไปหมด ถ้าจะมีก็แค่วันนี้วันเดียว ที่เจ้านายหนุ่มนั้นขับรถคันโปรดออกไปแต่เช้ามืด พอกลับมาก็มีผู้หญิงคนนี้กลับมาด้วย
“อย่าไปสนเลยครับ ก็แค่ผู้หญิงหิวเงินคนหนึ่ง ยังไงก็ฝากดูด้วยนะครับ ผมขอไปดูที่ไร่ส้มก่อน” พูดจบ รามันก็เดินจากไป ปล่อยให้ลุงชอบงงงวยกับเรื่องทั้งหมด
“ฮือ พ่อขา นางเหนื่อยแล้วค่ะ นางไม่อยากจะสู้แล้ว เขาไม่เคยมองนางในแง่ดีเลย มีแต่กล่าวหานาง เขาคงเกลียดนางมาก เขาคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีนางเป็นเมีย ฮือ...นางผิดหรือคะ ที่ทำเพื่อช่วยครอบครัว” น้ำตายังคงไหลริน หัวใจดวงน้อยมีแต่รอยแผล และมันคงยากที่จะเยียวยารามันไม่ได้ใส่ใจคนที่วิ่งร้องไห้ไป เขาเดินตรงไปสะสางงานต่อ พอได้เวลาอาหารค่ำก็กลับมา ก่อนจะยกคิ้วขึ้นสูงเมื่อไม่เห็นเมียตีทะเบียน ไหล่หนายกขึ้นสูงอย่างไม่ใส่ใจ คิดว่าหญิงสาวคงเรียกร้องความสนใจ อยากให้ง้อ แต่คนอย่างเขาไม่คิดที่จะง้อใคร ยิ่งเป็นเมียคนนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางป้าน้อยอยากจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ช้องนางไม่ยอมมากินข้าว แถมพอหล่อนไปตามก็ต้องตกใจ เพราะดวงตาสวยบวมช้ำ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยถามเพราะมันเป็นเรื่องของเจ้านาย“มีอะไรหรือเปล่าครับป้าน้อย” เมื่อเห็นว่าป้าน้อยทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา เสียงเข้มจึงต้องเอ่ยถาม“ทะเลาะอะไรกันคะ ทำไมหนูนางร้องไห้ไม่ยอมมากินข้าว”“ป้าอย่าไปสนใจเลยครับ นิสัยเด็กแบบนั
“ฮือ พ่อขา นางเหนื่อยแล้วค่ะ นางไม่อยากจะสู้แล้ว เขาไม่เคยมองนางในแง่ดีเลย มีแต่กล่าวหานาง เขาคงเกลียดนางมาก เขาคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีนางเป็นเมีย ฮือ...นางผิดหรือคะ ที่ทำเพื่อช่วยครอบครัว” น้ำตายังคงไหลริน หัวใจดวงน้อยมีแต่รอยแผล และมันคงยากที่จะเยียวยารามันไม่ได้ใส่ใจคนที่วิ่งร้องไห้ไป เขาเดินตรงไปสะสางงานต่อ พอได้เวลาอาหารค่ำก็กลับมา ก่อนจะยกคิ้วขึ้นสูงเมื่อไม่เห็นเมียตีทะเบียน ไหล่หนายกขึ้นสูงอย่างไม่ใส่ใจ คิดว่าหญิงสาวคงเรียกร้องความสนใจ อยากให้ง้อ แต่คนอย่างเขาไม่คิดที่จะง้อใคร ยิ่งเป็นเมียคนนี้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางป้าน้อยอยากจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ช้องนางไม่ยอมมากินข้าว แถมพอหล่อนไปตามก็ต้องตกใจ เพราะดวงตาสวยบวมช้ำ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยถามเพราะมันเป็นเรื่องของเจ้านาย“มีอะไรหรือเปล่าครับป้าน้อย” เมื่อเห็นว่าป้าน้อยทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา เสียงเข้มจึงต้องเอ่ยถาม“ทะเลาะอะไรกันคะ ทำไมหนูนางร้องไห้ไม่ยอมมากินข้าว”“ป้าอย่าไปสนใจเลยครับ นิสัยเด็กแบบนั
ช้องนางสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ความคิด เหล่ไปมองเล็กน้อย เมื่อเจอสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตานั้นช่างดูถูก เหยียดหยาม เจ้าหล่อนก็หันกลับมาทำกับข้าวต่อ ไม่อยากจะสบสายตาคู่คม ทำไมกันเขาถึงไม่ยอมมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนบ้าง ทำไมต้องมองด้วยสายตาเหยียดหยามตลอด“เฮ้อ”“มัวแต่ถอนหายใจกับข้าวมันจะเสร็จไหม”“นางจะรีบทำค่ะ” เธอรีบตอบไม่อยากจะมีปัญหากับอสูรตนนี้ เดี๋ยวตอบช้าก็จะพาลมาหาเรื่องกันอีกจัดการลงมือทำกับข้าวต่อ ไม่ถึงสิบนาทีกับข้าวทุกอย่างก็พร้อมเสิร์ฟ คนนั่งรอก็ตีหน้านิ่ง จนช้องนางแอบหมั่นไส้ บางวันก็นิ่ง บางวันก็ดุอย่างกับยักษ์ คนอะไรช่างมีหลายอารมณ์เสียจริง“แล้วจะยืนหาพระแสงอะไร นั่งลงมากินข้าวสิ พิรี้พิไรอยู่ได้”“ค่ะ” ตอบรับแล้วลอบถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเอาชนะใจอสูรไร้หัวใจได้สักที หรือว่าชาตินี้จะไม่มีหนทาง คิดแล้วก็กลุ้มใจ ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองหาวิธีเอาชนะใจชายคนนี้ได้เสียทีกาลเวลาค่อยๆ เปลี่ยนผัน จากชั่วโมงเป็นวัน วันเป็นเดือน ช้องนางมาอยู่ที่นี่ในสถานะเมียกึ
ตั้งแต่วันที่ปะทะคารมกับช้องนางอย่างดุเดือด กระชากเจ้าหล่อนเข้ามาจูบอย่างเร่าร้อน รามันก็พยายามเลี่ยงไม่เข้าใกล้ ทำใบหน้าเรียบตึงใส่ บางครั้งก็เสแสร้งทำเป็นไม่เห็น ทั้งๆ ที่เจ้าหล่อนยืนอยู่ตรงหน้า เหตุผลก็เพราะหัวใจแกร่งมันดันเต้นผิดจังหวะเวลาอยู่ใกล้ๆ รู้สึกอยากจะครอบครองริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง จนต้องข่มใจไม่ให้เข้าใกล้กระทั่งวันนี้วันที่โรสนั้นโทรมา อยากจะคุยกับลูกสะใภ้คนโปรด ทำให้เขาต้องเข้าใกล้ โดยเจ้าหล่อนกำลังวุ่นกับการทำครัว“แม่ฉันอยากจะคุยด้วย” ยื่นโทรศัพท์ไปให้ แต่เมื่อเห็นว่าช้องนางยื่นมือมารับ ก็ชักโทรศัพท์กลับแล้วก้มลงกระซิบบอกวาจาร้ายกาจข้างหูขาว“ตอบคำถามให้มันดีๆ ละ คงรู้นะที่ฉันพูดหมายความว่ายังไง รู้ใช่ไหมหากตอบไม่ดีจะเจออะไร” ขู่เสียงเหี้ยมช้องนางพยักหน้าหงึกหงักรับ ใครจะกล้าพูดขัดใจอสูรเช่นเขา ขืนทำมีหวังอสูรผู้โหดเหี้ยมได้กลับมาอีก ขอให้มันเงียบสงบแบบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่าน เพราะหล่อนจะได้ไม่ต้องเจ็บช้ำใจ ไม่ต้องฟังวาจาเหยียดหยาม“สวัสดีค่ะคุณหญิง”“เดี๋ยวจะตีให้ตายเลย ต้องเรียกว่า
“ผมไม่ห้ามคุณหรอกครับ ผมเองก็ต้องขอโทษคุณด้วยซ้ำ นี่ถ้าวันนั้นกล้องวงจรของผับผมไม่พัง ป่านนี้คุณคงรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ยังไงผมก็ขอให้คุณเจอเธอเร็วๆ นะครับ ผมเอาใจช่วย" เขาตบบ่าเบาๆ แล้วจากไปหัวใจแกร่งกระตุกวูบทุกครั้งเมื่อก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ภาพเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนแวบเข้ามาในหัว ยังคงจำเสียงร้องเจ็บปวดของผู้หญิงคนนั้นได้ดี เขารู้ดีว่าตัวเองเลวแค่ไหน พอเหล้าเข้าปากจนเมามาย ทำให้เขาพร่าพรหมจรรย์ของผู้หญิงคนหนึ่ง แถมพอตื่นขึ้นมาก็จำอะไรแทบไม่ได้ กระทั่งหน้าตาของเจ้าหล่อน เขาก็ยังคงจำไม่ได้“มาคนเดียวหรือคะ ให้หนิงนั่งเป็นเพื่อนไหม”หลุดออกจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินเสียงหวาน ก่อนจะหันไปมอง แล้วพบว่าผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอยู่ในอาการเมามาย ส่งยิ้มหวานฉ่ำมาให้ แถมยังลูบไล้ไปตามร่างกาย“ไม่เป็นไรครับ ผมขอนั่งคนเดียวดีกว่า”“ทำไมล่ะคะ ก็หนิงอยากจะนั่งด้วยนี่คะ ยิ่งนั่งที่ตักด้วยยิ่งดี” พลันขยับมานั่งข้างๆ“งั้นก็ตามใจครับ” ในเมื่อปฏิเสธแล้ว อีกฝ่ายก็ยังคงตื๊อ เขาก็ไม่อยากจะปฏิเสธให้เสียหน้า ริมฝีปากหนาต้องเม้มแน่น ตั้งแต่มานั่งตรงนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังจับจ้อง จนรู้สึ
“แกไปหาหนูรีมาเหรอ”รามันพยักหน้าตอบและพ่นลมหายใจร้อนๆ ออกมา“แล้วหนูรีเป็นไงบ้าง?” เขาถามด้วยความเป็นห่วง รู้ดีว่าเด็กน้อยคนนี้มีความสำคัญกับเพื่อนรักมากแค่ไหน เรียกว่าตอนนี้ที่หัวใจดวงแกร่งยังเต้นอยู่บ้าง ไม่ได้ด้านตายไปซะหมด ก็เพราะเด็กผู้หญิงคนนี้“ยังเหมือนเดิม” รามันตอบเสียงเศร้า พลางนึกถึงความน่ารักของลูกสาวสุดรัก“พ่อรามันขา อุ้มหนูรีหน่อยนะคะ หนูรีคิดถึงพ่อรามัน พ่อรามันเหนื่อยไหมคะ เดี๋ยวหนูรีจะนวดให้”เมื่อนึกถึงเสียงออดอ้อน ใบหน้าเล็กที่ฉีกยิ้มทีไรก็เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าคมได้ทุกครั้ง แต่ก็ต้องกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้นเมื่อนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เสียงออดอ้อนนี้หายไป เหลือไว้แต่ความเศร้าและร่างที่เกือบไร้วิญญาณ สามปีเต็มแล้วสิที่ลูกสาวของเขาต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา สามปีแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงออดอ้อน ไม่ได้เห็นความน่ารักของเด็กคนนี้แววตาที่เศร้าลงถนัดตาของเพื่อนรัก ทำให้กิจเดินไปตบบ่าเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ“แกเชื่อฉันนะ อีกไม่นานหนูรีก็ฟื้นมา หนูรีเป็นเด็กน่ารัก นิสัยดี ฟ้าต้องเห็นใจ” พลางยกนาฬิกาขึ้นมาดู เพราะตนต้องไปเข้าเวรตรวจคนไข้“ฉันไปก่อนนะเพื่อน มีตรวจคนไข้ ส่วนแกไปรับเ







