ไนต์กัดฟันแน่นจ้องมองไปที่คนตัวเล็กไม่วางตา ดูก็รู้ว่าเธอตั้งใจยั่วเขาอย่างชัดเจน คงจะคิดว่าเขาไม่ทำอะไรเพราะบนตัวของเธอนั้นมีกลิ่นคนอื่นติดอยู่
“จัสมิน” เมื่อคนตัวเล็กยังไม่เลิกยั่วก็ได้แต่กัดฟันแน่นข่มอารมณ์เท่านั้น
“ก็ชุดมันสั้นนี่คะ ขยับทีก็แบบนี้”
“ขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมา”
“ไหนว่าแยกเวลางานกับเวลาส่วนตัวชัดเจนไงคะ” ดูท่าคงจะทนให้เธอนั่งยั่วไม่ไหว มองจากตรงนี้ก็พอจะรู้ว่ากลางกายเขากำลังตื่นตัว เป้ากางเกงที่ตุงขึ้นมานั้นบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังมีอารมณ์
ไนต์กัดฟันแน่น ชะงักกับคำพูดของคนตัวเล็ก มือหนาคว้าขวดไวน์ยกขึ้นกระดกดื่มแทนการรินใส่แก้ว
คำพูดของเธอทำเอาเขาปฏิเสธไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนพูดไว้เองว่าแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจน แต่ช่วงนี้เขากลับกำลังทำให้สิ่งที่เคยแยกแยะกันชัดเจนมาผสมรวมกันไปหมด
จัสมินแอบรอบยิ้มอย่างพอใจที่ได้เห็นท่าทางหัวเสียแต่ทำอะไรไม่ได้ของคนตรงหน้า ถึงแม้ว่าเธอจะเสี่ยงต่อการถูกเขาทรมานด้วยความเสียวซ่านแทบขาดใจ แต่เวลาที่จะได้ทำให้คนอย่างไนต์ต้องกักเก็บอารมณ์ความต้องการของตัวเองแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนัก ก็ถือซะว่าใช้โอกาสนี้เอาคืนเขาไปแล้วกัน
เวลาผ่านไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง คนที่ต้องกักเก็บอารมณ์ของตัวเองก็ย้ายที่มานั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกันกับพีอาร์สาวสวยสุดฮอตของคลับ โดยเว้นระยะห่างจากเธอเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ไม่สามารถทนห่างจากเธอได้ แต่ยิ่งนั่งใกล้ความปวดหนึบกลางกายก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
หมับ!
อดใจต่อสิ่งยั่วยวนไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นจับที่ต้นขาเรียวสวยของคนตัวเล็กแล้วบีบเบาๆ
จัสมินหลุบตาลงมองมือหนาที่บีบเบาๆ อยู่ที่ต้นขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบนิ่งไม่ได้แสดงออกอะไร แต่มือนั้นบีบนวดลูบไล้เรียวขาของเธอไม่หยุด
“ปกติลูกค้าไม่ลุ่มล่ามแบบนี้นะคะ”
“ฉันเป็นเจ้าของ”
“แต่คุณพูดเองว่าเปิดห้องในฐานะลูกค้า”
“ฉันใจดีไปเหรอเธอถึงได้ดูไม่กลัวฉันแล้ว”
จัสมินเพียงแค่ไหวไหล่เบาๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก เอื้อมมือหยิบแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นจิบไปด้วยความอารมณ์ดี
จริงๆ แล้วเธอกลัวเขามากเวลาที่เขาโมโห แต่ตอนนี้คนตัวสูงไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกกลัว เพราะอยู่กับเขาเธอเป็นตัวของตัวเองที่สุดแล้ว ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรให้รู้สึกเมื่อยเหมือนตอนที่ทำงานบริการลูกค้า
สายตาคมจ้องมองคนตัวเล็กที่นั่งจิบไวน์สบายใจ ก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อนึกอะไรสนุกๆ ออก
“เธอเห็นใช่ไหมว่าห้องนี้เป็นกระจก”
“เห็นค่ะ แต่ก็ไม่มีใครสามารถมองทะลุได้ไม่ใช่เหรอคะ?” ถึงจะเป็นห้องกระจกแต่ก็เป็นห้องที่มีความส่วนตัวสูงมาก เพราะคนภายนอกไม่สามารถมองทะลุเข้ามาด้านในได้ ต่างจากคนที่อยู่ด้านในสามารถมองออกไปด้านนอกได้อย่างชัดเจน
“ก็ใช่...” ไนต์ตอบด้วยรอยยิ้มร้าย “ถ้ารองมีอะไรกันตรงมุมนั้นแล้วดูดีเจเล่นเพลงไปด้วยคงน่าสนุกนะ เธอว่ามั้ย?”
“...!” จัสมินมองตามสายตาคมของคนตัวสูงไปที่มุมห้อง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ
นี่เขาคงไม่ได้คิดจะทำอย่างที่พูดหรอกใช่ไหม ถึงจะไม่มีใครมองเห็นแต่มันก็ชวนให้ตื่นเต้นเกินไปหรือเปล่าถ้าจะทำเรื่องแบบนั้นกันริมกระจกที่มองลงไปเห็นด้านล่างหมดทุกอย่างแบบนี้
“ฉันเบื่อบทลูกค้าแล้วสิ”
“ตะ แต่คุณไม่ชอบที่มีกลิ่นคนอื่นบนตัวฉันนี่” เหตุผลนี้น่าจะเพียงพอให้เขาหยุดความคิดนั้น
แต่ทว่า...
“วันนี้อาจจะยกเว้น หรือไม่ก็...” เขาเว้นจังหวะของคำพูดเอื้อมมือดึงแก้วไวน์ออกจากมือเล็กก่อนจะเทไวน์ที่เหลือในแก้วลงกลางร่องอกอวบอิ่มของเธอช้าๆ
จัสมินเบิกตากว้างอีกครั้งอย่างตกใจกับการกระทำของคนตัวสูง รีบลุกพรวดพราดขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ถูกมือหนาดึงกลับลงมานั่งที่เดิม เพิ่มเติมคือแนบชิดติดกับเขาจนแทบจะเกยบนตักแกร่ง
“แค่นี้ก็กลบกลิ่นคนอื่นได้แล้ว”
ไนต์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับร่องอกอวบอิ่มที่เขาเทไวน์ลงไป กลิ่นหอมของไวน์ชั้นดีช่วยลบกลิ่นน้ำหอมบนตัวของเธอได้เป็นอย่างดี แค่เขาเทเพิ่มลงไปตามไหล่และลำคอระหงของเธออีกนิด แค่นี้บนตัวของเธอก็จะมีเพียงกลิ่นไวน์ที่หอมหวานชวนให้อยากลิ้มลอง
แผล็บ...
ลิ้นร้อนชื้นตวัดเลียเช็ดเอาไวน์ที่เลอะอยู่กลางร่องอกอวบอิ่มเข้าปาก
“รสชาติดีกว่าเดิม” พูดจบก็ตวัดลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองปิดท้าย ลุกขึ้นยืนพร้อมกับดึงคนตัวเล็กให้ลุกตามแล้วดันให้เธอเดินไปที่มุมห้องที่พูดก่อนหน้า
จัสมินขืนตัวเองไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกคนที่แข็งแรงกว่าดันให้เดินไปชิดกระจกตรงมุมห้องที่สามารถมองเห็นด้านล่างได้อย่างชัดเจน
เสียงเพลงที่ดังแทรกเข้ามาในห้องนั้นค่อนข้างเบา ต่างจากผู้คนด้านล่างที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศและเสียงเพลงที่ดูสนุกสนาน โยกย้ายกันไปตามจังหวะดนตรีที่ดีเจกำลังเปิด
“ชัดเจนดีใช่มั้ยล่ะ” ไนต์เอ่ยชิดใบหูเล็ก ยืนซ้อนหลังเธอไว้อย่างแนบชิดบังคับให้มองลงไปด้านล่าง
“ไม่เอานะคะ ตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด” จัสมินรีบหันหน้ากลับไปบอกด้วยหัวใจที่เต้นรัว ยิ่งสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แข็งขื่นกำลังดันสะโพกของเธออยู่ยิ่งทำให้ใจดวงน้อยเต้นแรงกว่าเดิม
“ทำไมล่ะ ดูน่าตื่นเต้นดีออก”
“ตะ แต่นี่เวลางาน”
“อีกแค่ชั่วโมงเดียว อีกอย่างตอนนี้ฉันเลิกเป็นลูกค้าแล้ว”
“แต่ฉันยังอยู่ในเวลางานค่ะ” เธอรีบแย้ง แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผลอะไร
“อนุญาตให้เลิกก่อนเวลา นี่เป็นคำสั่งสูงสุดจากเจ้าของ ใครก็ไม่มีสิทธิ์ขัด” เขาเป็นคนออกกฎของที่นี่ และเป็นคนออกกฎกับสถานะระหว่างเธอ จะเปลี่ยนกฎกะทันหันตอนไหนก็ย่อมได้ “ตอนนี้เธอเลิกงานแล้วจัสมิน”
มือหนาลูบไล้ที่ต้นขาขาวเนียนของคนตัวเล็ก กดใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้กับลำคอระหง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงที่ผิวกายของเธออย่างรุนแรง แม้จะรู้สึกหงุดหงิดที่ยังได้กลิ่นน้ำหอมแปลกๆ ที่ติดอยู่ตามตัวเธอ แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนเท่าไหร่ เพราะมีกลิ่นหอมของไวน์ที่เขาเทลงบนตัวเธอช่วยกลบไปได้บางส่วน หรือเขาควรจะเทเพิ่มให้กลบกลิ่นเหล่านั้นไปเลยดี
ไวเท่าความคิด รีบผละออกห่างจากร่างบางเดินไปหยิบขวดไวน์บนโต๊ะด้วยความรวดเร็ว
จัสมินชะงักแล้วรีบมองตาม ไม่ทันจะได้สงสัยหรือเอ่ยถามอะไร คนตัวสูงก็เดินกลับมาพร้อมกับขวดไวน์ในมือ เขายกมันขึ้นดื่มแล้วเข้าประชิดตัวเธอจากด้านหลังอย่างแนบชิดอีกครั้ง สัมผัสอุ่นจากริมฝีปากหยักได้รูปที่กดจูบลงบนไหล่ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้ง เพราะเขาไม่เพียงแค่จูบแต่ปล่อยไวน์ที่อยู่ในปากให้ใหลอาบลงที่ไหล่เธอไปด้วย
ไนต์ผละออกแล้วกรอกไวน์เข้าปากตัวเองทำแบบเดิมซ้ำๆ จนชุดที่คนตัวเล็กสวมอยู่เปียกชุ่มไปด้วยไวน์รสเลิศที่เขาใช้มันลบล้างกลิ่นที่ไม่ชอบบนตัวของเธอ
มันได้ผลเป็นอย่างดี เพราะตอนนี้บนตัวของคนตัวเล็กมีเพียงกลิ่นหอมของไวน์ที่ชวนให้อยากลิ้มลองจนอดใจไม่ไหวแล้ว
แก่นกายใหญ่ถูกดันเข้าไปภายในความคับแน่นของกายสาว ผนังร้อนที่นุ่มหยุ่นด้านในตอดกระตุกรัดแน่นทุกการเคลื่อนไหวที่ผ่านเข้าไป“อ๊ะ อื้อ...”จัสมินครางกระเส่าร่างกายเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่คนตัวสูงส่งผ่านมา สายตาที่พยายามจะโฟกัสที่ท้องฟ้าถูกคนตัวสูงดึงดูดความสนใจไปหมดแล้วการเคลื่อนไหวร่างกายของเขาสะกดให้เธอเพ่งมองแค่เขาไม่อาจละสายตา มือหนาที่จับขาเธอแยกออกจากกันกว้างเลื่อนขึ้นมาจับเอวคอดของเธอไว้แน่น กดจังหวะรัวเร็วขึ้นตามอารมณ์ปรารถนาที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงไนต์ปล่อยมือจากเอวคอดกิ่วของคนตัวเล็ก โน้มตัวลงหาเธอจนแผงอกแกร่งแนบชิดกับหน้าอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมเคลื่อนไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้น กดริมฝีปากจูบลงที่ไหล่เล็กไล่ขึ้นตามลำคอระหง สองแขนค้ำยันทรงตัวเร่งจังหวะถี่รัวจนคนตัวเล็กเกร็งกระตุกอยู่ใต้พันธนาการ“อ๊ะ คุณไนต์ อื้อ... คะ คุณ...” คนตัวเล็กครางกระเส่า ยกมือขึ้นโอบกอดคนตัวสูงไว้แน่น จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างระบายความเสียวซ่านที่กำลังพุ่งทยานขึ้นสูงใกล้ถึงขีดสุดริมฝีปากหยักได้รูปไล่จูบซับขึ้นตามลำคอระหงจนถึงใบหูเล็ก ตวัดลิ้นเลียที่ใบหูของเธอจนร่างบางสั่นสะท้านหนักขึ้นกว่าเดิม“อื
“อ๊ะ...”เสียงครางแผ่วดังมาจากคนตัวเล็กที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาโกนหนวดด้วยความตั้งใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนตัวสูงไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือ“เป็นอะไร ทำต่อสิ” ไนต์ถามเสียงเรียบทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงเขากำลังก่อกวนเธอด้วยการบีบเคล้นสะโพกของเธออยู่“คุณก็อยู่นิ่งๆ ก่อนสิคะ”“สั่งฉัน?”“ถ้าคุณไม่นิ่งฉันก็ทำไม่ได้ เงยหน้าหน่อยค่ะ”ไนต์เงยหน้าขึ้นตามที่คนตัวเล็กบอก หยุดมือที่บีบขย้ำสะโพกของเธอลง ท่าทางตั้งใจนั่นทำให้เขายอมอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้เธอโกนหนวดให้ต่อไปจัสมินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่คนตัวสูงยอมเงยหน้าตามที่เธอบอกง่ายๆ แถมยังยอมหยุดขย้ำสะโพกเธอด้วย แต่มือเขาก็ยังวางแหมะอยู่ที่ข้างต้นขาของเธอไม่ยอมขยับออกห่าง“เม้มปากให้หน่อยค่ะ”เป็นอีกครั้งที่ไนต์ทำตามคำสั่งอย่างไม่ถกเถียงอะไร ทำให้การโกนหนวดของจัสมินราบรื่นขึ้นจนใกล้จะเสร็จเรียบร้อยมือเล็กลูบเบาๆ ไปตามกรอบหน้าและปลายคางของคนตัวสูง เพื่อทดสอบดูว่าตัวเองนั้นโกนหนวดให้เขาเกลี้ยงเกลาดีแล้วหรือเปล่าสายตาคมจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้ดูจริงจังอย่างตั้งใจไม่วางตา เกิดคำถามขึ้นในใจว่าเพราะอะไรเขาถึงได้เล่นกับเธอได้นานขน
จัสมินกลับถึงคอนโดตัวเองในช่วงเย็นที่แสงสว่างจากธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยแสงไฟ เธอกับไนต์แยกกันที่ลานจอดรถ และเธอไม่ได้ถามว่าเขาจะไปไหนต่อ หรือเอาง่ายๆ คือเธอไม่มีสิทธิ์ถามเรื่องส่วนตัวของเขา แม้จะอยากรู้ว่าเขาจะไปไหนทำอะไรก็ได้แต่เก็บความสงสัยที่มีเอาไว้ในใจกล่องนาฬิกาเรือนหรูที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ ถูกหยิบออกมาเปิดดูอีกครั้ง ก่อนจะถูกเก็บเข้าไว้ในตู้โชว์อย่างดิบดี ดวงตาคู่สวยกวาดมองดูตู้เครื่องประดับของตัวเองที่มีทั้งนาฬิกา กำไลข้อมือ สร้อย แหวน รวมไปถึงตุ้มหู และเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมาย รวมๆ แล้วในตู้นี้มีมูลค่ามากถึงเลขเจ็ดหลัก ถ้ารวมพวกกระเป๋ารองเท้าด้วยราคาก็น่าจะเหยียบแปดหลักได้เธอคงจะเป็นของเล่นราคาแพงอย่างที่เขาว่าจริงๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะสิ่งของเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเขาที่ให้มา แต่จะมีกระเป๋าใบหนึ่งที่ลูกค้าประจำที่เธอดูแลซื้อให้เป็นของขวัญ แต่ไนต์ไม่รู้ เขาคิดว่าเธอซื้อเอง และเธอก็ตั้งใจให้เขาเข้าใจแบบนั้น เพราะไม่อยากจะให้มีปัญหาตามมาครืน… ครืน…สมาร์ทโฟนที่ถูกปิดเสียงไว้เกิดแรงสั่นขึ้นให้ได้ยิน จัสมินละสายตาจากตู้เครื่องประดับมองหาสมาร์ทโฟนของตัวเองคิ้วเรียว
จัสมินและเทียร์น่าเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางกันอย่างสนุก จากที่แรกๆ จัสมินเกร็งจนไม่กล้าหยิบจับอะไร แต่พอถูกเทียร์น่าจับให้ลองนั่นนี่ก็คลายความเกร็งที่มีลง ไปๆ มาๆ พวกเธอสองคนคล้ายจะคุยกันถูกคอซะแล้ว“เทียร์ว่ากลิ่นนี้เหมาะกับพี่มินมากเลยค่ะ หวานๆ แต่ซ่อนความเซ็กซี่ ดูน่าค้นหาสุดๆ”จัสมินชะงักมือที่กำลังจะหยิบน้ำหอมกลิ่นประจำของตัวเอง หันไปมองตามเสียงของเทียร์น่าที่ยื่นกระดาษเทสกลิ่นน้ำหอมส่งมาให้เธอลองดมดู“หอมดีนะคะ แต่พี่มีกลิ่นประจำที่ชอบอยู่แล้ว” เธอเคยลองเปลี่ยนไปใช้กลิ่นอื่นดูแล้วแต่ไนต์ไม่ชอบ...เลยต้องกลับมาใช้กลิ่นเดิม“กลิ่นไหนคะ ขอเทียร์ลองหน่อยสิ”ได้ยินแบบนั้นจัสมินก็หยิบน้ำหอมกลิ่นที่ตัวเองใช้ประจำส่งให้กับเทียร์น่าได้ลองดมกลิ่นดู“เอ๋...กลิ่นนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้กลิ่นมาจากพี่ไนต์เลยค่ะ” เทียร์น่าเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย พลางลอบสังเกตความผิดปกติของพี่สาวคนสวยที่เพิ่งได้รู้จักกัน“สงสัยคุณไนต์ก็คงใช้กลิ่นนี้ด้วยมั้งคะ”“พี่มินคะ นี่น้ำหอมผู้หญิงค่ะ พี่ไนต์ไม่ใช้อะไรแบบนี้หรอก” เธอว่าเธอมองไม่ผิดแน่ พี่ชายของเธอกับจัสมินต้องมีอะไรมากเกินกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่
จัสมินก้มหน้าก้มตาทานราเมงที่สั่งมา กะว่ารีบทานให้เส็จเร็วๆ จะได้รีบออกไปจากร้านนี้ แต่ทว่าขณะที่เธอกำลังเร่งรีบ คนที่นั่งอยู่โต๊ะในระดับสายตาก็พากันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปก่อนเธอแล้วคนตัวเล็กมองตามสองคนหนุ่มสาวที่เดินออกจากร้านอาหารไป แล้วแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดในการทานอาหารมื้อนี้ตอนแรกก็กะว่าจะรีบทานรีบออกไป แต่พอเห็นคนทั้งคู่ลุกไปก่อนเลยเลือกที่จะนั่งทานอาหารมื้อแรกของวันต่ออย่างใจเย็น แต่ในหัวก็ยังเอาแต่นึกถึงภาพของสองคนนั้นอยู่ตลอดเวลา อยากจะรู้ใจจะขาดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถ้าเป็นคนรักของเขา เธอจะได้รีบจัดการตัวเองออกจากความสัมพันธ์นั้นโดยเร็ว ก่อนที่คนของเขาจะรู้ตัว...ฟุ่บ!ขวับ!ใบหน้าสวยหันขวับด้วยความรวดเร็วเมื่ออยู่ๆ ที่ว่างข้างกายก็มีคนเดินมานั่ง ความตกใจทำให้เธอรีบขยับออกห่างอย่างอัตโนมัติ และเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งลงเป็นใครก็ไม่ได้ทำให้ความตกใจของเธอลดน้อยลงเลย“คุณไนต์?!” ทำไมเขาถึงกลับมาได้ล่ะ เขากลับมาหาเธอเหรอ หรือว่าลืมของไว้แล้วแค่เดินกลับมาเอาไนต์จ้องมองคนตัวเล็กที่ดีดตัวออกห่างด้วยแววตานิ่งเฉย ก่อนจะละสายตาจากร่างบางมองไปบนโต๊ะที่มีถ้วยรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้ากับผิวกายที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่ม ปลุกให้คนตัวเล็กที่หลับไหลไปด้วยความอ่อนเพลียรู้สึกตัว มือเล็กเอื้อมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายตัวเองจนถึงคอทั้งที่ตายังหลับ ขยับขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยความรู้สึกหนาวเย็นแรงขยับตัวของเธอดึงความสนใจจากคนตัวสูงที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ให้ละสายตาจากหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือหันไปมอง ไนต์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางการนอนของคนตัวเล็กผ่านรูปร่างของผ้าห่มผืนใหญ่ เธอขดตัวเข้าหากันจนแทบจะเป็นก้อนกลมๆ อยู่แล้วสายตาคมเหลือบมองที่รีโมทคอนโทรลของเครื่องปรับอากาศ เอื้อมมือหยิบขึ้นมากดปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะตอนแรกที่เขามาถึงเขาเปิดทิ้งไว้ที่ 18 องศา จากนั้นก็มีกิจกรรมเข้าจังหวะกันไปไม่น้อยกว่าสองรอบ ทำให้ไม่ได้รู้สึกว่าอุณหภูมินั้นเย็นเกินไป แต่ตอนนี้กิจกรรมนั้นจบลงแล้ว และคนตัวเล็กเจ้าของห้องก็หมดแรงไปแล้วอย่างที่เห็นหมับ!ไนต์รีบหันกลับมามองเมื่อมีแรงกอดกระชับลงบนขาที่อยู่ใต้ผ้าห่ม คนที่เคยนอนขดตัวอยู่ข้างๆ ตอนนี้ขยับตัวเองมาแนบชิดกอดขาเขาไว้แน่นแล้วซุกใบหน้าลงที่ข้างเอวสอบของเขาไปด