พอมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลจาง อะไรที่ดาวไม่อยากรู้ก็ได้รู้ เป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากบรรดาบ่าวไพร่ว่า หลังจากเขามาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียได้ไม่นาน สามคุณชายก็วางแผนให้เมียแต่งที่ไม่ต้องการทนอยู่ไม่ได้ จนเลือกเป็นฝ่ายไปจากที่นี่เองให้พ้น ๆ
และดูเหมือนข่าวลือจะเป็นจริง เพราะต่อจากนั้นดาวิชก็ถูกใช้ให้ทำงานอย่างหนัก ทั้งที่บางเรื่องไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ตัวอย่างเช่น การทำความสะอาดคอกม้า ทั้งที่ในนั้นไม่มีม้าสักตัว
คุณชายฝากให้บ่าวสักคนมาบอกดาวว่า
‘ฉันจะบูรณะคอกม้าใหม่ แล้วว่าจะซื้อม้าตัวใหม่มาเลี้ยง แต่บ่าวไพร่คนอื่นมีงานล้นมืออยู่แล้ว เหลือแต่เธอคนเดียวแหละในบ้านนี้ที่ยังว่าง วัน ๆ เอาแต่เดินแกว่งแขนเล่นอยู่ได้!’
เมียแต่งผู้ไม่ถูกยอมรับฟังแล้วฉุนกึก แต่คำพูดนั่นก็ไม่เกินจริง เพราะดาวเองก็ไม่มีอะไรทำในบ้านหลังนี้จริง ๆ นั่นละ
แต่สะใภ้ไร้ศักดินาอดกระหยิ่มใจไม่ได้ว่า สามคุณชายนี้ไม่รู้อะไรเสียแล้ว งานเป็นคนใช้ต่างหากคือความตั้งใจจริงแท้แต่แรกของเขา งานใช้แรงไม่ใช่สิ่งที่เขาหวั่นเลย
‘สามคนนี้คิดจะใช้เรื่องนี้มาแกล้งงั้นเหรอ ไม่สำเร็จหรอก งานอย่างนี้ละคือความถนัดของเราเลย’ ดาวคิดในใจ
คนทำงานในคฤหาสน์คนต่อมาที่ดาวรู้จักคือแม่บ้านแตงโม หล่อนเป็นแม่บ้านประจำเรือนใหญ่ เป็นหญิงร่างท้วม ผิวขาวแบบคนเชื้อสายจีน ใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีตลอดเวลาและชอบทาปากสีแดงแจ๊ด บุคลิกโดยรวมร่าเริงน่าคบหา แถมยังมีน้ำใจกับสมาชิกใหม่อย่างเมียแต่งหัวเดียวกระเทียมลีบคนนี้
ขณะดาวกวาดพื้นทำความสะอาดแถวคอกม้าและบริเวณใกล้เคียงนั่นเอง แม่บ้านแตงโมก็ปรากฏตัว
ดาวเห็นแล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าผากก่อนส่งยิ้มให้
“แตงโมเอาหมวกกับปลอกแขนมาให้ค่ะ ไม่อยากให้คุณหนูดาวผิวเสีย”
ดาวรับไว้แล้วใช้งานทันที “ขอบใจจ้าพี่แตงโม”
“แล้วดื่มน้ำเย็น ๆ สิคะ” แม่บ้านถือกระติกมาด้วย ดาวเห็นแล้วถูกใจ เขานึกถึงตอนอยู่ที่บ้านเกิด แล้วเห็นแม่หิ้วกระติกน้ำให้พ่อติดไปดื่มในเรือ
“ขอโทษด้วยนะคะคุณหนู คือแตงโมคิดว่ากระติกมันดู…ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่บังเอิญว่ามันสะดวกใช้ดีค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่แตงโม ผมชอบกินน้ำจากกระติก มันกินง่ายแล้วก็เย็นชื่นใจดีด้วย” ว่าแล้วดาวก็ซดน้ำเปล่าอั้ก ๆ ด้วยความกระหาย
“คุณหนูกินน้ำเยอะจังค่ะ มิน่าผิวพรรณดี๊ดี”
พอดับกระหายเสร็จ ดาวก็ลงมือทำงานต่อ แม่บ้านแตงโมบิดปากแล้วเอ่ยอย่างอดใจไม่ไหว
หล่อนเดินมากระซิบบอกทั้งที่แถวนี้ไม่คนอยู่ว่า
“คือแตงโมว่าคุณดาวไม่ต้องทำความสะอาดอย่างจริงจังนักก็ได้ค่ะ ทำแค่ลวก ๆ ก็พอ ไม่มีใครมาตรวจความเรียบร้อยหรอก”
“ไม่ดีหรอกพี่แตงโม ไหน ๆ จะทำแล้วก็ทำให้ดีไปเลยดีกว่า ไม่แน่สามคุณชายอาจมาสุ่มตรวจเมื่อไหร่ก็ได้ใครจะรู้”
คนเป็นแม่บ้านคันปากอยากพูดต่อว่า ‘เขาแค่คิดจะแกล้งให้คุณอยู่ไม่ได้เท่านั้น ไม่ได้อยากให้คอกม้าสะอาดเอี่ยมจริง ๆ สักหน่อย’
แต่ก็ได้แต่พูดให้กำลังใจไปก่อนว่า
“คุณหนูเนี่ยเอาจริงเอาจังเหลือเกิน ถ้าพี่ได้เป็นเมียแต่งของคุณชายและพวกเขาไม่แยแสพี่อย่างนี้นะ พี่จะไม่ทำตามคำสั่งหรอก ไหน ๆ ก็ไม่สนใจเราแล้ว เราเอาเวลาไปอย่างอื่นที่มีประโยชน์กับเรา อย่างการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ดีกว่า”
ดาวิชถึงกับต้องหยุดใช้หมวกพัดวีแก้ร้อน เขาไม่อยากเชื่อหูว่าประโยคนั้นมาจากแม่บ้านวัยกลางคนร่างท้วม “พี่แตงโมฝันอยากมีตัวตนในโลกออนไลน์งั้นเหรอ”
“แม่นค่ะ ก็พี่เป็นแม่บ้านสาวสวยโสด ลูกผัวไม่มี อะไรจะดีกว่าการหาเงินเองให้ได้เยอะ ๆ ละคะ และนั่นละคือคำตอบที่เวิร์กที่สุดที่จะอยู่รอดได้ในยุคนี้!”
“ว้าว พี่แตงโมนี่ทันสมัยไม่เบาเลย ถ้าพี่มีความมุ่งมั่นอย่างนี้เปิดช่องสอนเป็นโค้ชได้เลยนะเนี่ย”
“อุ๊ย จริงเหรอคะ ดีใจจัง”
ทั้งคู่หยอกล้อต่ออีกนิดหน่อย ก่อนแตงโมจะเตือนว่าดาวอย่าหักโหมเกินไป แล้วแม่บ้านก็ขอตัวไปทำงานต่อ
ดาวิชพักจากงาน เงยหน้ามองท้องฟ้า สายลมเย็นพัดโชย
เขายังดีใจว่าท่ามกลางคฤหาสน์ตระกูลจางที่ใหญ่โต อย่างน้อยเขาก็ยังมีแม่บ้านผู้อารีคนนี้เป็นพวก
+++++
อีกไม่กี่วันต่อมา ก็มีข่าวว่าท่านปู่ของสามคุณชายเดินทางกลับจากฮ่องกง ซึ่งดาวิชก็คงไม่ได้ใส่ใจอะไรหากท่านปู่ไม่ขอพบเขาเป็นการส่วนตัว
โอเมก้านายบำเรอที่สามีไม่ต้องการทำท่าประหม่าเมื่อได้รู้ แต่แม่บ้านแตงโมปลอบใจว่า
“ท่านปู่จางอี้เทาเป็นคนใจดีมาก ไม่ดุดันเข้มงวดและอารมณ์ร้อนเหมือนกับท่านจางเจี่ย”
“จางเจี่ยคือใครครับ” ดาวคุ้นหูชื่อนี้ มีการพูดถึงตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนี่ แต่เขาจำไม่ได้
แตงโมอธิบายว่า “บิดาของสามคุณชายที่จากไปค่ะ เป็นหลงโถวคนก่อน และท่านมีนิสัยตรงข้ามกับคุณนิดา เมียของท่าน ซึ่งเป็นฟูเหรินของตระกูลจางน่ะค่ะ”
ดาวตั้งข้อสังเกต “คุณนิดาเป็นคนไทยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ท่านเป็นคนอ่อนโยนอ่อนหวานเรียบร้อย แต่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร”
หนุ่มโอเมก้าจึงคิดว่างั้นสามคุณชายก็คงได้ดีเอ็นเอมาจากพ่อ ไม่ค่อยได้จากแม่สักเท่าไรกระมัง
และอีกไม่นานดาวก็ได้มาพบจางอี้เทาตัวเป็น ๆ ในห้องรับรองที่เล็กกว่าห้องไข่มุก ที่มีชื่อว่าห้องมรกต ซึ่งดาวทราบทีหลังว่าเป็นห้องพักผ่อนโปรดของท่านปู่
ท่านปู่อี้เทาเป็นชายชราดูสง่างาม เส้นผมเป็นสีขาวโพลนทั้งศีรษะก็จริงแต่ยังค่อนข้างดกหนาและหยักศกอย่างได้รูปได้ทรง เค้าโครงใบหน้าของท่านมีเค้าว่าตอนหนุ่มต้องเป็นคนที่หล่อเหลาเอาการไม่ใช่เล่น แถมด้วยรอยยิ้มกว้างที่ชุดฟันยังดูดีมาก ดวงตาฝ้าฟางเล็กน้อยจนตาดำเป็นสีเทาแต่มีแววใจดี รอยย่นจำนวนมากที่หน้าผากและหางตาเวลายิ้มกลับทำให้ท่านปู่ดูเป็นชายสูงวัยที่ดูน่ารักน่าอยู่ใกล้มากกว่าถอยหนี
และท่านปู่ก็เอ่ยทักทายดาวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองอย่างไม่น่าเชื่อ
“อ้อ เธอนั่นเองคือดาวิช หลานสะใภ้ของฉัน ดีใจจังที่ได้เจอตัวเป็น ๆ”
ดาวอยู่ในท่านั่งพับเพียบที่พื้นเพื่อให้เกียรติชายชรา อี้เทาลุกขึ้นยืนแล้วร้องเรียกดาวยืนขึ้นด้วย
“ไหนลุกขึ้นยืนให้ฉันดูหน่อยสิ”
ดาวปฏิบัติตาม
ด้วยวัยเจ็ดสิบกว่าทำให้ร่างกายของท่านปู่หดเล็กลงกว่าเดิมเล็กน้อย อย่างไรก็ตามท่านก็ยังสูงกว่าหนุ่มโอเมก้าร่างเล็กบางอย่างดาวอยู่ดี
และที่น่าไม่เชื่อคือมือหนึ่งของจางอี้เทายื่นมาจับคางเล็กของดาวไว้ ผิวที่มือของชายชราแห้งและเย็นจนดาวสะดุ้ง
หนุ่มโอเมก้าแทบไม่ได้หายใจ ในตอนที่ชายชรายื่นหน้าเข้ามาจนแทบชิด ท่านปู่หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก
คนเป็นสะใภ้ถึงกับขนลุกเพราะสิ่งที่ท่านปู่ทำไม่ต่างจากสิ่งที่กรรมการทำในวันที่เขาถูกทดสอบก่อนหน้านี้
แล้วอี้เทาก็รำพึงออกมาอย่างพอใจ แต่ดาวฟังแล้วไม่เข้าใจ
“อื้อ ดี เลือกได้ดีจริง ๆ ดีกว่าที่คิดไว้อีก”
พูดแล้วเหมือนท่านปู่เหมือนจะรู้ตัวว่าทำให้คนฟังงง คนแก่กว่ารีบถอยตัวห่าง ดึงมือออกแล้วเก็บไปไพล่หลัง ก่อนจะส่งยิ้มอบอุ่นให้คนอ่อนวัยกว่าสบายใจ
“ฉันชอบหนูนะ หน้าตาก็น่ารัก กิริยามารยาทก็เรียบร้อย”
“ขอบพระคุณครับนายท่าน”
“เฮ้ เรียกท่านปู่สิ”
“ครับ ท่านปู่”
แล้วอี้เทาก็ถอนใจเบา ๆ พูดต่อว่า “แต่การจะมีสามีเป็นไอ้สามคนนั้นน่ะ ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งฉันไม่อยากบังคับใจของไอ้สามคนนั้น เพราะรู้ดีกว่าพวกมันน่ะดื้ออย่างกับลา ยิ่งบังคับยิ่งไม่ทำ”
ฝ่ามือของท่านปู่บีบเบา ๆ ที่ไหล่ราวกับคลายความปวดเมื่อยตามประสาคนแก่แล้วเอ่ยต่อว่า “ดังนั้นฉันเลยอยากให้หนูอดทนไปก่อน ถ้ามีอะไรที่ฉันพอช่วยได้ ฉันจะทำเต็มที่”
ดาวเงยหน้าขึ้น แอบเหลือบตามองแววตาของชายชราเพื่อดูว่าอีกคนจริงใจแค่ไหน แล้วเขาก็แปลกใจที่ชายชราผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ก็ดูจริงใจไม่ต่างจากนายเดชผู้ช่วย
ดาวิชแค่ไม่แน่ใจว่าเหตุใดท่านจางอี้เทาจึงแสดงท่าทีเป็นพันธมิตรอย่างเปิดเผยกับสะใภ้ไร้สกุลอย่างเขานับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่ยังไม่ทันได้คิดต่อชายชราก็หันหน้าไปทางอื่น พ่นลมออกจากจมูกเสียงดัง ในใจของอี้เทาคิดแต่ไม่ได้พูดว่า
‘เฮอะ คอยดูเหอะ ถ้าได้เมียสวยน่ารักขนาดนี้ เราคงไม่ต้องจัดการอะไรเลยด้วยซ้ำ เดี๋ยวไอ้พวกหัวดื้อสามคนก็หลงหัวปักหัวปำ ตอนนี้ให้มันทำเบ่งไปก่อน’
และหนุ่มโอเมก้าถึงกับงงงวย เมื่อชายชราผู้เคยยิ่งใหญ่เผลอพูดกับตัวเองแต่ดาวิชได้ยินว่า
“ไอ้พวกโง่นั่นไม่รู้อะไรซะแล้ว นี่ละเมียชั้นดี ดีมาก ๆ เลยด้วย!”
+++++
การทำงานใช้แรงดำเนินไป ทั้งที่ดาวคิดว่าตัวเองแข็งแรงมาตลอด แต่ภาระที่บรรดาคุณชายทั้งสามโยนลงมาบนบ่าของเขาคงหนักเกินไป
เช้าวันหนึ่ง เขาตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย แถมยังเป็นวันที่มีฮีทด้วย ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายจะอ่อนแอที่สุดในรอบเดือน แต่เพราะใจสู้เขาจึงแข็งใจไปทำงานที่คอกม้าอย่างมีวินัย
หนึ่งในคุณชายสั่งผ่านบ่าวไพร่มาว่า
‘เสร็จจากงานที่คอกม้าแล้วมาทำกับข้าวที่โรงครัวด้วย ไม่ใช่ทำให้พวกฉันกินหรอกนะ แต่เป็นพวกบ่าวไพร่ต่างหาก เพราะฉันคงกินฝีมือห่วย ๆ ของเธอไม่ลง’
ตะวันบ่ายคล้อย หนุ่มโอเมก้าเพิ่งเสร็จจากงานที่คอกม้า เขาเดินขาลากกลับมาที่ครัวของเรือนคนใช้ น่าแปลกที่รู้สึกราวกับเรี่ยวแรงหายไปหมด เขาคงเหนื่อยเกินไปติดกันหลายวัน ต้องตื่นเช้าไปทำงานใช้แรงตอนกลางวัน ตกกลางคืนดาวต้องอ่านตำราและชีทสรุปเนื้อหาวิชาของเทอมที่แล้วที่ว่าจะเรียนแต่ไม่ได้เรียน และเทอมใหม่ใกล้เปิดเรียนแล้ว
เนื่องจากประมาณปีที่แล้ว ดาวเริ่มลงเรียนมหาวิทยาลัยเปิดไว้ด้วยตามประสาคนรักเรียน แต่เรียนไปได้เทอมเดียวก็ต้องหยุด เพราะติดปัญหาเรื่องเงิน
‘เทอมนี้ต้องไม่พลาด ไหน ๆ กัดฟันจ่ายค่าลงทะเบียนไปแล้วต้องได้เรียน’
กลับมาสู่เหตุการณ์ตรงหน้า ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่ก้าวจะถึงโรงครัว แต่จู่ ๆ ร่างบางกลับหยุดนิ่ง
ดาวยกมือกุมศีรษะ ร่างโอนเอนไปมาก่อนจะล้มลง ยังดีที่ตรงนี้คือพื้นหญ้า
และโชคดีที่แม่บ้านแตงโมผ่านมาพอดี แม่บ้านถึงกับทิ้งของในมือ แล้วรีบรุดมาช่วยเด็กหนุ่มที่นอนสลบไสลบนพื้น
“ว้ายตายแล้ว คุณหนูดาวเป็นลม!”
แม่บ้านร่างท้วมเอามืออังที่หน้าผากและซอกคอ จากนั้นก็ส่งเสียงลั่นสนามหญ้า
“ช่วยคุณหนูดาวด้วย คุณดาวตัวร้อนจี๋เลย ใครก็ได้มาช่วยหน่อย!”
ที่ห้องส่วนตัวของดาว หนุ่มโอเมก้าเดินกลับมาหาสามอัลฟ่าคุณชายที่แทบนั่งไม่ติดด้วยความกระวนกระวายพอเห็นหน้าเจ้าของห้องก็รีบถามทันที“เป็นไง เธอเข้าใจพวกเราแล้วใช่ไหม”ดาวพยักหน้าเร็ว ๆ “ครับ”ภรรยาเดินมานั่งเก้าอี้ที่หนึ่งในแฝดรีบสละให้ทันที พอนั่งลงดาวเขาก็ยังก้มหน้านิ่ง ไร้คำพูดคำจาสามคุณชายทนไม่ไหว รีบผลัดกันถามภรรยาของพวกเขา“เป็นยังไงบ้างล่ะดาว ท่านปู่ว่าอย่างไรบ้าง”“เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากคุณปู่แล้วใช่ไหม”“ถ้าเธอได้รู้จะได้เข้าใจที่มาที่ไปของพวกเราทั้งหมด…ว่าทำไมเราถึงไม่ชอบเธอในตอนแรก”เมียที่กลายเป็นของเล่นตอบแต่ไม่เงยหน้า “สำหรับเรื่องนั้นท่านปู่จางอี้เทาเล่าให้ผมฟังแล้วเหมือนกันครับ”ดาวทราบแล้วและเข้าใจเหตุผลว่าทำไมทั้งสามถึงอาละวาดและตามมาข่มเหงเขาแทบแย่เมื่อรู้ว่าเมียแต่งของพวกตนเป็นโอเมก้า แต่ถ้าพูดอย่างยุติธรรม การกลั่นแกล้งก็คือการกลั่นแกล้ง ไม่อาจซักฟอกให้เป็นสิ่งถูกต้องได้นั่นคือสิ่งที่ดาวคิด แต่แล้วก็ถอ
สามคุณชายยอมให้ดาวใช้เวลาส่วนตัวคุยกับท่านปู่จางอี้เทาโดยพวกเขาไม่เข้ามารบกวนสองแฝดออกตัวว่า‘เผื่อเมียของเราอาจมีเรื่องลับ ๆ อยากคุยกับท่านปู่’‘หรือในทางกลับกันท่านปู่ก็อาจมีอะไรลับ ๆ อยากบอกหลานสะใภ้ก็ได้’‘เอ๊ะ คุณสองคนพูดอย่างนี้แปลว่าอะไรแน่!’ ดาวทำเสียงดุใส่ เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่สถานะระหว่างเขากับสามคุณชายดูจะสลับบทกันอย่างไรบอกไม่ถูกส่วนเจียเหาได้แต่ยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าแล้วกอดไหล่น้องชายแฝดเดินหลบมุมไปเงียบ ๆดาวรู้ว่า ก่อนหน้านั้นคุณชายใหญ่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อี้เทาฟังคร่าว ๆ แล้วว่า ที่คฤหาสน์หลานสะใภ้ได้ยินเรื่องที่ปู่เล่าให้พวกหลาน ๆ ฟัง และไม่พอใจอย่างรุนแรงจนหนีกลับบ้านดาวได้ยินแล้วทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากชูกำปั้นใส่ด้วยที่คุณชายยังใช้คำว่าหนีกลับบ้านไม่เลิก มันฟังเหมือนดาวเป็นแค่เด็กเอาแต่ใจไม่มีผิดตอนนี้ในโทรศัพท์ของเจียเหามีหน้าคุณปู่อยู่ในนั้น ใบหน้าของท่านยังใจดีอย่างเคย[หนูดาวสบายดีไหม][สบายดีครับ แล้วท่านปู่ละครับ]หนุ่มน้อยโอเมก้าว่าที
สามคุณชายเอ่ยเสียงลั่นเกือบพร้อมกันว่า “แล้วเราต้องขอโทษยังไงเธอถึงจะเชื่อล่ะ”แล้ว ณ ตอนนั้นสะใภ้จากสงขลาไม่รู้นึกอย่างไร เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโพล่งไปว่า“ตามธรรมเนียมคนบ้านผม ถ้าเราอยากให้คนที่เราตั้งใจขอโทษรู้ว่าเราสำนึกผิดจริง ๆ จากใจ ไม่มีทางอื่นเว้นแต่เราต้องกราบขอโทษแทบเท้าคนสำคัญของเขา”สามอัลฟ่าได้ยินแล้วถึงกับทำตาเบิกโพลง “ฮะ?! นั่นหมายถึง…”ดาวิชพยักหน้าแล้วเม้มปากล่าง “หมายถึงเท้าพ่อกับแม่ของผม”คราวนี้ถึงตาสามคุณชายไฮโซถึงกับอึ้งไปนานเลยแต่แล้วก็มีเสียงขัดจังหวะ เมื่อพ่อกับแม่ร้องบอกอย่างร่าเริงว่า“อาหารเย็นพร้อมแล้วมากินข้าวกันเถอะ”+++++อีกไม่นานอาหารง่าย ๆ ข้าวสวยร้อน ๆ น้ำพริกกับผัก และกับข้าวอีกสามสี่จาน–ยำกุ้งหวาน ปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ กับไข่เจียวใบโหระพาฟูนุ่มก็พร้อมเสิร์ฟ“กินสิขรับคุณ ๆ อาจไม่ถูกปากนัก เพราะของสดที่เอามาทำก็ของพื้น ๆ ชาวประมงแถวนี้ พวกเราจับเอง เหลือก็เอาแบ่งกันกิน
ดาวกลับมาอยู่ที่อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา บ้านเกิดของเขาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วการตัดสินใจแค่ไม่กี่นาทีส่งผลให้ชีวิตของดาวเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความเป็นอยู่ที่นี่สงบเงียบเรียบร้อย จนหนุ่มโอเมก้าไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือชีวิตเดียวกับตอนที่เป็นของเล่นของสามคุณชายที่คฤหาสน์และวันธรรมดาวันหนึ่ง ระหว่างที่พ่อกับแม่นั่งกินข้าวกลางวัน ส่วนดาวล้างจาน พ่อกับแม่ถามคำถามกับลูกเพราะเพิ่งนึกได้“ดาวเอ๊ย ตกลงแกไม่ได้ทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วเหรอ”ลูกชายหรี่ก๊อกน้ำแล้วหันมาตอบ “เปล่าแล้วจ้ะแม่”พ่อกับแม่มองด้วยสีหน้านิ่งอย่างสงสัย แต่ไม่ถามอะไรที่กดดันอย่างเช่น ‘แล้วจะทำอะไรต่อ’ ทั้งคู่รู้ดีกว่าลูกชายของพวกตนไม่ใช่คนหลักลอยเหลวไหลคราวนี้เป็นตาพ่อถามบ้าง “เอ้อ พ่อว่าจะถามเรื่องค่ารักษาของพ่อ หนูไปเอาเงินมาจากไหน”“อ๋อ” ดาวชะงัก แต่ก็รีบแก้ตัวว่า “หนูไปคุยกับหมอและเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลมาแล้วจ้ะ ใช้สิทธิบัตรทองได้ ของแม่ก็เหมือนกันนะ ไม่ต้องกังวล”พ่อกับแม่กลืนอาหา
“นั่นเลยเป็นที่มาตั้งแต่ก่อนพ่อแกจะตาย เราถึงเฝ้าเพียรพยายามหาคนที่ใช่ และมันไม่ง่ายเลย เราใช้เวลานานหลายปี หลายคนที่คุณสมบัติใช่แต่เขาไม่ร้อนเงิน ไม่มีเหตุผลที่จะยอมลำบากมาแต่งงานเป็นสะใภ้ตระกูลจาง มีหนูดาวนี่ละลงตัวที่สุด เป็นดอกบัวขาวอย่างที่เรามองหา แถมฐานะที่บ้านยังขัดสน”ชายชราเว้นช่วงเพื่อให้ความจริงตกตะกอนในสมองทึบ ๆ ของสามหลายชาย ก่อนจะย้ำด้วยประโยคอันเด็ดขาดและเสียงดังว่า“แกคิดว่าจะหาโอเมก้าคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างนี้ได้ง่าย ๆ หรือไง!”สามคุณชายพูดอุบอิบ รู้สึกผิดหวังอะไรสักอย่างกับตัวผู้ให้กำเนิด “แล้วทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยบอกพวกเราเรื่องนี้เลย”“พ่อแกเคยมาปรึกษาฉัน แล้วเราก็ตกลงว่า จะดีกว่าถ้าปล่อยให้เรื่องนี้เป็นความลับ”สามคนถามโดยพร้อมเพรียง “ทำไมล่ะครับ”“การรู้จุดด้อยของตัวเองเร็วเกินไปส่งผลไม่ดีต่อความมั่นใจ โดยเฉพาะในช่วงที่แกเปลี่ยนจากวัยรุ่นกลายเป็นวัยผู้ใหญ่เต็มตัว พ่อแกรู้ว่าสักวันตำแหน่งหลงโถวของเขาจะต้องถูกส่งต่อให้พวกแกคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นย่อมไม่ดีแน่ถ้า
เจียเหาในฐานะพี่ใหญ่รวบรวมความกล้าเอ่ยถามท่านปู่ตรง ๆ“ดะ…ดาวเอาเรื่องนี้มาบอกคุณปู่เหรอครับ”“เปล่า ฉันรู้เอง ดังนั้นพวกแกอย่าเอาเรื่องนี้ไปโทษเขาล่ะ เขาไม่ได้เอามาฟ้องฉัน”ตอนแรกอี้เทากระหยิ่มในใจ แผนการโยนหินถามทางกับสามคุณชายปากแข็งน่าจะสำเร็จ ชายชราแค่ลองปะติดปะต่อเรื่องเอาเองแล้วเอ่ยโพล่งออกไป ซึ่งพอเห็นปฏิกิริยาของสามคุณชายเลยฟันธงว่าน่าจะเข้าใจถูกในประเด็นที่ทั้งสามคงตกลงอะไรบางอย่างกับดาวเกี่ยวกับสถานะความเป็นเมียแต่อี้เทาเป็นคนยุติธรรม เขาอยากให้ทั้งสามคุณชายเป็นผู้ใหญ่ เป็นลูกผู้ชายตัวจริงที่กล้ายอมรับเองว่าพวกตนทำอะไรไว้ทั้งสามนั่งตัวลีบแต่ยังปากแข็งไม่ยอมรับเวลาผ่านไป เข็มนาฬิกาของนาฬิกาคุณปู่ หรือนาฬิกาโบราณตั้งพื้นเรือนใหญ่ดังติ๊ก ๆ อย่างต่อเนื่องขนาดอี้เทาเป็นคนอารมณ์เย็นยังหมดความอดทน“ไอ้พวกหลานโง่ นี่ฉันทนพวกแกไม่ไหวแล้วนะ!”สามคนทำหน้าซีด แต่ยังปากแข็งไม่ยอมพูดสักคำท่านปู่จางอี้เทาทนไม่ไหวอีกจึงกระชากเสียงถามหลานชายจอมมึน“แกรู้ไหมว่า