ทะเลผลักแต่วายุไม่เพียงแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ยังทำให้ทะเลถอยหลังพิงกำแพงจนถอยต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ทะเลถึงกับหลับตาปี๋รีบตอบ“ก็ได้ๆ ถอยออกไปได้แล้ว”“สัญญาด้วยว่าห้ามไล่ผมออกไปก่อนครบหนึ่งอาทิตย์ตามที่ตกลงกัน” ทะเลสีหน้ายุ่งยากก่อนพยักหน้ารัวๆ “เออ ไม่ไล่ พอใจรึยัง”“เย่ พี่เลใจดีที่สุดเลยอะ”ทะเลผงะรีบเบี่ยงตัวออกห่างแล้วยื่นคำขาด“ฉันให้นายอยู่ได้หนึ่งอาทิตย์ ระหว่างนี้ฉันจะไปดูที่โรงเรียน ว่ามีเด็กนักเรียนหายไปบ้างรึเปล่า บางทีอาจจะหาเบาะแสของนายได้”“ทำไมต้องหาด้วย” วายุเสียงเข้ม“เอ้า ก็ต้องหาสิว่านายเป็นใคร พวกนั้นทำนายทำไม เพราะมันไม่ใช่ปล้นชิงทรัพย์ธรรมดาแน่ๆ มันต้องมีเงื่อนงำ”“ช่างเถอะน่า อย่าสนใจเลย นะๆ มากินข้าวดีกว่าพูดมากเหนื่อย มาๆ นั่ง”“เอ๊ะ! นายนี่ ปล่อยฉันนะ” ทะเลร้องเสียงหลงเมื่อถูกฉุดกระชากลากถู แต่เขาต้องชะงักเพราะวายุดึงเก้าอี้ออกห่างแล้วกดเขานั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ ส่วนตัวเองก็รีบวิ่งไปนั่งฝั่งตรงข้าม แล้วผายมือเชิญชวนอย่างขมีขมัน ทะเลได้แต่ทอดถอนใจกว่าจะรู้ตัวว่าแพ้ทางเด็กหนุ่ม เวลาก็ล่วงผ่านมานานนับเดือนจนได้ เขาให้วายุอยู่ด้วยเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว วายุเหมือนลู
ทะเลอ่อนใจ เดินแกมวิ่งนำเด็กหนุ่มกลับขึ้นไปที่ห้อง ปิดประตูลงกลอนอย่างไวด้วยความกลัว ทะเลหันกลับมาหาเด็กหนุ่มที่เดินไปนอนแผ่บนโซฟาราวกับเป็นห้องของตัวเองก็ไม่ปาน“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” ทะเลยืนเท้าเอวโวย “บอกให้ลุกไง!”“ก็ได้ๆ” เด็กหนุ่มลุกนั่ง สองมือกุมขมับครู่หนึ่งก็เงยหน้าสบตาทะเลที่มองมาตาขวาง“นายชื่ออะไร”“วายุ”ทะเลพยักหน้าก่อนจะหน้านิ่วคิ้วขมวดถาม “ทำไมจำชื่อได้ แต่จำบ้านตัวเองไม่ได้”“ก็มันคุ้นๆ ว่าจะใช่”“โอเค งั้น นายเรียนที่อคิราห์วิทยารึเปล่า”“เปล่า”“อ้าว! ก็จำได้นี่ แล้วเรียนที่ไหนล่ะงั้น”“ไม่รู้” เด็กหนุ่มสายหน้าไม่พอยังกุมหัวยีผมตัวเองแรงๆ “ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่า บ้านอยู่ไหน ทั้งเนื้อทั้งตัวผมก็ไม่มีอะไรสักอย่าง เลยไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน พ่อแม่เป็นใคร หรือเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ผมก็ยังไม่รู้เลย”“อย่ามาโกหกฉันนะ” ทะเลขู่“ผมไม่ได้โกหก ผมไม่รู้จริงๆ ขอผมอยู่กับคุณก่อนสักสามสี่วันได้ปะ”“แต่ผมอยู่คนเดียว” ทะเลแย้ง“ก็นั่นแหละดี”“อะไรนะ!”“เปล่าๆ ผมจะบอกว่าผมไม่มีที่ไปจริงๆ” เด็กหนุ่มพูดจบก็ก้มหน้าคอตก สองมือยกขึ้นพนม “นะหนูคิตตี้นะ ให้แผลผมหายดีแล้วจะไปทันทีเลย”ทะเลได้ฟั
คืนนั้นท่ามกลางความมืด...ทะเลบิดตัวไปมาอยู่ใต้ร่างแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเด็กหนุ่ม เขาพบว่าที่แท้แล้วความใคร่ระหว่างชายก็ไม่เข้าใครออกใครทะเลระเบิดความร้อนแรง กระตุ้นอารมณ์ดิบเข้าใส่อย่างเต็มกำลัง และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ยอมแพ้ เด็กหนุ่มรั้งร่างขาวโพลนเข้าหา ปลดเปลื้องดำกฤษณาภายในเข้าใส่อย่างไม่มีใครยอมใคร จนในที่สุดสงครามปรารถนาก็สิ้นสุด ต่างคนต่างหมดแรง “นายไปเอาพละกำลังขนาดนี้มาจากไหนกัน”“รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ” เด็กหนุ่มกระซิบทะเลย่นคอเพราะลมร้อนที่ปล่อยออกมาจากริมฝีปากเด็กหนุ่ม ทำให้เขาสะดุ้ง“เปล่าซะหน่อย” ทะเลตอบ“บอกมาสิว่าชอบผม” “ไม่ชอบ” “โกหก บอกมาก่อนว่าต้องการผม”“ไม่!”“บอกมา” “ก็ได้ ต้องการ ผมต้องการ” ทะเลตอบอย่างจำนนเด็กหนุ่มโถมตัวเข้าหา กักกดเขาไว้ด้านใต้ก่อนจะกระซิบบอก “ น่ารักมาก”“ก็รักสิ” ทะเลท้าทายจากนั้นทั้งสองก็ดำดิ่งอีกครั้ง ทะเลครางกระเส่า ริมฝีปากบางเฉียบถูกปิดด้วยเรียวลิ้นช่ำชองที่ส่งเข้ามาแทนที่และปิดปากเขาเสียสนิท ทั้งสองโถมเข้าใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฝ่ามือหนาโอบอูมทรวงอกนุ่มบดคลึงไม่ยั้ง ในขณะเดียวกันเด็กหนุ่มก็บดสะโพกใส่อย่
เด็กหนุ่มพูดจบก็ผลักทะเลไปทางห้องน้ำ ทะเลยังมึนงงตามไม่ทัน หันมาจะดุใส่แต่กลับถูกเด็กหนุ่มโยนผ้าขนหนูใส่อีก“ไปเร็วๆ ผมทำกับข้าวเตรียมไว้ให้แล้ว”“หา! ว่าอะไรนะ”“หูตึงเหรอ ผมบอกว่าทำกับข้าวไว้ให้แล้ว เร็วๆ รอตั้งนานก็ไม่ตื่นสักที ผมไม่รู้จะทำไง เลยไปซื้อของสดที่มินิมาร์ทหน้าคอนโดมิเนียมมาทำ อยู่ยังไงทั้งห้องไม่มีไรเลยเนี่ย”ทะเลหน้าชาเพราะถูกเด็กบ่นเป็นชุด เขามองอาหารบนโต๊ะแล้วถึงกับขยี้ตา “นี่ทำเองหมดเลยเหรอ”“อือ เร็วๆ อาบน้ำ ผมหิว” “แล้วเอาเงินไหนซื้อ”“มีก็แล้วกัน”“แต่ผมจำได้ว่าเมื่อคืนนายโดนพวกนั้นปล้นเอากระเป๋าตังค์ไปไม่ใช่เหรอ” ทะเลโพล่งถามสีหน้าเคลือบแคลงสงสัยเป็นอย่างมากเขาจำได้ว่ายังไม่ได้ไปซื้อของกินเข้าบ้าน ในตู้เย็นจึงมีเพียงไข่ไก่สดกับปลากระป๋องเก่าๆ สองสามกระป๋องและถั่วเหลืองกระป๋องที่เขาชอบกินตอนเช้า แต่นี่บนโต๊ะมีทั้งไข่ดาว เบคอน หมูแฮมแถมขนมปังฝรั่งเศส ซึ่งมันไม่ใช่สไตล์ของเขาเลย“เร็วๆ ดิ หนูคิตตี้”“โอ๊ย! บอกว่าไม่ชอบคิตตี้” ทะเลโวยอีก “บอกมาว่าไปเอาของพวกนี้มาจากไหน”“เอ่อ... “ เด็กหนุ่มอึกอักก่อนจะชี้นิ้วไปบนโต๊ะ “ผมเอาตังค์ในกระเป๋านั้นอะ”“หา!”“หาทำไม ผม
“ได้ได้ รอแป๊บ”หลังสบนัยน์ตาสีดำสนิทที่ปรือมองมา ทะเลก็ประหม่า รีบลุกไปที่ตู้เย็นหยิบขวดน้ำเย็นมาจัดการรินลงแก้วกระเบื้องดินเผาแล้ว เอามาให้เด็กหนุ่มที่ยันตัวขึ้นยืนโงนเงนพิงผนัง รับน้ำดื่มที่ทะเลส่งให้มาดื่มอั่กๆ ในคราวเดียวจนแทบลืมหายใจ“แค่กๆ”“ค่อยๆ จิบสิ สำลักจนได้สิน่า” ทะเลดุไม่พอยังประคองแก้วป้อนให้ “อะ อีกนิด จิบให้หมด”อีกฝ่ายผลักมือทะเลออกแล้วเอนหลังลงนอนกับพื้น ทะเลจึงวางแก้วแล้วนั่งยองๆ ช้อนหัวอีกฝ่ายขึ้นก่อนจะหยิบหมอนอิงบนโซฟามาสอดใต้คอให้“เป็นไง ดีขึ้นปะ”“ดี…” ทะเลมุ่นคิ้ว เคืองกับคำตอบที่ทั้งสั้นและห้วน “ดี ก็ดีแล้ว ผมจะออกไปข้างนอก”“เดี๋ยว”ทะเลถึงกับสะดุ้ง ดวงหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันใด เพราะเจ้าของมือใหญ่ที่เหนี่ยวรั้งข้อมือเขาไว้โดยไม่ทันตั้งตัว “จะไปไหน”“ก็จะไปซื้อยาให้นาย แล้วก็ไปดูหน่อยว่าใช่เด็กพวกนั้นที่มันซ้อมนายรึเปล่า จะได้แจ้งตำรวจให้มารวบไปทีเดียวเลย”“แล้วครูไม่กลัวตกงานเหรอถ้าแจ้งตำรวจ”“แล้วเขารู้ได้ไงว่าคนแจ้งเป็นใคร”“ก็มีกี่คนที่รู้เรื่องในตรอกล่ะ”เออ...ก็จริง...ทะเลพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นไปซื้อยาแป๊บ นายนอนพักผ่อนไปนะ”“นอนรอทุกลมหายใจเลยล่ะ”
เด็กหนุ่มเตะประตูห้องอีกหนด้วยความหงุดหงิดที่ไม่ได้อย่างใจ ทำให้ทะเลถึงกับสะดุ้ง ! “เป็นไรอะ”“เจ็บมือ ล้วงไม่ได้”ทะเลก้มมองดูสภาพมือที่เต็มไปด้วยบาดแผลก็พยักหน้าเห็นด้วย “ก็น่าจะเจ็บอยู่หรอก มา ล้วงให้”“จะดีเหรอ”“ทำไมล่ะ”“กลัวครูล้วงผิด”“บ้า!” ทะเลสวนทันควัน รู้หรอกว่าเด็กนี่คิดอกุศล เขาไม่คิดยังอดคิดไมได้จนเผลอหน้าร้อนเห่อแต่เสกลบเกลื่อน “อยู่ข้างไหนล่ะ”“ในเป๋าเกงไม่รู้ข้างไหน แต่ว่าลึ้กลึก หนูคิตตี้จะกล้าเหรอ” เด็กหนุ่มยั่วน้ำเสียงยานคางเป็นพิเศษทะเลถึงกับย่นจมูกกับลีลามากเรื่องของคนเตรงหน้า อยากจะด่ากับความลีลาให้ลืมโลก แต่ก็อดสงสารไม่ได้กับสภาพขนาดนี้“ตกลงข้างไหน”“ไม่รู้หาเอาเหอะ อะ...”เด็กหนุ่มยื่นสีข้างให้ ทะเลก้มมองแล้วลอบกลืนน้ำลายเพราะตาสอดส่ายไปทั่วจึงเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้าให้ “มองอะไร”“ก็ ก็กุญแจไง กำลังคิดว่าข้างไหนกันแน่” “อ้อ เห็นมองอย่างอื่น เป๋าเกงไม่ใช่เป้าเกงนะ”โถ่ ไอ้เด็กบ้าลามกนี่! ทะเลหน้าแดงก่ำรีบล้วงหากุญแจให้มันจบๆ ไป แต่กระเป๋าซ้ายว่างเปล่าแถมลึกและแน่นเพราะกางเกงเนื้อหนาสลิมฟิต ทำให้ทะเลหายใจไม่ทั่วท้อง หลังจากพยายามจะชักมือออกแต่ปลายนิ้