แค่นิ้วยังแน่นจนกลัวว่าทะเลเจ็บหากรับเอาความเขื่องใหญ่ของเขาเข้าไป แต่มันหยุดไม่ได้แล้ว เพราะลูกรักของวายุมันกำลังประท้วงยิ่งกว่าความเร็วลมหลายสิบหลายพันน้อตว่ามันอยากพัดผ่านลงไปใจกลางทะเลแล้วล่ะ...“ผมจะเข้าไปแล้ว ทนหน่อยนะ...” วายุกระซิบ“เข้ามาสิ มาเลย” ทะเลร้องครางเท่านั้นวายุก็จัดการจดจ่อแท่งเนื้อร้อนถูไถไปมาจนทะเลสะดุ้งก่อนจะผวาเฮือกเมื่อวายุอาศัยทีเผลอก็กดสิ่งคับแน่นเข้าสู่ภายในร่างของทะเลอย่างหื่นกระหายโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง“โอย... เจ็บ เจ็บ”“ทะ ทนหน่อยนะ” วายุเสียงแผ่วโหยมือข้างหนึ่งของเขากำลังกดความเป็นชายให้เข้าสู่ปากถ้ำสุดลึกเกินหยั่ง มืออีกข้างก็บดคลึงปลายถันสีชมพูสวยจนแข็งเป็นไต ก่อนจะก้มหน้าดูดดึงคลึงเคล้าอย่างเมามัน ทะเลทั้งเจ็บทั้งสุขสมจนได้แต่สูดปากเร่า ทั้งเกร็งตัวถอยห่างยามถูกวายุโถมเข้าใส่ และกระเด้งตัวเข้าหายามวายุถอดถอนมันออกไปราวกับเสียดาย แต่มีหรือที่วายุจะยอมแพ้“อา... ผมจะขยับแล้วนะ”“ฉะ ฉันไม่ไหว”“มาถึงขนาดนี้ ไม่ไหวก็ต้องไหวแล้ว... ” “ฮื้อ...”ทะเลผวาเฮือกเมื่อถูกวายุขับเคลื่อนเรือนกายเข้าออก จากช้าค่อยๆ ขยับเร็วขึ้นๆ กดลึกดึงออกแล้วกดกลับ
ทะเลปรือตาแดงฉ่ำ ไม่เพียงไม่ตอบ แต่กลับยกมือปิดบังทรวงอกเปลือยเปล่าแล้วเบือนหน้าหนีแทน เท่านั้นวายุก็หมดความอดทน“งั้นผมเอาจริง ไม่เล่นแล้วนะ”วายุรอคำตอบแต่ทะเลกลับเบือนหน้าหนี “พี่อย่าเสียใจทีหลังล่ะ”เท่านั้น วายุก็ดึงบ็อกเซอร์สีดำของทะเลรูดลงไปที่ปลายเท้าอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ร่างขาวโพลนปรากฏขึ้นต่อหน้า วายุก็ลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะถอดบ็อกเซอร์สีขาวของตัวเองออกแล้วโน้มตัวลงทาบทับสองร่างเมื่อสัมผัสกันและกันโดยไม่มีสิ่งใดกางกั้นก็เหมือนไร้ซึ่งสิ่งพันธนาการ ทั้งสองต่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะเสียงครวญครางที่หลุดออกมาจากปากของทะเล เมื่อถูกวายุเคล้นคลึงอกอิ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย ริมฝีปากที่ประกบกันไม่เพียงดูดดื่มความหวานฉ่ำอย่างไม่รู้จักอิ่มแล้ว เรียวลิ้นยังซุกซนฉวัดเฉวียนพัลวันจนวายุรู้สึกถึงความร้อนผะผ่าวที่จุดกึ่งกลางลำตัวของเขาที่มันกำลังต้องการการปลดปล่อยตอนนี้และเดี๋ยวนี้ แต่แรงต่อต้านจากทะเลทำให้วายุชะงัก “ ไม่”“อะไรไม่” วายุชะงักก่อนจะถามย้ำอีกรอบ “ไม่อยากให้ผมทำแล้วเหรอ”ทะเลส่ายหน้าหวือ ตาปรือมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่งแล้วเบือนหนี“ฉันกลัว”“กลัวเหรอ”“อ
วายุนึกเคือง เพราะจะว่าไปช่วงเวลาเกือบสองเดือนที่เขาอาศัยอยู่กับทะเล ทำให้พอรู้ว่าทะเลมีใครคนหนึ่งอยู่ในใจ เขาแอบเห็นไดอารี่ของทะเล และรู้สึกอิจฉาหมอนั่นอยู่ไม่น้อย แต่ดูเหมือนคนนั้นจะไม่เคยรับรู้ว่าทะเลมีใจ เพียงแค่คนนั้นโทรมา ทะเลก็ร่าเริงจนน่าหมั่นไส้ แล้วเขาที่เป็นเหมือนกาฝากในคอนโดมิเนียมห้องเท่ารูหนูของทะเลนี่ล่ะ เป็นตัวอะไร!“บอกมาสิพี่!” วายุย้ำเสียงห้วนทะเลสะบัดไหล่ออกจากฝ่ามือร้อนผ่าวที่บีบแน่น ก่อนจะเงยหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มตอบ “เปล่า ไม่มี”“แล้วที่คร่ำครวญนี่คือยังไง”“ก็ฉันอิจฉา”“อิจฉา!”“ก็ผู้หญิงที่เขาควงมาทั้งสวยทั้งรวย ฉันสู้ไม่ได้สักนิดเทียบไม่ได้กับขี้เล็บของผู้หญิงคนนั้นเลย”“ก็ไม่ต้องสนใจมันดิพี่”เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น หากณัฐพลมาอยู่ต่อหน้า เขาคงฟาดปากสักหมัด ครูก็ครูเถอะ กล้าทำให้ทะเลของเขาร้องไห้ได้ยังไงกัน!“ฉันไม่ดีตรงไหนเหรอ ทำไมพี่ณัฐต้องประกาศแต่งงานกับคนอื่นต่อหน้าฉันด้วย”“แต่งงานเหรอ!” เด็กหนุ่มทวนคำเฮ้ย! ก็ดีดิ!วายุสีหน้าแปรเปลี่ยนเพราะคู่แข่งที่เหนือกว่าเฟดตัวเองออกไปอยู่วงนอก วายุตัดสินใจถามซ้ำ “แล้วพี่จะสู้ไหม”“สู้อะไร”“สู้กับแฟนหมอนั่นไง พี่ชอบเข
เด็กหนุ่มถอนใจ เพราะรู้ว่าถามไปก็คงไม่ได้คำตอบ ท่าทางคงต้องปล่อยทะเลคลั่งให้นอนไปทั้งแบบนี้ เขาเพิ่งสังเกตว่าแว่นข้างหนึ่งของทะเลมีรอยร้าวอีกแล้ว วายุจึงหยิบมันออกจากดวงหน้าซีดเซียวนั้น ทันทีที่แว่นสายตาหนา พ้นไปจากดวงหน้า วายุก็ถึงกับลืมตัว โน้มใบหน้าลงคลอเคลียสองข้างแก้มเปล่งปลั่งโดยไม่รู้ตัวเขาแอบหลงรักทะเลตั้งแต่แรกเห็น...ตั้งแต่วันนั้น วันที่ทะเลถูกทำร้ายจากไอ้พวกนั้น เขารุดเข้าช่วยจนเกิดการตะลุมบอน วันนั้นเองที่เขาได้เห็นดวงหน้าที่ไร้แว่นตาของทะเลเต็มๆเขาจำได้จำพี่ทะเลตาสวยของเขาได้...เขาแพ้คนตาสวยคนนี้ที่เคยเจอกันที่บ้านเด็กกำพร้าใจสว่างเมื่อตอนเด็กๆ ที่วายุติดตามแม่ที่เป็นคหบดีใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ ตอนนั้นทะเลตัวผอมเกร็งเหมือนเด็กขาดสารอาหาร แต่ถึงแม้จะอยู่อย่างอดอยากยากไร้ แต่วันนั้นที่เขาโกรธเพราะแม่เอาเขาไปเปรียบเทียบกันเด็กกำพร้าคนอื่นที่ตั้งใจเรียนมากกว่า ทำให้วายุเสียหน้า ก็มีทะเลนี่แหละที่เดินเข้ามาหาแล้วยื่นขนมให้ขนมสายไหมราคาถูกธรรมดาๆ ที่แม่ให้เด็กขนมาให้บ้านใจสว่างหลายปี๊บ แต่แม่ไม่ให้เขากินสักชิ้น เพราะเหตุผลว่าเป็นขนมสิ้นคิดแต่เขาก็ยังเป็นเด็ก แค่เด็กที่อย
ทะเลผลักแต่วายุไม่เพียงแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ยังทำให้ทะเลถอยหลังพิงกำแพงจนถอยต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ทะเลถึงกับหลับตาปี๋รีบตอบ“ก็ได้ๆ ถอยออกไปได้แล้ว”“สัญญาด้วยว่าห้ามไล่ผมออกไปก่อนครบหนึ่งอาทิตย์ตามที่ตกลงกัน” ทะเลสีหน้ายุ่งยากก่อนพยักหน้ารัวๆ “เออ ไม่ไล่ พอใจรึยัง”“เย่ พี่เลใจดีที่สุดเลยอะ”ทะเลผงะรีบเบี่ยงตัวออกห่างแล้วยื่นคำขาด“ฉันให้นายอยู่ได้หนึ่งอาทิตย์ ระหว่างนี้ฉันจะไปดูที่โรงเรียน ว่ามีเด็กนักเรียนหายไปบ้างรึเปล่า บางทีอาจจะหาเบาะแสของนายได้”“ทำไมต้องหาด้วย” วายุเสียงเข้ม“เอ้า ก็ต้องหาสิว่านายเป็นใคร พวกนั้นทำนายทำไม เพราะมันไม่ใช่ปล้นชิงทรัพย์ธรรมดาแน่ๆ มันต้องมีเงื่อนงำ”“ช่างเถอะน่า อย่าสนใจเลย นะๆ มากินข้าวดีกว่าพูดมากเหนื่อย มาๆ นั่ง”“เอ๊ะ! นายนี่ ปล่อยฉันนะ” ทะเลร้องเสียงหลงเมื่อถูกฉุดกระชากลากถู แต่เขาต้องชะงักเพราะวายุดึงเก้าอี้ออกห่างแล้วกดเขานั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ ส่วนตัวเองก็รีบวิ่งไปนั่งฝั่งตรงข้าม แล้วผายมือเชิญชวนอย่างขมีขมัน ทะเลได้แต่ทอดถอนใจกว่าจะรู้ตัวว่าแพ้ทางเด็กหนุ่ม เวลาก็ล่วงผ่านมานานนับเดือนจนได้ เขาให้วายุอยู่ด้วยเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว วายุเหมือนลู
ทะเลอ่อนใจ เดินแกมวิ่งนำเด็กหนุ่มกลับขึ้นไปที่ห้อง ปิดประตูลงกลอนอย่างไวด้วยความกลัว ทะเลหันกลับมาหาเด็กหนุ่มที่เดินไปนอนแผ่บนโซฟาราวกับเป็นห้องของตัวเองก็ไม่ปาน“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” ทะเลยืนเท้าเอวโวย “บอกให้ลุกไง!”“ก็ได้ๆ” เด็กหนุ่มลุกนั่ง สองมือกุมขมับครู่หนึ่งก็เงยหน้าสบตาทะเลที่มองมาตาขวาง“นายชื่ออะไร”“วายุ”ทะเลพยักหน้าก่อนจะหน้านิ่วคิ้วขมวดถาม “ทำไมจำชื่อได้ แต่จำบ้านตัวเองไม่ได้”“ก็มันคุ้นๆ ว่าจะใช่”“โอเค งั้น นายเรียนที่อคิราห์วิทยารึเปล่า”“เปล่า”“อ้าว! ก็จำได้นี่ แล้วเรียนที่ไหนล่ะงั้น”“ไม่รู้” เด็กหนุ่มสายหน้าไม่พอยังกุมหัวยีผมตัวเองแรงๆ “ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่า บ้านอยู่ไหน ทั้งเนื้อทั้งตัวผมก็ไม่มีอะไรสักอย่าง เลยไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน พ่อแม่เป็นใคร หรือเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ผมก็ยังไม่รู้เลย”“อย่ามาโกหกฉันนะ” ทะเลขู่“ผมไม่ได้โกหก ผมไม่รู้จริงๆ ขอผมอยู่กับคุณก่อนสักสามสี่วันได้ปะ”“แต่ผมอยู่คนเดียว” ทะเลแย้ง“ก็นั่นแหละดี”“อะไรนะ!”“เปล่าๆ ผมจะบอกว่าผมไม่มีที่ไปจริงๆ” เด็กหนุ่มพูดจบก็ก้มหน้าคอตก สองมือยกขึ้นพนม “นะหนูคิตตี้นะ ให้แผลผมหายดีแล้วจะไปทันทีเลย”ทะเลได้ฟั