หน้าหลัก / แฟนตาซี / ขังรักมังกรไร้ปีก / ตอนที่ 2 ถูกกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่า [NC]

แชร์

ตอนที่ 2 ถูกกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่า [NC]

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-05 15:26:43

เจ็บ! ข้ากรีดร้องพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเผาะ ๆ อาบสองข้างแก้มของตน บัดนี้ความเจ็บปวดราวกับช่วงล่างจะปริแตกนั้นทำให้ข้ายากจะรู้สึกไปกับความวาบหวามที่ผุดพรายอยู่ทั่วร่างได้อย่างอิ่มเอม

เจ้าสิ่งนั้นของอีกฝ่ายใหญ่โตนัก ส่วนข้าก็เล็กแคบเหลือเกิน!

จริงดังคำที่เขาว่ากัน...ว่าสองอย่างที่ไม่สอดคล้องกันย่อมไม่เหมาะสมจะเข้าคู่กันจริง ๆ นั่นล่ะ!

“อึก!” ข้ากัดฟันพลางดิ้นรนถอยหนี ทว่าไม่เป็นผลนักเมื่อถูกพละกำลังของอีกฝ่ายกดทับเอาไว้ สะโพกของข้าถูกยึดจับ ไหล่ถูกกดไม่ให้เคลื่อนห่างกายร่างของอีกฝ่าย ดูแล้วไร้หนทางจะขัดขืนยิ่งนัก

“เหตุใดเจ้าไม่ปรารถนาจะมีคู่กัน มังกรสาวตนอื่นต่างก็ทอดกายให้ข้าหลับนอนรวมกับพวกนาง แต่เจ้ากลับไม่ปรารถนา...ช่างน่าสนใจนัก…” มังกรวายุเอ่ยขึ้นพลางโน้มใบหน้าลงมาใกล้ข้าอย่างใคร่รู้

ปลายลิ้นของอีกฝ่ายตวัดเลียหยาดน้ำตาของข้าคล้ายจะปลอบโยนทว่ากลับขู่ให้ข้ากลัวมากยิ่งขึ้น ครั้นพอถูกจุมพิตอีกหนใจข้าก็รู้สึกขนลุกไม่น้อย

“บอกข้ามาว่าการทดสอบของเจ้าคือสิ่งใดกันแน่ แล้วข้าจะพิสูจน์ให้เจ้ายอมรับข้าอย่างยินยอมทั้งใจ”

ดูคำพูดนั่นสิ!

มาถึงตรงนี้แล้วยังต้องทำให้มันชอบธรรมอย่างงั้นอีกรึ?

ข้าโมโหแต่ก็ไม่กล้าตอบโต้สิ่งที่คิดในใจออกไป...

ทว่าสาเหตุที่ข้าจะไม่มอบความภักดีและอุทิศครรภ์ของตนเองให้กับมังกรตนใดนั้น มันก็มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น...

ซึ่งข้าจะไม่ยอมให้คนที่ข่มเหงข้ารู้หรอก!

“ปล่อยข้า!” ข้าโวยวายจากนั้นก็ใช้สองมือของตนเองข่วนเข้าไปที่กลางอกของเจ้ามังกรวายุบนร่าง ทว่าแต่ให้รอยแผลนี้แม้จะลึกและมีเลือดซึมออกมามากเพียงใด แต่เจ้าคนตรงหน้าข้าก็ยังไม่หยุดกายหรือแม้แต่ชะงักไปสักนิด เขายังคงสอดแทรกเจ้าขาที่สามนั่นยังกายข้าอยู่ดี

“เล็บคมนัก อนาคตทายาทของพวกเราจะต้องแข็งแกร่งเป็นแน่” คนผู้นี้หัวเราะอย่างชอบใจแล้วกระแทกกระทั้นสิ่งนั้นมายังกายข้าจนกระเทือนไหวทั้งร่าง ทำเอาเสียงในถ้ำสะท้อนจนซ้อนกันเป็นเสียงดังตับ ๆ อย่างต่อเนื่อง

การถูกรุกล้ำในครานี้โหมกระหน่ำจนร่างกายของข้าร้อนประหนึ่งทุ่งหญ้าในฤดูร้อนที่ถูกไฟป่าลุกลาม…เจ็บ!

“อื๊อ!” ข้าหวีดร้องเมื่อช่วงล่างรู้สึกจุกแน่นเกินทน ยิ่งอีกฝ่ายกระแทกเข้ามาไม่ยั้งแรงเช่นนี้ ข้าไหนเลยจะรับได้ไหวกัน “เจ้าพอเถอะนะข้าเจ็บเหลือเกิน” ข้าเว้าวอนและลดเสียงให้ค่อยลง ในใจหวังว่าอีกฝ่ายจะเบามือและเก็บอ้อมแรงเอาไว้บ้างหากว่าเขาเห็นใจข้าที่ไม่ประสา

“เจ้าตอบข้าคำถามข้อนั้นของข้าก่อน”

คำถามข้อนั้น...

“…” ข้านิ่งงันอยู่นานราวกับคนใบ้เมื่อต้องคิดจะอธิบายเรื่องบททดสอบที่ข้าตั้งเอาไว้เป็นมาตรฐานในการจับคู่กับมังกรตนอื่น ๆ

“ถ้าเจ้าตอบข้าจะไม่เคี่ยวกรำเจ้า ข้าจะถนอมเจ้าและใส่ใจเป็นอย่างดี” เจ้ามังกรวายุลดเสียงลงเช่นกัน กระทั่งเอวสอบนั่นก็เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนมากขึ้นเสียจน...ข้าลังเลในใจว่าควรจะตอบโต้อย่างไรดี?

“ข้า...กลัวฟ้าผ่า ข้าไม่ชอบมังกรลมเพราะแบบนั้น...”

“…” เจ้ามังกรวายุนิ่งไปสงัด

“แล้วบททดสอบข้าก็คือการสร้างรังให้ลึกที่สุด โดยที่ข้าจะไม่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าเหล่านั้น เพราะงั้น...เจ้าคงไม่อาจผ่านมันไปได้หรอก” ข้าเอ่ยจบก็หายใจลึก ๆ เพื่อเก็บออมแรงไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถึงจะรู้ว่ามังกรตัวเมียสู้มังกรตัวผู้ไม่ไหว แต่ถ้าฉวยโอกาสหลบหนีดี ๆ ได้ อย่างไรข้าก็สามารถขุดดินดำลงไปได้ลึกพอที่อีกฝ่ายจะไม่มีทางคว้าจับข้าได้ทันเป็นแน่

ข้าคิดแล้วจึงช้อนสายตาขึ้นมองร่างกายกำยำซึ่งแผ่กลิ่นอายเคร่งขรึมของมังกรตัวผู้ออกมา ร่างของอีกฝ่ายใต้ร่มผ้านั้นซีดขาวเต็มไปด้วยรอยแผลมากมายจนน่าสะพรึงกลัว ดูแล้วคงจะมีชื่อเสียงในหมู่มังกรไม่น้อยอย่างที่โม้เอาไว้

เรือนผมสีทองนั้นยุ่งเหยิงอยู่บ้าง ส่วนปลายผมรวบมัดไม่เรียบร้อย ทว่าเขามังกรดุจสีงาช้างนั้นกลับสง่างามและตั้งตระหง่านพร้อมกับธาตุไฟฟ้าที่สถิตอยู่ แน่นอนว่าข้าคงเสียเปรียบหากซ่อนตัวอยู่ในที่โล่ง

ทำแบบนั้นคงจะเหมือนกระต่ายที่ถูกนกเหยี่ยวโฉบขึ้นฟ้าได้ง่าย ๆ และข้าควรจะหาโพรงแคบที่มีดินและหินชั้นบาง ๆ ในการขุดลงไปให้ลึกที่สุด ไม่เช่นนั้นข้าคงถูกจับกุมอีกครั้ง

“ข้าจะไม่ใช้สายฟ้ายามเจ้าอยู่ข้างกาย และข้ายอมที่จะทำรังในถ้ำใต้ดิน”

“เจ้ายอมได้หรือ?” ข้าสงสัยเพราะรู้ดีว่ามังกรวายุนั้นรักอิสระ ชอบที่สูง ทั้งยังชอบทำให้เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าท่ามกลางพายุอีก ยิ่งกับมังกรตัวผู้ที่รักอิสระและยึดถือตัวเองสูงแล้ว ตัวข้ายิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่

“ข้ายอมได้ เจ้าพูดมาเถิดว่าต้องการให้ข้าประพฤติตนอย่างไรบ้าง”

ยังเรียกร้องได้อีกอย่างงั้นหรือ?

ข้าเริ่มครุ่นคิดจากนั้นก็รู้สึกว่าตนเองสามารถเจรจากับเจ้ามังกรวายุตนนี้ได้ เพราะใช่ว่าหากข้ารอดไปจากเงื้อมมือของเขาแล้ว ข้าจะรอดไปจากมังกรตัวอื่น ๆ ที่บุกรุกรังของข้าอยู่เสมอ โดยเฉพาะมังกรปฐพีซึ่งสามารถขุดดินคว้านหารังลับของข้าได้อีก

พูดแล้วก็เศร้านัก...

มังกรสตรีหากไม่อยู่เฝ้าวิหารและเป็นสาวกของทวยเทพ พวกเราก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประเพณีอันป่าเถื่อน ซึ่งกระทำกับเพศของพวกเราเยี่ยงสัตว์ในฤดูผสมพันธุ์ ที่แค่เรียกร้องบททดสอบสามสี่ข้อ ปล่อยให้อีกฝ่ายแสดงแข็งแกร่งและจับคู่เป็นผัวเมียในช่วงหนึ่งก็เท่านั้น

“เจ้าอยู่มากี่ปีแล้ว”

“…” ข้าเอียงหัวเล็กน้อยจากนั้นก็นึกอยู่นานทีเดียว “ข้าไม่รู้ ข้าจำศีลบ่อยจนนับตะวันจันทราไม่ถูกแล้ว...ข้าชื่อเลย์อา เจ้าล่ะ ไม่เห็นแนะนำชื่อของเจ้าแก่ข้าเลย” ข้าถามคิดจะหาให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวช้าลงสักหน่อย

“แม้แต่ชื่อข้าเจ้าก็ไม่รู้หรอก?” เจ้ามังกรวายุเสยผมของตนเองหนึ่งครา ก่อนจะโน้มใบหน้าลงกระซิบข้างหูของข้าว่า ‘ทาแรน’ แล้วจึงเคลื่อนกายขับนำเข้าสิ่งนั้นของเขาต่อจากเมื่อครู่

ทาแรน?

ทาแรน...อย่างงั้นหรือ…?

ชื่อนี้จะว่าคุ้นก็คุ้นอยู่บ้าง...แต่จำไม่ได้เลยว่าเคยได้ยินที่ใดกันแน่?

“คราวนี้เจ้าก็รู้ถึงเกียรติศักดิ์ของข้าแล้วสินะ?” อีกฝ่ายยิ้มที่มุมปาก ทว่าข้ากลับส่ายหัวแล้วพูดว่า...

“ข้าก็ไม่รู้จักเจ้าอยู่ดี” ข้าเอ่ยจบแล้วก็ลู่ตาลงต่ำ ไม่คิดเฝ้าสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายอีกต่อไป เวลานี้ในใจต้องยอมรับว่าร่างกายข้ากำลังโหยหาสัมผัสทางเพศตามสัญชาตญาณของสตรีเพศซึ่งขับให้รุนแรงมากขึ้นเสียแล้ว

ในแรกเริ่มข้าเจ็บ...ทว่าในครานี้ความเจ็บค่อย ๆ มลายหายไปเป็นความรู้สึกสุขสมเข้าแทนที่

ถึงข้าจะรู้ว่าสุขนั้นดีกว่าเจ็บปวด กระทั่งในไม่ช้าข้าจะยึดติดกับรสชาติและสัมผัสที่ทาแรนมาให้มากเกินไป โดยที่ต่อให้ข้าไม่อาจยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นคู่พันธะของข้าในยามนี้ ทว่าร่างกายกลับไม่คิดเช่นนั้น

ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมร่างกายของข้าถึงเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้...

ในความจริงยามที่ถูกแตะต้องนั้นข้าควรจะรังเกียจและขยะแขยงสุดขีดสิ กระทั่งต่อให้ร่างกายจะตอบสนองกับการปลุกเร้าอยู่บ้าง ทว่าก็ไม่ควรที่จะตอบสนองอย่างรุนแรงในทิศทางนี้ได้...

เพราะอะไรกัน?

นั่นเข้าใจได้อยากเหลือเกิน...

“ข้าคือทาแรนและข้าเกิดที่นี่ เกิดจากลมของยอดเขาแดนเหนือ” อีกฝ่ายบอกข้าถึงแหล่งกำเนิดของตนเอง

พายุลมที่ยอดเขาแห่งนี้อย่างงั้นหรือ?

“ข้าเองก็เกิดที่นี่...ตอนข้าเกิด...ข้าก็เกิดที่ซอกหินระหว่างทิวเขา” คราวนี้ข้าช้อนดวงตาขึ้นมาประสบประสานเข้ากับดวงตาราวกับอสนีบาตของอีกฝ่าย

“หึ...” ทาแรนร้องหึในลำคอจากนั้นเขาก็เคลื่อนกายโน้มลงมากักขังข้าเอาไว้ เขาจุมพิตข้าไปพลางขยับเอวสอบไม่เลิกรา ขับให้ร่างกายของข้าร้อนผ่าวและรู้สึกวูบไหวมากยิ่งขึ้น

“อึก!” ข้าหอบหายใจยกใหญ่จากจูบเมื่อครู่ที่ทาแรนมอบให้

จูบนั้นยาวนานยิ่งนัก...

ทว่าในขณะเดียวกันมันก็ช่างอ่อนโยนจนข้าระทวยไหวอย่างลืมตัว ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงลมหายใจของข้าและถ่ายทอดลมหายใจของตนเข้ามาเสียจน...

ในห้วงอากาศ...ในโพรงจมูกและปอดของข้านั้นมีแต่กลิ่นอายของเขาอยู่ทั่วทุกอณู

“สดชื่นนัก...” ทาแรนมองข้า ครั้นไม่นานสองมือของเขาก็ยกขึ้นกอบกุมทรวงอกของข้าพลางบีบนวดและปัดเขี่ยสวนยอดของเต้าทั้งสองกระทั่งมันแข็งชูชัน คอยขับเน้นให้ร่างกายของข้าตื่นตัวและตอบสนองต่อสัมผัสของตัวเขามากขึ้นอีกหลายเท่า

ทว่าในใจครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของข้านั้นกลับเกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมา...

หากข้าฉวยโอกาสในครานี้ผลักอีกฝ่ายออกไปกัน?

“ข้าอนุญาตให้เจ้าลองทุบตีข้าก่อนแล้วค่อยคิดจะหลบหนีไปจากอีกหนก็ไม่สายนัก” สายตาที่มองลงมาของทาแรนราวกับผู้ล่าที่จดจ้องเหยื่ออย่างข้าไม่มีผิด ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าของเขานั้น แค่มองก็เดาได้เลยว่าข้าคิดจะทำอะไรกันแน่

แน่นอนว่าต้องลองดูสักหน ท้าทายผู้ล่าสักหน่อย...

คิดจบข้าก็ยกมือขึ้นทุบไปที่กลางอกของอีกฝ่าย

แข็ง! ข้าชักมือกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่เหยเกอยู่บ้าง แรงนี้ของข้าทุบหินแข็งให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้อย่างง่ายดายแล้วแท้ ๆ

ทว่า...ยามนี้แผ่นอกของอีกฝ่ายนั้นกลับไม่สะเทือนสักนิด!

ฮือ! ข้าร่ำไห้จากนั้นก็รู้สึกสิ้นหวังเหลือเกิน

“ข้าไม่ชอบเจ้า ข้าไม่อยากจับคู่กับเจ้า...ข้ายังไม่พร้อมสักนิด...” ข้าหลั่งน้ำตาไปพลางใช้หลังมือปาดหยาดน้ำบนใบหน้าด้วยจิตใจที่โศกเศร้า

“ไม่ชอบที่ใดเล่า?”

“ข้าไม่รู้ ข้าแค่ไม่ชอบ...”

“ข้าไม่ได้สนใจสักนิดว่าเจ้าจะชอบรึไม่ชอบ ข้าตัดสินใจเจ้าแล้วและเลือกเจ้าแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะปล่อยไป เลย์อา...ข้าเฝ้าเจ้ามาถึงสองฤดู ข้าถือว่าให้โอกาสเจ้าได้หลีกห่างข้าแล้วนะ”

ตุบ! แรงกระแทกกระทั้นนั้นถาโถมเข้ามาจนกางข้ากระเทือนอย่างรุนแรง สะโพกและเอวสอบของทาแรนนั้นเร็วรัวนัก ทั้งยังทรงพลังจนข้าไม่อาจระงับเสียงครางอันผาสุกของตนเองได้

“อื๊อ!” ข้าหวีดร้องเบา ๆ เมื่อความรู้สึกที่ช่วงล่างคล้ายจะก่อเกิดรสชาติอันวาบหวามนั่นขึ้นมาอีกหน...กึก!

จู่ ๆ ทาแรนก็รวบตัวข้าพลิกคว่ำลง แล้วจัดแจงให้ข้ายันฝ่ามือและหัวเข่ากับพื้นของเตียงหินเอาไว้ จากนั้นก็กดที่สะโพกของข้าให้แอ่นลงเล็กน้อย ต่อด้วยยึดช่วงเอวซ้ายขวาของข้าเอาไว้ให้แน่น...

จนกระทั่ง...ตับ!

ขาที่สามนั้นถูกกระแทกเข้ามายังภายในของข้าอีกครั้ง ทว่าหนนี้มันกลับลึกและเสียดสีได้อย่างเหมาะเจาะยิ่งนัก

ช่างเป็นท่าที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เลย...

“อ๊ะ...” ข้าครางเสียงระงมระบายความรู้สึกที่อัดแน่นกลางใจไม่หยุด ยามนี้พอร่างกายปรับตัวและจำยอมให้กับสัมผัสของทาแรน ความรู้สึกซาบซ่านก็แผ่ไปทั่วกายข้า ไล่จากช่วงเนินสามเหลี่ยมกระจายออกไปรอบ ๆ ดังวงคลื่น จนกระทั่งร่างนี้อ่อนระทวยอยู่ทุกครั้งยามที่เจ้าสิ่งนั้นขับเคลื่อนเข้าออก

ร้อน...ร้อนเหลือเกิน...

ตัวข้าในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเนื้อกระต่ายที่ถูกย่างด้วยลมร้อน ๆ ของมังกรอย่างทาแรน โดยเฉพาะยิ่งอีกฝ่ายเป็นมังกรลมซึ่งมีปอดที่ใหญ่แล้วนั้น ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาจึงเป่ารดข้าได้อย่างต่อเนื่อง ขับลมร้อนอาบไล่ทั่วร่างของข้าจนเหงื่อไคลมากมายผุดพรายทั่วร่าง

“อ๊ะ...อา...ทาแรน...” ข้าสติเริ่มพร่ามัวเผลอเรียกขานชื่อของอีกฝ่าย

“เรียกชื่อข้า ต่อจากนี้เรื่องข้าว่าทาแรน จงเรียกข้าว่าท่านทาแรนอย่างนอบน้อมเสียเลย์อา” อีกฝ่ายโน้มกายลงมากระซิบที่ข้างหูของข้าพลางขบเม้มที่ใบหูขับให้ข้าเสียวซ่านมากยิ่งขึ้น

บัดนี้เขาใช้แขนข้างหนึ่งของตนเองกอดรัดร่างของข้าเอาไว้ ยึดราวกับเชือกมัดเนื้อที่จะไม่มีวันปล่อยให้มันได้กระเด็นหายไปได้

ตับ! ตับ! ตับ!!

ผิวหนังกระทบผิวหนัง เนื้อกระทบเนื้อไม่หยุด กระทั่งความเสียวกระสันก็ยังทวีคูณเป็นเท่าตัว

“ฤดูหนาวนี้ข้าจะไม่ไปไหน อ่า...ร่างกายของเจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ” ทาแรนกล่าวขึ้นโดยที่ข้าไม่อาจตอบโต้กลับไปได้นอกจากเสียงครวญครางที่ยังคงดังก้องไปทั่วถ้ำ

“อื๊อ!” คราวนี้ข้าหลับตาแน่นด้วยความรู้สึกหนึ่งที่ใกล้จะระเบิดคาอกของตนเอง ความรู้สึกเสร็จสมนั้นคล้ายจะปะทุออกมาอีกหนไม่ปาน มันทำให้ข้ากำมือแน่น เล็บมือและเล็บเท้าจิกเข้าหากันอย่างรุนแรง “ข้า-ข้าไม่ไหวแล้ว ทาแรน...ทาแรน...” ข้าระบายด้วยเสียงที่สั่นเครือคลอเคลียไปกับเสียงครางหวิวปานจะขาดใจเมื่อภายในถูกเสียดสีจนถึงขีดสุด

“อดทนไว้” ทาแรนหัวเราะพลางกอดรัดร่างของข้าแน่นขึ้นกว่าเก่า ริมฝีปากที่คลอเคลียข้างแก้มนั้นไล่เล็มเลียมุมปากของข้า กระทั่งครอบครองมันด้วยรสจูบที่หนักแน่นและดุดันจนทำเอาลมหายใจของข้าขาดช่วง

แต่กระนั้น...เสียงครางอู้อี้ยังคงดังอยู่ไม่ขาดช่วง

ตัวข้าที่สติเริ่มเลือนรางไม่เหลือแม้แต่จิตใจที่คิดจะขัดขืนสักนิด...

เพราะหากต้องหยุดกลางคันแล้วไซร้...

ข้าคงถวิลหามันไม่เลิก...

“ได้โปรด...” ข้าเว้าวอนพลางขยับช่วงล่างเริ่มสอดรับกับเจ้าสิ่งนั้นของทาแรนที่เป็นฝ่ายกระแทกเข้ามา ทำมันไปอย่างเงอะงะเยี่ยงคนไม่ค่อยรู้ประสานัก

“เยี่ยมมาก” อีกฝ่ายชมเชยก่อนจะเร่งจังหวะรักให้เร็วขึ้น “ข้าบอกแล้วมันจะไม่เจ็บเลยเมื่อเจ้ายินยอมมอบกายให้ข้า...ตอบข้าสิว่าตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรกัน?”

ต้องตอบด้วยเหลือในเมื่อข้าแสดงออกถึงเพียงนี้แล้ว...

ข้าหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยแล้วจึงร้องครางด้วยใจที่ลอยล่องไปไกล...

“ข้าชอบมัน แต่ไม่ได้ชอบท่าน...อ๊ะ...” ข้าตอบตามที่คิด ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวข้านั้นยินยอมอย่างง่ายดายมากจนเกินไปนัก แต่แรกใจข้าไม่ปรารถนา ทว่าพอผ่านการเล้าโลมและขัดเกลาโดยที่ไม่อาจต่อต้านได้ จิตใจก็พลันอ่อนระทวยขึ้นมา

ข้ารู้สึกว่าตนเองนั้นช่างน่าอับอายยิ่งนัก...กึก!

อ๊ะ! ข้าหวีดร้องเสียงสูงเมื่อความรู้สึกซึ่งยากจะบรรยายนั้นอาบรดร่างกายจนชุ่มฉ่ำ

นี่ข้าใกล้จะ...ใกล้จะ...เสร็จสม...แล้วสินะ...อึก!

“อ้า!” ข้าผ่อนลมหายใจกระทั่งเสียงครางเองก็อ่อนแรงลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย...อึก!

ช่วงล่างของข้าถูกกระแทกเสียงดังตับเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับเจ้าสิ่งนั้นที่ล่วงล้ำมายังส่วนลึกของตัวข้า...

ภายในกายนั้นคล้ายกับมีของเหลวสายหนึ่งอัดแน่นจนไร้ช่องว่าง เชื้อพันธุ์ของทาแรนคั่งค้างอยู่ภายในดังมวลน้ำก้อนใหญ่ที่แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ถอนมันออกมา ทว่ามันก็ยังคงไหลทะลักออกมาจนล้น กระทั่งเปรอะเปื้อนตัวช่วงขาของข้าอย่างชัดเจน

คงไม่แคล้วที่ท้องน้อย ๆ ของข้าจะมีการเคลื่อนไหวในต้นฤดูใบไม้ผลิกระมั้งนะ...

นี่...ข้าอาจจะมีลูกน้อยในปีหน้าอย่างงั้นหรือ...

แค่นึกถึงอนาคตที่ไม่ต้องการแล้วจิตใจก็พลันหมองมัวขึ้นมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างเงียบงัน

มันเหมือนเมื่อครู่หลงระเริงไปกับความสุขจนอิ่มหนำสำราญใจแล้ว ทว่าพอได้สติก็รู้ตัวว่าตนเองนั้นจะต้องเผชิญกับความยากลำบากในอนาคตไม่น้อยเลย

“พูดมาเถิด” ทาแรนพาร่างข้าทิ้งตัวนอนลงเตียงหิน ใบหน้าจดจ้องมายังดวงหน้าของข้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์มากมายปะปนกันจนจับสังเกตได้

“ข้ายังไม่พร้อมเลย...” ข้าสะอื้นไห้ “ข้าพึ่งจะตื่นจากการจำศีล ข้ายังไม่เตรียมรังคลอดหรือว่าสะสมเสบียงอาหารเลย จะ-เจ้าน่ะแค่ฝังเมล็ดพันธุ์เสร็จก็คงจากข้าไป เพราะข้าน่ะรู้ว่ามังกรวายุตนอื่น ๆ ก็มีนิสัยเช่นนี้...”

แปลกที่ทาแรนกลับลูบหลังปลอบโยนข้ากลาย ๆ พลางผ่อนลมหายใจออกมา

“เจ้าวางใจเถอะนะ ข้าไม่ใช่มังกรวายุที่นึกจะไปตามกระแสลมก็ไป ข้าเป็นเหมือนลมประจำถิ่นที่ทิวเขาแห่งนี้ และข้าจะเฝ้าถนอมเจ้าให้ดีเอง”

“เจ้า...” ข้าเรียกอีกฝ่าย “เจ้าจะเก็บสะสมเมล็ดสนและธัญพืชให้ข้าเหมือนกระรอกได้หรือ พวกกระรอกน่ะมีโพรงมากมายเอาไว้สะสมอาหาร แต่สำหรับข้าน่ะสิบโพรงก็ไม่พอหรอก”

“เฮ้อ...สิบเอ็ดห้องข้าก็จะเนรมิตให้เจ้า อยู่กับข้าเสีย เป็นคู่ของข้านั้นไม่มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการแล้วจะไม่ได้”

ขี้โม้นัก...

“ข้ายังไม่ยอมรับเจ้าหรอกนะ เจ้าอย่าโอ้อวดเพียงแต่คำพูดเลย จะดีหากแสดงให้ข้าเห็นว่าเจ้าทำมันได้น่ะ” ข้าพลิกกายหันหลังนอนตะแคงร่างใส่อีกฝ่าย ใจนั้นยังยากจะยอมรับได้ว่าตอนนี้ตนเองตกเป็นของเจ้ามังกรวายุข้าง ๆ ไปเสียแล้ว

มังกรอย่างข้าเดินด้วยสองเท้าและมีชีวิตอย่างเฉื่อยชา มันไม่เหมือนมังกรลมที่มีปีกและลอยล่องอยู่ท่ามกลางฟ้าสูง ดังนั้นมังกรอย่างพวกเราก็ไม่อาจคงอยู่กันเป็นคู่ได้อย่างถาวร

ซึ่ง...มันช่วยไม่ได้ที่ข้าจะหงุดหงิดเมื่อต้องเริ่มต้นจับคู่ครั้งแรกกับใครบางคนที่จะทอดทิ้งไปในสักวันหนึ่ง สักวันหนึ่งที่คนคนนั้นเริ่มเบื่อหน่ายข้าซึ่งเชื่องช้าและหัวแข็ง

“เช่นนั้นจงคอยดู…”

กึก! จู่ ๆ ร่างกายของข้าถูกอีกฝ่ายจับคร่อมเอาไว้อีกหน พร้อมกับใบหน้าที่ฉายชัดถึงความต้องการซึ่งเปิดเผยออกมา

“เจ้า...เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือไร...” ข้าน้ำตาคลอด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทั่วร่างตอนนี้มีแต่เหงื่อไคลเหนียวเหนอะ กระทั่งช่วงล่างยังเปื้อนไปด้วยน้ำกามข้นคลั่กสายใหญ่อยู่เลย

“ยังหรอก ยังไม่พอสักนิด...” ทาแรนหัวเราะพลางลูบไล้เรือนผมของข้าอย่างอ่อนโยน จากนั้นไม่นานก็แนบร่างประกบเข้าหาข้าอีกหน จูบไล่ไปทั่วร่างกระทั่งเคลื่อนกายโถมเข้าสิ่งนั้นยังโพรงอันเล็กแคบอีกครั้ง

เสียดสีมัน...

ถูกไถมันกับความอ่อนนุ่มภายในที่คอยตอดรัดอย่างเป็นใจ...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ขังรักมังกรไร้ปีก   ตอนที่ 13 สายลมซึ่งคลอเคียงยอดเขาสูง [จบ]

    หกเดือนต่อมาข้าลืมตาตื่นขึ้นทุกเช้าเช่นเคย ครั้นจัดการรวบผมเผ้าให้เข้าทรงแล้วข้าก็ลุกขึ้นยืนส่องกระจกเงินบานใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้องจามกิจวัตรประจำวัน ทว่ายามนี้ที่หน้าท้องของข้ากลับพองโตขึ้นเป็นเนินเสียแล้ว ระยะครรภ์อยู่ที่ไตรมาสที่สองพอดิบพอดีทาแรนนั้นขยันขันแข็งมากกับลูกคนที่เจ็ด...ไม่สิ...ในท้องนี้นะมีลูกคนที่แปดด้วยคน ทั้งสองเป็นครรภ์มังกรแฝดที่หายากยิ่งเลยทีเดียวเชียวแน่นอนว่าทาแรนภูมิใจเป็นอย่างมาก เขาโอ้อวดเรื่องนี้กับโรเดียอริที่สนิทสนมด้วยเสียจนอีกฝ่ายรำคาญไม่น้อย แต่ถึงแบบนั้นโรเดียก็ยังยอมมาเข้าร่วมงานสมรสของพวกเราสองคน…งานในวันนั้นมีมังกรมากมายเข้าร่วม มังกรที่สตรีต่างก็เข้ามาลูบท้องข้า หวังว่าพลางกระซิบกระซาบของเคล็ดลับพิเศษที่ทำให้ตั้งท้องบ่อยครั้งเจ้าทำท่าไหน?สถานที่ใด?กลางคืนหรือกลางวัน?ทำเอาข้าตอบไม่ถูกเลยทีเดียว ได้แต่บอกว่าเพราะพรของทวยเทพที่มอบให้ทาแรนนั้น ข้าเลยตั้งครรภ์อย่างง่ายดาย กลายเป็นเวลาพวกนางที่พอมีลูกสักตนสองตนแล้ว ต่างก็หมายมองลูกของข้าแทนนั่นเพราะพรก็เหมือนคำสาปตรงที่ว่า...มันสืบทอดผ่านสายเลือดเช่นเดียวกัน เพราะงั้นงานนี้ลูกชายลูกสาวที่ยังโสดถ

  • ขังรักมังกรไร้ปีก   ตอนที่ 12 การค้นพบเรื่องราวของเหล่าอสูร

    “อืม...” ข้าค่อย ๆ ลืมตาขึ้นรับแสงยามบ่ายที่สาดส่องผ่านม่านผ้าลงมา สองข้างหูคล้ายจะได้ยินเสียงสนทนาที่รุนแรงเกิดขึ้นชอบกล แต่กระนั้นร่างกายที่อ่อนล้ากลับไม่ปรารถนาจะขยับเขยื้อนสักนิด สุดท้ายข้านอนแผ่ราบกับเตียงพลางแอบฟังเสียงจากภายนอกแทนเสียงของทาริก...เจ้าลูกคนที่หกของข้ากลับมาแล้วอย่างนั้นสินะ จะว่าไปนี่ก็ครบกำหนดแล้วที่อีกฝ่ายไปยังสถานีวิจัยประตูอสูรที่แดนใต้สุดน่ะ ดูเหมือนจะหิ้วของฝากแล้วดิ่งตัวกลับมาหาข้าเลยกระมั้ง“เจ้าบอกข้าเดี๋ยวนี่นะ เจ้าเข้ามาทำอะไรในห้องของแม่ข้ากัน” เสียงของทาริกเข้มขึ้นผิดปกติ คล้ายกับนักเลงมนุษย์ซึ่งพร้อมจะหาเรื่องคู่สนทนาซึ่งอยู่ตรงข้ามกันเสียชัดเจน ส่วนเจ้าคู่สนทนาที่อีกฝ่ายคิดจะวิวาทด้วยนั้นคงจะเป็น...ทาแรน?ข้าชะงักจากนั้นก็พลันชันตัวลุกขึ้นยืนทันที สองมือลนลานทำสิ่งใดไม่ถูก รู้เพียงว่าต้องรีบคว้าเสื้อผ้าอาภรณ์เข้าสวมใส่ให้เรียบร้อยแย่จริง! สภาพของข้าดูแล้วไม่สมควรออกไปสักนิดเดียว...ข้าคิดจากนั้นก็ปล่อยให้ทาแรนจัดการไปก่อนอย่างไรเสีย...คนฉลาดแบบทาแรนก็ย่อมมองออกได้ไม่ยากว่านั่นคือทาริก บุตรชายที่เขาไม่มีโอกาสได้เฝ้าเลี้ยงจนเติบใหญ่เหมือนลูกคนอื

  • ขังรักมังกรไร้ปีก   ตอนที่ 11 กำราบอสูรและดูแลมังกรคลั่ง [NC]

    วูบ! กระแสลมแรงสายหนึ่งพัดสวนลมอีกทิศขึ้นมา เข้าช่วยขับไล่กลิ่นเหม็นเน่าให้เบาบางลงในเวลานี้ข้าเปิดประสาทสัมผัสมังกรและปลดปล่อยลมหายใจที่ซ้อนเอาไว้ออกมา ในเมื่ออสูรร้ายมากมายถึงเพียงนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนและคอยออกล่าพวกมันอีกแล้วฉึก! ข้าพุ่งหอกไปข้างทิ่มแทงอสูรส่วนหนึ่งเป็นเส้นตรง จากนั้นก็เสกหอกหินเล่มใหม่ขึ้นมา ทว่าคราวนี้ข้าพ่นไฟมังกรเคลือบมันเอาไว้ เพื่อให้การฟาดฟันนั้นรุนแรงมากขึ้นพรึบ! ข้าตวัดตัวหมุนพลางออกท่วงท่ามากมาย กวัดแกว่งดาบเป็นวงคลื่นเปลวไฟเข้าแผดเผาอสูรที่ล้อมเอาไว้อยู่ อสูรทั่วไปนั้นง่ายดายที่จะจัดการนัก โดยเฉพาะอสูรที่ส่วนใหญ่ยังไม่เติบโตในระดับหนึ่ง แต่กระนั้นพวกมันก็ไหลทะลักออกจากปากอสูรยักษ์ราวกับห่าฝน มากมายนับไม่ถ้วนสีจนข้าคิดว่าจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปยังอสูรยักษ์เบื้องหน้าแทน...อสูรตัวนี้ขนาดของมันนับแล้วเอาหอคอยยี่สิบหลังมามัดรวมกันเอาไว้ได้เชียว...มันน่าจะเหมือนราชินีมดที่ให้กำเนิดมดงานใต้ดินมากมาย เพราะแบบนั้นมันถึงผลิตลูกอสูรตัวจ้อยออกมาได้จำนวนมากขนาดนี้ฮืม? ข้าฉงนไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่าบุคคลปริศนาที่ยากจะสังเกตใบหน้านั้นโฉบเข้ามาแล้วเหวี่ยงร่างของข

  • ขังรักมังกรไร้ปีก   ตอนที่ 10 เทศกาลและงานรื่นเริงของหนุ่มสาว

    ห้าสิบปีต่อมาชุมชนแดนเหนือสุดนั้นมีธรรมเนียมหนึ่งที่จัดขึ้นพร้อม ๆ กันทุกปีสำหรับทุกคนและทุกคนเผ่าพงศ์ที่ก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มสาว นั่นคืองานชุมนุมดอกไม้ที่เกิดขึ้นในช่วงที่อากาศอบอุ่นและท้องฟ้าสว่างที่สุดในการจัดงานขึ้นมาสามวันโดยเฉพาะเป็นงานที่ให้คนหนุ่มสาวมาพบปะพูดคุยและแลกช่อดอกไม้ของกันและกัน แน่นอนว่าจุดประสงค์ก็คงจะเหมือนการเปิดตัวและมองหาคู่แต่งงานให้กับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตพอจะสร้างครอบครัวได้แล้วนั่นเองดังนั้นทั้งเมืองพวกคนจะแขวนพวงหรีดดอกไม้ที่หน้าประตูบ้าน ตกแต่งร่างกายด้วยช่อดอกไม้หลากสี ยกเว้นผู้ใหญ่ที่เติบใหญ่แล้วจะใช้เพียงดอกไม้สีขาวเท่านั้นแต่...ถ้าผู้ใหญ่คนใดยังโสดและประสงค์จะแต่งงานใหม่สำหรับคนที่เป็นม่าย คนเหล่านั้นก็จะประดับช่อดอกไม้หลากสีและแซมด้วยดอกไม้สีขาวเข้าไปด้วยคนข้ารู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดีเพราะเฝ้าสังเกตผู้คนบนหอคอยสูงหลายครั้งหลายหนคงไม่ใช่เพียงหลายหนหรอก...ข้าเฝ้ามองมาหลายสิบปีแล้วกระมั้ง...“ท่านแม่” เสียงใสของเลย์อานาเรียกข้าจากข้างหลังประตูห้องชั้นที่ห้าของหอคอย แน่นอนว่าพอข้าหันก็พบกับบุตรสาวผู้ที่ในวันนี้นางสวมชุดสีแดงเข้มตัวงาม ใบหน้านั้นเปล

  • ขังรักมังกรไร้ปีก   ตอนที่ 9 หลายสิ่งที่หลงเหลือหลังภัยหายนะ

    ห้าสิบปีต่อมาเสียงกรีดร้องของสัตว์อสูรดังขึ้นลั่นฟ้า ของเหลวสีดำมากมายพุ่งออกมาจากส่วนที่ถูกผ่าออกเป็นสองซีกไหลทะลักจนเปื้อนปลายเท้าเล็ก ๆ ซึ่งย่ำอยู่บนผืนป่าซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะมายาวนานแล้วถึงห้าเดือนเต็มห้าเดือน? ฟังแล้วอาจจะแปลกใจว่าเหตุใดหิมะถึงยาวนานเพียงนี้...หากให้ข้าพูดแล้วตอนนี้โลกเข้าสู่ความผันผวนครั้งใหญ่ แดนเหนือที่หนาวเหน็บนั้นกลับเย็นเยือกขึ้นกว่าเดิม ฤดูกาลมีเพียงหนาวครึ่งปีและไม่หนาวครึ่งปีเท่านั้น พื้นที่ทำเกษตรและป่าส่วนใหญ่หายไปเพราะฝนซึ่งตกหนักติดต่อกันสามปีเต็มเมื่อราว ๆ ห้าสิบปีก่อนหน้านั้นฝนห่าใหญ่เติมเต็มหุบเขาที่ราบต่าง ๆ กลายเป็นทะเลสาบขนาดยักษ์หลายแห่งซึ่งขับให้ชุมชนต่าง ๆ มารวมตัวกันที่ราบสูงแถวตีนเขา ชุมชนนอร์ทเกตเติบโตกลายเป็นเมืองใหญ่และพัฒนาระบบการปกครองกระทั่งมีราชาและสภาขุนนางน้อยใหญ่เกิดขึ้นส่วนที่เมืองใหญ่แทบชายแดนนั้นถูกเปลวไฟของอัคคีเทพแผดเผาจนล่มสลายด้วยต้นตอของรังอสูร ผู้คนมากมายไหลบ่ามายังนอร์ทเกตเพื่อแสวงหาที่อยู่ใหม่หลังหายนะของอสุรกายจากต่างแดนรุกรานแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นี้ส่วนที่อื่น ๆ นั้นก็เช่นกัน…ข้าได้ยินว่าแผ่นดินทางตะวันออกจมสู่ห

  • ขังรักมังกรไร้ปีก   ตอนที่ 8 หายนะครั้งใหญ่และการจากลา

    ยี่สิบปีต่อมาครืน! ครืนนน!แผ่นดินไหวอีกแล้ว!ข้าลืมตาขึ้นอย่างฉับไวจากนั้นก็คว้าลูกคนที่ห้าขึ้นมาอุ้มเอาไว้อย่างว่องไวแม้ว่าในตอนนี้ตนเองจะท้องโตอยู่ก็ตามที ทว่ายามที่แผ่นดินไหวนั้นทุกสิ่งจะสั่นโคลงเคลงไปหมด จนข้าเป็นกังวลว่าโคมไฟที่ห้อยเพดานเอาไว้จะตกลงมากระแทกใส่เจ้าลูกชายเอาได้แม้ว่าเจ้าเด็กห้าขวบนี่จะเป็นลูกมังกร ทว่าแค่รอยถลอกซึ่งเกิดขึ้นจาง ๆ นั้น ก็กลับทำให้จิตใจของข้าปวดร้าวเกินจะทนแล้ว“ท่านแม่!” เสียงของเลย์อานาดังขึ้นเรียกข้าให้ลงมายังชั้นล่างซึ่งดูแล้วคงจะเละเทะไม่น้อย ได้ยินดังนั้นข้าจึงลงไปยังชั้นล่างพลางสังเกตดูว่ามีลูกคนใดบาดเจ็บบ้างในเวลานี้เลย์อานาอายุสี่สิบปีแล้ว นางโตและมีเค้าลางของมังกรสาววัยแรกรุ่นกลาย ๆ แล้ว กระทั่งทารีรีเองที่มีอายุครบสามสิบห้าปีนี้ก็เริ่มแตกวัยสาวตามรอยเช่นเดียวกันกับพี่คนโตของนางแต่ทาซีร์นั้นยังดูเด็กนัก ลูกชายคนนี้เหมือนเด็กหนุ่มมนุษย์ที่ยังไม่เติบโตเต็มวัยดี อาจเพราะไม่มีปีกทาซีร์จึงเหมือนข้าที่ขี้เกียจและเฉื่อยชา วันหนึ่งไม่เป็นอันทำสิ่งใด ผิดไปกับน้องสาวของตนอย่างแรนนี่ซึ่งที่อายุน้อยกว่าถึงสิบปีเชียวแรนนี่ในปีนี้อายุยี่สิบเอ็ดปีแล้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status