Share

บทที่ 2 ชะตาอาภัพของนางร้าย

last update Last Updated: 2025-10-10 13:54:31

เมิ่งอ้ายเยว่อยากจะดึงทึ้งหัวตนเพื่อระบายอารมณ์ แต่เพราะรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์นางจึงเลือกจะสงบสติอารมณ์ตนเอง ในเมื่อทะลุมิติมาแล้ว สิ่งที่จะสามารถทำได้ก็คือต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี นี่ไม่ใช่เวลามาคร่ำครวญร้องไห้ แต่ต้องเตรียมการตั้งรับให้ดีต่างหาก

นางพยายามคิดถึงนิยายที่ตนเองเพิ่งอ่านจบ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะนิยายนั้นเป็นเรื่องสั้นสิบบทจบ จึงไม่ได้ปูเรื่องราวพื้นฐานของเมิ่งอ้ายเยว่คนเก่าเอาไว้มากนัก คนเขียนบอกเพียงว่านางถูกรับมาเลี้ยง ส่วนเรื่องที่ว่าเถียนฮูหยินไปเจอนางได้เช่นไรนั้นกลับไม่ได้ลงรายละเอียดชัดเจนเช่นที่อาหมี่เล่าให้นางฟัง

แต่ช่างเถอะ ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเมิ่งอ้ายเยว่จึงหันไปมองอาหมี่แล้วจึงพบว่าตอนนี้สาวใช้น้อยของนางกำลังนั่งก้มหน้าตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว อยู่ๆ ในใจของเมิ่งอ้ายเยว่ก็บังเกิดความสงสารสายหนึ่งขึ้นมา เมิ่งอ้ายเยว่คนเก่ามีนิสัยทะเยอะทะยานและชอบทำร้ายบ่าวไพร่อย่างทารุณ เมื่อถูกคนเรือนหลักรังแกมา นางก็จะเอาโทสะทั้งหมดมาลงกับบ่าวไพร่ ไม่เพียงเท่นั้น ทุกคราที่ออกไปร่วมงานเลี้ยงหรือไปสถานที่ต่างๆ พร้อมกับคนในจวน นางก็จะพยายามทำตนเองให้โดดเด่นกว่าเมิ่งลี่หรู บุตรสาวสายตรงของตระกูลเมิ่งอยู่เสมอ ซึ่งเมิ่งลี่หรูก็คือนางเอกของนิยายเรื่องนี้

ยิ่งเมิ่งอ้ายเยว่อยากจะเอาชนะเมิ่งลี่หรูมากเท่าใดก็เหมือนจะยิ่งสร้างความขบขันต่อสายตาคนภายนอกมากเท่านั้น!

"อาหมี่ เจ้ามาช่วยข้าแต่งตัวเถอะ ขืนชักช้าอาจจะโดนตำหนิเอาได้"

อาหมี่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบเงยหน้ามามองเจ้านายตนด้วยสายตาหวาดหวั่น พลางครุ่นคิดในใจว่า ยังไม่สั่งโบยอีกหรือ เดิมทีควรจะโบยนางจนตายแล้วนี่!

"เร็วสิ มัวชักช้าทำไมกัน ข้าไม่ลงโทษเจ้าหรอก ข้ายอมรับความจริงได้แล้ว"

"เจ้าค่ะๆ"

อาหมี่รีบมาช่วยเมิ่งอ้ายเยว่แต่งตัวทันที เมื่อสอยถามอาหมี่เรื่องทั่วๆ ไปในจวนก็ได้ความว่า ที่เรือนของนางมีอาหมี่เป็นสาวใช้เพียงคนเดียว เถียนฮูหยินทนเห็นนางลงโทษสาวใช้ตามอำเภอใจไม่ไหว จึงมอบสาวใช้มาให้นางเพียงคนเดียว ต่างจากเมิ่งลี่หรูที่มีสาวใช้ล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด

ไม่เพียงเท่านั้นเถียนฮูหยินยังตัดเบี้ยหวัดรายเดือนของนางไปกว่าครึ่งเพราะต้องการดัดสันดานของนาง ผู้คนในเมืองหลวงก็ไม่มีใครชอบนางสักคน เพราะนางมีเรื่องกับคนเขาไปทั่ว ซ้ำยังชอบดูถูกคนอื่น และทำร้ายผู้มีฐานะต่ำต้อยกว่า ในเมืองหลวงแห่งนี้นางไม่มีสหายเลยแม้แต่คนเดียว

เวรมาก! ทะลุมิติมาทั้งทีแทนที่จะได้เป็นเสือนอนกิน กลับกลายเป็นหนอนแมลงที่ผู้คนรังเกียจ จะโทษใครได้เล่า ทุกอย่างล้วนมาจากความริษยาไม่รู้จักพอของเมิ่งอ้ายเยว่คนเก่าทั้งสิ้น

ใช้เวลาไม่นานนานเมิ่งอ้ายเยว่ก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เพราะช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ เสื้อผ้าที่สวมใส่จึงค่อนข้างเบาสบาย อาหมี่เลือกเสื้อคอป้ายแขนกว้างสีฟ้ามาจับคู่กับกระโปรงพลิ้วสีชมพูอ่อนเพื่อสวมให้นาง และปักปิ่นหยกลงบนผมของนางอย่างใส่ใจ เพียงเท่านี้ก็นับว่างดงามมากแล้ว เครื่องประดับที่งดงามและเสื้อผ้าสวยๆ นางก็พอมีให้สวมใส่อยู่บ้าง เมิ่งอ้ายเยว่มองตนเองในกระจกคราหนึ่ง นางดูอ่อนเยาว์กว่าตอนอยู่ในยุคปัจจุบันไม่น้อย ก็แน่นอนสิ ร่างนี้เพิ่งอายุสิบเก้าปีเท่านั้น กำลังอยู่ในวัยสาวสะพรั่งงดงามชวนมอง แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจอย่างหนึ่ง

“อาหมี่ เหตุใดเสื้อผ้าของข้าจึงมีสีสันจืดชืดเช่นนี้เล่า เหมือนกับพวกถือศีลบำเพ็ญพรตอย่างไรอย่างนั้น”

อาหมี่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม

“เถียนฮูหยินบอกว่า เพราะดวงชะตาของคุณหนูมีความพิเศษ จึงงดการแต่งกายสีสันฉูดฉาด ให้แต่งกายด้วยชุดเรียบง่ายตามที่ซือกำชับเอาไว้เจ้าค่ะ”

เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับนิ่วหน้า มีด้วยหรือคำทำนายเช่นนี้ นางอยากจะเห็นหน้าไต้ซือบัดซบผู้นั้นยิ่งนัก

เดิมทีทางชอบแต่งกายสีสันสดใส สตรีทุกคนผู้ใดบ้างไม่รักสวยรักงาม แต่ช่างเถอะ ตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน

เมิ่งอ้ายเยว่ไม่ใช่คนที่มีความคิดซับซ้อนมาแต่ไหนแต่ไร นางจึงเออออตามไปก่อน อีกทั้งยังเอ่ยถามอาหมี่เรื่องอื่นๆ ด้วย จนได้ทราบว่า เมืองหลวงแคว้นเยี่ยค่อนข้างเปิดกว้างไม่น้อย คนที่นี่ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าจะต้องแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยเหมือนในนิยายที่นางเคยอ่าน อีกทั้งยังไม่ได้มองว่าสตรีที่อายุเกินสิบห้าปีแล้วยังไม่ได้แต่งงานเป็นหญิงสาวคร่ำครึเสี่ยงขึ้นคาน ผู้คนในเมืองหลวงอยากจะแต่งงานหรือไม่แต่งก็ไม่ได้ผิด นับว่าวัฒนธรรมของที่นี่ค่อนข้างสมัยใหม่อยู่ไม่น้อยเลย

หลังจากแต่งกายเสร็จแล้ว เมิ่งอ้ายเยว่ก็มุ่งหน้าไปยังเรือนหลักทันที เรือนหลักหลังนี้เป็นเรือนที่ใหญ่ที่สุดในจวน ด้านหน้าเรือนหันไปทางทิศใต้เพื่อให้รับลมและแสงแดดได้เต็มที่ ภายในจวนตระกูลเมิ่งค่อนข้างใหญ่โตไม่น้อยเลย มีทั้งเรือนหลัก เรือนข้าง และเรือนต่างๆ อีกหลายเรือน บ่าวไพร่ก็มีให้ใช้สอยไม่น้อยเช่นเดียวกัน ได้ยินว่าใต้เท้าเมิ่งนั้นเป็นขุนนางที่ฝ่าบาทองค์ก่อนทรงให้ความไว้วางใจไม่น้อย เมื่อเปลี่ยนรัชสมัยก็ยังคงรั้งตำแหน่งเดิมเอาไว้ได้ด้วยความสามารถของตน

ระหว่างทางเดินไปเรือนหลัก สาวใช้น้อยที่พบเจอเมิ่งอ้ายเยว่ล้วนทำความเคารพอย่างนอบน้อม แต่เมิ่งอ้ายเยว่มองออกว่าในแววตาของพวกนางคล้ายแฝงแววเย้ยหยันและหวาดกลัวเอาไว้ในที ไม่ได้เคารพนางจากใจจริงเลยแม้แต่น้อย แต่เมิ่งอ้ายเยว่คร้านจะใส่ใจ นางไม่ได้ทะลุมิติมาเพื่อเป็นมือตบอันดับหนึ่งของเมืองหลวง นางเพียงอยากปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของร่างนี้เสียใหม่ ถือเสียว่านางมาพักผ่อนในช่วงลาพักร้อนก็แล้วกัน หากหมดเวรหมดกรรมจากที่นี่ นางเชื่อว่าตนเองจะต้องได้กลับไปยังโลกที่จากมาอย่างแน่นอน

เมิ่งอ้ายเยว่เดินมาได้สักพักก็มาถึงเรือนหลัก เมื่อมาถึงก็พบว่า ใต้เท้าเมิ่งและเถียนฮูหยินกำลังเตรียมจะกินอาหารเช้าร่วมกัน และยังมีชายหญิงวัยเยาว์สองคนนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ไม่ต้องบอกนางก็รู้ได้ทันทีว่าสองคนนี้คือบุตรของเถียนฮูหยิน บุตรชายคนโตนามว่าเมิ่งซาน เมิ่งซานนั้นเรียกได้ว่าเป็นคุณชายหน้าหยก ปีนี้เขามีอายุสิบแปดปีแล้ว อีกทั้งยังหน้าตาหล่อเหลาและมากความสามารถ เมื่อต้นปีเขาสอบได้อันดับหนึ่งในสำนักศึกษา รอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าหากสอบได้อัันดับหนึ่งของเมืองหลวง ก็จะได้เป็นขุนนางตามรอยบิดาของตน ใต้เท้าเมิ่งไม่ได้มีบุตรกับอนุคนใดอีก จึงรักใคร่บุตรชายและบุตรสาวทั้งสองคนเป็นอย่างมาก

ส่วนเมิ่งลี่หรู นางเอกของเรื่อง ปีนี้อายุสิบหกแล้ว นางมีหน้าตางดงาม กิริยามรรยาทอ้อนช้อยชวนมอง ผู้คนต่างขนานนามนางว่ายอดหญิงงามแห่งแคว้นเยี่ย บุรุษทุกคนต่างหมายปองอยากจะแต่งนางเข้าจวนเป็นภรรยาเอก แต่สุดท้ายแล้วท่านโหวก็ได้นางไปครอบครอง เมิ่งอ้ายเยว่จำได้ว่า ในนิยายพวกเขาจะต้องต่อสู้กับฮ่องเต้ทรราชผู้หนึ่งที่เป็นโรคหวาดระแวงและสั่งให้สังหารขุนนางภักดีทั้งหมด แต่สุดท้ายท่านโหวพระเอกผู้แสนดีก็ได้สังหารฮ่องเต้ทรราชผู้นั้นทิ้ง และขึ้นครองราชย์แทน เมิ่งลี่หรูผู้นี้ก็ได้เสพสุขกับอำนาจไปชั่วชีวิต

นี่ก็คือตอนจบของนิยายรักประโลมใจเล่มนั้น

"มาแล้วหรือ มาสายไปหนึ่งเค่อ เจ้ามัวทำอันใดอยู่ มรรยาทที่เคยร่ำเรียนมาไม่เข้าหัวเจ้าเลยหรือ ช่างน่ารังเกียจนัก ข้าไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดผู้คนจึงชังน้ำหน้าเจ้านัก!"

เถียนฮูหยินเอ่ยต่อว่าเมิ่งอ้ายเยว่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา แรกเริ่มนางยังรู้สึกเอ็นดูบุตรบุญธรรมผู้นี้อยู่บ้าง แต่ทว่าเมื่อเมิ่งอ้ายเยว่เติบใหญ่กลับมีนิสัยขี้ริษยาและทะเยอทะยาน คิดเทียบเคียงบุตรสาวของนางและยังลอบชิงดีชิงเด่นกับเมิ่งลี่หรูอยู่หลายครั้ง นางจึงเริ่มรังเกียจเมิ่งอ้ายเยว่ขึ้นมา เดิมทีนางอยากจะไล่เมิ่งอ้ายเยว่ไปให้พ้นๆ จากจวนตระกูลเมิ่งเสีย แต่เพราะเห็นแก่หน้าตาสามีและไม่อยากถูกผู้คนเอาไปนินทา เพราะนางเป็นคนพูดกับคนอื่นเองว่าที่รับเมิ่งอ้ายเยว่มาเลี้ยงเพราะเอ็นดูรักใคร่ ไม่ได้บอกว่ารับเข้าจวนเพื่อให้ตนตั้งครรภ์ ขืนนางไล่เด็กนี่ไปยามนี้ผู้คนคงได้เอานางไปนินทาลับหลังเป็นแน่ อีกทั้งเรื่องนี้อาจไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ขุนนางของสามีนางด้วย

แต่นอกเหนือจากเรื่องหน้าตาทางสังคมแล้ว ไต้ซือผู้นั้นยังเคยบอกนางว่าดวงชะตาของเมิ่งอ้ายเยว่ยังจะช่วยหนุนนำให้บุตรทั้งสองของนางเจริญรุ่งเรืองและแคล้วคลาดปลอดภัย ตราบใดที่นางยังเก็บเมิ่งอ้ายเยว่เอาไว้ ก็เท่ากับเก็บยันต์คุ้มภัยไว้คอยปกป้องเมิ่งซานและเมิ่งลี่หรู และก็เป็นเช่นที่ไต้ซือว่า บุตรชายบุตรสาวของนางมีหน้ามีตาเป็นที่รู้จักในเมืองหลวง ส่วนเมิ่งอ้ายเยว่กลับตกต่ำช้าลงทุกวัน และผู้คนก็ไม่ชอบหน้าเด็กนั่น นี่คงเป็นเพราะเมิ่งอ้ายเยว่ได้รับไออัปมงคลทั้งหมดของบุตรชายบุตรสาวนางไปไว้กับตัวแล้ว บุตรทั้งสองของนางจึงก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่อาจไล่เมิ่งอ้ายเยว่ออกไปจากจวนได้ ไม่เพียงเท่านั้นดวงชะตาของนางยังส่งผลต่อความก้าวหน้าของคนทั้งจวนอีกด้วย

และที่สำคัญไต้ซือยังกำชับว่า ห้ามให้นางออกจากจวนตามอำเภอใจเพราะอาจจะนำไออัปมงคลจากด้านนอกเข้ามาทำให้คนในจวนเจ็บป่วยและดวงตก หากจะออกจากจวนต้องให้เมิ่งอ้ายเยว่ใส่ลูกประคำป้องกันภัยอัปมงคลจากด้านนอกเอาไว้

อีกทั้งยังบอกด้วยว่า หากเมื่อไหร่ที่ดวงของนางเกิดเป็นปรปักษ์กับคนในจวนขึ้นมาเมื่อใด ต้องฝังนางทั้งเป็นเท่านั้น ฝังนางทั้งเป็นก็เท่ากับฝังไออัปมงคลของคนในจวนลงดินไปตลอดกาล เมื่อทำเช่นนี้แล้วคนตระกูลเมิ่งก็จะก้าวหน้ารุ่งเรือง พบแต่ความสุขสบายไปชั่วชีวิต!

แม้ภายนอกผู้คนจะเรียกเมิ่งอ้ายเยว่ว่าคุณหนูใหญ่ แต่ทว่ายามอยู่ในจวนนางกลับมีสภาพไม่ต่างจากบุตรของอนุที่ถูกทอดทิ้ง

เมิ่งอ้ายเยว่ที่มองเห็นสายตาเกลียดชังของเถียนฮูหยินก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอันใด นางเข้าใจดี ว่าอย่างไรเสียเถียนฮูหยินก็ต้องรักบุตรแท้ๆ ของตนเองมากกว่านางอยู่แล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงไม่สนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้อีก หญิงสาวทำความเคารพพ่อแม่บุญธรรมตนเองอย่างนอบน้อม ท่าทีของนางออกจะดูเก้ๆ กังๆ อยู่บ้างเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้

"ขออภัยท่านพ่อท่านแม่ ลูกรู้ผิดแล้วเจ้าค่ะ"

เอาน่า ตามน้ำไปก่อน รีบทำให้เรื่องราวตรงนี้จบลงโดยเร็ว นางจะได้ไปนอนเอาแรงสักงีบ

เถียนฮูหยินหันไปสบตากับสามีตนคราหนึ่ง วัยนี้เด็กคนนี้มาแปลก ทุกคราจะต้องจีบปากจีบคอ วางท่าเป็นคุณหนูใหญ่และเถียงนางคำไม่ตกฟาก แต่วันนี้กลับสงบเสงี่ยมเสียนี่

เหอะ คนเช่นนางจะเป็นคนดีได้สักกี่น้ำกัน

"เจ้ามาสาย ที่นั่งเต็มแล้ว กลับไปกินข้าวที่เรือนของตนเองเถอะ ที่นี่ไม่มีสิ่งใดให้เจ้าอยู่ต่อแล้ว กลับไปซะ"

เยี่ยม!

เมิ่งอ้ายเยว่กู่ร้องอย่างมีความสุขอยู่ในใจ ก่อนจะขอตัวกลับเรือนของตนเองไป ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากเรือนหลักนางก็ได้ยินเสียงของใครบางคนเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

"เสแสร้งแกล้งทำเก่งจริงๆ วันนี้จะมาไม้ไหนอีกเล่า?"

เมิ่งอ้ายเยว่หันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเมิ่งลี่หรูนั่นเองที่เป็นคนเอ่ยวาจากระทบกระเทียบนาง อีกทั้งยังมองนางด้วยแววตาไม่ชอบใจ ส่วนเมิ่งซานนั้นก็มองนางราวกับมองกรวดทรายต่ำต้อย

นี่น่ะหรือแม่ดอกบัวขาวนางเอกคนดีในตำนาน วันนี้นางได้มายลโฉมด้วยตนเองแล้ว แต่น่าแปลกใจอยู่บ้าง ในนิยายแม้เมิ่งลี่หรูจะไม่ชอบหน้านางปานใดแต่ก็ไม่เคยเอ่ยวาจาเหน็บแนมซึ่งหน้าเช่นนี้ นางมักทำตัวนิ่งๆ ดูสูงส่งอยู่ตลอดเวลา และใช้หางตาปรายมองนางราวกับมองมดแมลงไม่คิดจะต่อปากต่อคำให้เสียเวลา

แต่ยามนี้เมิ่งลี่หรูกลับเป็นฝ่ายเอ่ยวาจาหาเรื่องนางก่อน แม้กระทั่งเมิ่งซานที่ในนิยายเขียนเอาไว้ว่าเขาเป็นน้องชายที่แสนดี คอยปลอบใจนางอยู่เสมอ แต่บัดนี้กลับกลายเป็นมองนางอย่างรังเกียจไปอีกคน เอ๋? หรือว่านางอ่านข้ามบทไหนในนิยายไป ก็ไม่นี่?

"ยืนโง่อยู่ทำไม รีบไสหัวไปสิ หรือเจ้าคิดว่าตนเองคือคุณหนูใหญ่ของจวนนี้จริงๆ? เหอะ คนนิสัยโลภมากและริษยาเช่นเจ้า วันๆ คิดแต่จะชิงดีชิงเด่นกับข้า ซ้ำยังคิดยั่วยวนท่านโหวอีก เหอะ ท่านโหวไม่ชายตาแลเจ้าหรอก!"

"ไม่เอาน่าลี่หรูลูกแม่ อย่าไปถือสาหาความกับนางเลย"

สองแม่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม เมิ่งอ้ายเยว่คร้านจะสนใจและไม่อยากต่อปากต่อคำ นางรีบเดินกลับมาที่เรือนของตนเองทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าสาวใช้กำลังเอาของกินมาให้ เมื่อเห็นอาหารตรงหน้านางก็ถึงกับกุมขมับ

นี่มันอาหารหมูหรือไรกัน เหตุใดจึงมีแต่ผัก แล้วเนื้อเล่า เนื้อหายไปไหน!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 5 นัดพบ

    ด้านเมิ่งอ้ายเยว่นั้นหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้ากลับจวนตระกูลเมิ่งในทันที เดิมทีนางไม่อยากจะกลับไปเหยียบสถานที่แห่งนั้นอีก แต่ทว่านางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่เป็นครั้งแรก และยังไม่มีหนทางไป อย่างไรย่อมต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน แล้วค่อยหาหนทางอีกครั้งนางมุดลอดช่องสุนัขเข้ามาอย่างยากลำบาก เมื่อเข้ามาแล้วก็รีบหันมองซ้ายขวาเมื่อพบว่าไม่มีคนมาเห็นจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่งอยู่ๆ นางก็คิดถึงเด็กหนุ่มนามว่าอาอี้ขึ้นมา และยังเสียดายเงินหนึ่งพันตำลึงที่เขาเสนอให้ไม่น้อยเลย แต่ทว่าคุณธรรมในจิตใจของนางมันแรงกล้ามากกว่าตัวเงิน นางจึงไม่อยากตกปากรับคำเขาสายเลือดคนดีของนางนี่มันช่างเข้มข้นดีจริงๆหญิงสาวส่ายหน้าไปมาพลางยิ้มเล็กน้อยแล้วรีบกลับเรือนพักทันที ระหว่างทางทางนางแวะซื้อของกินหลายอย่างมาฝากอาหมี่สาวใช้ด้วย อย่างไรเสียคนที่นางพอจะพึ่งพาและไว้ใจได้เห็นทีก็จะมีแต่อาหมี่เสียแล้ว ผูกมิตรกับอาหมี่เอาไว้เสียหน่อย เพียงเท่านี้ก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขแล้วเมิ่งอ้ายเยว่กลับมาถึงจวนในตอนบ่ายแก่ๆ เมื่อมาถึงก็พบว่าอาหมี่กำลังรอนางอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นว่านางกลับมาแล้วก็รีบวิ่ง

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 4-2 หนุ่มน้อยหน้าหยก

    เมิ่งอ้ายเยว่พลันหันขวับมามอง ก่อนจะต้องตกตะลึงไปทันทีเมื่อครู่นางมัวแต่ตั้งใจเล่นเพราะอยากได้เงินสักก้อนไปเป็นทุน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีหนุ่มน้อยหน้าหยกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างตนใบหน้าของเขาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ผิวพรรณของเขาขาวจัด ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาก็ทรงเสน่ห์หาใดเปรียบ ทุกอย่างบนใบหน้าของเขาราวกับถูกเสริมสรรค์ปั้นแต่งเป็นอย่างดี“เจ้าคือ?”“ข้ามีนามว่าอาอี้”อาอี้หรือ?เหตุใดตอนนางอ่านนิยายจึงไม่เห็นเจอตัวละครชื่อนี้เลย เอาแล้วสิ ทุกอย่างในตอนนี้มันไม่เหมือนกับในนิยายเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงพิจารณามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ"เจ้าอายุเท่าไหร่หรือ หน้าตายังดูอ่อนวัยเหมือนหนุ่มน้อยอยู่เลย"ชายหนุ่มตรงหน้าพลันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก"ปีนี้ข้าอายุสิบแปดแล้ว"เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับร้องอุทานในใจ ที่แท้ก็เป็นหนุ่มน้อยเสเพลที่ผลาญเงินพ่อแม่มาเล่นการพนันนี่เอง หญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย นางนึกถึงประโยคที่ว่าเด็กๆ คือความหวังของชาติ จะให้อบายมุขมามอมเมาเขาไม่ได้ เงินน่ะนางอยากได้ แต่การได้เงินจากการทำลายอนาคตเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นางคงไม่อาจเชิดหน้าได้

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 4-1 หนุ่มน้อยหน้าหยก

    เมิ่งอ้ายเยว่เก็บตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนั้นซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี นางเก็บเงินไปพลางก็ก่นด่าไป๋จิ่งหยวนไปพลาง นางไม่คิดเลยว่าเขาจะปากเสียมากถึขนาดนี้หญิงสาวจัดการแบ่งเงินเป็นสัดส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้ติดตัวยามต้องการใช้สอย ส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้ยามจำเป็น จะให้คนในจวนรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่านางไปขูดรีดเงินมาจากไป๋จิ่งหยวนท่านโหวหน้าโง่ผู้นั้นยามเช้าของวันต่อมา นางก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปทำความเคารพพ่อแม่บุญธรรมเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าวันนี้กลับต่างออกไปจากทุกวัน เถียนฮูหยินให้สาวใช้มาปรนนิบัตินางแต่งกายตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อนางสอบถามก็ได้ความว่าวันนี้จะมีแขกมาที่จวน เถียนฮูหยินจึงให้นางแต่งกายให้ดีเสียหน่อย เมิ่งอ้ายเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดอีก เพียงยืนนิ่งๆ ให้เหล่าสาวใช้ช่วยแต่งตัวให้ เมื่อเรียบรอยดีแล้ว นางจึงรีบมาที่เรือนหลัก เมื่อมาถึงเถียนฮูหยินก็ให้นางมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะอาหารด้วย อาหารบนโต๊ะล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น นางถึงกับนึกสงสัยในใจว่าแขกคนนั้นจะต้องเป็นคนสำคัญมากเป็นแน่อ้อ เพราะมีคนมาที่จวนสินะ จึงให้นางแต่งตัวสวยๆ กินอาหารดีดี เถียนฮูหยินคงกลัวจะถูกคนเอาไปนินทาลับหลังว่า

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 3 ค่าตัดใจ

    เมิ่งอ้ายเยว่หลับตาลงเพื่อระงับโทสะ พวกเขาจะด่านางกี่ครั้งนางไม่โกธร แต่ถึงขนาดไม่ให้กินอิ่มสักมื้อมันก็ออกจะเกินไปเสียหน่อยนางทิ้งกายนั่งลงบนเก้าอี้ พลางครุ่นคิดอย่างหนัก เหตุใดทุกอย่างในยามนี้ไม่ดำเนินไปตามนิยายเล่า ทั้งที่นางก็ทะลุมิติมาตั้งแต่ตอนที่เมิ่งอ้ายเยว่ยังไม่ตายแท้ๆ แต่เรื่องราวกลับดูพิลึกชอบกล ในนิยายทุกคนในจวนแม้จะไม่ชอบนางแต่กลับไม่ได้โหดร้ายกับนางถึงขนาดนี้ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งว้าวุ่นใจ ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตไปในทิศทางไหน เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไม่เดินไปตามเส้นเรื่องที่มันควรจะเป็นเดิมทีคิดว่าจะรอให้ร่างนี้ตายเร็วๆ จะได้กลับไปที่โลกปัจจุบันแต่เหมือนทุกอย่างจะสับสนอลหม่านไปหมด“อาหมี่ มานี่”เมิ่งอ้ายเยว่กวักมือเรียกอาหมี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูให้เข้ามาหานาง อาหมี่เดินเข้ามาหาเจ้านายตนอย่างกล้าๆ กลัวๆ“มีอันใดหรือเจ้าคะคุณหนู”“เหตุใดจึงมีแต่ผัก เนื้อเล่า?”เมิ่งอ้ายเยว่เอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ อาหมี่เม้มริมฝีปากแน่นแล้วจึงตัดสินใจเอ่ยตอบเจ้านายไปตามตรง“คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าคะ ท่านมีดวงชะตาพิเศษ ในทุกๆ หนึ่งเดือนจะสามารถกินเนื้อได้หนึ่งครั้งเท่านั้น ที่เหลือต้องกินเ

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 2 ชะตาอาภัพของนางร้าย

    เมิ่งอ้ายเยว่อยากจะดึงทึ้งหัวตนเพื่อระบายอารมณ์ แต่เพราะรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์นางจึงเลือกจะสงบสติอารมณ์ตนเอง ในเมื่อทะลุมิติมาแล้ว สิ่งที่จะสามารถทำได้ก็คือต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี นี่ไม่ใช่เวลามาคร่ำครวญร้องไห้ แต่ต้องเตรียมการตั้งรับให้ดีต่างหากนางพยายามคิดถึงนิยายที่ตนเองเพิ่งอ่านจบ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะนิยายนั้นเป็นเรื่องสั้นสิบบทจบ จึงไม่ได้ปูเรื่องราวพื้นฐานของเมิ่งอ้ายเยว่คนเก่าเอาไว้มากนัก คนเขียนบอกเพียงว่านางถูกรับมาเลี้ยง ส่วนเรื่องที่ว่าเถียนฮูหยินไปเจอนางได้เช่นไรนั้นกลับไม่ได้ลงรายละเอียดชัดเจนเช่นที่อาหมี่เล่าให้นางฟังแต่ช่างเถอะ ค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่าเมื่อคิดได้เช่นนั้นเมิ่งอ้ายเยว่จึงหันไปมองอาหมี่แล้วจึงพบว่าตอนนี้สาวใช้น้อยของนางกำลังนั่งก้มหน้าตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว อยู่ๆ ในใจของเมิ่งอ้ายเยว่ก็บังเกิดความสงสารสายหนึ่งขึ้นมา เมิ่งอ้ายเยว่คนเก่ามีนิสัยทะเยอะทะยานและชอบทำร้ายบ่าวไพร่อย่างทารุณ เมื่อถูกคนเรือนหลักรังแกมา นางก็จะเอาโทสะทั้งหมดมาลงกับบ่าวไพร่ ไม่เพียงเท่นั้น ทุกคราที่ออกไปร่วมงานเลี้ยงหรือไปสถานที่ต่างๆ พร้อมกับคนในจวน นางก็จะพยายามทำต

  • ข้าคือปลาน้อยขี้เซาของฮ่องเต้ทรราช   บทที่ 1 ทะลุมิติมาเป็นนางร้าย

    "ให้ตายเถอะ นางร้ายเรื่องนี้จะมีชะตาชีวิตที่น่าอดสูเกินไปแล้ว ถูกเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะเพื่อเป็นลูกชังยังไม่พอ ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยการดูสีหน้าของคนในจวนอยู่ตลอดเวลา ที่แย่ไปกว่านั้นนางยังมีจิตใจทะเยอะทะยานอยากจะเทียบเคียงกับบุตรสาวแท้ๆ ของตระกูลเมิ่งอีกด้วย ช่างไม่เจียมตัวเลยจริงๆฉันอ่านจนจบเล่มแล้ว รู้สึกสงสารตัวละครนี้ได้ไม่สุดจริงๆ มันทั้งสงสารและหมั่นไส้ในคราวเดียวกัน ช่างเป็นนางร้ายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวเลยสักอย่าง สุดท้ายแล้วนางก็ตายเพราะความทะเยอะทะยานของตนเอง ส่วนพระเอกที่เป็นท่านโหวก็ปากจัดด่านางร้ายสาดเสียเทเสีย นางเอกที่ชื่อเมิ่งลี่หรูผู้นั้นก็ทำตัวเหมือนแม่ดอกบัวขาวอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วพระเอกก็เลือกแต่งงานกับนางเอกได้ครองคู่กันไปชั่วชีวิต ตัวร้ายต่างพ่ายแพ้หมด ช่างเป็นนิยายเรื่องสั้นเพ้อฝันที่บอกเล่าเรื่องราวความรักลึกซึ้งของท่านโหวผู้เก่งกาจกับแม่ดอกบัวขาวคนงามโดยเฉพาะ ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็กลายเป็นตัวประกอบเสริมบทให้พระนางรักกันหวานซึ้ง ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยแม้แต่น้อยเห้อ หากฉันทะลุมิติไปอยู่ในร่างนางร้ายได้นะ ฉันจะทำให้หล่อนเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้ ไม่ต้องมาปักใจรัก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status