로그인บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอ
ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ
เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉาริษยาอย่างรุนแรง เธอไม่อาจยอมรับได้ว่าเด็กที่ต่ำต้อยกว่าจะได้รับเกียรติยศเช่นนี้ไป
"ท่านพ่อ! ท่านต้องทำอะไรสักอย่างนะเจ้าคะ!" รั่ว ม่านอี้ รีบกลับไปฟ้องเสนาบดีรั่วผู้เป็นบิดาในทันทีที่งานเลิก "เด็กพวกนั้นไม่คู่ควรที่จะได้รับเกียรติยศ เช่นนี้เลยเจ้าค่ะ!" เสนาบดีรั่วเป็นขุนนางที่ฉลาดแกมโกง ภายนอกดูเหมือนภักดีต่อราชวงศ์ แต่แท้จริงแล้วเขามีใจคิดคด ทรยศ และซ่องสุมกำลังเพื่อก่อการใหญ่ อยู่เบื้องหลังมานานแล้ว เขามีเครือข่ายใต้ดินมากมาย และกำลังมองหาโอกาสที่จะขยายอำนาจและอิทธิพล ของตนเองอยู่เสมอ
การที่อ๋องอี้กระทำการเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าอ๋องอี้ เริ่มมีอำนาจและเป็นที่นิยมชมชอบในหมู่ประชาชนมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นภัยต่อแผนการของเขาได้
"ไม่ต้องห่วงลูกรัก" เสนาบดีรั่วลูบหัวบุตรสาว ด้วยรอยยิ้มเย็นชา "เรื่องนี้พ่อจะจัดการให้เอง อ๋องอี้ผู้นั้น กำลังขัดขวางหนทางของพ่อมากเกินไปแล้ว" ไม่กี่วันต่อมา อ๋องอี้ก็ได้รับเชิญให้ไปตรวจราชการ ที่ชายแดน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยวและห่างไกลจากเมือง หลิงเม่ยเม่ยรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่แรก
เธอเสนอที่จะร่วมเดินทางไปด้วยโดยอ้างว่าจะนำอาหารและสมุนไพรไปมอบให้ชาวบ้านในพื้นที่ อ๋องอี้เห็นว่าเธอมีเจตนาดีและมีประโยชน์ในการช่วยจัดหาเสบียง จึงอนุญาตให้เธอร่วมขบวนไปด้วย ระหว่างทางกลับจากชายแดน ขบวนของอ๋องอี้ ถูกซุ่มโจมตีโดยกลุ่มนักฆ่าชุดดำจำนวนมาก พวกมันปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันราวกับเงา ที่โผล่มาจากพื้นดิน ลูกธนูอาบยาพิษพุ่งเข้าใส่ขบวนคุ้มกันอย่างแม่นยำ
เสียงดาบกระทบกันดังสนั่นไปทั่วป่า องครักษ์ของอ๋องอี้พยายามเข้าป้องกันอย่างสุดกำลัง แต่อ๋องอี้ก็ไม่ได้ยืนนิ่งอยู่เฉยแม้ภายนอกเขาจะดูเป็นผู้คงแก่เรียนและเชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์ แต่แท้จริงแล้ว เขายังเป็นยอดฝีมือด้านการต่อสู้ กระบี่ในมือของเขาพลิ้วไหวราวกับสายน้ำ สกัดกั้นการโจมตีของนักฆ่าได้อย่างคล่องแคล่ว ท่วงท่าสง่างามแต่แฝงไว้ด้วยพลังที่น่าเกรงขาม เขาสังหารนักฆ่าไปได้หลายคนด้วยความเด็ดขาด หลิงเม่ยเม่ยเห็นสถานการณ์ที่เริ่มจะเสียเปรียบ จำนวนนักฆ่ามีมากเกินกว่าที่องครักษ์และอ๋องอี้ จะรับมือได้ไหว
เธอรู้ดีว่านี่คือสถานการณ์ความเป็นความตาย เธอจึงไม่ลังเล ที่จะใช้ของวิเศษจากระบบ เธอพยายาม หลบหามุมที่ปลอดภัย จากสายตาขององครักษ์และอ๋องอี้ ก่อนจะเรียกใช้ระบบอย่างเงียบๆ "ระบบ! มีอาวุธที่ใช้ป้องกันตัวในสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่!" เธอคิดในใจอย่างรวดเร็ว "มีแน่นอนท่านเจ้าของระบบ อาวุธปืนพกสั้นพร้อมกระสุนหนึ่งแม็กกาซีน หนึ่งตำลึงเงิน ท่านสนใจหรือไม่" เสียงระบบดังขึ้น
"ซื้อ!" หลิงเหม่ยเม่ย ตอบทันควัน ปืนพกสั้นรูปร่างแปลกตาที่ไม่เคยมีมาก่อนในยุคนี้ ปรากฏขึ้นในมือของเธอทันที เธอกระชับมันไว้แน่น มือยังคงสั่นเล็กน้อย ด้วยความประหม่าที่ต้องใช้มันจริงๆ แต่ด้วยความรู้ ด้านการใช้อาวุธปืนที่เธอเคยฝึกมาในโลกเดิม เพื่อใช้ในการป้องกันตัวจากสัตว์ป่าเวลาออกภาคสนาม เธอจึงคุ้นเคยกับมันดี เธอเล็งปากกระบอกปืนไปยังเป้าหมาย คือนักฆ่าที่กำลังจะพุ่งเข้าโจมตีอ๋องอี้
"ปัง! ปัง! ปัง!" เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วป่า นักฆ่าหลายคนล้มลงไปในทันที ร่างของพวกมันกระตุกก่อนจะแน่นิ่งไป เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ อ๋องอี้ที่กำลังต่อสู้อยู่ถึงกับชะงักงัน เขาหันมามอง หลิงเหม่ยเม่ยด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง ด้วยความไม่เข้าใจในอาวุธประหลาดที่เธอใช้ มันส่งเสียงดังสนั่นและสามารถสังหารคนได้ในพริบตาในระยะไกล ไม่เหมือนอาวุธใดๆ ที่เขาเคยเห็นมาก่อนในชีวิต
นักฆ่าที่เหลือต่างก็ตกใจกับเสียงและอานุภาพของปืน พวกมันไม่เคยเจออาวุธเช่นนี้มาก่อน ความหวาดกลัว เข้าครอบงำ พวกมันพยายามจะล่าถอย แต่หลิงเหม่ยเม่ยไม่ปล่อยโอกาส เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว
ร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนหลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้
เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วป่าหลังเสียงปืนนัดสุดท้ายสิ้นลง อ๋องอี้และองครักษ์ต่างก็มองหลิงเม่ยเม่ยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้ จะครอบครองอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร"นี่... นี่มันคืออะไรกันคุณหนูหลิง" อ๋องอี้ถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องไปที่ปืนในมือของเธอ หลิงเม่ยเม่ยเก็บปืนกลับเข้าไปในระบบอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือที่สุด "ท่านอ๋อง... มันคืออาวุธประหลาดที่ข้าได้ซื้อมาจากพ่อค้าชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ" เธอพยายามทำสีหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด"พวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องมือป้องกันตัวที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่คิดว่าจะได้ใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้" อ๋องอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พ่อค้าชาวตะวันตกอย่างนั้นหรือ." เขาทบทวนในใจ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อค้าแปลกหน้า ที่นำของแปลกๆ เข้ามาในแผ่นดินอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงน
บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉ
หลังจากที่หลิงเม่ยเม่ยได้ส่งน้อง ๆ ทั้งสามคน เข้าสู่เส้นทางของการศึกษา หลิงห้าวจื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ของอ๋องอี้ ส่วนจินเป่าและหงส์เป่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสตรีในวังของอิงอ๋อง แม้นั่นจะเป็นเพียงโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง แต่ก็เป็นสถานที่ ที่รวมลูกหลานของเหล่าขุนนาง และเชื้อพระวงศ์น้อยใหญ่ไว้ด้วยกัน เด็กหญิงทั้งสองที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากชีวิตที่ยากไร้ ย่อมเป็นเป้าสายตาของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบของสังคมชั้นสูง ผู้ที่คุ้นชินกับการแข่งขันและแบ่งชนชั้นเพียงไม่กี่วันผ่านไป อิงอ๋องก็ได้รับข่าวจากเหล่าพี่เลี้ยง และครูบาอาจารย์ในโรงเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรม ของนักเรียนบางคน ที่เริ่มแสดงออกถึงความรังเกียจ และดูถูกจินเป่ากับหงส์เป่า พวกคุณหนูเหล่านั้นนินทาเรื่องฐานะที่ต่ำต้อยของสองพี่น้อง ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่ยังคงผอมบางเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี และแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่หลิงเม่ยเม่ยเลือกสรรมาให้แล้วอย่างดีที่สุด ก็ยังคงถูกมองว่าไม่คู่ควรกับ "สถานที่สูงส่ง" เช่นในวัง อิงอ๋องผู้เป็นน้องสาวของอ๋องอี้ เป็นคนใจดี และมีคุณธรรมสูงส่งไม่
อ๋องอี้ ซึ่งกำลังเดินตรวจตราโรงเรียนอยู่พอดี ก็หันมามองเช่นกัน เมื่อเขาเห็นหญิงสาวก้าวลงจากรถม้า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน หลิงเหม่ยเม่ยในชุดที่สง่างาม รูปร่างที่เพรียวบาง ใบหน้าที่สวยคมราวกับภาพวาด ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสะกด เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของ "คุณหนูหลิง" ที่ทั้งสวย และทำอาหารอร่อย แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นความงาม ที่น่าหลงใหลเช่นนี้ด้วยตาตัวเอง อ๋องอี้เป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ เขามีความเฉลียวฉลาด สุขุม และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แม้จะตะลึงในความงาม ของหลิงเหม่ยเม่ย แต่เขาก็รักษามารยาทและเก็บกิริยาได้อย่างดีเยี่ยม เขาก้าวเข้ามาหาหลิงเหม่ยเม่ยด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ "ไม่ทราบว่าคุณหนูมีธุระอันใดหรือ" อ๋องอี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "คารวะท่านอ๋อง" หลิงเม่ยเม่ยย่อกายคำนับอย่างงดงาม "ข้าหลิงเม่ยเม่ย มาพร้อมกับน้อง ๆ เพื่อขอสมัครเข้าเรียน ที่สำนักศึกษาเหวินอี้แห่งนี้เพคะ" อ๋องอี้ มองไปที่น้อง ๆ ทั้งสามคนของหลิงเหม่ยเม่ย หลิงห้าวจื่อที่ดูเติบโตขึ้นมากและมีแววตา ที่ฉายแววเฉลียวฉลาดขึ้นอย่างเห
อนอื่น พี่ใหญ่จะสอนพวกเจ้า ด้วยตัวเองก่อน" หลิงเม่ยเม่ยกล่าว “หา!!...พี่ใหญ่ก็ไม่ได้เรียนหนังสือนี่นาแล้วจะสอนพวกข้าได้ เยี่ยงไรล่า " “เอ่อ…พี่ก็พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อยจากโรงเรียนเซียนนะ” “โอ้โห!!...สุดยอดไปเลย” เราจะเริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ" เธอสั่งซื้อหนังสือ กระดาษ และพู่กันจากระบบซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นของที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและหาไม่ได้ในยุคนี้หลิงเม่ยเม่ยเริ่มต้นสอนน้อง ๆ ด้วยตัวเอง เธอสอนให้พวกเขารู้จักตัวอักษร การนับเลข และเรื่องราวพื้นฐานต่างๆ ที่เธอจำได้จากโลกเดิม บทกวี ต่างๆ เธอใช้เทคนิคการสอนที่ทันสมัย พยายามทำให้การเรียนสนุกและน่าสนใจ แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึง น้อง ๆ ของเธอโดยเฉพาะจินเป่าและหงส์เป่า ดูเหมือนจะมีปัญหาในการจดจำ ทำให้ พวกเขามักจะลืมสิ่งที่เรียนไปแล้วอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าปกติในการซึมซับความรู้เหล่านั้น นั่นอาจจะเป็นเพราะภาวะความอดอยาก ในขณะที่สมองกำลังเติบโตและพัฒนา "ทำไมพวกเจ้าถึงจำไม่ได้เลยล่ะ" หลิงเหม่ยเม่ยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ระคนเป็นห่วง เธอพยายามอดทนและสอนซ้ำ







